นักเล่นแร่แปรธาตุปัญญานิ่มตอนที่ 1
ตอนที่ 1 จดหมาย
ฉันชื่อ เย่ หลาง เป็นคนทั่วไปในสังคม ฉันมีครอบครัวที่ธรรมดาและฉันก็ใช้ชีวิตที่ธรรมดามาก หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อย่างแรก ฉันคงจะได้แต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาๆที่แสนจะธรรมดา อย่างที่สองมีความสำคัญมากยิ่งกว่านั้น ผู้หญิงของฉันจะต้องมีความสุขและก็ต้องไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจ แน่นอนว่าบางครั้งฉันก็จะใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อทำให้เธอนั้นประหลาดใจเลยแหละ
จากนั้นฉันจะใช้ชีวิตแบบธรรมดาต่อไป เราจะมีลูกกัน จากนั้นก็เลี้ยงดูเขาให้เหมือนกับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เราก็เหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป เราต้องการให้ลูกของเรานั้นประสบความสำเร็จในชีวิต
บางทีฉันก็อยากจะมีเหตุการณ์สำคัญๆในช่วงชีวิตของฉัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวฉันและชีวิตของฉันก็คงจะเป็นอะไรที่ธรรมดามาก
แต่ฉันกลับคิดว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เลวเลย อาจเป็นเพราะฉันเป็นแค่คนธรรมดา อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่น่าประหลาดใจที่เกิดขึ้น จนทำให้หัวใจอันแสนกระจ้อยร่อยของฉันรับไม่ไหว
วันนั้นจู่ๆฉันก็รู้สึกอยากบริจาคเลือดขึ้นมา พวกเขาตรวจเลือดของฉันและพบเข้ากับความผิดปกติ ฉันไม่สามารถอธิบายถึงสิ่งที่ฉันอ่านจากใบแพทย์ได้เลย อาจเป็นเพราะจิตใจของฉันในตอนนั้นว่างเปล่า
ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าป่วยหรือเป็นโรคอะไร คงเพราะคำศัพท์ทางการแพทย์ของมันยาวมาก มันเป็นโรคที่หาได้ยากมาก ซึ่งทั้งโลกเป็นกันเเค่หนึ่งพันคน นี่ไม่ใช่โรคที่คนธรรมดาอย่างฉันควรจะเป็นเลย ฉันควรจะเป็นโรคที่ไม่อันตรายอย่างพวกหวัดหรือเป็นไข้สิ
พระเจ้า ท่านคงคิดว่าฉันนั้นสำคัญเกินไป
โรคนี้ไม่ได้เป็นอันตรายถึงตายและหากอาการไม่แสดงออกมา คุณก็จะดูเหมือนกับคนปกติทั่วไป อย่างไรก็ตามเมื่ออาการแสดงออกมา แสดงว่าชีวิตคุณนั้นตกอยู่ในอันตราย เนื่องด้วยความยากของการรักษาและค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถจ่ายได้เลย
อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนั้นดีกว่า ตอนนี้พ่อแม่ของฉันรู้เรื่องนี้หรือยังนะ?
ด้วยเหตุนี้แล้ว ฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้เวลาเล็กน้อยในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้คนอื่นๆรู้สึกว่าตัวฉันนั้นเป็นคนสบายๆไม่ได้มีทุกข์ร้อนอะไร เหมือนชื่อของฉันมีที่คำว่า "หลาง" อยู่ในนั้น
[หลาง = เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์,ไม่คิดจะทำอะไรเลย]
ในช่วงเวลานั้น ฉันคิดว่ามันจะสวยงามแค่ไหน ที่จะได้สำรวจโลกภายนอกด้วยชีวิตที่เหลืออยู่
แต่เมื่อสามปีที่ก่อน ฉันคิดว่ามันเป็นสามปี ไม่สิ ฉันไม่แน่ใจช่วงเวลาเท่าไหร่นัก ฉันแค่อยากจะปีนเขาเพียงลำพังด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ฉันมีอยู่
ซึ่งโชคไม่ดีนักที่ฉันดันพลาดตกลงมาจากหน้าผา
การตกลงมาจากหน้าผาเป็นเรื่องที่โชคร้ายที่สุดสำหรับฉัน เเต่ส่วนที่โชคดีคือ มีทะเลสาบอยู่ด้านล่างของหน้าผา เรื่องถัดไปเองก็เป็นเรื่องที่โชคร้ายมากๆ หุบเขาที่ฉันตกลงมานั้นไม่มีทางออกเลยสักทางเดียว
ในทำนองเดียวกันนั้นเอง ก็ใช่ว่าจะมีเเต่เรื่องร้าย มันมีขุมทรัพย์ศิลปะการต่อสู้อยู่ ใช่แล้ว คุณไม่ได้อ่านผิด มันเป็นขุมทรัพย์ศิลปะการต่อสู้จริงๆ
ขุมทรัพย์นี้มีทุกสิ่ง ไม่เพียงแต่มีศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอื่นๆมากมาย เช่นตำราทางการแพทย์ คัมภีร์อาวุธ การทำนายอนาคต เป็นต้น มันมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับในนวนิยายที่พระเอกตกจากเขาแล้วได้รับคัมภีร์ล้ำค่าเลย
นอกจากนี้ฉันยังรู้สึกเหมือนกับว่า คนที่ทิ้งขุมทรัพย์นี้ไว้ เบื้องหลังจะต้องเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่นมากมาย แล้วคนๆนี้ยังศึกษารายละเอียดของมันเป็นอย่างดีด้วย เพราะแต่ละหน้าล้วนแล้วแต่มีคำอธิบายโดยละเอียดของแต่ละเทคนิคของการฝึกฝน
แม้แต่คนอย่างฉันที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้หรือปรุงยาเ ก็ยังสามารถฝึกฝนเเต่ละเทคนิคได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีปัญหาอะไร
แน่นอนในตอนแรกฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง สำหรับบางคนคงคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก ฉันป่วยเป็นโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย ดังนั้นฉันจึงหมดหวังมาก บางทีฉันอาจจะใช้สิ่งที่ฉันพบนี้ในการรักษาตัวเองได้ ดังนั้นฉันจึงลองฝึกชี่กง รวมถึงการฝังเข็มด้วย
เมื่อฉันเริ่มฝีก ฉันก็ไม่สามารถหยุดฝึกได้เลย ฉันหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรหรือฝึกอีกกี่ปี ถึงจะเรียนรู้ได้ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่อยู่ในนั้นได้
ใช่แล้ว ฉันเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป โดยธรรมชาติแล้ว ฉันไม่คิดที่จะเรียนรู้อะไรที่ฉันไม่สนใจเลย ดังนั้นฉันจึงเลือกแต่สิ่งที่ดูแล้วน่าสนใจเท่านั้น เพราะเมื่อฉันออกไปได้ ฉันก็จะได้เอามันออกมาโชว์
เฮ้อ ถ้ามันไม่ใช่เพราะอุกบาตนั้น อุกบาตที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า อุกบาตที่พุ่งเข้ามาหาฉันจนฉันตกมาที่เหวนี้ หากมันไม่พุ่งชนเข้ามาหาฉันล่ะก็ ฉันก็คงจะใช้ชีวิตที่สวยงามของฉันได้ ฉันคงจะร่ำรวยและคงได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันต้องการมาได้ง่ายๆเลย
ฉันกลับขึ้นมาจากที่นั่นแล้วหรือยังนะ? ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ฉันยังไม่ได้ไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลเลยนะ แค่สองสามปีฉันจะต้องยังไม่ตายสิ ฉันเป็นคนที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีนะโว้ย
ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดสุดท้ายของฉันเอง
ปัดโธ่ ฉันยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่นะ: พี่ชายรบกวนดูแลพ่อแม่ของเรา ลุงและป้ารวมถึงปู่ย่าตายายด้วยนะ ฉันจะไปยังโลกหน้าแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากพูดก็คือ ถ้าสวรรค์ให้โอกาสฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันจะไม่ตะโกนขึ้นไปบนสวรรค์เหมือนกับ เฮ้งเต้งเอี้ยงที่ประกาศกร้าวออกมาว่า "ไม่มีความเท่าเทียมกันบนโลกนี้" จริงๆแล้วตัวฉันมันก็แค่คนซวยๆคนหนึ่ง หลังจากที่เฮ้งเต้งเอี้ยงปิดประตูฝึกตนแล้ว เฮ้งเต้งเอี้ยงก็ตายเพราะถูกรองเท้ากระแทกเข้ากับศีรษะ แต่อย่างน้อยศพของเขาก็ยังคงครบ 32 ไม่เหมือนกับฉันที่จู่ๆก็โดนอุกบาตพุ่งชนเข้าใส่นี้สิ
[เฮ้งเต้งเอี้ยง ตัวละครหนึ่งในซีรีย์มังกรหยก]
เอาล่ะ นั่นแหละตัวฉัน เย่ หลาง บุคคลที่จะไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ค่อนข้างเก่งมากเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ยังธรรมดาเหมือนเดิม
มีอีกอย่างหนึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการบอกคุณเกี่ยวกับความปรารถนาของฉันเอง ใช่ความปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันเป็นคนธรรมดามาตลอดชีวิตนี้แล้ว ฉันต้องการที่จะเกิดอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมีอิทธิพลเเละต้องการเป็นคุณชายที่ยอดเยี่ยมให้จงได้ !!
…
ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ มีพื้นที่ที่ของขุนนางคนหนึ่งที่มีคฤหาสน์หรูหราและใหญ่โต ซึ่งมันคงเป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้หรือแม้แต่แผ่นดินใหญ่ทั้งหมดนี้
พระราชวังของอาณาจักรต่างๆอาจไม่กว้างใหญ่เทียบได้กับคฤหาสน์หลังนี้ แต่มันก็ไม่ได้หรูหราเท่าไหร่นัก หากมันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรลอยฟ้าหรือหากไม่อยู่ในเขตของขุนนาง คนอื่นก็คงจะคิดว่ามันเป็นพระราชวังไปแล้ว แม้จะไม่มีสถาปัตยกรรมอะไรเลยก็ตาม
ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็คงเพราะพระราชวังของอาณาจักรลอยฟ้านั้นมีขนาดใหญ่และมีความงดงามไม่เหมือนใคร ผู้มีอำนาจและทรงอิทธิพลที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้ต่างก็มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่มากมายเช่นกัน ดังนั้นคฤหาสน์หลังนี้จึงไม่ได้สะดุดตาเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั่นเอง
เราควรแนะนำชื่อคฤหาสน์นี้ให้คุณทราบก่อน มันมีชื่อเรียกว่า บ้านเย่
และนี้คงจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มันดูไม่โดดเด่นเลยสักนิด มันควรจะมีชื่อที่เหมาะสมกับ 'คฤหาสน์อันแสนหรูหรา' สิ มันน่าอายแค่ไหนที่จะบอกว่าบ้านของคุณอยู่ถัดไปจากบ้านเย่?
จากชื่อที่ฟังมาแล้ว คุณสามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นของตระกูลเย่ การมีบ้านที่ใหญ่โตเช่นนี้ ตระกูลนี้จะต้องใหญ่โตอย่างแน่นอน
บนแผ่นดินใหญ่นี้ ตราบใดที่คุณพูดถึงใครบางคนที่มีชื่อของตระกูลเย่ ทุกๆคนก็คงจะนึกถึงตระกูลเย่แห่งอาณาจักลอยฟ้า บรรพบุรุษของตระกูลที่สืบทอดกันมานับพันปี พวกเขานั้นมีชื่อเสียงมากในทางตะวันออก
ในวันนี้ มีผู้มาใหม่ในตระกูลเย่อีกครั้งแล้ว ทำไมใช้คำว่า ‘อีกครั้ง' งั้นเหรอ ง่ายมาก นั่นเป็นเพราะตระกูลเย่มักจะมีสมาชิกใหม่เกือบทุกเดือนไงล่ะ
ตระกูลเย่เหมาะสมกับชื่อเสียงที่มีอยู่จริงๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีเงินและอำนาจเท่านั้น แต่พวกเขายังมีสมาชิกนับไม่ถ้วนด้วย หลังจากสองสามพันปีผ่านไป มีหนังสือชื่อบรรพบุรุษอยู่นับหลายหมื่นชื่อและนี่เป็นเพียงชื่อของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่รวมคนที่ล่วงลับไปแล้วด้วยนะ
บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านเย่ต้องมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงแค่บ้านเกิดของบรรพบุรุษเท่านั้น หากทุกคนอยู่ที่นั้นหมด แม้แต่บริเวณพระราชวังของอาณาจักรลอยฟ้าก็คงไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตามสมาชิกใหม่ที่เพิ่งจะมานี้แปลกประหลาด บางสิ่งได้ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนแทบทุกคน เขาเป็นหลานชายของผู้เฒ่าเย่ และยังเป็นหนึ่งในทายาทที่มีศักยภาพที่จะได้นั่งบนแท่นบรรพบุรุษ บางทีเขาอาจจะเป็นผู้เฒ่าคนต่อไปหลังจากผู้เฒ่าคนนี้
สำหรับเหตุผลที่ทุกคนใช้คำว่า ‘เขา’ แทนที่จะเป็น 'เธอ' โดยยังไม่เกิด ก็คงจะไม่มีใครรู้ได้ว่าทำไมเป็นเช่นนี้
‘ว่าแต่บิดาเอ๋ย ไม่คิดว่าการต้อนรับการเกิดของหลานของท่านจะดูหรูหราเกินไปใช่ไหม? เกิดก็ยังไม่เกิด แล้วดูแสงสีเสียงของพุและอะไรหลายๆสิ่งบนท้องฟ้านั้นสิ ทำปานว่าคนที่เป็นเทพที่สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์จะเกิดมาเป็นบุตรของเขายังไงยังงั้นเลยเนาะ ’