ตอนที่ 17 เกาะขาคนรวย!
“พวกเราต่างก็พึ่งพาความสามารถของตนทั้งนั้น อย่าบอกนะว่านักเชิดหุ่นมายาเช่นข้าควรจะฝ่าประตูหลักด้วยกำลังแทนที่จะใช้ภาพมายา?”
ถึงแม้ป๋ายเสี่ยวเฟยจะกริ่งเกรงอยู่บ้างแต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะยอมรับว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
“เจ้าพึ่งพาสุนัขตัวนี้?”
ความเหลือเชื่อมีให้เห็นอยู่ทุกที่ในน้ำเสียงของฉินหลิงหยานขณะที่นางก้มหัวลงจ้องมองเสี่ยวเอ้อข้างๆ
จากที่นางรู้ มีนักเชิดหุ่นสายมายาหลายคนที่สามารถแปลงโฉมตนเองแต่นางไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนว่ามีคนที่สามารถเปลี่ยนเท็จให้เป็นจริงและโกหกหลอกลวงผู้คนอย่างเปิดเผย
นางยิ่งรู้สึกยากจะเชื่อขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยได้หลอกลวงป๋ายเย่ผู้ถือได้ว่าแข็งแกร่งพอตัวและไล่ตามเกี้ยวพาราสีนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ก่อนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะได้ตอบ เสี่ยวเอ้อเห่าสองครั้งอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมันถูกสงสัย
“เสี่ยวเอ้อไม่ใช่สุนัขธรรมดา แล้วท่านจะเข้าใจในภายภาคหน้า”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มปล่อยให้นางคาดเดาต่อไป
“แต่ศิษย์พี่หญิง เรื่องสัญญาของพวกเราล่ะ?”
ถึงเขาจะตายก็ไม่สำคัญเพราะการเติมเต็มท้องอันว่างเปล่ามาก่อนเป็นอันดับแรก
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเชิญป๋ายเย่มาด้วย? เจ้าได้ขออนุญาตข้าหรือยัง?”
สีหน้าของฉินหลิงหยานเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยทำลงไปล้วนแตะสัมผัสเส้นที่มิอาจล่วงล้ำ
“เหตุใดข้าต้องขออนุญาตท่านด้วย? ท่านมีหน้าที่แค่จ่ายค่าอาหารเท่านั้นส่วนศิษย์พี่ป๋ายเย่เขาจ่ายเองได้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยสีหน้าชอบธรรมที่ราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นคือเรื่องปกติ เขาจ้องฉินหลิงหยาน
“อา...เป็นเช่นนี้หรอกหรือศิษย์พี่หญิง? ท่านตั้งใจจะกลับคำพูดใช่หรือไม่? ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หากท่านไม่อยากจ่าย ท่านเพียง...”
“ผาย...! เหลวไหล!”
ฉินหลิงหยานรีบตัดบทป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบเพราะนางไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป
‘อืม... นางถึงกับเกือบสบถ...’
“ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ข้าฉินหลิงหยานเคยกลับคำพูด? ก็แค่อาหารมื้อเดียว ข้าเพียงแต่กลัวว่าทางสถาบันจะกล่าวโทษข้าหากเจ้ากินเยอะจนท้องระเบิด!”
หลังกล่าวจบ นางเดินจากไป
“ศิษย์พี่หญิงหลิงหยานท่านจะไปไหน?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามแสร้งทำเป็นไม่รู้ เสียงของเขาดังก้องราวกับกลัวคนอื่นจะไม่ได้ยิน
“หุบปากแล้วตามข้ามา!”
ฉินหลิงหยานหันกลับมากลอกตาให้ป๋ายเสี่ยวเฟยแล้วจึงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า จากต้นจนจบนางควบคุมระยะห่างระหว่างนางกับป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างแม่นยำราวกับเกรงกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด
แต่เรื่องที่นางกลัวก็พลันบังเกิดขึ้นเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยตะโกนเรียกศิษย์พี่หญิงหลิงหยานซ้ายบ้างขวาบ้างไปตลอดทั้งเส้นทาง เขาตะโกนชื่อนางมากจนนักเรียนทั้งหลายที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หันหัวกลับมามองทุกคน
เป็นช่วงเวลานี้เองที่ภายในตัวฉินหลิงหยานเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง สิ่งที่นางคิดไว้ว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นและอย่างมากนางก็แค่ต้องเลี้ยงอาหารป๋ายเสี่ยวเฟยมื้อนึงในตอนนี้นางรู้แล้วว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นางคิดไว้
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีทางปล่อยขาของฉินหลิงหยานคนทีเขาสามารถพึ่งพาได้เป็นอันขาด!
ด้วยเหตุนี้เองแม้ฉินหลิงหยานจะต้องการหรือไม่ ป๋ายเสี่ยวเฟยก็จะยังคงเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อเรื่องของนางถูกยกขึ้นมาพูดในอนาคต
“น้องป๋าย!!!”
เมื่อฉินหลิงหยานและป๋ายเสี่ยวเฟยกำลังจะเดินเข้าไปในโรงอาหารเสียงของป๋ายเย่ก็ดังก้องมาแต่ไกล ในพริบตาป๋ายเย่มาปรากฏตัวต่อหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนที่เขาจะทันตอบเสียอีก
“น้องป๋าย ข้าไม่ได้มาสายใช่หรือไม่!?”
ถึงแม้นป๋ายเย่จะกำลังพูดกับป๋ายเสี่ยวเฟยแต่ดวงตาทั้งคู่ลอบแอบจ้องฉินหลิงหยาน ความตื่นเต้นมีให้เห็นทุกที่บนใบหน้า
“ไม่ต้องกังวล ต่อให้ท่านมาสายข้าก็จะรอ ศิษย์น้องต้องให้เกียรติศิษย์พี่สิ จริงหรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วขึ้นพลางส่งสายตาที่บอกว่า ‘เข้าใจใช่หรือไม่’
“เจ้าพูดอะไร? กฎพิสดารพวกนั้นมีไว้สำหรับพวกเด็กใหม่เท่านั้น เจ้าแตกต่างออกไปเพราะเจ้าคือเพื่อนของข้าป๋ายเย่ หากมีใครมารังแกเจ้าแค่เอ่ยชื่อข้าก็พอและข้าจะปกป้องเจ้านับแต่นี้ไป!”
เสียงของป๋ายเย่ดังกังวานไปทั่ว เขาไม่ได้พูดถึงป๋ายเสี่ยวเฟยแม้แต่น้อย
หากแต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่คิดมากเขากล่าวตกลงทันที
“ในเมื่อศิษย์พี่พูดเช่นนั้น ข้าจะไม่ถือว่าท่านเป็นคนนอกอีกและหากมีวันใดท่านไม่สนใจไยดีข้าขึ้นมาข้าจะกล่าวหาท่านให้ทุกคนรู้”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบป๋ายเย่หันกลับมามองเขาทันทีด้วยใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ความรู้สึกเสียใจพลันผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
‘บ้าเอ๊ย! เหตุใดข้าจึงวางท่าเกินกำลังตน! หากเจ้าเด็กนี่ไปก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ...’
“ไปเถอะศิษย์พี่ ได้เวลากินข้าวแล้ว ท่านสามารถกลับไปได้เลยหากท่านไม่อยาก”
ป๋ายเสี่ยวเฟยทิ้งระเบิดใส่ป๋ายเย่ที่ยังคงลังเลทำให้เขาได้แต่กัดฟันเดินตามป๋ายเสี่ยวเฟยไป
“เจ้าอยากกินที่ใด!? พูด!”
น้ำเสียงเย็นเยือกของฉินหลิงหยานเต็มไปด้วยการข่มขู่ว่าจะสังหารป๋ายเสี่ยวเฟยทิ้งเสียหากเขายังไม่รีบ
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยราวกับไม่ได้ยินที่นางพูด ดวงตาทั้งคู่ของเขากวาดมองทุกซอกทุกมุมของโรงอาหารอย่างระมัดระวัง
“ที่นั่น!”
ป๋ายเย่ผู้ยืนอยู่ข้างเขากวาดตามองไปตามนิ้วที่ป๋ายเสี่ยวเฟยชี้ ใจเขาพลันเย็นเยียบขึ้นมาทันที
บ้านร้อยรส ร้านอาหารที่แพงที่สุดในสถาบันชิงหลัว เพียงแค่มองท่านก็จะเข้าใจถึงเหตุผล มันครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางรวมกับสิ่งของตกแต่งหรูหราอลังการ และคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยเลือกร้านนี้...
“งั้นไป ก็แค่มื้อเดียว!”
ฉินหลิงหยานกัดฟันแน่นพลางขึงตามองป๋ายเสี่ยวเฟย ก่อนจะเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในร้าน
ถึงแม้จะเป็นแค่ร้านอาหาร บ้านร้อยรสมีป้ายบอกราคาติดอยู่ตรงบริเวณทางเข้าทำให้ไม่มีผู้คนมากนักนอกจากจะมีงานเลี้ยงใหญ่ คนปกติไม่มีใครใช้บริการที่นี่มากนัก
แต่หากจะเลี้ยงอาหารใครสักมื้อ บ้านร้อยรสราวกับเป็นเขตหวงห้ามเพราะคนผู้นั้นจำเป็นต้องคิดหนักเนื่องจากราคาของมัน ต่อให้คนเป็นลูกขุนนางหรือองค์ชายก็ตาม
ด้วยการนำทางของบริกร สามคนหนึ่งสุนัขถูกพามาที่ห้องส่วนตัว ป๋ายเสี่ยวเฟยจงใจนั่งในมุมห้อง ป๋ายเย่อยากจะนั่งข้างฉินหลิงหยานใจจะขาดแต่เขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นทันทีเมื่อถูกนางขึงตาใส่ เขาจำต้องนั่งข้างป๋ายเสี่ยวเฟย
“ศิษย์พี่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกระซิบใส่ป๋ายเย่กล่าวแนะนำเขาถึงวิธี จากสีหน้าของป๋ายเย่ไม่ยากเลยที่จะบอกว่าวิธีนั้นต้องน่าตกตะลึงเป็นแน่แท้
ในสุดท้ายป๋ายเย่ก็ตอบตกลง...
เขาไม่มีทางเลือกอื่น!
“พวกเจ้ามัวคุยอะไรกันอยู่? รีบสั่งอาหาร! ข้าไม่ได้ว่างนัก อย่าทำให้ข้าเสียเวลา!”
ฉินหลิงหยานไม่คิดจะปกปิดอารมณ์ที่แท้จริง เพราะตั้งแต่นางได้พบป๋ายเสี่ยวเฟยนางก็รู้สึกราวกับถูกเขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
“ศิษย์พี่หญิงอย่าเพิ่งโกรธ ข้าจะสั่งอาหารเดี๋ยวนี้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยกเมนูขึ้นมาแต่จู่ๆ เขาก็หยุดนิ่งราวกับเขาเพิ่งนึกได้ เขาถามอย่าง ‘ไม่ทันคิด’ ว่า
“ศิษย์พี่หญิง สุนัขของข้าไม่ได้กินมานานแล้ว ข้าสั่งเผื่อมันได้หรือไม่?”
“เจ้าพามาแล้วหนึ่งคน เพิ่มมาอีกตัวก็ไม่ต่างกัน”
ฉินหลิงหยานกลอกตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟยอีกครั้ง จากนั้นจึงหันหน้าหนีเพราะแค่มองป๋ายเสี่ยวเฟยก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายขึ้นมาแล้ว
หลังจากฉินหลิงหยานตอบตกลง เสี่ยวเอ้อเห่าฮ่งๆ สองครั้งใส่ป๋ายเสี่ยวเฟยราวกับกำลังถามเขาอยู่
“ได้ ได้ ครั้งนี้เจ้ากินได้ตามใจชอบเพราะมีคนเลี้ยงอาหารเรา”
“ฮ่ง! ฮ่ง!”
ครั้งนี้มันเห่าใส่ฉินหลิงหยานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มันบอกว่าขอบคุณ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา ฉินหลิงหยานหัวเราะเล็กน้อยพลางกลอกตาอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพูด ‘ภาษาสุนัข’ เป็น”
ฉินหลิงหยานกล่าวเน้นคำว่า ‘ภาษาสุนัข’ นางรู้สึกราวกับได้เอาคืนป๋ายเสี่ยวเฟยสักที
“ข้าสั่งเสร็จแล้ว”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มแก้มปริพลางส่งเมนูให้บริกรก่อนจะหันไปหาป๋ายเย่
“ศิษย์พี่ จะเกิดอะไรขึ้นหากลูกค้าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารที่นี่?”