เล่ม1 : บทที่ 4 – ลมหายใจแห่งสวรรค์และโลก
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 4 – ลมหายใจแห่งสวรรค์และโลก
วันเวลาผ่านไป และข่าวลือต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอัจฉริยะตัวน้อยก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วตระกูลบัลวัน
“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูพูดได้คล่องแคล่วทั้ง ๆ ที่อายุเพียงขวบครึ่งเท่านั้นเองนะ”
“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูเริ่มวิ่งในทุก ๆ เช้าก่อนไปทานข้าวหลังจากที่หัดยืนได้แค่สามเดือนเอง”
“เธอต้องไม่เชื่อข้าแน่ ๆ แต่ข้าเห็นคุณหนูไปห้องสมุดที่ตึกแขกคนเดียวกับสองตาข้าเลย เขาพยายามหยิบตำราออกจากชั้น เชื่อข้าสิ ตอนนั้นเวรทำความสะอาดของข้า และข้ายังเห็นว่าเขาอ่านสัญลักษณ์อะไรบางอย่างบนตำราราวกับเขาอ่านตำราออก และตอนนั้นคุณหนูอายุเพียงแค่สองขวบเอง!”
“เป็นไปไม่ได้ คุณนายจ้างครูมาสอนคุณหนูเมื่อสองปีครึ่งที่แล้วนี้เอง นี่เธอกำลังจะบอกว่าคุณหนูอ่านตำราออกก่อนที่จะมีครูมาสอนงั้นรึ?”
“ข้าก็แค่พูดไปตามที่เห็น ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าคุณหนูอ่านหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คุณหนูพยายามจะอ่านแน่นอน”
ข่าวลือเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วตึกแขก จากคนใช้สู่คนรับใช้ ทุกคนต่างรอที่จะได้เห็นบุตรชายนอกรีตทำเรื่องที่น่าทึ่งกับการเจริญเติบโตอันรวดเร็วของเขา
ผ่านมาร่วมห้าปีตั้งแต่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกกับการพยายามที่จะพัฒนาตัวเองอย่างหนักและเป็นเสาหลักของครอบครัว
เขาวิ่งทุกวัน ทั้งนี้ยังออกกำลังกายบ้างเล็กน้อยเพื่อที่จะไม่ให้ร่างกายขี้โรคนี้อ่อนแอจนเกินไป ทำให้ร่างกายของเขาดูผอมบางแต่มีเนื้อหนัง และเก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุก ๆ วัน แต่ถึงเขาจะแข็งแรงกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป เขาก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี เขาใช้เวลาไปกับการฝึกฝนเพียงแค่ครึ่งวันเนื่องจากนั่นถึงขีดจำกัดของเขาในแต่ละวันแล้ว ส่วนช่วงเวลาของวันที่เหลือเขาใช้ไปกับการกินมื้อหนักที่มีข้าวและเนื้อ หลับ หรือไม่ก็อ่านตำรา
สองปีครึ่งก่อนเขาได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงหยุดย่องออกไปตอนกลางคืนเพื่อที่จะถอดรหัสสัญลักษณ์แปลก ๆ ที่พวกเขาเรียกว่า การเขียน
อาจารย์ของเขาชื่อ ลี เนเรนส์ เขาคือหนึ่งในนักวิชาการที่ตระกูลหลักจ้างมาเพื่อสอนลูกหลานของพวกเขาและมีตำแหน่งในตระกูลค่อนข้างสูงสำหรับแขก ริส พ่อของโนอาห์ พานักวิชาการท่านนี้มายังตึกเขตนอกด้วนตนเอง โดยเน้นย้ำว่าให้ใช้กระบวนการเรียนการสอนอย่างจริงจังและห้ามเลือกใช้เกมในการสอน
ชัดเจนว่า ตำแหน่ง นักวิชาการ เป็นตำแหน่งที่สูงส่งกว่าเขาในสายตาของริส เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่โนอาห์จะได้เห็นพ่อของเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา
ลี เนเรนส์ คือชายในวัยหกสิบปี มีผมหงอกถูกมัดรวบเป็นหางม้า และมีเคราสั้นสีดำที่ได้รับการดูแลอย่างประณีต ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ราวกับมีชีวิตที่ขาดสีสัน และอธิบายอะไรก็ช้าแต่รัดกุม กระนั้น ผู้สูงส่งท่านนี้จำต้องเปลี่ยนอารมณ์ของเขาเมื่อได้พบว่าโนอาห์เรียนรู้วิธีการอ่านได้แล้วทั้งที่สอนยังไม่ถึงหกเดือน
หลังจากนั้น เขาก็อ่านตำราทุกเล่มที่นักวิชาการมอบให้จบครบทุกเล่มในเวลาอันสั้น และเขายังมีเวลาที่จะไปหยิบยืมตำราที่สนใจจากห้องสมุดชั้นล่างอีกด้วย บรรดาคนรับใช้ต่างคุ้นชินกับการหยิบตำราให้เขาโดยที่ไม่ได้เตือนให้เขานำกลับมาคืนที่
ตอนอายุได้ห้าขวบ โนอาห์เข้าใจภูมิประเทศทั่วไปบริเวณที่ใกล้กับคฤหาสน์ของตระกูลบัลวัน และในที่สุด เขาก็ได้รู้บางสิ่งเกี่ยวกับ ที่ปรึกษา
คฤหาสน์บัลวันตั้งอยู่ในชนบทใกล้กับ ป่าเอเวอร์กรีน เป็นชื่อเรียกของประเภทต้นไม้ที่ป่าสร้างขึ้น ถนนหินขนาดใหญ่หินขนาดใหญ่ที่ประตูหลักทอดยาวไปสู่ถนนที่ใหญ่กว่าที่นำไปสู่เมืองใหญ่อย่าง มอสโกรฟ ที่ปกครองโดยตระกูล โชสติ
ตระกูลบัลวันอยู่ใต้การปกครองของตระกูลโชสติและต้องจ่ายส่วยเป็นทองคำหรือสิ่งของรายปีเพื่อคงไว้ซึ่งการได้ครอบครองพื้นที่ชนบทนี้ไว้ พวกเขาเป็นเจ้าของที่ดินรอบคฤหาสน์บัลวันกว่าห้าสิบตารางกิโลเมตร และต้องเก็บภาษีประจำปีจากหมูบ้านในบริเวณนี้และปกป้องพวกเขาจากโจรหรือสัตว์วิเศษ
สัตว์วิเศษ! ในโลกแห่งนี้ มีวัตว์หลายชนิดที่มีพรสวรรค์แต่กำเนินคือการดูดซับพลังงานจากโลกและใช้มันเพื่อเสริมสร้างความสามารถตามธรรมชาติของพวกมัน หอกไฟที่มังกรพ่นออกมาเมื่อปีก่อนก็เป็นอีกหนึ่งในประเภทของการใช้พลังงานจากโลกที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับเปลวไฟอันทรงพลัง ช่วยเพิ่มระยะการโจมตีและความเสียหายจากการทำลายล้าง
และเมื่อหนึ่งปีก่อน โนอาห์พบตำราเกี่ยวกับที่ปรึกษา มันเป็นตำราที่เก่าและหนัก เขียนขึ้นโดยที่ปรึกษาคหนึ่งที่ต้องการเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับการเพาะปลูกสู่บุคคลทั่วไปและต่อมากลายเป็นวรรณกรรมคลาสสิก ชื่อของที่ปรึกษาหายไปตามกาลเวลา แต่ชื่อของตำรายังคงเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คนที่มีวัฒนธรรม “ระบบหยินหยาง”
‘ตามที่ระบุไว้ในตำราคือพลังงานธรรมชาติที่เรียกว่า “ลมหายใจแห่งสวรรค์และโลก” ที่ปรึกษา และสัตว์วิเศษ ดูดซับและกักเก็บพลังงานเพื่อเสริมสร้างร่างกาย ยืดอายุ และใช้กระบวนท่าเวทมนตร์ “ลมหายใจ” ถูกใช้เพื่อเสริมสร้างร่างกายและกระบวนท่าต่อสู้ หรือสามารถเชื่อมโยงกับพลังงานจิตของผู้อื่นเพื่อปลดปล่อยการโจมตีธาตุ ธาตุมีทั้งหมดเจ็ดประเภท แสง มืด ไฟ น้ำ ดิน ลม และสายฟ้า ความสามารถของบุคคลต่อธาตุเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่เกิด โดยทั่วไป ทุกคนมีความสามารถต่อหนึ่งธาตุ แต่ความแตกต่างด้านพลังงานจิตทำให้ความสามารถของเขาจัดการธาตุเหล่านี้ได้’
ตอนนี้โนอาห์กำลังเรียนปรัชญากับ ลี เนเรนส์ ในห้องชั้นหนึ่งของตึกแขก แต่จิตใจของเขากลับหวนคิดถึงหัวข้อที่ระบุไว้ว่า “ระบบหยินหยาง”
‘สัตว์วิเศษมีความสามารถในการจัดการและดูดซับ “ลมหายใจ” แต่กำเนิด และพวกมันก็เรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างเป็นธรรมชาติในช่วงชีวิตของพวกมัน อาจกล่าวได้ว่าสายเลือดของพวกมันค่อนข้างได้เปรียบในแง่มุมนี้ แต่กระนั้น สวรรค์และโลกก็ยังมีความยุติธรรมอยู่ ซึ่งสัตว์วิเศษเหล่านี้ ส่วนใหญ่ขาดสติปัญญาในการใช้พรสวรรค์ของพวกมัน’
‘ในทางตรงกันข้าม มนุษย์สามารถสร้างหอกจากก้อนหิน ธนูและลูกธนูจากต้นไม้ แต่พวกเขาต้องการขั้นตอนเพื่อดูดซับและใช้ “ลมหายใจ” และเครื่องมือพิเศษเพื่อเข้าใจความสามารถต่อธาตุของพวกเขา’
‘ไม่น่าแปลกใจที่ตำราเล่มนี้ไม่ได้ถูกทำลายโดยที่ปรึกษา และอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้ แม้คุณจะรู้ทฤษฎีทั่วไปที่ซ่อนอยู่ด้านหลังพลังเหล่านั้น คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่หากปราศจากซึ่งเคล็ดที่ดี แม้สำหรับผมเองที่เกิดในตระกูลที่ปรึกษา ก็ยังบอกได้ยากเลยว่าผมจะสามารถเห็นเคล็ดเวทมนตร์เหล่านี้ได้ชัดแจ้งแค่ไหน...’
แม้ว่าลีจะอธิบายไว้อย่างละเอียดก็ตาม แต่เขาก็เริ่มสังเกตว่าโนอาห์เพียงแค่พยักหน้าตอบเขาทุกครั้งที่เขามอง ขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับตำราตรงหน้าเป็นชั่วโมง
ลีโมโหเล็กน้อยจึงคว้าไม้เรียวที่อยู่ด้านหลังและฟาดที่แขนข้างซ้ายของโนอาห์
เพี๊ยะ!!!
เสียงฟาดดังขึ้นและโนอาห์ก็เงยหน้าจ้องมองอาจารย์ที่ถือไม้เรียว
“ยังคิดถึงเรื่องที่ปรึกษาไร้สาระนั่นอยู่อีกรึ? ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าจงอย่าเสียเวลา เจ้าเป็นเพียงลูกนอกรีตตัวจ้อยของตระกูลขุนนาง ถึงแม้ตระกูลบัลวันจะมีเคล็ดบางอย่าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้หมายถึงเจ้าหรอก มากไปกว่านั้น วรรณกรรมคือสิ่งที่แสดงถึงมนุษย์อย่างแท้จริง ที่ปรึกษาจึงเป็นเพียงแค่การฆ่าและการถูกฆ่า ไม่มีสิ่งใดอื่นนอกจากนั้น”
ลีตำหนิเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิตใจของโนอาห์หลงทาง จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะเขาสอน “ระบบหยินหยาง” จบไปแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้สนใจที่จะสอนวรรณกรรม แต่อย่างไรเสีย โนอาห์ได้บรรลุเป้าหมายในการค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกของที่ปรึกษาแล้ว ฉะนั้นบทเรียนเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย
“แต่ท่านอาจารย์ แม้แต่ผู้ที่ฉลาดที่สุดก็ต้องก้มศีรษะให้กับสัตว์วิเศษที่อ่อนแอที่สุด หากท่านไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวท่านเองได้ ความรู้ทั้งหมดที่ท่านมีก็เปล่าประโยชน์”
เพี๊ยะ!!!
ไม้เรียวถูกใช้เพื่อฟาดลที่แขนข้างขวาของโนอาห์ เขากอดแขนไว้และปล่อยเสียงอึดฮัดออกมาเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาของเขาไม่มีแววตาของความหวาดกลัวแต่อย่างใด
‘เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ ข้าเคยสอนบุตรชายแรกเกิดของอัครบิดร และตอนนี้เขาอายุได้ยี่สิบหน้าปีแล้วแต่ก็ยังคงกลัวไม้เรียวของข้าอยู่ดี’
นี่คือความคิดในใจของ ลี เนเรนส์ ที่ไม่สามารถฝึกฝนเด็กน้อยอายุห้าขวบได้
“ช่างมันเถอะ ไปพักเถอะ และอย่าแอบเข้าไปในห้องสมุดทั้งคืนเหมือนก่อนอีก แล้วพบกันในอีกสองวัน ข้าจะทำเป็นลืมเรื่องที่ปรึกษาไร้สาระนั่นไปแล้วกัน”
ลีนวดขมับพร้อมทั้งชี้ไปยังประตูทางออกให้แก่โนอาห์
จากคำสั่งของเขา โนอาห์ก็ลุกขึ้น หยิบตำรา โค้งคำนับ และจากนั้นก็ออกจากห้องไป