กฏแห่งมารตอนที่ 9
บทที่ 9 - แผนการเกลี้ยกล่อม
ความดื้อรั้นของนักเวทย์นั้นมากกว่าที่เขาคาดไว้
“จับตามองเขาไว้แล้วอย่าปล่อยให้เขาหนีไปด้วย อย่าลืมว่าเขาเป็นนักเวทย์ อย่าปล่อยให้เขาฟื้นคืนมานา นักเวทย์ที่ไม่มีมานานั้นแย่กว่าคนทั่วไปเสียอีก” ดู๋เวยบอกให้อัศวินของเขาคอยจับตานักโทษไว้ “ทุกเวลาให้เอาน้ำเย็นราดตัวเขาซะ อย่าปล่อยให้เขามีเวลานอนหรือนั่งสมาธิ”
จากนั้นดู๋เวยก็กลับไปที่ห้องของเขาและปิดประตู หญิงสาวที่อยู่ในห้องก็ได้ถูกมัดไว้บนเก้าอี้
เมื่อดู่เวยก้าวเข้ามาใกล้ เรลินก็รู้สึกกลัว ไอ้เด็กสารเลวนี้ยังอายุน้อยอยู่ บางทีเขาคงจะไม่ทำสิ่งที่น่ากลัวกับฉันหรอกนะ เรลินเข้าใจดีว่าเธอมีเสน่ห์ต่อผู้ชายแค่ไหน
แม้ว่าเรลินจะยังกลัวอยู่ แต่เธอก็คิดว่าเด็กคนนี้ยังเด็กเกินไปและเขาคงจะไม่สนใจร่างกายของเธอหรอก แล้วตอนนี้เธอยังสูญเสียอาวุธไปอีก การเป็นนักผจญภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งกลุ่มของเธอนั้นอ่อนแอ เธอเรียนรู้ที่จะใช้ร่างกายของเธอในการล่อลวงได้ ตราบเท่าที่มันไม่เกินขีดจำกัดของเธอไป ซึ่งดาบนั่นเป็นของขวัญจากทีมนักผจญภัยใหญ่ และนักเวทย์คนนี้ก็ได้เข้าร่วมกับทีมของพวกเธอ เธอเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทุกๆคนต่างก็ใช้ไหวพริบในการปกป้องตัวเองอยู่แล้ว
เหตุผลที่เรลินมาที่คีตีก็เพื่อที่จะหลบหนี เธอล่อลวงขุนนางทางเหนือและเขายังมอบชุดเกราะหนังที่เอนชานท์แล้วมามอบถึงมือของเธออีก แต่เขาก็ไม่ได้ขออะไรจากเรลินมากนัก พอเขาเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ เรลินก็ได้จากไปแล้ว
ในขณะที่ดู๋เวยเดินเข้ามาใกล้ มือของเขาก็เริ่มที่จะเข้ามาใกล้เรื่อยๆเช่นกัน เรลินถอนหายใจและพร้อมที่จะเสียสละบางสิ่งบางอยา่งแล้ว เธอจ้องมองและลองหาทางดูว่าจะทำยังไงให้ดู๋เวยปล่อยตัวเธอไป บางทีเธอต้องทำเป็นยอมแพ้เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอไปงั้นเหรอ? หรือลองแกล้งทำตัวน่าสงสารเพื่อขอความเห็นอกเห็นใจจากเขา?
หลังจากลองคิดถึงทางเลือกทั้งหมดแล้ว เรลินก็เลือกที่จะทำตัวไร้เดียงสาและใสซื่อบริสุทธิ์ ใช่แล้ว มันช่างเป็นการแสดงออกอันแสนน่าอับอาย สายตาที่แสนใสซื่อบริสุทธิ์และร่างกายที่สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว การแสดงแบบนี้มักจะหลอกหลวงเด็กชายวัยนี้ได้เสมอมา
เรลินเองก็ค่อนข้างมั่นใจในการแสดงของเธอ เธอเชื่อว่าดู๋เวยเองก็คงจะสงสารเธอเล็กน้อยแน่นอน
“ได้โปรดอย่า ...” เธอพูดขณะที่มือได้ยื่นมาที่ด้านหลังของเธอ ร่างกายของเธอสั่นเครือในเวลาที่แสนจะเหมาะเจาะ มือของเขาได้ปลดกระดุมชุดหนังออก แล้วชุดเกราะก็ได้หลุดออกจากร่างกายของเธอจนเผยให้เห็นบางส่วนที่อยู่ใต้เนื้อหนัง
เขาจะทำอะไรกัน? เรลินเริ่มรู้สึกกังวล เขาจะตะครุบฉันงั้นเหรอ จิตใจของเรลินเริ่มสับสน นี้มันเงียบเกินไปแล้ว
จากนั้นเรลินก็ได้ลืมตาของเธอและมองไปที่ชนชั้นสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอ เขากำลังตรวจสอบเกราะด้วยความขมักเขม้นมาก ไม่แม้เพียงจะเห็นตัวเธออยู่ในสายตาเสียด้วยซ็ำ
ไอ้เด็กโง่นี้ แม่มันเถอะ เขาไม่เห็นร่างกายของฉันหรือไง? เรลินโกรธมากที่เห็นแบบนี้ นี้เขาเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่าเนี้ย? หรือว่าเขาตาบอดกัน
เรลินพยายามไอเพื่อที่จะดึงความสนใจของเขากลับมา แต่ความพยายามของเธอช่างไร้ประโยชน์ ชนชั้นสูงผู้นี้ยังคงเดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลงและตรวจสอบเกราะต่อไป เรลินจึงพยายามไอดังขึ้นและดังขึ้นไปอีก
“นี้เจ้าไม่เจ็บคือหรือไงกัน?” ดู๋เวยถามหลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาพักหนึ่ง ในที่สุด เขาก็ได้ละสายตาจากเกราะและจับจ้องไปที่เธอ