กฏแห่งมารตอนที่ 4
บทที่ 4 เวทย์มนต์ของเด็กปัญญาอ่อน
คลาร์กพอใจกับปฏิกิริยาของเด็กน้อยผู้นี้มาก เขามองไปที่ลูกบอลแก้วแล้วพูดขึ้นมาว่า“มาเถอะ ให้ข้าดูสิว่าเจ้ามีพรสวรรค์อยู่หรือเปล่า ข้ายอมรับว่าจะสอนเจ้าเอง แต่เจ้าจะต้องมีความสามารถก่อน ไม่อย่างนั้นละก็....”
"ข้าจะต้องทำยังไง?"
"วางมือของเจ้าลงบนลูกบอลแก้วและจับมันไว้แน่นๆ จากนั้นก็ให้คิดถึงบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความโกรธ สิ่งที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ของเจ้าได้ จากนั้นเราก็จะได้มองเห็นความสามารถของเจ้า"
ดู๋เวยก้าวเข้ามาสองก้าวและวางมือลงบนลูกบอลแก้ว มือของเขารู้สึกถึงความเย็นและราบเรียบ
"ตั้งสมาธิไว้ จากนั้นก็เริ่มคิด พยายามคิดถึงความทรงจำที่เจ้ามีอารมณ์กับมันมากที่สุด" เสียงของคลาร์กดังขึ้นอยู่ข้างๆดู๋เวย
ดู่เซยปิดเปลือกตาของเขาและพยายามหาสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา จากนั้นคลาร์กก็เห็นลูกบอลแก้วเริ่มเรืองแสง ในตอนแรกมันมีเพียงแสงอ่อนๆและก็เริ่มสว่างขึ้นมา นักเวทญ์ผู้นี้ดูประหลาดใจมาก จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่ดู๋เวยและพูดขึ้นมา "หึ้ม?"
ดู๋เวยในตอนนี้รู้สึกไม่ดีเลยสักนิดเดียว เขากำลังย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเขา เรื่องราวของเขาที่จบลงในโลกใบอื่น ความพยายามทั้งหมดที่เขาทำมา ความฝันของเข าชีวิตของเขา เป้าหมายของเขาทุกอย่างได้มลายหายไปหมด ขณะที่เขาใช้เวลามากขึ้นในที่แห่งนี่และขณะที่เขาคิดถึงโลกใบเก่า ความทรงจำเหล่านั้นก็เริ่มที่จะเลือนหายไปอย่างช้าๆ แม้ว่าความทรงจำของมนุษย์จะเลือนหายไปตามกาลเวลาและมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ตัวของดู๋เวยในตอนนี้กลับรู้สึกเศร้า
จากนั้นดู๋เวยก็เริ่มหายใจอย่างรวดเร็ว ลูกบอลแก้วดูเหมือนจะมีพลังที่ทำให้อารมณ์ของเขาได้ถูกขยายขึ้นมา เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นรัว ราวกับว่ามันกำลังถูกอะไรบางอย่างกดดันอยู่
ในที่สุด เขาก็ได้เอามือมาแตะที่ศรีษะของเขา ความรู้สึกเย็นจากมือทำให้ศรีษะของเขากลับมาเย็นเหมือนเดิม
"ก็ใช่ได้เลย เด็กน้อยของข้า" เสียงของคลาร์กดูจะไม่แยแสนัก แต่เขาก็ได้เปลี่ยนคำเรียกจากเจ้าเด็กน้อยเป็นเด็กน้อยของข้าแล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาพอใจกับพรสวรรค์ของดู๋เวย
"ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก เจ้ายังอายุไม่ถึงหกขวบ แต่เจ้าก็มีความสามารถพอกับการเป็นนักเรียนเวทย์มนต์แล้ว มานาของเจ้ามากกว่าคนปกติถึงสองเท่า และด้วยอายุเท่านี้แล้ว ข้าก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง "
คลาร์กเก็บลูกบอลแก้ว จากนั้นก็บอกให้ดู๋เวยนั่ลง "เอาละ ตอนนี้มาวัดพรสวรรค์ที่สองของเจ้ากันเถิด ข้าจักสอนเวทย์มนต์ที่ง่ายที่สุดให้กับเจ้า ข้าต้องการให้เจ้านั่งสมาธิและรู้สึกถึงพลังของธรรมชาติ แล้วบอกข้ามาว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร "
ดู๋เวยจดจำสิ่งที่คลาร์กบอกเขาได้ในทันที มันออกเสียงเรียบง่ายมาก แต่มันก็ดูแปลกเช่นเดียวกัน
"นั่งสมาธิพร้อมกับทำให้จิตใจของเจ้าเข้าถึงสมาธิ นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หลายคนที่มีความสามารถมากกว่าเจ้าบางคนก็ไม่ผ่านขั้นตอนนี้กัน"
"ข้าจะต้องทำยังไง?"
"เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ร่ายมันอย่างเงียบงัน จากนั้นก็สัมผัสถึงสิ่งต่างๆรอบตัว รับรู้ถึงความร้อน ความเย็น หรือเสียง ทุกๆสิ่งอย่างที่เจ้าจะสามารถรับรู้ได้"
คลาร์กหยิบนาฬิกาทรายออกมาแล้วก็รอคอย
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง ดู๋เวยก็ได้เปิดตาของขึ้นมาและกล่าวอะไรบางอย่าง "ท่านนักเวทย์"
"โอ้ เจ้ารู้สึกถึงอะไรงั้นเหรอ?"
"ข...ข้ารู้สึกหิว"
“...”
คลาร์กรู้สึกผิดหวังกับคำตอบนี้มาก เด็กชายผู้นี้มีมานาที่พิเศษ แต่ไม่ได้มีหัวใจที่ละเอียดอ่อนพอที่จะสังเกตโลกใบนี้ได้
แน่นอนว่ามานานั้นสำคัญ แต่มันก็ยังไม่เข้าขั้นมาตรฐานอยู่ดี ยังมีวิธีอื่นในการเพิ่มมานาอย่างการนั่งสมาธิอยู่ ผู้ที่เกิดมากับมานามากมายก็เป็นเพียงแค่เส้นทางที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงเท่านั้น แต่ความสามารถในการรับรู้ถึงองค์ประกอบเวทย์มนต์ในธรรมชาติต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญที่สุด
คลาร์กนั้นสอนนักเรียนอยู่หลายคน บางคนมีพรสวรรค์ด้านมานากัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าของดู๋เวย แต่หนึ่งในพวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงลมภายในหัวใจของเขาโดยเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของนาฬิกาทราย หลังจากนั้น เขาก็ได้กลายเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านสายลม
ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่แท้จริงมักจะสามารถรับรู้อะไรบางอย่างได้ในขั้นตอนนี้กัน ซึ่งหากให้พูดอีกอย่างก็คือ ดู๋เวยไม่เหมาะกับการเป็นนักเวทย์ ช่างน่าสงสารอะไรเยี่ยงนี้
ในตอนที่เอิร์ลได้เห็นใบหน้าของคลาร์กยามที่เขาออกมา เขาก็รู้ถึงผลลัพธ์ในทันที
"เอิร์ลเรย์มอนด์ ข้าขอโทษด้วย แต่ลูกชายของท่านไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเวทย์ ดูเหมือนว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเลือกเขา ท่านควรที่จะหาเส้นทางอื่นให้กับเขา " เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นมาว่า "ในระหว่าง 36 ปีของการวิจัยของข้า ข้าไม่เคยเห็นใครที่เหมือนกับลูกชายของท่านเลย"
คลาร์กพูดพร้อมกันถอนลมหายใจ ก่อนที่จะจากไป หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็พูดเพิ่มอีกว่า"โอ้ และถ้าเขาต้องการที่จะกลายเป็นนักเวทย์ นี้เป็นเพียงข้อเสนอแนะของข้าเท่านั้น ท่านสามารถพาเขาไปด้านการเล่นแร่แปรธาตุได้ ศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุอย่างน้อยก็ถือเป็นหนึ่งอย่างในด้านเวทมนตร์ "
คลาร์กโบกมือของเขาไปมา จากนั้นผงทองก็ได้ลอยลงมา ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้เลือนหายไปในลูกบอลไฟ
ใบหน้าของเอิร์ลเต็มไปด้วยความผิดหวังเมื่อดู๋เวยเดินออกมาจากห้อง ไม่เคยเห็นคนแบบลูกชายของเขาในตลอดอายุ 36 ปีงั้นเหรอ ที่จะบอกว่าลูกชายของเขานั้นไร้พรสวรรค์การเป็นเวทย์มนต์โดยสิ้นเชิงสินะ
เขาถูกบอกว่าไม่มีความสามารถของนักรบ จากนั้นก็ได้ทำให้นักวิชาการลาออกไปและตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องของเวทย์มนต์อีก ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ก็ได้ทำให้ดู๋เวยกลายเป็นหัวข้อให้พูดคุยในเมืองนี้อีกครั้งหนึ่ง
อนาคตของเขาจะเป็นเช่นไรกันนะ? คำถามนี้ได้ทำให้ทุกๆคนในตระกูลโรแลนด์รู้สึกเป็นทุกข์....นอกเหนือไปจากตัวดู๋เวยเอง