ตอนที่แล้วบทที่ 144 มันไม่น่าดึงดูดพอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 146 จิ้งจอกวิญญาณสามหาง

บทที่ 145 เผ่าพันธุ์ปีกรัตติกาล


** ทางผู้แปลขออนุญาตเปลี่ยนจาก หลิวเหล่า จีเหล่า เป็น ผู้อาวุโสหลิว ผู้อาวุโสจี นะครับ**

ในวันต่อมาทุกอย่างก็ราบรื่น หุบเขาเมฆาทมิฬนั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับหนึ่งและสองเท่านั้น เจียงอี้อาศัยเจตจำนงสังหารวันละสองครั้งและจะเริ่มทำการบ่มเพาะพลังในตอนเย็นก่อนที่จะเข้านอนในตอนเที่ยงคืน

เฉียนว่านก้วนก็ได้นำเม็ดยาเม็ดยามังกรปฐพีพันเม็ดของเขามาเมื่อเจียงอี้ใช้เม็ดยาพิภพใกล้จะหมดแล้ว หากไม่มีการเพิ่มความเร็วจากห้องฝึกฝน เขาก็ถือว่ามีความเร็วในการฝึกฝนที่ช้ากว่ามาก

ด้วยฤทธิ์ยาจากเม็ดยามังกรปฐพีซึ่งเป็นยาระดับที่เหนือกว่ายาพิภพและการใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา ยานั้นเกือบเทียบเท่ากับเม็ดยาระดับสวรรค์ ด้วยการเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนอย่างมาก เจียงอี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้

เจียงอี้รู้ว่าเขาเป็นหนี้เฉียนว่านก้วนมากเกินไปและเขาทำได้เพียงตอบแทนเขาด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจอยู่ในใจว่าเมื่อเขามีตำลึงทองสิบล้านแล้ว ตัวเขาก็จะยังคงล่าสัตว์อสูรต่อไป เขาจะเปลี่ยนพวกมันทั้งหมดให้กลายเป็นตำลึงทองให้เฉียนว่านก้วน และด้วยตำลึงทองที่เหลือ เขาก็จะสามารถซื้อเม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าเพื่อช่วยในบ่มเพาะพลังของเขาได้

มีบางอย่างที่ทำให้เจียงอี้ค่อนข้างเศร้าใจ หลังจากล่าสัตว์ประมาณสองสัปดาห์จำนวนสัตว์อสูรในหุบเขาเมฆาทมิฬลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกครั้งที่พวกเขาจุดกลิ่นอำพันทะเลขึ้น มันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าสัตว์อสูรหลายร้อยตนมารวมตัวกัน

ไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ สัตว์อสูรจากหุบเขาเมฆาทมิฬมาจากพื้นที่ลึกกว่าเดิมของหุบเขาสามหมื่นลี้ อาจมีสัตว์อสูรจำนวนมากในพื้นที่ลึกกว่านี้ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์อสูรเหล่านี้จะมาทุกวัน

พวกเขามีช่วงเวลาที่ดีอยู่ที่นี่ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไปล่าสัตว์อสูรนั้นต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่พวกเขาจะพบสัตว์อสูรหนึ่งตน เนื่องจากพวกสัตว์อสูรที่คาดว่าจะล้นไปยังบริเวณใกล้เคียงของสำนักจิตอสูร สัตว์สัตว์อสูรที่อยู่ด้านข้างของสำนักก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ศิษย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำงานประจำวันได้ รองเจ้าสำนักก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำการตรวจสอบเป็นการส่วนตัว

เมื่อรองเจ้าสำนักรู้ว่าสาเหตุคือเจียงอี้, เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงที่กำลังตามล่าสัตว์อสูรเหล่านี้ เขาไม่ได้พูดอะไรและนำคนของเขากลับมา เขารู้อย่างชัดเจนว่าจูเก๋อชิงหยุนสนใจเจียงอี้มากเพียงใด และถึงแม้ว่าเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าสำนัก เขาก็คงจะทำเพียงแค่หัวเราะออกมา

ภายในสองสัปดาห์นี้มีสัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุดไม่กี่ตนเท่านั้น และทุกครั้งที่เจียงอี้เจอกับอันตราย สุดท้ายก็เป็นผู้คุ้มกันลับของตระกูลเฉียนที่ช่วยเหลือ มิฉะนั้นเจียงอี้คงะต้องใช้หินวิญญาณเพลิง

เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงไม่พอใจกับสัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุดและไม่อยากได้พวกมัน เจียงอี้ก็เช่นกัน สัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุดนั้นไม่เลว แต่ทั้งสามคนก็หวังที่จะจับสัตว์อสูรระดับสามมากกว่า

ในช่วงเวลานั้น เฉียนว่านก้วนขอให้คนของเขานำสิ่งดีๆมากมายมาบูรณะถ้ำหินแห่งนี้ให้เป็นวังเล็กๆที่หรูหรา จะมีไวน์ชั้นดีและอาหารเสิร์ฟทุกวัน ชีวิตในถิ่นกันดารนี้สุขสบายเหมือนอยู่ในเมืองใหญ่เลยทีเดียว

จ้านอู๋ซวงเดินทางกลับไปและพาจ้านหลินเอ๋อร์มาด้วย ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันไม่เหมาะที่น้องสาวของเขาจะอยู่ในที่กันดารเช่นนี้ และเขาที่หลงใหลน้องสาวคนนี้ โดยปกติแล้วมันไม่ง่ายเลยที่จะทิ้งนางไว้คนเดียวที่สำนัก

“บรู๊ววว”

ในวันนี้ทุกคนเริ่มล่าสัตว์ใหม่ จ้านอู๋ซวงยังคงฝึกฝนอยู่ภายในถ้ำ แต่จ้านหลินเอ๋อร์ออกมาเป็นเวลานานแล้วและตื่นเต้นที่จะได้ดูสัตว์อสูรที่กำลังจะมาถึง ดวงตาของนางเปล่งประกายแวววาวและเห็นได้ชัดว่านางกำลังมองหาสัตว์อสูรที่นางอยากนำมาเลี้ยง

“หลินเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงใส่ผ้าคลุมทุกวัน?”

หลังจากได้ปฏิสัมพันธ์กับจ้านหลินเอ๋อร์หลายครั้ง ในตอนนี้เจียงอี้ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับนาง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม ผู้หญิงที่ชอบสวมผ้าคลุมหน้า ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านางน่าเกลียดหรือไม่ก็สวยเกินไป แต่ด้วยการเหลียวมองไปที่จ้านหลินเอ๋อร์เพียงครั้งเดียว มันก็เห็นได้ชัดว่านางคงจะไม่ได้น่าเกลียด

จ้านหลินเอ๋อร์นิ่งงันด้วยคำพูดนั้น นางก้มศีรษะลงและพึมพำสักครู่ก่อนอธิบายว่า “พี่ใหญ่เจียงอี้ แม่ของข้ามาจากเผ่าพันธุ์ปีกรัตติกาลและข้าก็อาศัยอยู่กับนางมาตั้งแต่เด็กแล้ว นี่คือเหตุผลที่ข้าได้รับอิทธิพลมาจากนาง แม่ของข้าบอกข้าว่าผู้หญิงในเผ่าพันธุ์ของเราอนุญาตให้สามีเห็นหน้าตาของตัวเองเท่านั้น!”

“เผ่าพันธุ์ปีกรัตติกาล?”

เจียงอี้กระพริบตาอย่างสงสัย จากนั้นเฉียนว่านก้วนก็ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบและอธิบายว่า “นั่นเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์พิเศษ ผู้หญิงของเผ่าพันธุ์นั้นมีร่างกายที่อ่อนนุ่มโดยธรรมชาติซึ่งเหมาะที่จะเป็น 'เตียง' และด้วยเหตุนี้ผู้หญิงของเผ่าพันธุ์พิเศษนี้จะถูกจับและนำไปประมูลอยู่เสมอ แม่ของจ้านหลินเอ๋อร์ถูกซื้อโดยพ่อของจ้านอู๋ซวงและในตระกูลพวกเขามีสถานะด้อยกว่า ...”

“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง!”

ทันใดนั้นเจียงอี้ก็เข้าใจว่าทำไมจ้านหลินเอ๋อร์จึงปฏิบัติต่อจ้านอู๋ซวงด้วยความเกลียดชัง เป็นเพราะพวกเขาเป็นพี่น้องที่มีพ่อคนเดียวกัน แต่คนละแม่

แม่ของจ้านหลินเอ๋อร์ไม่ได้มีสถานะสูงในตระกูลและนางคงต้องได้รับการดูแลอย่างไม่แยแสนับไม่ถ้วน มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับจ้านหลินเอ๋อร์ที่จะไม่พอใจคนในตระกูลคนอื่นๆ

เจียงอี้หันกลับมาเห็นความโศกเศร้าในดวงตาของจ้านหลินเอ๋อร์ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการระลึกถึงอดีตหรือไม่ก็รู้สึกแย่ เขายื่นมือไปลูบหัวนางแล้วพูดเบาๆว่า “หลินเอ๋อร์ ไม่ต้องไปสนใจหรอก เราไม่สามารถควบคุมต้นกำเนิดของเราเองได้ แต่เราสามารถควบคุมชะตากรรมของเราได้ ถ้าข้าจะต้องพูดมัน ข้าคงน่าสมเพชมากกว่าเจ้าเสียอีก ข้าเป็นบุตรนอกสมรสและแม่ของข้าก็เสียชีวิตไปเมื่อนางให้กำเนิดข้า แต่มันเป็นอย่างไรล่ะ? ในตอนนี้ข้าไม่ได้รู้สึกสบายดีหรือ?”

"หืม!"

น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของจ้านหลินเอ๋อร์ทำให้ดวงตาของนางเปล่งประกายอย่างสวยงาม ในไม่ช้าดวงตาของนางก็ถูกดึงดูดโดยสัตว์อสูรที่บินมาจากระยะไกล

ดวงตาที่เหมือนไข่มุกของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่นางอุทาน “พี่ใหญ่เจียงอี้ ข้าต้องการสัตว์อสูรนั่นเป็นสัตว์วิญญาณของข้า ช่วยข้าจับมันหน่อยนะ!”

“วิหคเพลิง?”

เฉียนว่านก้วนกวาดสายตาของเขาและหรี่ตาของเขา “วิหคเพลิงตัวนี้สวยงามและมีความแข็งแกร่งระดับสองขั้นสูงสุด มันเหมาะที่สุดสำหรับน้องหลินเอ๋อร์ที่จะเลี้ยงมัน”

“แกว๊ก แกว๊ก-!”

นกยักษ์ที่ดูดุร้ายที่มีสีแดงบินมาจากท้องฟ้าทิศตะวันตก ร่างกายทั้งหมดของมันถูกปกคลุมด้วยขนนกสีแดงที่ลุกเป็นไฟและงดงามอย่างยิ่ง เจียงอี้พยักหน้าและแจ้งเฉียนว่านก้วน “ขอให้ผู้อาวุโสหลิวจับตามองข้าด้วย ข้ากลัวว่าเจตจำนงสังหารของข้าอาจจะไม่สามารถกดดันวิหคเพลิงตัวนี้ได้! หลังจากที่ข้าจัดการวิหคเพลิงนี้ได้แล้วค่อยให้หลินเอ๋อร์มาจับมัน”

“ได้เลยลูกพี่ ระวังตัวด้วย!”

เฉียนว่านก้วนพยักหน้า วิธีการของเขาในการจัดการสิ่งต่างๆช่างหลักแหลม นายน้อยและคุณหนูจากตระกูลต่างๆเหล่านี้ไม่ควรใช้ผู้คุ้มกันลับของพวกเขาได้

แต่เขามีวิธีที่จะทำให้ผู้อาวุโสหลิวทำสิ่งเล็กๆน้อยๆไม่กี่ครั้งเมื่อเจียงอี้ตกอยู่ในอันตราย มันคือผู้อาวุโสหลิวผู้ซึ่งยิงแก่นแท้พลังของเขาเพื่อช่วยฆ่าสัตว์อสูร

แน่นอน…เหตุผลที่ผู้อาวุโสหลิวเข้ามาแทรกแซงโดยไม่มีข้อยกเว้น นั่นเป็นเพราะว่าเขานับถือศักยภาพของเจียงอี้เป็นอย่างมาก การได้เห็นความสัมพันธ์ของเจียงอี้กับเฉียนว่านก้วนแล้ว ในอนาคตตระกูลเฉียนจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่อเจียงอี้พัฒนาไปสู่การดำรงอยู่ที่น่าเกรงขาม

“ปัง!”

เมื่อเห็นว่าวิหคเพลิงดิ่งลงมาแล้ว เจียงอี้ก็พุ่งออกไปหามันและปล่อยเจตจำนงสังหารของเขาออกมากลางอากาศ

“เวรล่ะ!”

สิ่งที่ทำให้เจียงอี้สบถออกมาคือ เมื่อเจตจำนงสังหารของเขาถูกปล่อยออกมา กลิ่นอายชั่วร้ายจากวิหคเพลิงก็ถูกถอนออกทันที ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ส่องแสงสีแดงและเปิดใช้งานวิชาอสูรทันที ปากสีแดงวิจิตรเปิดกว้างและกำลังจะพ่นเปลวไฟที่น่าสยดสยองออกมา

“หืออ?”

ผู้อาวุโสหลิวและผู้คุ้มกันลับของจ้านอู๋ซวงออกมาจากถ้ำทันที สายตาของผู้อาวุโสหลิวมีแสงเย็นยะเยือก เขาบินไปที่เจียงอี้ด้วยความเร็วสูง มือข้างหนึ่งของเขาเปล่งประกายด้วยแก่นแท้พลังและกำลังจะยิงวิหคเพลิงตนนี้

“ผู้อาวุโสหลิวอย่าเพิ่ง!”

ในขณะนั้น เจียงอี้ก็ตะโกนออกมาเพื่อหยุดผู้อาวุโสหลิว

ไข่มุกสีแดงที่ลุกเป็นไฟในมือของเขาก็ก้องกังวาน ตามมาด้วยพลังงานบางอย่างที่ส่งผ่านไปยังร่างกายของเขา พื้นผิวของร่างกายของเจียงอี้นั้นมีชั้นเคลือบโปร่งแสงสีจางๆ เมื่อเปลวไฟที่น่ากลัวพุ่งทะลุและสัมผัสกับชั้นของแสงจางนั้น เปลวไฟก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!

“ฮะ…”

ผู้อาวุโสหลิวและผู้คุ้มกันลับอีกคนนามว่าผู้อาวุโสจี เบิกตากว้างและตกตะลึง ปากของเฉียนว่านก้วนและจ้านหลินเอ๋อร์นั้นเปิดกว้างมาก ปากของพวกเขาตอนนี้สามารถกลืนไข่ได้ทั้งใบ

เจียงอี้ไม่ได้ผ่อนคลายหลังจากเกิดเหตุนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยแทน เขาไม่ได้สนใจวิหคเพลิงบนฟ้าเพราะตอนนี้จิตใจของเขาอยู่ที่ไข่มุกวิญญาณเพลิง เขาพึมพำด้วยความประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่ไข่มุกวิญญาณเพลิงซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์หรือ? ทำไมมันถึงดูดซับเปลวไฟโดยอัตโนมัติกัน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด