บทที่ 232 - ผู้พิทักษ์ (2) [14-08-2020]
บทที่ 232 - ผู้พิทักษ์ (2)
”
หลังจากทีได้ยืนยันว่าไม่มีศัตรูเหลืออยู่ในฟิลิปปินส์อีกแล้วพวกเราก็ได้กลับไปที่บ้านด้วยเครื่องบินที่อยู่ในช่องเก็บของของฮวาหยา แม้ว่าทุกคนจะเหนื่อยล้ามาแต่พวกเราก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่พวกเราได้ประสบความสำเร็จ แต่ว่าก็มีบางคนที่ไม่พอใจ
"ลูกชายของฉันเมินพ่อของเขา...."
เสียงพึมพัมของพ่อได้ดังมาจากที่นั่ง ฉันได้ผงะไป ยังไงก็ตามน่าทึ่งที่วอร์คเกอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อได้พูดออกมา
"ถ้านายไม่ต้องการถูกเมิน นายก็ต้องได้รับชื่อของเทพ คังยงอู"
"ถ้านั่นมันง่ายทำไมนายถึงยังไม่ได้ล่ะวอร์คเกอร์"
วอร์คเกอร์ได้ตอบกลับพ่อด้วยรอยยิ้ม
"ฉันไม่มีปัญหาเลย มีคนที่ควรจะรู้ว่าชื่อพวกนั้นอยู่ไหน"
"เอ็ดเวิร์ดถึงนายจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ พวกเทพคงไม่ชอบนายหรอกน่า"
"ในตอนที่นายพูดถึงมัน เขาจะมาหาเราในตอนที่เราไม่ได้เรียก"
"อย่าได้กระจายข่าวมั่วๆสิ โซฟี"
ในทางกลับกันท่าทางของยุยก็ยังคงหนักอึ้ง มันเป็นเพราะว่าฉันได้ยกไข่ราชาลาวาให้กับเธอ
"หนูไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เจ้านี่มา ทุกๆคนต้องบาดเจ็บเพราะหนูและซัคคิวบัสตั้งหลายคนยังต้องตาย...."
"ใครจะไปรู้ล่ะว่าฟิลิปปินส์มันจะมีมอนสเตอร์แบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของยุย"
"มันไม่มีอะไรเลยที่หนูทำได้ หนูคิดว่าหนูจะช่วยพี่ได้แล้วซะอีก...."
"นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่ยุยจะต้องเอามันไป ยุยเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะฝักมอนสเตอร์ออกมาจากไข่"
"พี่คะ...."
เมื่อเห็นยุยใกล้จะร้องออกมา ฉันได้แต่ลูกหัวเธอ ใครจะไปอยากทำลายคนอื่นเพราะทำหรือพูดในสิ่งที่ไม่ตั้งใจกันล่ะ แม้ว่าจะไม่มีใครโทษยุย แต่ว่ายุยก็อดที่จะรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ ยังไงก็ตามมันไม่มีอะไรที่จะเปลื่ยนแปลงไปได้แล้ว ถ้าหากว่าฉันแข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด ฉันมันโง่เอง
"เพราะยุย พวกเราถึงได้พบกับราชาลาวาก่อนและกำจัดมันได้ การที่ต้องเสียสละในระหว่างนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ว่ามันจะไม่เป็นอะไรหรอกตราบใดที่ยุยยังไม่ลืมเรื่องพวกเขา ยุยสามารถจะแข็งแกร่งขึ้นไปเพื่อซัคคิวบิที่เหลืออยู่ได้อยู่นะ"
"....ค่ะพี่ หนูจะพยายาม"
"ดีมาก"
ท่าทางของยุยได้ดีขึ้นเล็กน้อย เยี่ยมล่ะในตอนนี้เป้าหมายของยุยก็ชัดเจนแล้ว มันไม่ต้องสงสัยเลยว่ายุยจะต้องไปต่อโดยที่ไม่สูญเสียเป้าหมายอีกแล้ว
ในตอนนั้นเยอึนที่ลุกจากที่นั่งด้านหลังพวกเราได้พูดออกมา
"ทำไมชินถึงดูฉลาดแปลกๆและยังใจดีในทุกๆตอนที่คุยกับยุยล่ะ"
"เธอกำลังจะหมายความว่าฮันจะดูโง่ในตอนที่คุยกับคนอื่นสินะ"
"โอ้ยยย"
ในตอนที่ฉันได้ลงโทษเยอึนเครื่องบินก็ได้ลงจอดที่จุดหมมายของเรา และก็ในขากลับนี้ลีออนได้เป็นนักบินแทนวอร์คเกอร์ ทำไมผู้ชายทุกคนในกิลด์ถึงทำเรื่องนี้กันได้นะ
หลังจากเราได้กลับมาที่เกาหลีพวกเราก็ได้แสดงตัวต่อหน้าแสงกล้องจำนวนนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าฉันได้เมินพวกนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพักผ่อน พวกเราได้เรียกคืนประเทศมามันไม่ใช่สิ่งที่จะถูกลืมกันไปเพียงแค่ผ่านไปวันหรือสองวัน นอกไปจากนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญอีกมากที่ฉันต้องทำ
พวกเราได้ตัดสินใจที่จะจัดงานศพให้กับซัคคิวบิทั้งหกที่ตายไปในพื้นที่พักอาศัย สาเหตุหลักคือที่นั่นเป็นที่ๆสววยที่สุดที่เรารู้จักแล้ว เนื่องจากว่าซัคคิวบัสที่ตายไปไม่ได้ทิ้งศพเอาไว้ดังนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงฝังโลงเปล่าๆพร้อมกับของขวัญส่วนตัวของเรา
"สามีที่รักควรจะรู้เรื่องนี้นะคือว่างานศพไม่ใช่ประเพณีของซัคคิวบิ"
"นั่นมันก็จริง"
"อื้อ เนื่องจากว่าเพราะการมีอยู่ของพวกเราเหมือนกับน้ำค้างในตอนเช้าและจะหายไปในตอนที่เราตาย....นั่นคือเหตุผลที่เรารู้สึกไม่คุ้นชิน"
ลิโคไรท์ได้พูดต่อออกมา
"ฉันมีความสุขนะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เหลืออะไรทิ้งไว้แต่ว่าทุกคนที่นี่จะจำเราเอาไว้"
"ลิโคไรท์...."
แม้ว่าฉันจะรู้จักเธอมาได้ไม่นานนักแต่เพราะว่าเธอมักจะทำเป็นเล่นเสมอ ตัวเธอในตอนนี้ฉันจึงรู้สึกไม่คุ้นเอามากๆ ยังไงก็ตามลิโคไรท์คือราชินีซัคคิวบัสเป็นธรรมดาที่เธอจะต้องมีชีวิตอยู่มานานกว่าฉัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องมีประสบการณ์มามาก บางทีอาจจะเพราะว่าความคิดพวกนี้ได้เขียนอยู่บนหน้าฉันทำให้ริโคไร์ยิ้มออกมา
"ฉันได้กลายมาเป็นราชินีซัคคิวบัสได้นานนักหรอกหลังจากที่เกิดมาในอิเนซิส จริงๆแล้วมันเป็นเพียงแค่เพราะฉันเกิดมาพร้อมกับสายเลือดนี้"
"จริงดิ"
"อื้อ แต่ว่าหลังจากนั้นโลกของฉันก็เสียพลังไปโดยทันที ในตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันได้พาตระกูลของฉันข้ามไปที่อเลเซียเพื่อจุดประสงเดียวคือการที่จะได้พลังของโลก ฉันได้อ้างสิทธิ์จากสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่ถ้วนโดยไม่รู้ว่าถูกหรือผิด"
"...."
ลิโคไรท์ได้จ้องไปที่หินฝังศพที่เราวางไว้และพูดต่อไป
"ในตอนนั้นมีเพียงสิ่งหนึ่งที่อยู่ในหัวของฉันคือตระกลู พวกเราจะต้องรอด พวกเราจะต้องรอด นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันคิด นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงได้เสียสติและคลั่งไปในตอนที่เสียสมาชิกไปแม้แต่คนเดียว"
"ฉันก็เหมือนกัน"
"ในตอนที่สงครามจบลงและฉันได้รู้ตัวว่าเราแพ้...ฉันได้ไปเจรจากับลอร์ด[ตอนแรกใช้พระเจ้า ใช้วนไปวนมาสรุปเอาเป็นลอร์ดแทนเลยนะครับ]และได้ค้นพบสถานที่พักพิงที่แยกจากดันเจี้ยน ความจริงแล้วฉันก็แค่อยากจะพักผ่อนสักหน่อย
"ฉันเข้าใจ...."
"แน่นอนฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถจะอยู่แบบนั้นได้ตลอดไป ถ้าฉันทำแบบนั้นทั้งตระกูลของฉันจะต้องแห้งเหี่ยวไปแน่ ฉันรู้ว่าวันที่เราต้องสู้อีกครั้งจะต้องมาถึง"
"...."
"ไม่ว่าฉันจะอยู่ฝั่งของมนุษย์หรือมอนสเตอร์ ไม่ว่าฉันจะต้องเป็นฝ่ายป้องกันหรือโจมตีมันก็ไม่มีอะไรที่สำคัญอา ไม่สิ มันจะเป็นการโกหกถ้าฉันพูดว่าฉันไม่ได้มองไปในอนาคตเพื่อที่จะได้เจอชายที่จะมาเป็นสามีของฉัน คุณรู้ไหมว่า สิ่งที่ฉันเสียใจคือฉันไม่เคยแม้แต่ได้จับมือกับผู้ชายเลยหลังจากที่ได้เกิดมาในฐานะซัคคิวบัส หุหุ.... คุณคือคนที่ฉันกำลังรอมานานสามีที่รัก"
สำหรับส่วนนี้ลิโคไรท์ได้พูดออกมาในขณะที่มองฉันอย่างชื่นชม ฉันไม่สามารถจะหาคำตอบกลับไปได้เลย ฉันได้แต่เกาแก้มอย่างเขินๆ
ฝั่งที่โโจมตีกับฝั่งที่ป้องกัน มอนสเตอร์กับมนุษย์ ฝ่ายไหนกันที่ผิด นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่รู้เลย ฉันได้แต่พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะปกป้องที่ๆฉันอยู่และสิ่งเดียวที่เปลื่ยนแปลงไปคือมีคนมากขึ้นที่ฉันจะปกป้อง แน่นอนว่าลิโคไรท์และตระกูลของเธอก็รวมในนั้นด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกโทษตัวเอง....
"ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอกสามีที่รัก พวกเราเตรียมตัวที่จะต่อสู้และเสียสละมานานแล้ว พวกเราไมม่เคยแม้แต่จะฝันถึงการมีชีวิตรอดจนกระทั่งจบลงโดยที่ไม่มีการสูญเสีย
เธอก็ยังมีดวงตามารเหมือนเดซี่หรอ ในตอนทันเริ่มมองไปที่เดซี่อย่างสงสัย เธอก็ส่งรอยยิ้มที่หน้าหลงไหลออกมา ในตอนท้ายฉันได้ถอนหายใจและตอบกลับไป
"....เธอยังต้องการจะสู้ไปกับพวกเราหรอ"
"ถ้าสามีที่รักตาย ฉันก็จะตายเหมือนกัน นอกไปจากนี้ฉันยังต้องการจะแก้แค้นให้กับการตายของครอบครัว อย่าได้ถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วสิสามีหน้าโง่"
"คนที่เรียกคนอื่นว่าคนโง่ คนๆนั้นแหละโง่เอง... ยังไงก็เถอะขอบคุณนะ"
"หุหุ ฉันมีความสุขที่ได้พบกับสามีที่รัก ฉันดีใจที่สามีของฉันคือคุณ"
การแสดงออกของเธอดูมีความุขเกินกว่าจนมันอันตรายมากสำหรับฉันในตอนที่เธอเรียกฉันว่าสามีของเธอ ฉันได้บอกตัวเองว่าจะแก้ไขปัญหานี้ทีหลังและเงียบไว้ ยังไงก็ตาม....ฉันยังรู้สึกว่าฉันอาจจะต้องเปลื่ยนความดื้อรั้นของตัวเองในเรื่องนี้
เมื่อพิธีศพจบลง ฉันก็ได้ไปที่สวนแฟรี่หลังจากที่ไม่ได้ไปมานาน แน่นอนว่าฉันก็มีเป้าหมายอยู่ นั่นคือการเอาชุดเกราะไปให้หลินซ่อมแซมมัน ยังไงก็ตามเมื่อฉันไปถึงที่ทำงานของหลินฉันก็ต้องตกตะลึง
"หลิน.... หลินกำลังทำงานโดยไม่มีใครบังคับ"
"ฉันเป็นชั่งตีเล็กนะไอเวร"
หลินได้ตอบฉันกลับมาพร้อมด้วยเอาค้อนลงไปด้วยแรงที่มากในแต่ละครั้ง ฉันได้ถามเขาไปด้วยความสงสัย
"นายกำลังทำอะไรนะ"
"ไม่ได้มีใครสอนแกหรอว่าอย่ามาคุยกับคนอื่นในตอนที่กำลังทำงาน"
"แต่ว่าหลินต่างไปจากช่างตีเหล็กมือใหม่นะ นอกไปจากนี้ทำไมทุกคนจะต้องรอเป็นเวลาสี่ ห้า ชั่วโมงเพื่อที่จะได้เจอชั่งตีเหล็กละ ไม่ใช่ว่าพวกเรามีอะไรให้เรียนรู้หรอ"
"อย่างที่นายรู้แหละ"
ทันใดนั้นเสียงตะโกนของหลินก็หยุดลง ฉันคิดว่าเขาคงงจะทำงานต่อไป แต่ดูจะไม่ใช่แบบนั้น เขาได้วางค้อนลงและจุ่ใเหล็กสีแดงลงไปในน้ำเย็นเพื่อระบายความร้อน"
"แล้วมันคืออะไรนะ"
"แหวน"
"ให้ฉันหรอ"
"คังชินแกเคยถูกค้อนทุบมมาก่อนไหม แกกำลังอยากจะลองมันสินะ"
แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งมากขึ้นไปกว่าตอนที่เจอกับหลินครั้งแรก แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะเขาได้ เขาดูจะอ่อนแอกว่าโรเล็ตต้า แต่ว่าเขาเป็นคนที่มีระดับที่เหนือกว่าฉันมากอยู่ดี ดังนั้นฉันได้ปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปอย่างสุภาพและถามอีกครั้ง
"แล้วทำให้ใครนะ"
"โรก้า"
"โรก้าเนี้ยวหรอ"
ในตอนที่ฉันมองเขาด้วยใบหน้าที่ตกใจ หลินก็ตอบกลับมาอย่างอายๆ
"ใช่แล้ว ฉันมีลูก มันสายไปหน่อย แต่ฉันคิดว่าฉันควรจะทำแหวนให้เธอ"
ครู่หนึ่งฉันได้พยายามจะเรียบเรียงในสิ่งที่หลินพูดออกมา จากนั้นฉันได้พูดออกไปอย่างว่างเปล่า
"ยินดีด้วยนะหลิน"
"นายเข้าใจเรื่องอะไรล่ะไอเวร"
"เมื่อคิดว่าหลินได้กลายมาเป็นพ่อ...พรืดดด"
"ฉันเข้าใจแล้ว แกคงจะคิดว่าค้อนนี้มันยังไม่อและอยากจะลองกับทั่งด้วยใช่ไหม"
"ขอโทษษษษ"
หลินได้มองไปที่แหวนที่เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นเขาได้เริ่มกระบวนการกลั่นด้วยลมหายใจเพลิงจากปากของเขา ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่...ไม่สิ มีเพียงแค่คนครึ่งมังกรเท่านั้นที่สร้างแหวนได้แบบหลิน ฉันได้ถามหลินขึ้นอีกครั้ง
"แล้วหลินอืม... มันยังไงล่ะ"
"ฉันได้วางแผนที่จะรับผิดชอบกับโรก้าเสมอ... เพียงแค่ว่าพวกเรายังไม่ได้มีลูกมาจนกระทั่งถึงตอนนี้"
"นั่นมันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดที่ฉันได้ยินจากปากนายเลยนะ..."
"ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ทำกับผู้หญิงคนอื่นซะหน่อย"
"นั่นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเลยที่ฉันได้ยินจากปากนาย...."
แสงได้กระพริบออกมา หลินได้บรรจุเวทย์ลงไปในแหวนตอนที่เขากลั่นมัน นี้มันทำให้ฉันตระหนักได้ว่าเขามีทักษทั้งในฐานะของช่างตีเหล็กและจอมเวทย์
แม้ว่าในรตอนที่เรากำลังทำงานที่ละเอียดอ่อน เขาก็ยังตอบกลับมาอย่างไม่สิ้นสุด
"ผู้ชายที่เพรียบพร้อมทั้งพลังและเสน่ห์มีจำนวนที่น้อย และผู้หญิงทุกคนต้องการผู้ชายแบบนั้น ถ้าพวกเธอต้องการฉัน ฉันก็ยินดีที่จะมอบตัวเองให้กับผู้หญิงที่ฉันชอบ ฉันยังสามารถเพลิดเพลินและให้ความสุขกับผู้หญิงได้เช่นกัน มันเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย นายไม่ควรจะคิดมากเกินไปนะ ฉันได้ยินมาว่าพี่สาวบ้าคลั่งมากเลยล่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นต้องเพราะนาย นายไม่จำเป็นจะต้องพาผู้หญิงมากมายไปรอบๆนี่...."
"ฉันไม่เคยทำแบบนั้นเลย"
"ถ้างั้นก็แค่ทำในสิ่งที่นายต้องการ แต่ว่ารู้เรื่องนี้เอาไว้นะ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงที่กับลังสนใจนายเท่านั้น มันจะเป็นการดีถ้าพวกเธอจะทิ้งผู้ชายคนอื่น แต่ว่ามีผู้หญิงมากมายที่ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะเป็นเหมือนพี่สาวโรเล็ตต้านะ"
"ฉันได้ยินว่าเธอมี... รักแรก"
"นายคิดจะทิ้งให้เธอจดจำนายไปตลอดนับร้อยนับพันปีงั้นหรอ ถ้างั้นนายก็แย่มากเลยล่ะ"
"...."
"อย่างที่ฉันพูดไป นายเป็นความรักครั้งใหม่ที่พี่สาวโรเล็ตต้าก็มองว่ามันเป็นเรื่องยากมาก นายสามารถจะทำให้พี่สาวตกหลุมรักนายได้ แต่ว่าถ้าหากนายทำให้เธอต้องเสียใจ.... ฉันจะฆ่านาย"
จิตสังหารได้เล็ดรอดออกมาอยู่ครู่หนึ่งซึ่งทำให้ฉันต้องสะดุ้ง ฉันได้ตระหนักขึ้นอีกครั้งว่าฉันเติบโตมามากแค่ไหน ถ้าเป็นในอดีต ฉันจะไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่นิด แม้ว่าฉันจะตกอยู่ภายใต้สถานะอะไรก็ตามที หลินก็ดูจะตระหนักได้เหมือนกับว่าฉันรู้ตัวทำให้เขายกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
"ฉันมีเรื่องจะบอกแค่นี้แหละ เอาล่ะ ถ้าหากเป็นด้วยความสามารถของนายมันจะดีที่สุดก็คือเพียงแค่ยอมรับในทุกๆคน มันไม่ใช่ว่าพี่สาวจะยอมแพ้เพียงเพราะแค่มีผู้หญิงเพิ่มมาคนหรือสองคนหรอก"
"หลินทัศนคติของนายกับฉันมันต่างกันเกินไป"
"แน่นอนว่าพวกเราก็อยู่ในโลกที่ต่างกันนี้ ในโลกที่ฉันจากมาพลังคือสิ่งที่สำคัญ ผู้ที่มีพลังจะได้รับการให้อภัยไม่ว่าจะทำอะไรมาก็ตามและคนที่ไม่มีพลังก็จะต้องเลือกผู้ที่จะมาคุ้มครองทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่โชคดีคือสามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง แต่ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีแบบนั้น.....ผู้ชายจำนวนมากมักจะรับผู้หยิงมาและผู้หญิงจำนวนมากก็จะรับผู้ชายเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งอย่างฉันเลยมีคนจำนวนมากที่อยู่มารับใช้ฉัน ในหมู่พวกเธอผู้หญิงจะต้องจ่ายด้วยร่างกาย"
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หลินได้พูดอะไรเกี่ยวกับโลกของเขา ฉันได้สงสัยเล็กน้อยและถามออกไป
"ถ้างั้นนายก็เลยยอมรับพวกเธอทั้งหมด"
"นายจะบ้าหรอ ฉันก็มีตาเหมือนกันนะ นอกจากนี้อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าฉันรับผู้หญิงทุกคนมาหาฉัน ฉันก็คงจะไม่ได้หยุดพักและมากันไม่จบสิ้นสักทีสิ ถ้าหากนายไม่รู้สึกชอบพวกเธอก็แค่ตัดทิ้งไป"
"อึก"
"มันก็เหมือนกับกิลด์ของนายในตอนนี้แหละ ฉันยอมรับแค่เหล่าคนที่มีพลัง แน่นอนว่าพวกนั้นไม่ใช่แค่ผู้หญิงแต่ก็มีผู้ชายเหมือนกัน มีอีกหลายคนที่ยังต้องการการคุ้มครองและฉันก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอเป็นผู้หญิงหรือคนรับใช้ของฉัน ฉันก็ได้แบ่งกันไปอย่างยุติธรรม นอกไปจากนี้ฉันไม่สามารถจะพาพวกนั้นไปด้วยตลอดได้"
"โรก้าเนี้ยวก็ด้วย...."
"นายสามารถจะพูดได้เลยว่าเธอคือพรรคพวกคนแรกของฉัน"
"เข้าใจล่ะ"
"แล้วตอนนี้นายถามเสร็จยัง"
"ฉันยังมีสิ่งที่อย่างรู้อีกเยอะเลยล่ะ"
"ถ้างั้นทีหลังก็เอาไวน์ดีๆมาด้วยล่ะ ช่วงพักมันไม่ได้ฟรีนะ"
"เข้าใจแล้ว"
หลินได้ทำให้แหวนเย็นลงและกลั่นกรองมันเพื่อตรวจสอบว่ามันสมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาได้ถอนหายใจออกมาราวกับว่าพอใจแล้วและวางมันไว้สักที่หนึ่ง จากนั้นเขาได้เอาบุหรี่ออกมาจากอีกที่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เอียงหัวและถามออกมา
"แล้วนายมาที่นี่เพื่ออะไรไ"
"ช่องเกราะให้ฉันทีหลิน"
"ว๊ากกกกกกก ทำงานอีกแล้วหรอ? ให้ตายสิน นายไปเจาะรูในเกาะระดับตำนานได้ยังไงกัน"
"อย่างที่นายรู้ฉันได้สู้กับศัตรูของโลกที่อ่อนแอ...."
"ศัตรูของโลกที่อ่อนแออะไร มันไม่มีแบบนั้นเว้ย อ๊าา ฉันน่าจะไล่แกไปตั้งแต่ที่ฉันเห็นหน้าแกนะ"
ทันใดนั้นฉันรู้สึกดีขึ้นมา ในตอนที่ฉันได้เจอกับหลิน ฉันก็อยากจะเห็นใบหน้าที่ปวดหัวของเขาจริงๆเลย