ตอนที่ 109 เจอกับอันตรายลำพัง
การปรากฏของกองทัพโคลนในสนามรบไม่ใช่แค่ดาวอังคารที่ตกใจ แต่ทั้งระบบสุริยะล้วนตกใจ
ตามอนุสัญญาระหว่างดวงดาว การสร้างโคลนเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด
ใครก็ตามที่ไม่สนใจสิ่งนี้จะเป็นศัตรูของมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตามด้วยความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของพวกเขา บริษัทยาไจแอนท์ไม่สนใจอีกต่อไป พวกเขาส่งกองทัพโคลนเข้าต่อสู้ในสนามรบ
พลังของทหารโคลนสูงถึง 3.0 และเทคนิคการต่อสู้ล่าสุด - แต่ละคนมีเทคนิคสังหาร – ฝังอยู่ในสมองของพวกมัน สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อพวกมันเข้าร่วมในการต่อสู้
โมเมนตัมของกองทัพปฏิวัติดาวอังคารทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
บริษัทยาไจแอนท์อาจหลุดจากการถูกถูกทำลายชั่วคราว แต่ชื่อเสียงของพวกเขาต้องมัวหมอง!
แม้ว่ารัฐบาลพันธมิตรระบบสุริยะเป็นเพียงหุ่นเชิดและกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ แต่พวกเขายังต้องการรักษาความเคารพไว้
บริษัทยาไจแอนท์ทำผิดกฎหมายต่อสาธารณะ ใช้กองทัพโคลนมากมาย มันเป็นเรื่องที่จะทำลายกฎหมายของระบบสุริยะ และทำลายกฎหมายมนุษย์ระหว่างดวงดาว
จักรวรรดิดวงดาวทุกดวงเริ่มกล่าวโทษพวกเขา
ดังนั้นถ้ารัฐบาลระบบสุริยะหนุนหลังบริษัทยาไจแอนท์อยู่ ตอนนี้ก็ไม่สามารถปกป้องได้อีกแล้ว พวกเขาประกาศว่าบริษัทยาไจแอนท์ฝ่าฝืนอนุสัญญาระหว่างดวงดาว แต่ทุกคนที่ฉลาดสามารถบอกได้ว่าคำพูดรุนแรงกว่าการกระทำ
ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลระบบสุริยะมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร พวกเขาประกาศว่ากองทัพปฏิวัติดาวอังคารเป็นกบฏและต้องรวบรวมกองทัพเพื่อปราบปรามอย่างเร่งด่วน!
เฟิงหลินคิดไม่ออกว่าทำไมบริษัทยาไจแอนท์ถึงบุ่มบ่าม? เห็นได้ชัดว่าโคลนนิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเผยให้เห็นต่อสาธารณชน แต่พวกเขาก็กล้าปล่อยออกมาอย่างบุ่มบ่าม
ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้ต่อกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร บริษัทยาไจแอนท์จะไม่มีที่ในโลกระหว่างดวงดาว กลายเป็นหนูที่มองไม่เห็นแสงสว่าง
บางทีพวกเขาอาจมีกำลังสนับสนุนอีก
ในความคิดของเฟิงหลินเขานึกถึงสัญลักษณ์ "สวัสติกะ" แบบกลับด้าน
มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสัญลักษณ์ในยุคดวงดาว แต่มันไม่แปลกต่อเขา
นี่เพราะทุกคนที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปในยุคโลกโบราณเพียงนิดเดียวต่างก็รู้ถึงความน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังสัญลักษณ์นั้น
ประเทศที่ใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวมีอำนาจที่จะนำความเสียหายมาสู่โลกในเวลานั้น
เฟิงหลินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะยังคงเห็นสัญลักษณ์นี้หลังจากเดินทางมาข้ามอนาคตเป็นหมื่น ๆ ปี!
นี่บังเอิญหรือมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้?
เฟิงหลินมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะตัดสินในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็เริ่มระมัดระวังอย่างมากต่อแรงจูงใจของบริษัทยาไจแอนท์
แม้ว่ากองทัพโคลนจะอยู่ยงคงกระพันในสนามรบ แต่เฟิงหลินก็สามารถมองเห็นความว่างเปล่าในตัวพวกมันได้หากผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่แข็งแกร่งมาถึง พวกเขาอาจจะสามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้
อย่างที่บอก เฟิงหลินไม่หุนหันพลันแล่น การปรากฏตัวที่น่าเกรงขามของเงาลึกลับในบันทึกการวิจัยเป็นสิ่งที่เขาลืมไม่ลง
การเร่งรีบก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นคืออะไรจะทำให้เขาตกลึงลงไปในก้นบึ้งของเหว
การต่อสู้บนดาวอังคารกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น บริษัทยาไจแอนท์และกองทัพปฏิวัติดาวอังคารผลัดกันระเบิดอย่างโหดร้าย และเฟิงหลินชอบที่จะเป็นผู้ชมอยู่หลังความวุ่นวายนี้ ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นโอกาสที่เขาจะได้ประโยชน์จากวิกฤติก็ยิ่งมากขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่คิด
ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ!
ชิปตัวตนของเขายังไม่หยุดดัง เฟิงหลินตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ศักยภาพทางพันธุกรรมที่เพิ่มขึ้นหยุดลงทันที
เฟิงหลินลืมตาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญ ใครที่ไร้มารยาทขนาดนี้?
การถูกทำลายสมาธิในขณะบ่มเพาะย่อมทำให้พวกเขาระคายเคืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับเขาก็คือเขาได้ตัดการติดต่อทุกรูปแบบนับตั้งแต่เขามาถึงดาวอังคารเพื่อกำจัดความคิดหลงผิดอื่นๆ เขามุ่งแต่เพียงการฝึกฝนอย่างเดียวและไม่สนใจสิ่งรบกวนอื่นๆ
ใครกันที่ติดต่อเขาในตอนนี้
ในวินาทีต่อมา เขาก็ได้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาวปรากฏตัวต่อหน้าเขา นั่นคือลุค
การแสดงออกของเฟิงหลินเปลี่ยนไป ไม่ช้าสัญชาตญาณของเขากระตุ้นให้เขาปิดภาพฉาย
ลุคคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้“อย่าขยับ!” เขาพูดอย่างชัดเจนว่า“หากคุณไม่อยากให้บริษัทยาไจแอนท์รู้ความลับของคุณ”
มือของเฟิงลินค้างกลางอากาศ เขาเหล่ตาไปที่ผู้บุกรุกและ เปล่งกลิ่นอายอันตรายออกมา "คุณขู่ผม?"
“มันไม่ใช่การขู่ ผมแค่อยากทำงานร่วมกันมากกว่านี้” ลุคไม่กลัวท่าทางของเฟิงหลินเขากลับหัวเราะแทน
"ทำงานร่วมกัน คุณคิดอะไรอยู่" เฟิงหลินถามช้าๆไม่เชื่อว่าลุคมาด้วยเจตนาดี
เฟิงหลินจะไม่เชื่อว่าคนพาลนี้เป็นคนไร้เดียงสา - เป็นเรื่องตลก! เราควรระวังของขวัญที่น่าสงสัยของชาวบ้านเพราะแน่ใจว่าต้องมีเจตนาร้าย
"บางสิ่งที่ต้องการเพียงความพยายามเล็กน้อยสำหรับใครบางคนเช่นคุณ! กองทัพโคลนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา มันยากสำหรับเราที่จะชนะในระยะเวลาอันสั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้เราจะต้องเริ่มดำเนินการตามแผนเท่านั้นหากเรากำจัดผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังบริษัทไจแอนท์ได้ เราก็จะชนะเราจึงต้องการให้คุณบอกเราถึงกองกำลังติดอาวุธและการป้องกันภายใจของบริษัทยาไจแอนท์! "ลุคร้องขอ
"คุณต้องการให้ผมเปิดเผยความลับของบริษัทยาไจแอนท์?" เฟิงหลินหรี่ตามอง
"เฟิงหลิน เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว!" ลุคส่ายหัว "คุณไม่ใช่คนที่ปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพโคลนเหล่านั้นหรือไง? แม้ว่าคุณจะตั้งใจปกปิดว่าใครเป็นคนส่งข้อมูล แต่ผมเดาได้เลยว่าเป็นคุณ! ใครกันที่มีสิทธิ์เข้าถึงแผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์และสามารถได้รับข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าวได้ถ้าไม่ใช่คุณ? "
เฟิงหลินจะไม่ยอมรับสิ่งที่ลุคพยายามให้เขายอมรับ "ไร้สาระ! ถ้าผมบอกความลับของบริษัทยาไจแอนท์แล้วผมจะได้อะไร?"
"อย่างน้อยที่สุดบริษัทยาไจแอนท์จะไม่พบว่าคุณเป็นคนปล่อยข้อมูลลับสินะ?" ลุคตอบด้วยความหมายลึกซึ้งเบื้องหลังคำพูดของเขา "ตอนนี้นอกจากคุณ ผม สวรรค์ และโลกเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นคุณ ผมไม่ได้บอกใครเลย”
"อย่างไรก็ตาม ถ้าผมเผลอปล่อยมันออกไปมันคงไม่ดีแน่ๆ ต้องมีสายจากบริษัทยาไจแอนท์ในกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร ถ้ามันรู้ไปถึงหูพวกเขา ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้คุณตกอยู่ในอัตรายหรือเปล่า ผมกลัวว่าคุณอาจไม่สามารถอยู่ในบริษัทยาไจแอนท์ได้อีกหรือคุณอาจจะต้องตาย แม้ว่าคุณจะโชคดีหนีไปได้แต่ก็ต้องโดนไล่ล่าไม่มีวันจบ! ผมเสียไปเยอะมากกับการเก็บความลับนี้ เฟิงหลินทำไมคุณถึงไม่เข้าร่วมกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร? บริษัทยาไจแอนท์เป็นศัตรูของเราและของคุณเช่นกัน เราสามารถอยู่ข้างเดียวกันได้! "
เขาดูเหมือนจะมาอย่างสันติ แต่ทุกคำที่เขาพูดรับรู้ได้ว่าเป็นการข่มขู่
หากเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของลุค ลุคก็อาจปล่อยให้บริษัทยาไจแอนท์รู้ว่าเขาเป็นคนที่เปิดเผยข้อมูล ผลที่ตามมาไม่สามารถจินตนาการได้
เฟิงหลินคิดไม่ออก เขาระมัดระวังอย่างมากและกำจัดร่องรอยทุกอย่าง พวกเขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้เขาจนมุม
เฟิงหลินเริ่มไตร่ตรอง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถประมาทใครได้เลยแม้แต่คนเดียว!
กองทัพปฏิวัติดาวอังคารมีอำนาจมาก สังคมใต้ดินเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความสามารถ พวกเขาจะต้องมีแฮ็กเกอร์ระหว่างดวงดาว
พวกเขาเข้ามาหาเขาหาทันทีตอนที่เฟิงหลินกำลังไขว้เขว้
เขาจะต้องระวังให้มากกว่านี้ในครั้งต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?
เขาต้องล้อเล่นแน่ๆ!
เฟิงหลินไม่มีทางเห็นด้วยกับมัน
ถ้าเขาเลือกระหว่างหมาป่ากับเสือ แล้วมันจะแตกต่างอะไรกัน?
ในการเป็นเพื่อนกับเสือ คุณจะต้องระมัดระวังว่าจะถูกมันกินถ้าเข้าใกล้มากเกินไป
เฟืองในใจของเฟิงหลินเริ่มเมื่อมีความคิดผุดขึ้นในหัวของเขา เขาเริ่มเจรจา "คุณคิดว่าบริษัทยาไจแอนท์จะปล่อยผมไปไหม ถ้าผมบอกความลับกับคุณ? อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว! ถ้าผมบอกความลับให้คุณ คุณต้องปล่อยให้ผมออกจากดาวอังคารแล้วกลับไปที่โลก! "
ลุคลังเลเมื่อได้ยินคำขอของเฟิงหลิน แต่ก็พยักหน้า "ก็ได้! งั้นตอนนี้คุณก็บอกผมมาได้แล้ว!"
"ไม่!" เฟิงหลินส่ายหัว "ผมไม่เชื่อพวกคุณ! ถ้าผมบอกความลับกับคุณและคุณไม่ทำตามสัญญา ผมจะมีชีวิตได้ยังไงถ้าบริษัทยาไจแอนท์คิดบัญชีผม ผมต้องพบกับคุณด้วยตัวเองและคุณจะต้องจัดการให้ผมออกจากดาวอังคารทันทีที่ผมบอกความลับ!
“นี่…” ลุคลังเล พยามอ่านความตั้งใจที่แท้จริงของเฟิงหลิน
เฟิงหลินดูออกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์
บางทีอาจเป็นเพราะเขามีองค์กรที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ลุคจึงดูมั่นใจ ไม่มีร่องรอยความกลัวจากครั้งก่อนที่เขาพ่ายแพ้เฟิงหลิน เขาพยักหน้ายินยอม "ผมจะไปพบคุณคืนนี้เวลา3ทุ่ม เราจะพบกันที่ลานขยะถนนนรกของเมืองชิไท!”
เขาระบุสถานที่
“ผมแน่ใจว่าคุณรู้ดีว่าควรทำยังไง?อย่าตุกติก ไม่อย่างงั้นคุณจะไม่มีทางรับผลที่ตามมาได้!” สิ้นคำเตือน การฉายภาพของลุคก็หายไป
เขาปิดเครื่องฉายและลบร่องรอยบันทึกทั้งหมด
เขาไม่ลังเลและตัดสินใจไปพบตามนัด
มันดูอันตรายมากในการไปพบกับสมาชิกของกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร และเผชิญกับอันตรายเพียงลำพัง
แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องกำจัดความกังวลนี้ และหากำไรกับทุกสิ่งที่เขาลงทุนไปอย่างหนัก
หลังจากพักผ่อนทั้งวันเฟิงหลินก็ออกเดินทาตอน 20.00 น.
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างตามหลังเขาเมื่อก้าวออกจากบริษัยาไจแอนท์!
คือหนึ่งในผู้คนจากบริษัยาไจแอนท์!
เฟิงหลินเสียวกระดูกสันหลังตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์และรู้ความลับมากเกินไป แม้ว่าบริษัทยาไจแอนท์จะไม่ได้จำกัดอิสระของเขา แต่เขาก็รู้ว่ากำลังถูกจับตามองอยู่
เขาทำตัวเฉยเมยขณะเดินไปชานเมืองชิไท
ยังมีคนตามหลังเขาอยู่ไกลๆ
เมื่อเขามุ่งหน้าไปในตรอกมืด ชายสองคนในชุดดำก็ตามมา
"เขาไปไหน?" ทั้งสองหันมามองกัน
"การสะกดจิต!" เสียงดังขึ้นเบาๆจากด้านข้าง ชายสองคนหันไปมองเห็นรอยประทับฝ่ามือลอยอยู่ในอากาศ มันดูอ่อนโยนแต่ก็ขยายอย่างรวดเร็วในสายตาของพวกเขา ครอบคลุมทั้งวิสัยทัศน์และประทับบนหน้าผากของพวกเขา
ดูเหมือนว่าวิญญาณของพวกเขาจะถูกกลืนไปกับความมืด ขณะที่การมองเห็นของพวกเขาลดลง ทำให้พวกเขาหมดสติ
เฟิงหลินสะกดจิตทั้งสองคน เมื่อพวกเขากลับไปที่บริษัทยาไจแอนท์ พวกเขาจะจำอะไรไม่ได้
เมื่อดูชายชุดดำสองคนเดินกลับไป เฟิงหลินก็ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในเมืองชิไท ไปยังจุดนัดพบ
เขาเดินอย่างรวดเร็ว มีเสียงคนกรีดร้องตลอดทาง
เฟิงหลินไม่หยุดและก่อนที่เขาจะเข้าสู่ถนนที่มืดและวุ่นวาย
ตรงหัวมุมถนนนำไปสู่ลานขยะรถบินขนาดใหญ่ ไม่มีคนอยู่แถวนี้มากนัก มีแต่อุปกรณ์สนิมเคอะมากมายเป็นภูเขา
เฟิงหลินรู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งเดินเข้าไปในป่ารกร้าง รอบตัวเขามืดมิดไม่มีแสงทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าขนลุก
ทันใดนั้นเขาก็หยุด เขาไม่แน่ใจเมื่อเงาสี่เงาปรากฏขึ้นล้อมเขา ตัดเส้นทางหลบหนีทุกทาง