WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 65
พวกอัศวินคิดว่าพวกออร์คจะโจมตีเข้าใส่ด้วยพละกำลังอันเหนือมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การกระโดดของกรอมกลับเหนือความคาดหมายของพวกมัน
ไม่ใช่ว่าพวกออร์ครู้จักแต่เพียงการใช้กำลังอย่างป่าเถื่อนงั้นหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พวกมันเรียนรู้การใช้กระบวนท่า? ทักษะเหล่านี้สมควรเป็นของมนุษย์!
ใบหน้าของพ่อบ้านแข็งค้างยามเห็นฉากดังกล่าว คัมภีร์โซ่ตรวนเป็นไอเท็มเวทย์มนต์ที่ทรงพลังที่จะทำให้รูปขบวนของทหารราบสามารถต้านทานการโจมตีจากพวกออร์คได้ อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะคาดเดาได้ถึงการโจมตีเช่นนี้
กรอมอยู่ในระดับที่ 13 แต่หลังจากที่เขาได้ดื่มน้ำยาเสริมความคล่องตัวและพละกำลังเข้าไป ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายของเขาก็เกือบจะเทียบเท่ากับระดับ 16 ดังนั้นพายุคลั่งที่กรอมใช้ออกในตอนนี้จึงทรงอำนาจยิ่งกว่าครั้งไหน
เคร้ง~ เคร้ง~
กรอมเจาะเข้าไปกลางรูปขบวนขณะใช้ออกด้วยพายุคลั่ง ส่วนที่ดีที่สุดของรูปขบวนก็คือ การจัดเรียง ทว่าการหลบหนีในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกอัศวินต่างเบียดเสียดกันอยู่ หากว่าพวกเขาต้องการจะขยับตัว เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องชนปะทะกับพวกพ้องคนอื่นๆ และมันจะจบลงด้วยความโกลาหล
เสียงโลหะเสียดสีกันดังสะท้อนออกมา กรอมค่อยๆแหวกรูปขบวนจากตรงกลางออกไปด้านหน้า ระยะเวลาทักษะของพายุคลั่งในระดับที่ 2 ยังมีไม่มาก มันกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที
อย่างไรก็ตาม อานุภาพของมันก็เพียงพอที่จะทำให้อัศวินสูญเสียตำแหน่งที่ด้านใน อัศวินกระจัดกระจายกันออกไปทั่วทิศราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน
ทว่า คัมภีร์โซ่ตรวนนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่ากรอมจะโจมตีจากข้างในแต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายรูปขบวนทั้งหมดลง ส่วนอื่นๆที่การโจมตีของกรอมส่งไปไม่ถึงยังคงจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ในเวลานี้เอง พวกออร์คก็โถมเข้ามาถึงหน้ารูปขบวน พวกมันเริ่มเหวี่ยงขวานในมือเข้าใส่เหล่าอัศวิน
โครม! เคร้งง!
เหล่าอัศวินของตระกูลยกโล่ขึ้นต้านทานการโถมโจมตีจากพวกออร์ค ความแข็งแกร่งของคัมภีร์โซ่สะท้อนออกมาผ่านการป้องกันของพวกมัน หากปราศจากคัมภีร์โซ่ที่ช่วยเสริมแล้ว อัศวินในแถวที่หนึ่งคงไม่แคล้วล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์โซ่ได้ช่วยค้ำยันอัศวินแนวหน้าเอาไว้และทำให้พวกออร์คไม่สามารถเจาะทะลวงแนวป้องกันเข้ามาได้
เหล่าอัศวินในแถวที่หนึ่งรู้ท่อนแขนชาด้าน ความแข็งแกร่งที่โถมเข้ามาของพวกออร์คช่างน่าหวาดหวั่น อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถต้านยันเอาไว้ได้ นี่แสดงให้เห็นถึงอานุภาพของคัมภีร์โซ่ พวกมันมีความมั่นใจอย่างเต็มที่จะเอาชนะในศึกครั้งนี้
การโจมตีระลอกแรกของพวกออร์คไม่ประสบผล
ใบหน้าของพ่อบ้านโม่เปลี่ยนเป็นมีความสุขขณะคิดว่าเม็ดเงินที่จ่ายออกไปเพื่อซื้อคัมภีร์นี้มาล้วนคุ้มค่าอย่างยิ่ง คัมภีร์โซ่มีบทบาทสำคัญในสถานการณ์ตอนนี้ กรอมนั้นเข้าไปใจกลางรูปขบวนแต่มันก็ยังยากที่จะทำลายรูปขบวนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยอัศวิน 100 นาย
ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าอัศวินยังต้องพึ่งพาคัมภีร์โซ่ในการต้านทานการโจมตีจากกรอม ในตอนนี้สภาวะเริ่มพลิกกลับมาที่ฝั่งเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉากที่ปรากฏถัดมาทำให้พ่อบ้านโม่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างจนแทบถึงพื้น
เขาเห็นว่าพวกออร์คที่ไม่ประสบผลในการใช้ขวานโจมตี ดังนั้นพวกมันจึงยกเท้าขึ้นถีบใส่โล่
อ๊าาา โอ๊ยยย
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาจากอัศวินที่แถวหน้า ฝ่าเท้าของพวกออร์คนั้นทรงพลังขนาดไหนน่ะรึ? พวกมันสามารถโค่นล้มต้นไม้หนาเตอะได้เพียงเท้าเดียว! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลจากน้ำยาทั้งสองชนิดที่ดื่มเข้าไปอีก!
หน้าที่ของคัมภีร์โซ่คือเป็นเสริมความแข็งแกร่งให้กับโล่ซึ่งอยู่ส่วนบนของร่างกายพวกอัศวิน ซึ่งมันจะกลายเป็นอ่อนแออย่างมากหากโจมตีเข้าใส่ร่างกายส่วนอื่นๆ
พวกอัศวินในแถวแรกไม่ได้รู้สึกอะไรหากว่าเป็นเท้าเพียงข้างเดียว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอัศวินทางด้านหลังที่เบียดเสียดประคับคองกันไว้อยู่
ถึงกระนั้นพวกออร์คก็ไม่ได้สนใจ พวกมันยังคงเหยียดขาเตะเข้าใส่พวกอัศวินคนอื่นๆ
พวกอัศวินสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บเมื่อเห็นพวกออร์คยกฝ่าเท้าขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นหากเท้าขนาดใหญ่นั้นจู่โจมเข้ามา?
เส้นขนทั่วร่างของพวกมันลุกชันขึ้นมาทันที พวกมันต้องการจะลดโล่ที่บดบังอยู่ที่ส่วนบนลงเพื่อต้านรับการโจมตี ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว
อ๊าาาาาา อ่อกกกก
เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังดังขึ้นจากพวกอัศวินในแถวแรกขณะที่พวกมันล้มลงไป
ชั่วชณะที่พวกมันล้มตัวลงไป โซ่ที่เหยี่ยวรั้งพวกมันไว้ก็หลุดออก อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าโซ่ทั้งหมดจะหลุดออกจากทั้งขบวนจากการล้มลงของคนไม่กี่คน
คัมภีร์โซ่จะยังคงแสดงผลตราบใดที่พวกอัศวินยังคงยืนชิดติดกัน
ถึงกระนั้นในใจของพวกอัศวินในแถวที่สองล้วนสั่นสะท้านยามเห็นแนวป้องกันแถวแรกถูกทำลายลงไป
ฮ๊าาากกกกก!
พวกออร์คยังคงใช้กลยุทธ์เช่นเดิม พวกมันใช้ขวานจามเข้าที่ด้านข้างของโล่และเหวี่ยงขาโจมตีไปที่จุดยุทธศาตร์หรือน่องขาของพวกอัศวิน
หากพวกอัศวินในแถวหน้าต้องการจะใช้โล่บดบังที่ช่วงล่าง เช่นนั้นศีรษะของพวกมันก็ต้องรับขวานที่ถูกเหวี่ยงเข้ามา อานุภาพของคัมภีร์ไม่สามารถปกป้องศีรษะของพวกมันได้ นอกจากนี้เซียวอวี๋ยังได้อัพเกรดอาวุธและชุดเกราะของออร์คทั้ง 10 ให้พร้อมสำหรับการเดินทาง
พ่อบ้านโม่กลายเป็นตะลึงงันยามมองดูพวกออร์คใช้วิธีการอันต่ำช้า ไร้ยางอาย ที่พวกมันได้เรียนรู้มาจากเซียวอวี๋ ไม่นานพวกมันก็ค่อยๆทำลายรูปขบวนเข้าไป
วิธีการนี้มีจุดสงค์เพื่อใช้ทะลวงแนวป้องกันของทัพเกราะหนัก อีกฝ่ายได้ใช้คัมภีร์โซ่เพื่อเสริมพลังป้องกัน ดังนั้นพวกออร์คจึงหยิบวิธีการนี้ขึ้นมาใช้เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำลายรูปขบวนด้วยพละกำลัง
เซียวอวี๋ทราบว่าสงครามถูกตัดสินแล้วตั้งแต่ที่อัศวินแถวแรกและแถวสองถูกทำลายลงไป เขาเอนพิงเก้าอี้ขณะที่มือหนึ่งกำลังป้อนเนื้อจระเข้ให้ลูกมังกร หลังจากนั้นเขายังป้อนไวน์ให้กับมัน
"หน้าโง่ ต้องการจะเล่นลวดลายเบื้องหน้าข้า? นายท่านผู้นี้เมื่อเอ่ยถึงเล่ห์กล การโกง การถ้ำมองและอื่นๆล้วนแต่ช่ำชอง อย่าได้คิดฝันจะเทียบข้าได้!" เซียวอวี๋พึมพำขณะจ้องมองไปยังพ่อบ้านโม่
พวกออร์คยังคงเดินหน้าบุกทะลวงเข้าไปมากขึ้น มากขึ้น ขณะที่พวกอัศวินล้มลุกคุกคลานอยู่บนพื้น ขณะเดียวกันกรอมก็กลับมาสมทบและเข้าร่วมโจมตีพร้อมพวกออร์ค อมนิแสลชของกรอมสามารถจัดการกระทั่งอัศวินที่ยกโล่ตั้งรูปขบวนได้
"หยุดมือ! ล้วนหยุดมือ! พวกเราพ่ายแพ้แล้ว!" พ่อบ้านโม่ตะโกนออกมาขณะต้องการจะจบการประลองลง
เขาเกรงว่าพวกอัศวินจะถูกฆ่าหากเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และจบการประลอง
เซียวอวี๋ส่งสัญญาณให้กรอมและพวกออร์คหยุดมือ พวกมันกวาดมองไปที่เหล่าอัศวิน ยกชูกำปั้นขึ้นมา ก่อนที่จะส่งนิ้วกลางให้กับพวกอัศวินที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น
การต่อสู้ที่คิดว่ายากลำบาก แท้จริงแล้วกลับกินเวลาเพียงช่วงสั้นๆไม่กี่นาที
"พ่อบ้านโม่ ส่งสร้อยเส้นนั้นมา" เซียวอวี๋จ้องมองเขาราวกับผู้คุมจ้องมองนักโทษ
พ่อบ้านโม่ก้าวออกไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของพวกอัศวิน
สักพักเขาก็กลับมา "ท่านลอร์ด พวกมันใช้วิธีการอันต่ำช้า! เกรงว่าจะมีอัศวินจำนวนมากที่ตกตายหากพวกเราไม่ได้ใช้คัมภีร์โซ่
ประกายตาของเซียวอวี๋เปลี่ยนเป็นเย็นชา "เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกมันจะได้รับบาดแผลราวแมวข่วนเช่นนี้หรือหากว่าพวกมันไม่ยั้งมือไว้? เจ้าเป็นผู้ริเริ่มการประลองครั้งนี้! เจ้าคิดว่าจะไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นหรือเมื่อมีดาบและโล่เข้ามาข้องเกี่ยว? หรือสมองของเจ้าจะมีปัญหา? เจ้าจะแสดงความเมตตาหรือไม่หากผู้ที่พ่ายแพ้เป็นออร์คของข้า!"
"ท่านลอร์ด ท่านเป็นดยุค! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าท่านจะใช้วิธีการอันสกปรกเช่นนี้เพื่อชัยชนะ!"
"เช่นนั้นเป็นว่าข้าเล่นสกปรก? เป็นเจ้าที่ได้ตระเตรียมคัมภีร์โซ่เอาไว้ล่วงหน้าและต้องการจะใช้เล่ห์กลมาพรากลูกมังกรของข้าไป! เจ้าใช้พวกอัศวิน 100 คนเพื่อต่อสู้กับพวกออร์ค 11 ตน! แล้วเจ้ายังมีหน้ามากล่าวว่าข้าโกงอีกงั้นหรือ? ไร้สาระ! เอาล่ะ ส่งสร้อยคอบัดซบนั่นมาให้ข้า!"
เซียวอวี๋ลุกขึ้นยืนและก้าวมาหยุดที่เบื้องหน้าพ่อบ้านโม่
"ข้าไม่มั่นใจว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มีความเป็นธรรม! ดังนั้นนี่จึงไม่อาจนับเป็นการเดิมพัน!" พ่อบ้านโม่กล่าวโต้ตอบขณะที่ส่งกล่องไม้ที่บรรจุสร้อยไปให้อัศวินที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"เจ้ากล้ายั่วยุข้า?" เซียวอวี๋มองดูการกระทำที่ไร้ยางอายของพ่อบ้านโม่ เขาโบกมือ กรอมและเหล่าออร์คกระชับขวานเดินเข้ามาล้อมพ่อบ้านโม่เอาไว้
"ที่เจ้ายังคงมีลมหายใจอยู่นั่นเพราะพี่สะใภ้ห้า มิฉะนั้นเจ้าจะถูกผ่าเป็นสองส่วนและสังเวยเลือดเนื้อให้กับออร์คของข้า!"
พ่อบ้านโม่กลายเป็นหวาดกลัวยามเห็นเหล่าออร์คกระชับวงล้อมเข้ามา "ท่าน...ท่านต้องการจะทำสิ่งใด ข้าคือพ่อบ้านใหญ่แห่งตระกูลหวังนะ!!"
"ผู้ใดสน?" เซียวอวี๋ก้าวออกมาเบื้องหน้า คว้าลำคอของพ่อบ้านโม่เอาไว้ "เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้คนของตระกูลหวังจริงๆ? เจ้ากำลังดูถูกข้ามากเกินไปแล้วเจ้าพ่อบ้าน! เจ้าคิดว่าข้าต้องใส่ใจกับตระกูลหวังงั้นรึ? การเดินทางของข้าในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่สะใภ้ห้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดหรือว่าตระกูลหวังคู่ควรให้เราราชันย์ต้องไปเยี่ยมเยือนหรือ?
และ....เจ้ายังไม่ยอมรับการเดิมพันครั้งนี้อย่างมีเกียรติ! หากเจ้ากล้าที่จะเล่นลวดลายเช่นนี้อีกครั้ง ข้าจะส่งเจ้าให้กับพวกออร์ค! หากไม่ส่งสร้อยคอมาให้ข้าในตอนนี้ เช่นนั้นข้าจะย่างเจ้าบนเตาเช่นเดียวกับพวกจระเข้นั่น!"
"เจ้า....ท่านกล่าวสิ่งนี้ได้อย่างไร? ท่านเป็นลอร์ด! เป็นชนชั้นสูง เหตุใดท่านถึงกระทำตัวเช่นนี้!? ข้าคือพ่อบ้านของตระกูลหวัง! ท่านกล้าปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?" พ่อบ้านโม่ตื่นตระหนกขณะเห็นแววตาอันเย็นชาของเซียวอวี๋ เซียวอวี๋เปรียบได้กับจักรพรรดิในดินแดนของเขา จะมีผู้ใดกล้าปกป้องหากว่าเซียวอวี๋ต้องการชีวิตของเขา? ราชวงศ์พยัคฆ์คำรนกำลังตกต่ำลง ดังนั้นย่อมไม่มีผู้ใดยินยอมออกมาเรียกร้องถามหาความยุติธรรมให้กับเขา ผู้ใดมีกำปั้นใหญ่ที่สุดผู้นั้นก็คือกฏ!
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหวังยังอยู่ห่างไกลจากเมืองไลอ้อนนับพันไมล์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลหวังจะทำสงครามกับเมืองไลอ้อน
"เซียวอวี๋อย่าได้ทำเช่นนั้น เจ้าชนะแล้ว" ซีเหวินวิ่งออกมาเห็นเซียวอวี๋กำลังคว้าจับลำคอของพ่อบ้านโม่เอาไว้
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลหวังก็ตาม ทว่าเขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล นางกังวลว่าตระกูลของนางจะปฏิบัติกับเซียวอวี๋ไม่ดีจากการกระทำในครั้งนี้
เซียวอวี๋หันมามองซีเหวิน การแสดงออกของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เขาราวกับแปลงร่างกลายเป็นลูกแมวเชื่องเชื่อตัวหนึ่ง "พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นผู้มีอารย เหตุใดข้าถึงต้องฆ่าเขาล่ะ? ข้าเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น"
ทว่ายามเขาหันกลับมาหาพ่อบ้านโม่ การแสดงออกของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันราวกับมัจจุราชจากอเวจี
"ข้าจะมอบโอกาศสุดท้ายให้ อย่าได้เล่นลิ้น มิฉะนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่านรกนั้นเป็นเช่นไร!"
ใบหน้าของเซียวอวี๋อยู่ห่างจากพ่อบ้านโม่เพียง 3 เซนติเมตรขณะจ้องมองด้วยแววตาอันคมกริบ
เหล่าอัศวินต้องการจะเข้ามาช่วยพ่อบ้านโม่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเนื่องจากพวกออร์ค พวกเขาพ่ายแพ้แม้ว่าจะใช้คัมภีร์โซ่เข้าช่วยก็ตาม แล้วยามนี้ที่ไม่มีมันแล้วเล่า?
"มอบสิ่งนั้น...ให้กับพวกเขา" พ่อบ้านโม่ไม่กล้าขัดขืน สุดท้ายเขาก็สั่งให้อัศวินมอบของออกมาภายใต้แรงกดดัน
เซียวอวี๋คว้ากล่องนั้นและยิ้มออกมา เขาปล่อยมือจากพ่อบ้านโม่
"นับได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด พ่อบ้านโม่ พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอารย ในฐานะดยุคแล้ว เหตุใดเจ้าจึงต้องให้ข้าแสดงกริยาหยาบคายออกไปด้วย? นี่ไม่ดีเลย พูดคุยกันอย่างสันติไม่ดีกว่าหรือ? ตระกูลเซียวและตระกูลหวังก็เหมือนญาติพี่น้อง พวกเราควรจะให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ถูกหรือไม่?"
เซียวอวี๋หมุนตัวเดินกลับไปยังรถม้าราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน เขาพูดคุยราวกับว่าตัวตนอันโหดร้ายป่าเถื่อนก่อนหน้านี้ไม่ใช่เขา.....
-----------------------------------------------
ติดตามได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล