WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 59
ติดตามนักแปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
--------------------------------------------------------
ค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวงประดับอยู่กลางท้องฟ้า ลำแสงสีเงินอาบไล้ไปทั่วผิวโลก เซียวอวี๋ได้เข้าสู่ดินแดนของเดวิดพร้อมด้วยอาร์ทัส กูลกลายสิบตัว และอสูรเงาอีกหลายตนเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนภายในดินแดนแห่งนี้
ดินแดนของแคร์รี่ไม่ได้อยู่ติดกับดินแดนของเซียวอวี๋ พวกเขาจะต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน นอกจากนี้เซียวอวี๋ตัดสินใจจะรอถึงช่วงเย็นเสียก่อนจึงค่อยลงมือ การพัฒนาและการวางรากฐานของดินแดนเดวิดนั้นเข้มแข็งกว่าเมืองไลอ้อน เซียวอวี๋มีเมืองใหญ่อยู่เพียงแห่งเดียวที่มีประชากรน้อยเกินกว่าจะเรียกว่าเมืองใหญ่ได้ แต่ดินแดนของเดวิดนั้นมีทั้งหมู่บ้านและเมืองอยู่มากมาย
เซียวอวี๋ไม่ได้วางแผนจะเข้าไปยุ่มย่ามกับเมืองหลวง เขาเชื่อว่าแค่เพียงก่อกวนหมู่บ้านต่างๆก็เพียงพอแล้ว มีและหมู่บ้านเมืองเล็กๆหลายสิบแห่งที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวง หากเขาสามารถทำให้ประชากรส่วนนี้โยกย้ายออกไปได้นั่นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว
นอกจากนี้เขายัง วางแผนที่จะสังหารทหารสักหนึ่งหรือสองนายเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น เซียวอวี๋ไม่มีแผนที่จะสังหารชาวบ้านตาดำๆทั่วไปอยู่แล้ว
...................................
...................................
ในยามค่ำคืน พวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านที่มีอยู่ราว 100 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา เวลานี้เป็นเวลาที่ผู้คนต่างจมอยู่ในนิทราจากการเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน มีเพียงเสียงสุนัขเห่าหอนและเสียงของแมลงเป็นบางครั้ง
"เลียนเสียงผี!" เซียวอวี๋ออกคำสั่งไปยังกูลและอสูรเงา
ครืดด ครืดดด
พวกกูลเริ่มลากฝีเท้าออกไปขณะอสูรเงาเริ่มส่งเสียง
"แคร์รี่......แคร์รี่.......เรามาเอาชีวิตเจ้าแล้ว........"
เซียวอวี๋สอนให้พวกอสูรเงาสามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้บ้างแล้ว พวกมันสามารถกรีดร้องหรือโหยหวนก็ยังได้
นี่เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเดวิด เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านจะหลงเชื่อว่า ดินแดนของเดวิดเป็นแหล่งดึงดูดวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ แผนการนี้จะกดดันเดวิดและแคร์รี่ได้ไม่น้อย
พวกกูลไม่สามารถพูดได้ แต่อสูรเงาสามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้เนื่องเพราะพวกมันกลายร่างมาจากผู้ช่วยนักบวช เซียวอวี๋ออกคำสั่งให้พวกมันใช้การล่องหนและยืนอยู่ริมหน้าต่างตามบ้านเรือนและส่งเสียงร้องอันน่าสยดสยองออกมา
"แคร์รี่.......เจ้าฆ่าเด็กสาว......ดื่มกินพวกนาง........เรามาที่นี่เพื่อทวงถาม...."
เซียวอวี๋อมยิ้มขณะรับฟังถ้อยคำเหล่านั้น
เขากำลังใส่ร้ายป้ายสีให้กับแคร์รี่ พี่น้อง และบิดาของเขา
"แคร์รี่...สังหารเด็กหญิงอายุ 13.....500 นาง....นำเนื้อของพวกนาง....ให้ประชาชน....กิน.....เจ้าโหดเหี้ยม....แม้แต่สหาย..."
"แคร์รี่......มอบหัวของเจ้า....มา"
"แคร์รี่......ทุกคนที่อยู่ในดิแดนแห่งนี้จะต้อง....ตาย!"
"อา....อัศวินแห่งความตายมาเพื่อมอบความยุติธรรมแล้ว...เขาจะเข่นฆ่าทุกคน....เพื่อล้างแค้น....."
ในเวลาเดียวกัน อาร์ทัชก็กระตุ้นม้าเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังสะท้อนในหมู่บ้านที่เงียบสงัด ผู้คนที่มองมาจากหน้าต่างจะสามารถพบเห็นอาชาที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมและอาร์ทัสนั่งอยู่บนมัน พวกเขาจะหดตัวกลับไปซุกใต้ผ้าห่มและเผชิญกับฝันร้าย
เซียวอวี๋ให้กูลจับสุนัขและไก่กาที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้กินเพื่อสร้างฉากอันสยดสยอง
"แคร์รี่....อัศวินแห่งความตาย...จะล้างแค้นให้เรา....ล้างแค้นให้ทุกคนที่ถูกฆ่า..."
"ไปซะ.....ออกไปจากดินแดนต้องสาปแห่งนี้......ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องตาย...อา..หัวของข้า...."
เหล่าอสูรเงากรีดร้องไปทั่วหมู่บ้าน หนึ่งในพวกมันจำแลงกายเป้นชาวบ้านกำลังวิ่งหนี
"อัศวินแห่งความตายมาแล้ว....ค่ำคืนนี้จะมีเพียงหนึ่งที่ถูกสังหาร.....คืนต่อไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 100.....คืนที่สาม......พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย! ฮี่ฮี่ฮี่...."
เซียวอวี๋ทำเช่นนี้อยู่ 4 หมู่บ้าน ไม่มีผู้คนแม้แต่คนเดียวกล้าเปิดประตูออกดู พวกเขาขดตัวอยู่ที่มุมด้วยความกลัว
เซียวอวี๋นำ อาร์ทัส กูลและอสูรเงาเข้าไปหลบซ่อนตัวที่ป่าใกล้เคียงในยามกลางวัน และในยามค่ำคืนพวกเขาก็จะกลับมาอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้อันเดดถูกพบเห็นตอนกลางวัน เซียวอวี๋จะคอยลอบเข้าไปสังเกตุผลงานในยามเช้า เขาพบว่าชาวบ้านจำนวนมากหอบหิ้วสิ่งของออกจากหมู่บ้าน เซียวอวี๋จึงปรากฏกายออกไปถามไถ่
"เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? พวกท่านทั้งหมดกำลังจะไปที่ใด?" เซียวอวี๋ถามออกไปด้วยความใคร่รู้
"ที่ใดงั้นหรือ? ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่! เจ้าไม่ใช่คนละแวกนี้เลยไม่รู้เรื่องราว เจ้าหนู ข้าจะบอกให้ หากเจ้ายังไม่ไปจากที่นี่ คืนนี้เจ้าจะต้องตาย! อัศวินแห่งความตายจะมาทวงแค้นจากแคร์รี่ เขาจะฆ่าทุกคน! ไปซะ!"
ชายผู้นั้นรีบเดินทางออกจากหมู่บ้านโดยทิ้งเซียวอวี๋ไว้เบื้องหลัง
เซียวอวี๋ยกยิ้มขณะมองดูผู้คนกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บข้าวของ
............................
............................
เซียวอวี๋เดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นๆเมื่อรัตติกาลมาเยือน คราวนี้มีหน่วยลาดตระเวนออกเดินตรวจตราอยู่ภายใน ดูเหมือนว่าเดวิดจะส่งคนมาสืบข่าวคราวที่ได้ยิน หน่วยลาดตระเวนเหล่านี้สามารถควบคุมฝูงชนที่กำลังตื่นกลัวเอาไว้ได้
เซียวอวี๋พบว่าทหารหน่วยนี้มีผู้คนไม่ถึง 30 นาย เขาจึงโบกมือไปที่อาร์ทัสเพื่อให้อัศวินแห่งความตายและผีร้ายจากนรกออกไปฉีกทึ้งพวกมัน
อาร์ทัสอยู่ในระดับที่ 4 พร้อมด้วยทักษะดังนี้ กลืนกินวิญญาณ(ระดับ 2) พันธสัญญาแห่งความตาย(ระดับ 1) ข้ารับใช้แห่งความตาย(ระดับ 1)
ทักษะกลืนกินวิญญาณจะสามารถสังหารศัตรูและดึงพลังของพวกมันมาเยียวยาให้กับกูลได้ พันธสัญญาแห่งความตายจะคอยฟื้นฟูพลังชีวิตของอาร์ทัส และข้ารับใช้แห่งความตายจะสามารถปลุกซากศพขึ้นมาในฐานะซอมบี้ เพียงเท่านี้ก็เกินพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนได้แล้ว ผู้คนจะตื่นตระหนกยามพบเห็นผู้คนที่คุ้นเคยเคลื่อนไหวราวกับซากศพ
หน่วยลาดตระเวนถูกซุ่มโจมตีโดยอาร์ทัสและสมุน ขวัญกำลังใจของพวกมันตกต่ำลงทันทีที่เห็นวิญญาณชั่วร้ายและปีศาจที่มีแต่ในตำนาน ผู้คนมักหวาดกลัวสิ่งที่มีรูปร่างน่าสยดสยอง มันคือสัญชาตญาณ
เซียวอวี๋มีความชำนาญขึ้นมากหลังจากผ่านการใช้มาแล้วหลายครั้ง ทักษะวินด์วอร์คและอมนิชแสลชเปล่งประสิทธิภาพอย่างที่มันควรจะเป็นออกมา
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าร่วมสนาบรบ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการก็ตาม ขาของเขาไม่ได้สั่นเทาอีกต่อไปยามเมื่อเห็นโลหิตฉีดพุ่ง
สนาบรบที่มีการนองเลือดอย่างแท้จริงถือเป็นสนามฝึกอันสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้เซียวอวี๋จึงมีคุณสมบัติในการเป็นนักรบคนหนึ่งแล้ว แม้กระนั้นเขายังไม่อาจนับเป็นอย่างไรใดเมื่อเทียบกับฮีโร่คนอื่นๆ
ไม่ถึงสิบวินาที ทหารกว่า 20 นายก็นอนทอดร่างเป็นศพอยู่บนพื้น พวกเขาตัวสั่นเทาเมื่อพบเห็นอาร์ทัสจ้องมองมา นอกจากนี้ฟรอสต์มัวร์ยังเป็นอาวุธที่ไม่อาจต้านทานได้ ดาบของอาร์ทัสไม่ใช่แค่เพียงดาบสามัญ มันไม่ใช่น้ำแข็งแม้รูปร่างจะดูคล้ายก็ตาม ความเสียหายที่มันสร้างได้ยังไม่สูงนักในตอนต้น ดังนั้นเซียวอวี๋จึงทำการอัพเกรดมัน โชคดีที่โรงตีเหล็กอยู่ในระดับที่ 2 ดังนั้นมันจึงแหลมคมอย่างมากหลังอัพเกรด เซียวอวี๋ออกคำสั่งให้เหล่ากูลกัดกินซากศพและแขวนร่างเอาไว้บนต้นไม้ให้เลือดไหลเจิ่งนองทั่วพื้น ฉากเหล่านี้จะสร้างผลกระทบอย่างมากเมื่อมีผู้คนมาพบเจอในยามเช้า
.............................
.............................
เซียวอวี๋ทำเช่นนี้ไปหลายหมู่บ้านในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มหลั่งไหลออกจากดินแดนของเดวิด แน่นอนว่าผู้อพยพส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองไลอ้อนเนื่องจากข่าวแบบปากต่อปากของเซียวอวี๋ได้แพร่กระจายมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว
เมืองไลอ้อนไม่ได้อยู่ห่างไกลมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังทราบเรื่องที่ลอร์ดของเมืองไลอ้อนสามารถเอาชัยเหนือกองทัพแคร์รี่ได้อีก เซียวอวี๋มีชื่อเสียงอย่างมากในดินแดนแห่งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยเดินทางออกจากหมู่บ้านมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก พวกเขาเพียงทราบว่ามีดินแดนใกล้เคียงเช่นเมืองไลอ้อนอยู่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาก่อกวนไปหลายหมู่บ้าน เดวิดก็ส่งทหารนับไม่ถ้วนออกมาล่าสังหารอันเดด นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเดวิดได้ส่งคนไปร้องขอให้อาณาจักรเว่ยส่งพาลาดินและนักบวชจากโบสถ์แห่งแสงมาปราบปรามผีร้าย
โบสถ์แห่งแสงเป็นศาสนาหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็คอยออกปราบปรามสิ่งชั่วร้ายและอันเดด
เซียวอวี๋จำต้องเดินทางกลับเมืองไลอ้อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง เขาทิ้งพวกกูลและอสูรเงาให้อยู่ภายใต้การบัญชาการของอาร์ทัส
อย่างไรก็ตาม เซียวอวี๋ได้ถ่ายทอดคำสั่งอย่างเคร่งคัดไว้ให้แก่อาร์ทัส
ประการแรก พวกเขาจะต้องไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ พวกเขาสามารถจัดการพวกทหาร แต่ต้องไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป
ประการที่สอง อย่าได้ทำตัวเด่นหรือประมาทจนเกินไป อาร์ทัสจะต้องจัดส่งอสูรเงาไปสอดแนมก่อนลงมือ
ประการที่สาม อย่าได้ลงมือถี่จนเกินไป
สิ่งสุดท้ายและสำคัญที่สุด อาร์ทัสจะต้องรักษาชีวิตตนเองไว้ให้ได้ไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม หากอาร์ทัสเห็นว่าสถานการณ์ย่ำแย่เกินแก้ไข เช่นนั้นเขาจะต้องหลบหนี เดธชาร์จเจอร์เป็นอาชาที่ว่องไวอย่างมาก เซียวอวี๋เชื่อว่าการหลบหนีย่อมไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากนั้นเขาได้กลับไปยังเมืองไลอ้อนเพื่อตระเตรียมสิ่งของเพื่อเดินทางไปยังตระกูลหวัง..........