WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 58
"นายท่านแน่ใจหรือไม่ว่าจะสามารถพานายหญิงที่ห้ากลับมาได้?" พ่อบ้านหงสืกล่าวถามขึ้นหลังจากที่พ่อบ้านโม่ถูกนำไปยังที่พักแล้ว พ่อบ้านหงส์ หัวหน้าทหารฮุ่ย และสะใภ้คนอื่นๆต่างรั้งอยู่หารือหาแผนการที่เหมาะสมให้เซียวอวี๋
"แน่นอน หากนางไม่กลับมา เช่นนั้นนางก็ต้องแต่งออกไปยังตระกูลอื่นอีกอยู่ดี" เสวี่ยซานเป็นผู้ที่ไม่เต็มใจจะปล่อยซีเหวินไปมากที่สุด
เซียวอวี๋เดินกับไปนั่งที่บัลลังก์ของเขาและรินไวน์ลงแก้ว เขาหรี่ตาลง "ข้ากล่าวเช่นไรข้าก็จะทำเช่นนั้น ้ข้าเคยกล่าวว่าจะปกป้องเมือง แต่พวกท่านก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?"
ทุกคนมองดูท่าทางอันมั่นใจของเซียวอวี๋ ไม่นานมานี้เซียวอวี๋ได้กระทำสิ่งต่างๆที่ผู้คนต่างคิดว่าไม่สามารถไว้มากมาย ซึ่งบางทีอาจจะรวมถึงการเดินทางครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ในอดีต เมืองไลอ้อนและพื้นที่โดยรอบต่างไม่อาจพึ่งพาตระกูลเซียวได้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาสามารถถูกรุกรานไม่ทุกเมื่อ ทว่ามันแตกต่างไปจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง ตัวเมืองกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น เซียวอวี๋ยังเป็นผู้นำแห่งกองทัพออร์คและเอลฟ์ซึ่งจะสามารถใช้กดดันตระหวังได้ในกรณีที่พวกเขาไม่ยอมปล่อยซีเหวินกลับมา พวกเขาเห็นว่าเซียวอวี๋กล้าที่จะท้าทายตระกูลหวัง ดังนั้นเขาสมควรจะมีแผนการรองรับเอาไว้แล้ว
ด้วยเหตุนั้น ผู้คนภายในเมืองไลอ้อนจึงเตรียมตัวจัดส่งเซียวอวี๋และซีเหวินออกเดินทาง
ที่เซียวอวี๋ต้องการยืดเวลาเดินทางออกไปถึง 10 วันก็เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาสะสางเรื่องราวต่างๆ ดินแดนของเขากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นพัฒนาซึ่งมีหลายสิ่งที่เขาต้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เขาเชื่อว่าบิดาของแคร์รี่คงไม่มารุกรานในช่วงเวลานี้ แต่เขาก็จำเป็นต้องเตรียมมาตราการรับมือเอาไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
นอกจากนี้สายบังคับบัญชาของเผ่าพันธุ์ทั้งสามจะหายไปหากเซียวอวี๋ไม่อยู่ เซียวอวี๋จึงจำต้องหานโยบายใหม่ที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสนับสนุนดินแดนของเขามากยิ่งกว่านี้
ดินแดนของตระกูลหวังนั้นอยู่ห่างออกไปกว่า 2,000 ไมล์ ซึ่งแน่นอนว่ายุคสมัยนี้ย่อมไม่มีเครื่องบิน รถไฟหรือรถยนต์ ดังนั้นการเดินทางไปจึงต้องใช้เวลาราวหนึ่งเดือน ซึ่งในยุคสมัยนี้ ระยะเวลาเพียงเท่านี้นับเป็นเรื่องปกติ นี่หมายความว่าการเดินทางไปและกลับในครั้งนี้จะกินเวลาราวสองเดือน
เซียวอวี๋ได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในช่วงที่เขาไม่อยู่นี้กับพ่อบ้านหงส์และหัวหน้าทหารฮุ่ย มันเป็นนโยบายเกี่ยวกับเกษตรกรรมและการรับสมัครเกษตรกรจากดินแดนข้างเคียง
เขาวางแผนที่จะดึงดูดผู้คนจากทุกทั่วสารทิศให้มาเข้าร่วมกับดินแดนของเขา ผลจากสงครามในอดีต ปัญหาที่เรื้อรังมาตลอดของเมืองไลอ้อนก็คือ ประชากร แม้ว่าเซียวอวี๋จะกวาดล้างค่ายโจรไปหลายแห่งและก่อตั้งหมู่บ้านขึ้น ทว่าประชากรของดินแดนก็ยังมีไม่ถึง 50,000 คน
นโยบายหลักที่เซียวอวี๋จะใช้ชักจูงผู้คนก็คือ การลดหย่อนภาษีและการงดเว้นในบางกรณี เซียวอวี๋ได้สั่งให้พ่อบ้านหงส์ส่งคนไปยังดินแดนข้างเคียงและใช้การปล่อยข่าวลือถึงเรื่องการละเว้นภาษีที่เกิดขึ้นในดินแดนของเขา ผู้อพยพที่เข้ามาใหม่ทุกคนจะได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นเวลาสามปีเต็ม พวกเขาสามารถตั้งถิ่นฐานและทำไร่นาที่ใดก็ได้ภายในดินแดน ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะได้รับการงดเว้นภาษีเป็นเวลา 5 ปี พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาลงมือปลูกและเซียวอวี๋จะไม่เรียกเก็บส่วยพวกเขาแม้แต่กระสอบเดียว
ในยุคสมัยนี้นั้น ประชาชนหรือชาวบ้านทั่วไปไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ที่ดินทั้งหมดล้วนเป็นของลอร์ดหรือชนชั้นสูง เพื่อที่จะเพาะปลูกหรือทำไร่แล้ว ชาวบ้านจำเป็นจะต้องเช่าที่ดินจากลอร์ด หรือก็คือ ลอร์ดจะเปิดที่ดินให้พวกเขาเช่าไปเพาะปลูก ตอนนี้เซียวอวี๋จะเปิดให้พวกเขาเข้ามาถือครองที่ดินเหล่านี้ได้ฟรีเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งการแปรรูปที่ดินเช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นนี่จะเป็นส่วนช่วยดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในดินแดน
ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนั้นเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง ทว่าที่นี่ก็ยังสามารถทำการเพาะปลูกได้ แม้ผลผลิตของมันอาจจะไม่สามารถเทียบได้กับดินแดนทางใต้ที่อุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายของเซียวอวี๋ที่จะทำให้เกษตรกลายเป็นเจ้าของที่ดินโดยไม่ต้องจ่ายภาษีมันหมายความว่าพวกเขาจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างในที่ดินผืนนั้น ซึ่งมันอาจจะมากยิ่งกว่าผลผลิตหลังหักภาษีที่ดินแดนทางใต้ด้วยซ้ำ เซียวอวี๋นั้นเป็นคนสมัยปัจจุบันและทราบว่าการจะพัฒนาสังคมนั้นจะต้องใช้เวลาที่ยาวนาน
เขารู้ว่าจะอย่างไร การแปรรูปที่ดินก็ต้องเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเอาไปปรับใช้ได้ในชั่วข้ามคืน เขาวางแผนที่จะใช้นโยบายปฏิรูปไร่นาและอื่นๆของซางหยาง ทว่าพ่อบ้านหงส์กับคัดค้านอย่างหนัก ซึ่งเรื่องนี้เองทำให้พวกเขาโต้แย้งกันเป็นเวลานาน พ่อบ้านหงส์เชื่อว่าทุกตารางนิ้วนั้นสมควรเป็นของลอร์ดผู้ปกครองดินแดน นี่จะปล่อยให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์โดยเปล่าได้อย่างไร?
เซียวอวี๋ต้องใช้เวลาอธิบายอย่างยาวนานว่าเขาต้องการจะดึงดูดผู้คนเข้ามาในดินแดน ซึ่งเขาเลือกที่จะกระทำผ่านวิธีนี้ ซึ่งแน่นอนว่านโยบายนี้ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างล้มหลามจากผู้คนในดินแดน ผืนดินโดยรอบเมืองไลอ้อนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ผลจากนโยบายนี้ได้เพิ่มจำนวนชาวนาภายในดินแดนขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงไม่นาน
นอกจากนี้แล้ว ด้วยการประกาศนโยบายออกไป ผู้คนที่เคยเข้าร่วมกับค่ายโจรต่างๆเริ่มหลบหนีออกมา นั่นทำให้ประชากรภายในเมืองไลอ้อนมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเมืองไลอ้อนได้มีพลเรือนเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คน
เซียวอวี๋ได้สั่งให้พ่อบ้านหงส์ติดตามขยายผลของนโยบายนี้ เขาทราบว่า เมื่อดินแดนของเขามีชาวนามากขึ้น นั่นก็หมายความว่าดินแดนของเขาจะมีอาหารมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยวิธีนี้ กองทัพจะมีเสบียงมากยิ่งขึ้น สามารถดึงดูดช่างฝีมือหรืออื่นๆได้มากยิ่งกว่าเดิม
พ่อบ้านหงสืค่อยๆลดการคัดค้านลงทีละขั้นเมื่อเห็นว่า นโยบายของเซียวอวี๋ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการดึงดูดผู้คนเข้ามา นี่เป็นเพียงการหยิบยื่นที่ดินออกไป 5 ปี สุดท้ายแล้วที่ดินเหล่านั้นก็ยังเป็นของดินแดน
นอกจากนี้เซียวอวี๋ยังวางแผนที่จะรุกรานและก่อกวนผู้คนในดินแดนของเดวิด(พ่อของแคร์รี่)
เขาได้ลอบส่งพวกกูลเข้าไปหลบซ่อนแถวภูเขาและคอยสังหารสิ่งมีชีวิต ในตอนนี้อาร์ทัสได้มาถึงระดับที่ 4 แล้ว เซียวอวี๋ตั้งใจจะให้อาร์ทัสนำเหล่ากูลบุกโจมตีหมู่บ้านและเมืองเล็กๆที่อยู่ภายในดินแดนของเดวิด เขาต้องแน่ใจว่าดินแดนแห่งนั้นจะเข้าสู่ความวุ่นวายและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นอกจากนี้ เซียวอวี๋ยังได้ตระเตรียมมาตราการป้องกันเมืองไลอ้อน เขาทราบดีว่ากองทัพของเขานั้นแข็งแกร่งมาก ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถกระทำการใดๆได้เมื่อปราศจากคำสั่งของเซียวอวี๋ นั่นเป็นผลให้เขาเลือกที่จะฝึกปรือฮีโร่ให้สามารถนำทัพยามที่เขาไม่อยู่ เขาต้องการให้ฮีโร่มีไหวพริบและสามารถวางแผนการ ตัดสินใจ หรือแม้กระทั่งเลือกใช้กลยุทธ์
เขาทราบดีว่าในอนาคต พวกเขาจะต้องทำสงครามอีกมากมาย ซึ่งเขาก็ไม่สามารถไปบัญชาการด้วยตนเองได้ทุกที่ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาเหล่าฮีโร่ที่จะสามารถนำทัพแทนเขาได้ ซึ่งคนแรกที่เขาเลือกสรรก็คือ ทอร์ล
ทอร์ลเป็นหัวหน้าของเผ่าพันธุ์ออร์ค เขาเกิดมาเพื่อเป็นราชันย์ เซียวอวี๋ได้สอนและอธิบายการจัดการพื้นฐานให้แก่เขา
เซียวอวี๋ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วงมหาวิทยาลัยในการเล่มเกม ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงถูกส่งไปเรียนวิชาบังคับ การบริหารหอพัก แม้ว่าความรู้ส่วยใหญ่จะส่งคืนผู้ถ่ายทอดไปแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะถ่ายทอดการจัดการพื้นฐานออกมาได้
ทอร์ลเป็นคนที่หัวไวมาก เพียงช่วงสั้นๆ เขาก็สามารถทำความเข้าใจและดูแลเผ่าออร์คได้
กรอมนั้นเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่ง ทว่าเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ของผู้นำ ดังนั้นตอนนี้หน้าที่ดูแลจัดการเหล่าออร์คจึงตกเป็นของทอร์ล
เซียวอวี๋ตัดสินใจให้ทอร์ลขึ้นเป็นผู้นำกองทัพและคอยช่วยเหลือหัวหน้าทหารฮุ่ยในกรณีที่เมืองไลอ้อนถูกโจมตี ซึ่งในช่วงเวลาที่สงบสุข ทอร์ลจะนำนักรบออกสานต่อปณิธานของเซียวอวี๋ เก็บส่วยจากพวกโจรต่อไป
หลังสะสางเรื่องราวจนเสร็จสิ้น เซียวอวี๋ก็นำ อาร์ทัส กูลหลายสิบตัว และอสูรเงาไปยังดินแดนของเดวิด
อสูรเงาเป็นยูนิตที่สามารถล่องหนและสอดแนมได้อย่างดีเยี่ยม เซียวอวี๋ทราบว่ากองทัพของเขายังต้องการเวลาในการพัฒนา ดังนั้นเขาจึงส่งอสูรเงาไปคอยสอดแนมที่ดินแดนของเดวิดเผื่อไว้ในกรณีที่เขายกทัพมาโจมตี.....