ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 49
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 51

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 50


ติดตามนักแปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

------------------------------------------------------

เหล่าออร์คใช้พละกำลังอันแข็งแกร่งผลักดันกองทัพของแคร์รี่ออกจากเมือง จุดเด่นของพวกออร์คสะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าออร์คที่รับหน้าที่เฝ้าประตูเมืองนั้นเซียวอวี๋ได้คัดสรรมาด้วยตนเอง ออร์คที่อยู่ในระดับที่ 4 ทั้งหมดถูกส่งมารับหน้าที่นี้ พวกมันสามารถรับมือทหารราว 5 - 6 คนได้ในเวลาเดียวกันตราบใดที่พวกทหารไม่ได้จัดตั้งรูปขบวนขึ้นมา

อ๊ากกกกก!

เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของพวกออร์คดึงกึกก้องไปทั่วประตูเมือง ฝั่งไพร่พลของแคร์รี่ก็ไม่ยอมถอย พวกมันยังคงต้องการเข่นฆ่าพวกออร์คและตีฝ่าเข้าไปในเมือง

เซียวอวี๋ส่งสัญญาณให้จ้าวมนตรา

"คลื่นเยือกแข็ง! ที่นอกประตู!" เซียวอวี๋ออกคำสั่งแก่จ้าวมนตราที่เพิ่งฟื้นฟูมานาเสร็จสิ้น น้ำยามานาที่เซียวอวี๋มอบให้ไปเริ่มส่งผลอย่างช้าๆ มันจำต้องใช้เวลาราว 4 - 5 นาทีในการฟื้นฟูมานาทั้งหมดที่สูญเสียไป เซียวอวี๋ทราบว่าการฟื้นฟูของมันจะรวดเร็วกว่านี้หากน้ำยามีระดับที่สูงขึ้น

จ้าวมนตายิ้มและผงกศีรษะ เขาเริ่มร่ายเวทย์ขณะคลื่นความเย็นก่อตัวขึ้นที่นอกประตูเมือง คลื่นเยือกแข็งที่หมุนวนอยู่ด้านบนค่อยๆส่งแท่งน้ำแข็งลงมาครอบคลุมพื้นที่หน้าประตู ทหารเกราะเบาที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มล้มลงหลังจากเผชิญการโจมตีจากแท่งน้ำแข็งที่ร่วงลงมา พวกมันส่วนใหญ่กรีดร้องขณะดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดจวบจนวาระสุดท้าย

ในครั้งก่อน เซียวอวี๋ใช้พลธนูเอลฟ์ 50 นายสนับสนุนแนวรับของพวกออร์คในการต้านทานที่ประตูเมือง ทว่าในครั้งนี้เขาเปลี่ยนมาใช้บริการจากจ้าวมนตราแทน นี่เป็นสงครามขนาดใหญ่ หากเขาเลือกพลธนูมาสนับสนุนที่ประตูเมือง เช่นนั้นกำลังพลที่คุมเชิงอยู่ด้านบนกำแพงก็จะลดลง แต่จ้าวมนตรานั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปข้างล่าง เขาเพียงแค่ต้องร่ายเวทย์และส่งมันเข้าใส่กองทัพฝ่ายศัตรูที่อยู่ด้านหน้าประตู ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนที่จ้าวมนตราสามารถสังหารได้ในคราวเดียวยังมากเสียยิ่งกว่าให้พวกเอลฟ์ลงมือเสียอีก

"กลุ่มแรก! เตรียม! ยิง! กลุ่มสอง! เตรียม! ยิง!" เซียวอวี๋มองเห็นทิรันด้าพบผู้ใช้มนตราอีกคนหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งพลปืนให้เล็งไปยังทิศทางนั้นทันที

ผู้ใช้มนตราย่อมไม่อาจต้านทานห่ากระสุนที่ระดมยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่องได้

ฟุบ อ้ากกก

หอกยาวเสียบทะลุร่างของไพร่พลที่หัวหน้าทหารฮุ่ยรับเข้ามาใหม่ เครื่องบาริสต้าของฝ่ายศัตรูเริ่มยิงหอกยาวขึ้นมาด้านบนกำแพง แม้ว่าความแม่นยำของมันจะไม่สูงนัก ทว่าในด้านของความรุนแรงนั้นตรงกันข้าม ขณะเดียวกันเครื่องยิงหิน 5 เครื่องก็ยิงหินติดตามขึ้นมา

ทว่าประสิทธิภาพของพวกมันนั้นไม่ได้ดีเท่าบาริสต้า พวกมันเลือกใช้หินก้อนใหญ่ ดังนั้นการยิงแต่ละครั้งของพวกมันจึงสามารถบรรจุได้ทีละก้อน ซึ่งแตกต่างจากเซียวอวี๋ที่ยอมลดขนาดและแลกมาซึ่งความแ่นยำที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

ประโยชน์ของหินก้อนใหญ่และก้อนเล็กนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ การพุ่งชนของหินก้อนใหญ่อาจจะสามารถหลุมที่กำแพงขึ้นมาได้ ทว่าก็แลกมาซึ่งความแม่นยำที่ต่ำอย่างมาก

"เครื่องยิงทำลายกลุ่มแรกเล็งไปที่บาริสต้าอันแรกที่อยู่ด้านซ้าย! เตรียม! ยิงได้!" เซียวอวี๋ประเมินได้อย่างรวดเร็วว่าภัยคุกคามของบาริสต้านั้นมีมากกว่า ดังนั้นเขาจึงเลือกลงมือใส่มันก่อน

นักรบของเขาและพลทหารของหัวหน้าฮุ่ยนั้นสามารถหลบหลีกหินขนาดใหญ่ได้ไม่ยากจากการคาดคะเนวิถีของมัน ทว่าหอกที่ถูกยิงออกมาจากบาริสต้านั้นรวดเร็วกว่า แม่นยำกว่า ทรงพลังมากกว่า กระทั่งตัวจ้าวมนตราเองก็อาจไม่รอด หากโดนยิง เซียวอวี๋ย่อมมองเห็นในข้อนี้ ดังนั้นเครื่องยิงหินจึงถูกละเว้นไปชั่วคราว

หลังจากยิงออกไป 4 ครั้งติดต่อกัน เซียวอวี๋ก็สามารถทำลายบาริสต้าที่กระจัดกระจายอยู่ของแคร์รี่ได้สำเร็จ แม้ว่าระหว่างนั้นหอกยาวของมันจะสามารถพรากชีวิตคนของเขาไปได้บางส่วนก็ตาม โชคดีที่มันยังไม่ทันสร้างความเสียหายแก่กองทัพของเขาได้มากนัก

หอกยาวได้แทงทะลุหน้าอกของออร์ค แม้กระนั้นมันก็ยังคงคำรามขณะเหวี่ยงขวานในมือและสู้ต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา เซียวอวี๋ที่เห็นเช่นนั้นจึงออกคำสั่งให้ออร์ค 2 ตนให้ลากมันกลับมาและดึงหอกที่เสียบคาอยู่ออก จากนั้นเขาจึงใช้น้ำยาฟื้นพลังเพื่อเยียวยาบาดแผลของมัน เซียวอวี๋ได้กักตุนน้ำยาเหล่านี้ไว้มากมาย แต่เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นปริมาณของพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

เซียวอวี๋ไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวในการใช้พวกมัน เขาต้องการรักษาชีวิตนักรบของเขาให้ได้มากที่สุด หลังจากหน่วยบาริสต้าถูกทำลายลงไปแล้ว เซียวอวี๋ก็สั่งการเครื่องยิงทำลายทั้ง 10 และเครื่องจู่โจมอีก 4 เครื่องเล็งยิงไปที่เครื่องยิงหินของฝ่ายศัตรู ไม่นานพวกมันก็ถูกทำลายลงติดต่อกัน

หลังเครื่องยิงหินและบาริสต้าถูกทำลายไปแล้ว ภัยคุกคามที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีเพียง ผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ใช้มนตรา....และอีกสิ่งที่กดดันเซียวอวี๋ จำนวนที่มากกว่าของฝ่ายศัตรู

การต่อสู้ที่ประตูเมืองได้กลายเป็นการต่อสู้นองเลือด ทหารฝ่ายศัตรูยังคงพยายามจะตีฝ่าประตูเมืองเข้าไป ทว่าทุกครั้งพวกมันก็ต้องเผชิญกับเหล่าออร์คที่นำโดยกรอม

ไม่เพียงแต่ไพร่พลเกราะเบาเท่านั้น ยังมีพวกทหารเกราะหนักที่เข้าร่วมการโจมตีประตูเมืองอยู่ด้วย เนื่องจากน้ำหนักของเกราะที่พวกมันสวมใส่อยู่ การปีนกำแพงเมืองจึงไม่อาจกระทำได้ ดังนั้นหนทางเดียวก็คือ การเจาะทะลวงแนวป้องกันที่ประตูเมือง ขวานยักษ์ของพวกออร์คนับได้ว่าคมกริบ ทว่ามันก็ยังไม่ง่ายในการจะฉีกเกราะของไพร่พลเกราะหนัก ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ยากจนเกินไปเนื่องจากเซียวอวี๋ได้สอนวิธีการรับมือให้กับพวกมันไว้แล้ว

วิธีการแรกที่เซียวอวี๋แสดงออกมาคือ การฟันไปที่ด้านข้างศีรษะ จากพละกำลังที่แข็งแกร่งของพวกออร์คแล้ว หัวของทหารเกราะหนักจะถูกสับหรือตัด แม้ว่าพวกมันจะยังคงสวมหมวกเกราะเอาไว้ก็ตาม ซึ่งเซียวอวี๋ยังได้แสดงวิธีที่สองเอาไว้เผื่อในกรณีที่วิธีแรกไม่ประสบผล วิธีการนี้คือ การใช้เท้ายันไปที่หัวเข่าของทหารเกราะหนัก แม้ว่าที่เข่าของพวกมันจะถูกหุ้มเอาไว้ด้วยเหล็กหนาก็ตาม แต่เกราะและหัวเข่าย่อมไม่อาจต้านทานการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกออร์คได้

ซึ่งสิ่งที่ปรากฏออกมาก็พิสูจน์ได้ว่าวิธีของเซียวอวี๋นั้นมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ซึ่งการโจมตีไปที่หัวเข่านี้สาามารถใช้ได้ง่ายกับพลเกราะหนักมากกว่า

พลเกราะเบาสามารถเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างได้ ขณะที่พลเกราะหนักนั้นไม่สามารถ หน่วยทหารเกราะหนักนั้นทรงพลังอย่างมากหากใช้จัดการกับไพร่พลสามัญทั่วไป เนื่องจากเกราะที่หนาจะป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ไปได้ ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับพวกออร์คในการต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้นั้นจุดเด่นของพวกมันจึงถูกลดทอนลงไป

ปริ๊ง!

เซียวอวี๋มองดูจ้าวมนตราที่เลื่อนระดับขึ้นเป็น 9 แต้มทักษะที่เพิ่มขึ้นมาถูกจัดสรรให้กับทักษะ อัญเชิญจิตวิญญาณน้ำ

ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณน้ำอีกตนก็ปรากฏออกมาที่ข้างกายของจ้าวมนตรา ตนที่สองและตนที่หนึ่งจะช่วยต้านทานการโจมตีที่เล็งเข้าหาจ้าวมนตรา

กรอมยังคงใช้พายุคลั่งในการสับสังหารไพร่พลฝั่งศัตรู ไม่ช้า ระดับของกรอมก็เลื่อนมาอยู่ที่ระดับ 11 เซียวอวี๋จึงลงแต้มทักษะไปที่ พายุคลั่ง ทำให้มันเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 2

ความเสียหายในระดับที่ 2 เพิ่มขึ้นมา 100%

ฉับ ฉับ

กรอมเรียกใช้งานพายุคลั่งต่อทันทีขณะที่พุ่งเข้าไปท่ามกลางศัตรู พลังปราณที่แข็งแกร่งถูกห่อหุ้มไว้รอบกายของเขา ขณะที่ดาบในมือยังคงพรากชีวิตของทหารที่อยู่โดยรอบราวกับการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี

ทิรันด้าเองก็เลื่อนมาอยู่ที่ระดับ 11 แล้วเช่นกัน เซียวอวี๋จึงเพิ่มแต้มไปที่ รัศมีจ้าวธนู บทบาทของทักษะนี้นั้นส่งผลต่อสนาบรบเป็นอย่างมาก ผลของมันไม่เพียงแต่ส่งเสริมผู้ใช้เท่านั้น พลธนูเอลฟ์ที่อยู่โดยรอบต่างก็ได้รับด้วยเช่นกัน....