ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 46
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 48

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 47


แคร์รี่มีทัพไพร่พลเกราะหนักอยู่ 1,000 นาย ซึ่งนับได้ว่ามากไม่ว่าสำหรับดินแดนใดๆ เหตุผลหลักก็คือค่าใช้จ่ายของกองทัพนี้นั้นแทบจะไม่ต่างไปจากทัพม้าเกราะหนักเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าจะไม่ได้ทรงอานุภาพเทียบเท่าทัพม้าก็ตาม

แคร์รี่สูญเสียทหารเกราะหนักไปแล้วราว 300 นายจากรถจู่โจม รถยิงทำลาย และพลปืน ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความเร็วในการถอยทัพของพวกมันเป็นไปอย่างเชื่องช้าจากน้ำหนักของโล่และชุดเกราะที่สวม นอกจากนี้ขณะที่ถอยพวกมันก็ยังต้องคงไว้ซึ่งรูปขบวน หากว่าพวกมันกระจัดกระจายกันออกไป การจะรวมตัวกันได้ใหม่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ของรูปขบวนนั้นเชื่องช้าอย่างมาก ซึ่งระยะยิงของรถยิงทำลายก็ยังไกลพอที่จะโจมตีเข้าใส่พวกมันได้ทุกจุด

เซียวอวี๋ไม่ได้มีแผนการที่จะใช้รถยิงทำลายพวกนี้เข้าจัดการทัพเกราะเบา เขาปล่อยให้พวกมันปีนกำแพงขึ้นมาซึ่งพลธนูที่คอยท่าอยู่ด้านบนก็จะส่งพวกมันลงมาเอง ดังนั้นอาวุธหนักเหล่านี้จึงถูกใช้กับทัพเกราะหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

"กระจายตัว! กระจายตัวออกไปซะ! สลายรูปขบวน!" ผู้บัญชาการทัพเกราะหนักตะโกนสั่งการอย่างเร่งรีบขณะที่มองดูไพร่พลล้มตายลงเรื่อยๆจากความเร็วที่เชื่องช้า

เมื่อกระจายตัวกันออกไปแล้ว ภัยคุกคามจากรถยิงทำลายก็จะมีอยู่อย่างจำกัด และจำนวนที่ต้องสูญเสียก็จะลดลง หากว่าพวกเขายังคงดื้อดึงรวมรั้งเป็นจุดเดียวอยู่เช่นนี้ก็เท่ากับเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายเลือกสังหารได้ตามใจ

ไพร่พลต่างกระจายตัวออกในทันทีที่ได้ยินเสียงสั่งการของผู้บัญชาการ ซึ่งความจริงแล้วเหล่าไพร่พลที่อยู่ในแถวหน้าต่างหวาดกลัวจนไม่กล้ารุกล้ำไปข้างหน้าและรอคอยช่วงเวลานี้อยู่แล้ว มีเพียงไพร่พลที่อยู่ในแถวด้านหลังของรูปขบวนที่ไม่ต้องพบเห็นกับฉากสังหารหมู่เท่านั้นที่ยังนิ่งอยู่ได้

ผู้บัญชาการได้ออกคำสั่งให้กระจายตัวอย่างรวดเร็ว ทว่าก็มีไพร่พลตกตายไปมากกว่า 400 นายเข้าไปแล้ว แคร์รี่หน้าซีดเผือดขณะจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจินตนาการไว้ว่ากองกำลังเกราะหนักของเขาสามารถตีฝ่าเข้าไปในเมืองและยึดครองที่แห่งนั้นไว้ได้ ทว่าแทนที่จะเป็นเช่นนั้น ความฝันของเขากลับมลายหายไปในพริบตา เขาสูญเสียทหารเกราะหนักไปครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงไม่นาน

"พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก! ข้าต้องจ่ายออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อชุบเลี้ยงพวกสวะที่ไม่อาจเอาชนะได้แม้แต่ออร์คสวะขึ้นมา! ข้าจะส่งพวกมันไปเป็นคนงานที่เหมืองเมื่อกลับไป!" แคร์รี่สูญเสียบุคคลิกของชนชั้นสูงและตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

"นายน้อย ฝ่ายศัตรูมีอาวุธที่แปลกประหลาดนัก ดูคล้ายหน้าไม้แต่มิใช่อีกทั้งยังมีปีกอยู่สองข้าง มันสามารถยิงใบมีดที่กว้างเกือบ 2 เมตรออกมาได้และตัดผ่านทัพเกราะหนักจนขาดครึ่ง! ไม่ว่าจะเป็นโล่หรือชุดเกราะต่อหน้าของสิ่งนี้นั้นไม่ต่างไปจากเนยก้อนหนึ่ง พวกเราจะสูญเสียคนมากกว่านี้หากยังดึงดันบุกต่อไป"

ผู้บัญชาการรุดกลับมาจากแนวหน้าและรายงานสิ่งที่ประสบพบเจอต่อแคร์รี่ ขณะเดียวกันมันก็รอคอยคำสั่งต่อไปของแคร์รี่

"ใบมีดที่ยาว 2 เมตร?! ผ่าแยกทหารเกราะหนักจนเป็นสองท่อน?! สิ่งนั้นคืออะไร?" มีร่องรอยของความกลัวปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของแคร์รี่หลังจากได้ยินเรื่องนี้

"นายท่าน ข้าเดาว่ามันคงเป็นเครื่องจู่โจมของพวกเอลฟ์ ข้าเคยผ่านตาพวกมันมาจากตำรา มีสองปีกขนาดยักษ์และสามารถยิงใบมีดได้ พวกเอลฟ์เคยใช้สิ่งนี้ในสงครามระหว่างมนุษย์และเอลฟ์ ยังคงมีบางอาณาจักรที่เก็บสะสมพวกมันเอาไว้อยู่ ทว่าขั้นตอนการสร้างของมันกลับยุ่งยากเป็นอย่างมาก ข้าเดาว่า เซียวอวี๋คงมีช่างฝีมือชาวเอลฟ์ที่สามารถสร้างพวกมันอยู่ข้างกาย" ที่ปรึกษากองทัพของแคร์รี่กล่าวอธิบายอย่างแผ่วเบา

"ข้าเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน ทว่าไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน ว่ากันว่าเครื่องจู่โจมเหล่านี้นั้นเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจอย่างมากในสนามรบ ยิ่งไปกว่านั้นพลังทำลายของมันจะรุนแรงมากขึ้นหากใช้กับรูปขบวนที่มีความหนาแน่นสูง พวกมันเป็นเครื่องจักรสังหาร!" ใบหน้าของแคร์รี่กลายเป็นซีดเซียวยิ่งกว่าหิมะ

.....................................

.....................................

กองทัพทั้งหมดของแคร์รี่จำต้องถอยทัพเนื่องจากการสูยเสียอย่างหนักของทัพเกราะหนัก เพียงช่วงเวลาไม่นาน พวกเขาต้องสูญเสียไพร่พลไปกว่า 6,000 นาย

ฮูล่าา! ฮูเล่!

เสียงโห่ร้องให้กับชัยชนะดึงกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองไลอ้อนหลังจากที่พวกเขาสามารถต้านทานการโจมตีระลอกแรกจากกองทัพของแคร์รี่เอาไว้ได้

ทางฝั่งของเซียวอวี๋ไม่ได้มีผู้เสียชีวิตมากนัก มีพวกออร์คไม่กี่ตัวที่บาดเจ็บสาหัสแต่ไม่มีตัวใดที่ถูกฆ่า เซียวอวี๋ได้ใช้น้ำยารักษาบาดแผลของพวกมันในทันที ประสิทธิภาพของมันนั้นไม่ต้องกล่าวถึงตราบเท่าที่ผู้ที่ใช้มันยังมีลมหายใจอยู่ บาดแผลทั้งหมดทั้งมวลย่อมสามารถฟื้นฟูได้ นี่เป็นเพียงน้ำยาระดับที่ 1 เท่านั้น ดังนั้นผลของมันจึงไม่สามารถรักษาได้อย่างทันทีทันใด ทว่ามันก็เพียงพอที่จะรักษาบาดแผลของพวกออร์คได้แล้ว

เซียวอวี๋คิดว่าของพวกนี้คงประเมินค่าไม่ได้ หากว่าเซียวอวี๋มีน้ำยาเช่นนี้ในชีวิตก่อน

เซียวอวี๋ไม่ได้สูยเสียนักรบของเขาไปแม้แต่นายเดียว ทว่าหัวหน้าทหารฮุ่ยนั้นกลับสูญเสียไพร่พลไปอย่างน้อยก็หลายสิบคนจากการถูกโยนลงจากกำแพง ตัวการสำคัญที่ทำให้ไพร่พลของหัวหน้าทหารฮุ่ยบาดเจ็บล้มตายก็คือ พลหน้าไม้ของทัพแคร์รี่

หน้าไม้เกรดกองทัพนั้นยิงลูกศรได้ไกลหลายสิบเมตร ภัยคุกคามของพวกมันจึงสูงอย่างมาก พวกออร์คนั้นไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวในการสู้รบระยะประชิดเนื่องจากระดับที่สูงและชุดเกราะที่สวม ทว่าหน้าไม้นั้นต่างออกไป เซียวอวี๋ได้ครุ่นคิดถึงวิธีการรับมือกับพวกมัน ทว่าเขาก็ยังคงหาวิธีที่ดีมาไม่ได้

..............................

..............................

การโจมตีระลอกแรกเพิ่งจะจบไปเพียงไม่นาน แต่กองทัพของแคร์รี่ก็วางแผนที่จะโจมตีในระลอกที่สองแล้ว

"นายท่าน เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมากที่เซียวอวี๋สามารถมีกองทัพออร์คและเอลฟ์ได้มากมายถึงเพียงนั้น ต้องมีปีศาจที่ชักจูงมันอยู่อย่างแน่แท้ ข้าคิดว่าเราไม่อาจใช้วิธีอันรุนแรงกับพวกมันได้ พวกเราควรจะสืบหาข้อมูงจากเมืองไลอ้อนเสียก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีครั้งสุดท้าย!" ที่ปรึกษาทางทหารโดทุกล่าวสิ่งที่เขาคิดอยู่ออกมา

"เจ้าปัญญาอ่อนหรือ? ข้านำไพร่พลมามากกว่า 20,000 นายมาเพื่อบดขยี้กองทัพที่มีไม่ถึง 2,000 นายเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการสูญเสียกองทัพ 6,000 นายไป! ข้าจะสามารถบอกกล่าวบิดาข้าได้อย่างไร? พี่ชายอีกสองคนของข้าเริ่มกล่าววาจาข่มขู่ข้าต่อหน้าบิดาแล้ว หากว่าข้าพกพาความล้มเหลวกลับไป ข้าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก! ชีวิตของข้าในฐานะผู้สืบทอดคงห่างไกลออกไปอีก!" ดวงตาของแคร์รี่แดงฉานขณะที่เขาตะโกนสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมา

แคร์รี่ตระหนักดีว่าในตอนนี้การจะเอาชนะเมืองไลอ้อนนั้นการเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก เขาได้นำไพร่พลมามากกว่า 20,000 นาย แต่กลับต้องเผชิญความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

"แต่ว่า....นายน้อย..." โดทุพยายามจะกล่าวทว่าแคร์รี่กลับเอ่ยขัดขึ้นมา

"ไม่มีแต่! หากข้าถอนตัวกลับไปในตอนนี้ความโปรดปรานจากบิดาคงลดลงจนหายไป ข้าจะต้องเป็นผู้ชนะ! ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าข้าสามารถนำเครื่องจู่โจมเหล่านี้กลับไปด้วยได้แล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องสูญเสียทหาร 20,000 นายไปก็ไม่นับเป็นอย่างไร พวกเราสามารถนำพวกมันกลับไปใช้งานและทดลองสร้างขึ้นได้ หลังจากนั้นพวกเราก็จะไร้ผู้ต่อกร เจ้าสารเลวเซียวอวี๋ยังต้องมีความลับอื่นๆปกปิดเอาไว้อีกแน่.....เมื่อข้ารับรู้และสามารถบงการพวกออร์คได้ โลกใบนี้ก็ต้องตกเป็นของข้า!" แคร์รี่กลายเป็นคลุ้มคลั่ง โดยปกติแล้ว ความบ้าคลั่งมักผลักไสผู้คนไปสู่การล่มสลาย ซึ่งแคร์รี่เองก็ตกอยู่ในอำนาจของมันแล้วเช่นกัน ในตอนนี้ ไม่ีผู้ใดที่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้อีกแล้ว

เขาคิดเพียงแต่จะเอาชนะเซียวอวี๋และยึดครองเมืองไลอ้อน เขาคิดว่าเขาสามารถเรียนรู้ความลับของการสร้างเครื่องจู่โจมและการควบคุมพวกออร์ค! เขาคิดว่าเขาจะได้รับโอกาศในการขึ้นเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งได้ แม้ว่าเขาจะต้องสละไพร่พลกว่า 20,000 คนไปก็ตาม เขาจะต้องชนะในศึกครั้งนี้!

"ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป! พวกเราจะเริ่มโจมตีในอีกครึ่งชั่วโมง! จะไม่มีการออมยั้งใดๆทั้งสิ้น! ทัพทหารราบ ผู้ใช้มนตรา ผู้ฝึกยุทธ์ เครื่องยิงหิน......ทุกสิ่งทุกอย่างและผู้คนทั้งหมดต้องเข้าร่วมในศึกครั้งนี้!"

แคร์รี่ทุบกำปั้นลงอย่างรุนแรง มีเสียงแตกหักดังออกมาจากมือของเขาขณะที่เปลวเพลิงแห่งความบ้าคลั่งลุกโชนอยู่ในแววตาของเขา