ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 45
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 47

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 46


ชี่~ ชี่~

มีเสียงแปลกๆดังออกมา ราวกับว่าโลหะกำลังตัดผ่านโลหะ เหล่าทหารเกราะหนักกลายเป็นไม่สบายใจขณะที่ได้ยิน อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปและพวกมันยังไม่อาจทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ทหารเกราะหนักที่อยู่ด้านหน้าหยุดเท้าลงในไม่ช้า แววตาของพวกมันกลายเป็นหวาดกลัว ราวกับว่าพวกมันได้เห็นผียามกลางวันแสกๆ ดวงตาของพวกมันแทบจะถลนออกจากเบ้า

สัญชาติญาณของพวกมันร่ำร้องอย่างหนัก ร่างกายของพวกมันในตอนนี้มีบางอย่างแปลกไปจากปกติ ราวกับว่ามันได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป ทว่าพวกมันกลับไม่อาจทราบได้ว่าเป็นสิ่งใด

หลังจากนั้น พวกมันก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังเอนไปข้างหน้าและกระแทกเข้ากับพื้น ขณะเดียวกันพวกมันก็รู้ถึงได้ถึงส่วนเอวที่ยังคงอยู่ที่เดิม มีเพียงร่างกายท่อนบนเท่านั้นที่ล้มกระแทกพื้น

อ๊าาาาา~ อ๊าาาา~

เสียงกรีดร้องดังสะท้อนไปทั่วช่องประตูราวกับว่ามีปีศาจจุติขึ้น ณ ที่แห่งนั้น ทหารแถวหน้าที่ประกอบไปด้วยพลเกราะหนัก 10 นายถูกตัดเป็นสองท่อน มีเพียง 2 คนที่เหลือรอดเนื่องมากจากความกว้างของใบมีดนั้นไม่เพียงพอจะครอบคลุมทหารทั้ง 10 นาย

อย่างไรก็ตาม แถวหน้าที่สูญเสียไปนี้กลับสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อรูปขบวน เหล่าทหารที่ "นอน" อยู่บนพื้นดินเริ่มส่งเสียงโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช ไพร่พลที่เหลืออยู่กลายเป็นสูญเสียความตั้งใจในการต่อสู้ทันทีจากเหตุการณ์ท่เกิดขึ้นเบื้องหน้าพวกมันตอนนี้

ทหารส่วนใหญ่ที่เข้าสู่สนามรบนั้นเพียงคิดถึงแต่การใช้ชีวิตของศัตรูเพื่อบรรลุความรุ่งโรจน์ส่วนตน มันจึงเป็นการยากที่พวกมันจะจินตนาการถึงความตายของตนเอง ทว่าความคิดเหล่านี้ล้วนพังทลายลงในทันทีที่ประจักษ์ฉากอันโหดร้ายนี้ด้วยสองตาของตน

การตัดร่างออกเป็นสองส่วนตั้งแต่เอวขึ้นมานับเป็นการลงโทษที่โหดร้ายอย่างยิ่งในสมัยโบราณ อวัยวะส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ในการจะอยู่รอดได้คือส่วนบนของร่างกาย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า เมื่อถูกตัดเป็นสองท่อนแล้วเหตุใดผู้คนจึงยังมีชีวิตอยู่ สำนึกของพวกมันจะไหลเวียนอยู่ภายในก่อนที่จะค่อยๆตกตายไปอย่างช้าๆ

ทหารเกราะหนักที่อยู่เบื้องหลังมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสหายของพวกมันได้เช่นกัน ทิ้งเป็นภาพที่ติดค้างอยู่ภายในจิตใจ พวกมันบางคนกระทั่งคิดถึงผลลัพธ์ที่ว่าเป้าหมายต่อไปของสิ่งนั้นจะต้องเป็นพวกมัน

สนาบรบมักเจิ่งนองไปด้วยเลือด ทว่าการสังหารหมู่ในครั้งเดียวกลับไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก อย่างมากก็เพียงตัดศีรษะและบุคคลผู้นั้นก็จะสิ้นชีวิตไป

นอกเหนือจากนั้นแล้ว เหล่าไพร่พลเกราะหนักยังไม่เคยคาดคิดว่าพวกมันจะถูกตัดเป็นสองท่อนได้ เกราะหนักและโล่ที่พวกมันสวมใส่อยู่นับเป็นเครื่องคุ้มภัยชั้นดี แม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังก็ยังต้องลำบากในการจะรับมือกับทหารเกราะหนัก

ทว่ารถจู่โจมกลับสามารถกระทั่งสิ่งนี้ได้โดยง่าย

ชุดเกราะและโล่ของพวกมันนั้นหนาเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็เพียงใกล้เคียงกับชุดเกราะของพลเกราะเบา หากว่าชุดเกราะถูกตีขึ้นจากเหล็กเพียวๆแล้วล่ะก็ เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของพวกมันก็จะลำบากเกินไปในสนาบรบที่วุ่นวาย

โล่ของพวกมันนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่ามันกลับไม่ได้สร้างขึ้นมาจากเหล็ก หากว่ามันถูกสร้างขึ้นจากเหล็ก เช่นนั้นน้ำหนักของมันคงราวๆ 300 - 400 กิโลกรัม และคงจะมีผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งเทียบเท่าเฮอร์คิวลิสเท่านั้นที่จะสามารถเคลื่อนย้ายมันได้โดยไม่กินแรง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการใช้มันต้านทานศัตรู

โล่ของทัพเกราะหนักนั้นสร้างขึ้นจากไม้ ผิวของมันถูกเคลือบด้วยโลหะและทองแดงที่อาวุธทั่วไปไม่สามารถเจาะทะลวงผ่านได้ ทว่ารถจู่โจมย่อมไม่ใช่เพียงอาวุธธรรมดาสามัญ

ใบมีดของมันสามารถกวาดผ่านแถวแรกได้ในทันที อีกทั้งยังฝังเข้าไปที่ส่วนเอวของทหารที่อยู่ในแถวที่สอง แม้ว่าใบมีดจะไม่สามารถตัดผ่านทหารแถวที่สองได้ ทว่าความเจ็บปวดที่พวกมันได้รับนั้นยังมากเสียยิ่งกว่าผู้คนที่ถูกตัดผ่านอย่างสมบูรณ์เสียอีก

พวกมันยังไม่ทันได้มีเวลาพักทำใจขณะที่พวกออร์คติดตั้งใบมีดชุดที่สองต่อทันที

ชี่~ ชี่~

เสียงของมัจจุราชดังขึ้นอีกครา คราวนี้คมมีดของพวกมันได้เฉือนผ่านทหารแถวที่สองโดยสมบูรณ์

ไม่ถึงสามวินาที การโจมตีชุดที่สามก็ถูกปล่อยตามออกมา

เซียวอวี๋ได้จัดวางรถจู่โจมไว้ที่ประตูเมืองถึง 6 คัน ด้วยเหตุนั้นมันจึงมีรถจู่โจมอยู่ 2 แถว พวกออร์คจะพลัดกันยิงทีละชุด ขณะที่ชุดแรกยิงออกและกลับไปติดตั้งใบมีด ชุดที่สองก็จะจู่โจมออกมา การสังหารไพร่พลเกราะหนักจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ใบมีดบินออกและตัดร่างของพลเกราะหนักเป็นรูปทรงที่ต่างกันไป เลือดและอวัยวะกระจายอยู่กลาดเกลื่อนเต็มช่องประตู

ทัพเกราะหนักตกอยู่ในความตื่นตระหนก พวกมันทราบดีว่าหากฝืนก้าวเดินไปข้างหน้าต่อจะต้องประสบกับชะตากรรมเช่นไร

ช่องประตูที่คับแคบทำให้พวกมันไม่สามารถหลบซ่อนตัวใดๆได้ เกราะและโล่ของพวกมันก็ยังไม่สามารถต้านทานใบมีดได้อีก ดังนั้นพวกมันจึงตะโกนวุ่นวายและพยายามจะถอยหนีกลับไปด้านหลัง

ผู้ใช้มนตราที่อยู่ภายในขบวนอาจจะสามารถคุกคามรถจู่โจมได้ ทว่าพวกมันก็ยังต้องการการปกป้องจากแนวหน้าเพื่อที่จะมีโอกาศร่ายมนต์

ผู้ใช้มนตราจ้องมองเหล่าพลเกราะหนักที่ "ล้ม" ลงอยู่ด้านหน้า ฉากที่เห็นก็ทำให้พวกมันตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน มือที่จับคทาสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เวทย์ที่กำลังร่ายอยู่พลัยสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สิ่งเดียวที่สะท้อนก้องอยู่ภายในจิตใจของไพร่พลเกราะหนักก็คือ วิ่งซะ! พวกมันต้องการจะหลบหนีจากอาวุธอันน่าสะพรึงที่ไม่สมควรมีอยู่บนโลกพวกนี้ พวกมันควรอยู่ในนรกสำหรับลงทัณฑ์ ไม่ใช่ที่นี่!

"มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก" เซียวอวี๋จ้องมองทัพเกราะหนักขณะที่ยกยิ้มพึงพอใจ รถจู่โจมช่างยอดเยี่ยมเกินบรรยาย!

"ใช้รถยิงทำลาย" เซียวอวี๋โบกมือ ทั้งคนงานและทาสชาวเผ่าเหล็กทมิฬต่างกุลีกุจอเริ่มต้นปรับแต่งเครื่องจักรสังหารที่อยู่ด้านข้าง

ไพร่พลเกราะหนักสามารถต้านทานการโจมตีด้วยดาบได้ หากทว่าไม่ใช่กับก้อนหินที่พุ่งเข้าใส่พวกมัน กระทั่งหมวกเกราะของพวกมันก็ยังบุบยุบลงไปหากรับการกระแทกอย่างรุนแรงจากหิน

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว

กลุ่มหินนับไม่ถ้วนตกลงที่เบื้องล่าง เป้าหมายคือกองทัพเกราะหนักที่อยู่บริเวณประตูเมือง เนื่องจากพวกมันจัดตั้งรูปขบวนขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถหลบหลีกหรือต้านทานก้อนหินได้ ร่างของไพร่พลเกราะหนักนับไม่ถ้วนนอนกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นขณะที่ลมหายใจของพวกมันต่างหลุดลอยออกไปจากร่าง

พวกมันเตรียมตัวมาเพื่อรับมือกับพวกออร์ค หากว่าพวกมันได้ต่อสู้กับพวกออร์คแล้วล่ะก็ พวกมันมีความมั่นใจอยู่หลายส่วนที่จะตัดร่างของพวกออร์คอย่างง่ายดายราวกับตัดผ่านเนย ทว่าเซียวอวี๋ย่อมไม่โง่ เขาย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันได้สมมาดปรารถนา ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมของขวัญไว้ให้พวกมันแทน เขาทราบดีว่าพวกออร์คส่วนใหญ่ได้มาถึงระดับที่ 3 แล้ว กระทั่งบางตนที่ไปถึงระดับ 4 ทว่าคมขวานของพวกมันนั้นยากที่จะเจาะผ่านชุดเกราะและโล่ของทัพเกราะหนักเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยามเมื่อโล่ 10 ใบถูกต่อเรียงกันจนเป็นรูปขบวนแล้วล่ะก็ การที่จะทะลวงผ่านมันได้จึงลำบากกว่าเดิมอย่างน้อยเท่าตัว เซียวอวี๋ย่อมไม่ปล่อยให้พวกออร์คเข้าปะทะและเกิดการสูญเสียอย่างหนักขึ้นแน่ๆ

เซียวอวี๋ไม่ได้วางแผนที่จะใช้พวกออร์คเข้าปะทะกับทัพเกราะหนักตั้งแต่แรก จะมีผู้ใดที่ยังฝืนเล่นเกมที่ตัวเองจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนกัน?

มันจะไม่เป็นปัญหามากนักหากว่าสิ่งที่พวกออร์คต้องเผชิญคือไพร่พลเกราะหนักเพียงอย่างเดียว พวกออร์คยังคงอาศัยความได้เปรียบด้านพละกำลังเข้าชดเชยในส่วนที่ขาดได้อยู่ ทว่ารูปขบวนที่พวกมันจะต้องเผชิญนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวที่แตกต่าง ดังนั้นเซียวอวี๋จึงไม่ปล่อยให้พวกมันไปเสี่ยงอันตราย เขาเคยผ่านสมรภูมิในเกมวอร์คราฟมาแล้ว และรู้ดีว่าต้องต่อกรกับศัตรูอย่างไร

เดิมที การจะจัดการกับทัพเกราะหนักนั้นยากลำบากไม่น้อย เขาคิดที่จะให้จ้าวมนตราใช้ไฟและระเบิดเพื่อทำลายรูปขบวนของพวกมัน อย่างไรก็ตามจุดเด่นของจ้าวมนตรานั้นไม่ใช่ไฟหากแต่เป็นน้ำแข็ง คลื่นเยือกแข็งในตอนนี้นั้นรุนแรงไม่พอที่จะเจาะทะลวงเกราะหนาของพวกมัน

ดังนั้นหน้าที่จัดการกับทัพเกราะหนักเหล่านี้จึงตกเป็นของรถจู่โจมและรถทำลาย

"กลุ่มที่หนึ่ง! ยิงได้! กลุ่มที่สอง! เตรียม! ยิง!" เซียวอวี๋ออกคำสั่งแก่เหล่าพลปืนให้เล็งยิงไปยังทัพเกราะหนักที่อยู่หน้าประตูเมือง เขาได้แบ่งพลปืนออกเป็นสี่กลุ่มๆละ 25 นาย พวกเขาจะยิงในเวลาที่ไล่เรี่ยกัน แม้ว่ากระสุนปืนเหล่านี้จะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับเวทย์มนต์ ทว่าผลลัพธ์ของมันก็เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายของเซียวอวี๋แล้ว เกราะของทหารเกราะหนักนั้นหนาอย่างมาก มีบางจุดที่สามารถต้านทานกระสุนปืนได้อยู่ ทว่าบางแห่งกลับเปราะบางและสามารถเจาะทะลวงได้โดยง่าย

จากการระดมยิงเข้าใส่อย่างหนาแน่นแล้ว มันย่อมต้องมีกระสุนบางนัดที่สามารถทะลวงผ่านจุดอ่อนเหล่านั้นและพรากชีวิตของศัตรูไป

รถจู่โจม รถยิงทำลาย และพลปืน....เมื่อทั้งสามกองกำลังระยะไกลที่ทรงอานุภาพถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันก็ทำให้กองทัพของแคร์รี่ก็ล้มตายดุจใบไม้ร่วง

"อา...น่าเบื่อจัง....มีความสามารถเพียงเท่านี้กลับกล้าที่จะมายั่วยุข้า" เซียวอวี๋เอนกายพิงเก้าอี้ขณะยกไวน์ขึ้นจิบอย่างผ่อนคลาย