WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 44
เซียวอวี๋สามารถกำจัดทหารไปเกือบ 2,000 นายได้ด้วยลูกไม้เล็กๆน้อยๆของเขา ใบหน้าของแคร์รี่กลายเป็นมืดครึ้มยามเมื่อจ้องมองไปยังสนาบรบ เขาคิดว่าการจะถล่มเมืองไลอ้อนด้วยทหารถึง 20,000 นายนั้นจะง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ ทว่าเขากลับต้องเผชิญกับการสูญเสียอย่างหนักอีกครั้ง ในมุมมองของแคร์รี่ เซียวอวี๋นั้นหยาบช้าและไร้ยางอายอย่างยิ่ง
"ใช้เครื่องยิงหินถล่มมือธนูพวกนั้นซะ!" ตามแผนเดิมแล้วแคร์รี่ตั้งใจจะใช้มันเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ทว่าด้วยความโกรธจากการสูญเสียไพร่พลจำนวนมาก นั่นจึงทำให้เขาเรียกใช้งานพวกมันก่อนกำหนด
ทหารที่รับผิดชอบเครื่องยิงหินเริ่มผลักดันพวกมันเข้าหากำแพง พวกมันจะเริ่มเปิดฉากโจมตีทันทีที่เข้าสู่ระยะยิง เครื่องยิงหินนั้นโดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งอยู่บนกำแพงหรือบนที่สูง ซึ่งในกรณีของแคร์รี่นั้นเขาตั้งใจที่จะใช้มันกำจัดพลธนู ดังนั้นกองทัพของเขาจึงจำต้องผลักดันเครื่องยิงหินให้เข้าไปใกล้เมืองไลอ้อนมากกว่านี้เพื่อที่จะสามารถยิงหินขึ้นไปที่ด้านบนของกำแพงได้
แคร์รี่มีเพียงเครื่องยิงหินธรรมดาสามัญเท่านั้น หากว่าเขามีเครื่องเหวี่ยงหินที่เสริมด้วยเวทย์แล้วล่ะก็พลังอำนาจของมันย่อมเกินพอที่จะทลายกำแพงเมืองลงมา
..................
..................
เซียวอวี๋มองเห็นฝ่ายแคร์รี่เริ่มผลักดันเครื่องยิงหินออกมาแล้ว เขาโบกมือขึ้นทันที เครื่องยิงทำลายทั้งสิบเล็งไปที่เครื่องยิงหิน 4 เครื่องของแคร์รี่
"เตรียม! ยิง!" เซียวอวี๋ออกคำสั่ง
หินนับร้อยก้อนพุ่งออกไปจากกำแพงและตรงไปยังเครื่องยิงหินของฝ่ายศัตรูราวกับฝนอุตกาบาต
ฟิ้ววว!
เสียงของหินที่ลอยกรีดฝ่าอากาศดังออกมา
"นั่นมันอะไร?" เหล่าทหารที่ประจำอยู่ข้างเครื่องยิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงุนงง พวกมันยังไม่ทันได้มีการตอบสนองใดๆ สิ่งที่พวกมันมองเห็นคือกลุ่มหินจำนวนมากกำลังพุ่งลงมาที่พวกมันอยู่ กลุ่มหินพวกนั้นครอบคลุมเป็นวงกว้าง ดังนั้นไม่ว่าพวกมันจะหลบซ่อนหรือไม่ล้วนไม่ต่างกัน
เซียวอวี๋รู้ว่าเครื่องยิงหินของแคร์รี่กับรถยิงทำลายของเขานั้นอยู่คนละระดับกันอย่างสิ้นเชิง แคร์รี่ต้องกระจายเครื่องหินยิงไปในแต่ละกองกำลังเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถทำลายพลธนูบนกำแพงได้
ทว่าเป้าหมายของเซียวอวี๋นั้นไม่ใช่การทำลายกองพลทหารเกราะหนัก หากแต่เขามุ่งเน้นไปที่กลุ่มเครื่องยิงหินของแคร์รี่ เขาทราบดีว่าจำเป็นจะต้องกำจัดอาวุธหนักของฝ่ายตรงข้ามให้ได้เสียก่อน นี่คือความแตกต่างระหว่างแนวคิดของคนจากยุคปัจจุบันและแนวคิดของคนยุคกลาง
เมื่อเซียวอวี๋พบเห็นเครื่องยิงหินของแคร์รี่ เขาก็ทราบได้ในทันทีว่าพวกมันจำต้องเข้ามาใกล้เมืองเพื่อที่จะสามารถโจมตีพลธนูที่อยู่บนกำแพงได้
ในมุมมองของเซียวอวี๋แล้ว พลธนูเอลฟ์เหล่านี้เปรียบเสมือนลูกๆของเขา อีกทั้งพวกเขายังมาถึงระดับที่ 3 แล้ว หากพวกเขาตกตายไปเช่นนั้นคงสร้างความเศร้าเสียใจให้กับเขาไม่น้อย
ดังนั้นเซียวอวี๋จึงตัดสินใจที่จะลงมือทำลายอาวุธหนักของอีกฝ่ายเสียก่อนที่มันจะทำให้เขาต้องปวดหัว นี่เปรียบได้กับอีกฝ่ายขนปืนใหญ่ออกมาเป็นทัพหน้าโดยปราศจากการป้องกัน เมื่อเป็นโอกาศที่ดีเช่นนี้แล้วมีหรือเขาจะปล่อยมันหลุดลอยไป
เซียวอวี๋วางแผนที่จะตัดแบ่งกำลังพวกมันเป็นหลายส่วน เพื่อที่จะกำจัดภัยคุกคาม
อีกทั้งยังเป็นการทดสอบรถยิงทำลายในแง่ของระยะโจมตีและอานุภาพอีกด้วย และผลที่ออกมาก็ทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย เขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าตราบใดที่ยังคงมีรถยิงทำลายคอยคุมเชิงอยู่ด้านบนของกำแพงแล้ว อาวุธหนักของอีกฝ่ายย่อมไม่อาจทำอย่างไรกับเมืองไลอ้อนได้
มีอาวุธไม่มากนักในยุคนี้ที่จะเหนือไปกว่ารถยิงทำลาย เมื่อรวมเข้ากับข้อได้เปรียบที่ว่า พวกมันถูกติดตั้งอยู่บนชัยภูมิสูงแล้ว เมืองไลอ้อนจึงยากที่จะถูกตีหัก
ปัญหาเพียงประการเดียวก็คือ ความแม่นยำ กระสุนของพวกมันจะคลาดเคลื่อนอยู่ในช่วงบวกลบ 10 เมตรจากเป้าหมาย ดังนั้นเซียวอวี๋จึงต้องแก้ไขมันด้วยเทคนิคสองประการ ประการแรกก็คือ เขาสั่งให้รถยิงทำลาย 2 - 3 คันรุมโจมตีเป้าหมายเดียว ด้วยวิธีนี้แม้จะมีบางคันที่พลาดไปแต่ก็ยังมีคันอื่นๆที่เข้าเป้า ประการที่สองก็คือ เขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนจากหินขนาดใหญ่ไปใช้หินที่มีขนาดเล็กหลายก้อนแทน เขาใช้หินราว 7 - 8 ก้อนที่มีนำ้หนัก 30 - 40 กิโลกรัมทดแทนหินขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียวที่มีน้ำหนัก 200 - 300 กิโลกรัม
ด้วยเหตุนี้แม้การโจมตีจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง หากแต่ก็ยังคงมีหินราว 1 - 2 ก้อนที่เข้าเป้าอย่างรุนแรง
ก้อนหินขนาด 30 หรือ 40 กิโลกรัมเหล่านี้ไม่เพียงแค่ยิงทำลายเครื่องยิงหินเท่านั้น หากแต่ยังเปลี่ยนทหารที่อยู่ด้านข้างให้กลายเป็นเนื้อบดอีกด้วย เพียงชั่วกระพริบตา เครื่องยิงหินของฝ่ายศัตรู 4 เครื่องก็ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
"ฮ่าฮ่าฮ่า! เยี่ยม รถยิงทำลายนี่ช่างสุดยอดจริงๆ แม้ว่ามันจะแพงโขแต่มันก็คุ้มค่ามาก"
เซียวอวี๋หยีตาด้วยความพึงพอใจกับผลลัพธ์ของการยิงระลอกแรก
ไม่ถึงสิบวินาที ทาสชาวเหล็กทมิฬและคนงานก็ขนถ่ายหินขึ้นมาเติมให้รถยิงทำลายอีกครั้ง ในตอนนี้พวกมันพร้อมสำหรับการโจมตีในระลอกที่สองแล้ว
เซียวอวี๋ได้นำเหล่าคนงานออร์คเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกครั้งนี้ด้วย เดิมเขาวางแผนที่จะใช้พวกมันเป็นนักรบ แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะไม่สามารถเทียบกับพวกนักรบออร์คได้ หากแต่ทว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกมันก็ได้เปรียบกว่ามนุษย์ทั่วไปแล้ว ทว่าเซียวอวี๋ก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปเมื่อเขาลองทดสอบทักษะต่อสู้ของพวกมัน กระทั่งพลธนูเอลฟ์ที่ว่าห่วยแตกแล้วพวกมันกลับน่าสมเพชเสียยิ่งกว่า พวกมันนั้นเป็นคนงานตรงตามชื่อ การส่งพวกมันเข้าสู่สนามรบเปรียบได้กับส่งพวกมันไปตาย
แม้ว่าพวกมันจะดูน่าเกรงขามจากรูปร่างที่กำยำและสูงใหญ่ ทว่าเพียงทหารชั้นยอดหนึ่งนายก็สามารถสังหารมันลงได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนั้นเซียวอวี๋จึงใช้พวกมันในการขนถ่ายอุปกรณ์ต่างๆแทน
แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่การขนย้ายหิน เคลื่อนย้ายรถยิงทำลายและอื่นๆนั้นไม่เป็นปัญหาใดๆ พวกมันมีพละกำลังที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นแทนที่จะต้องแบ่งนักรบออร์คมาคอยขนย้ายพวกมันแล้ว เซียวอวี๋จึงเลือกใช้คนงานเข้าทดแทน
"เปลี่ยนเป้าหมาย! เตรียม! ยิง!" เซียวอวี๋ตะโกนสั่งการ
ฟิ้ววว~~
ก้อนหินบินเกลื่อนท้องฟ้าราวกับกลุ่มอุกกาบาต จากนั้นกลุ่มหินนั้นจึงพุ่งเข้าใส่บริเวณที่มีเครื่องยิงหินอีกห้า 5 เครื่องที่เหลือตั้งอยู่ เพียงชั่วกระพริบตาเครื่องยิงหินอีก 5 เครื่องก็ถูกเปลี่ยนเป็นกองไม้
การโจมตีระลอกนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่กองทัพของแคร์รี่เป็นอย่างมาก พวกมันคิดว่าเซียวอวี่นั้นมีผู้ใช้มนตราทรงอำนาจที่สามารถเสกอุกกาบาตลงมาถล่มพวกมันได้! อย่างน้อยที่สุดผู้ใช้มนตราท่านนั้นก็ต้องอยู่ในขั้นที่ 5 หรือ 6!
ด้วยเหตุนี้ทหารที่ประจำการเครื่องยิงหินที่เหลือจึงไม่กล้าก้าวขาไปข้างหน้าอีก แต่มีหรือที่เซียวอวี๋จะปลดปล่อยพวกมันไปง่ายๆเช่นนี้ เขายังคงใช้กลยุทธ์เดียวกันกับก่อนหน้านี้และทำลายเครื่องยิงหินที่เหลือของฝ่ายแคร์รี่ไป
แคร์รี่ได้นำเครื่องยิงหินมาถึง 20 เครื่อง หากทว่าพวกมันกว่าครึ่งล้วนถูกเปลี่ยนเป็นเศษซากในเวลาเพียงไม่กี่นาที
"บัดซบ! พวกมันมีผู้ใช้มนตราขั้นที่ 6 งั้นหรือ?" ดวงตาของแคร์รี่ดวงฉานขณะมองดูเครื่องยิงหินและไพร่พลของเขาถูกเปลี่ยนเป็นเนื้อบด
.................................
.................................
ขณะเดียวกันทัพทหาราบเกราะเบาก็เข้าประชิดกำแพงเมืองได้สำเร็จ พวกมันเริ่มพาดบันไดและปีนขึ้นไปด้านบน
แคร์รี่ได้ประกาศออกไปว่าใครก็ตามที่สามารถเหยียบลงบนกำแพงเป็นคนแรกจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม ดังนั้นไพร่พลเกราะเบาจึงวิ่งทะยานไปข้างหน้าโดยไม่คิดอะไรให้มากความอีก
แม้พวกมันจะพบเห็นกลุ่มก้อนอะไรบางอย่างที่เจิดจ้าลอยข้ามศีรษะของพวกมันไปก็ตาม แต่ในสนามรบนั้นมีความวุ่นวายอยู่ที่แห่งอยู่แล้ว ดังนั้นพวกมันจึงไม่คิดอะไรให้มากความอีก กองทัพเกราะเบายกโล่ป้องกันลูกธนูขณะที่มุ่งไปข้างหน้า
พลเดินเท้าหนึ่งร้อยนายต่างยกโล่ขึ้นกำบังขณะต้านรับศรจากหน้าไม้ฝ่ายศัตรู ขณะที่มีเหล่าออร์คเตรียมพร้อมรับมือกับกองทัพของแคร์รี่ที่กำลังจะมาถึง
ในทำนองเดียวกัน ทัพทหารราบเกราะหนักของแคร์รี่ได้เคลื่อนพลเข้าใกล้ประตูเมืองอยู่ทุกขณะ
ศรของพลธนูไม่ได้เล็งยิงมาที่พวกมัน เซียวอวี๋ทราบว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าหากโจมตีทัพเกราะหนักนี้ ดังนั้นเซียวอวี๋จึงออกคำสั่งให้หันไปเล็งยิงไพร่พลเกราะเบาแทน
"เตรียมตัวรับการปะทะ!" หัวหน้าทหารฮุ่ยตะโกนสั่งการขณะที่มองดูคลื่นทหารของแคร์รี่ปีนบันไดขึ้นมา