WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 41
ประชาชนภายในเมืองกำลังขมักเขม้นกับการทำงานเนื่องจากต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่กำลังจะมาถึง ผู้คนต่างต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการปกป้องเมืองไลอ้อน สถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างจากยามเมื่อแคร์รี่เข้าโจมตีครั้งก่อน ในเวลานั้นไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าตระกูลผู้ครองเมืองจะไม่ถูกเปลี่ยนมือ พวกเขาจึงปิดประตูและขังตัวอยู่ภายในบ้านเตรียมตัวอยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเซียวอวี๋กลับเป็นฝ่ายมีชัยเหนือกองทัพของแคร์รี่
นอกจากนี้เซียวอวี๋ยังให้ความสำคัญกับนโยบายหลังการสู้รบซึ่งมอบผลประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ไม่มีดินแดนหรือเมือง ใดๆที่จะมอบสิทธิประโยชน์เช่นนี้ให้แก่ประชาชน
ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงร่วมแรงใจช่วยเหลือการเตรียมการสำหรับสงคราม เพื่อให้นโบายของเซียวอวี๋ยังสามารถดำเนินได้ต่อไป พวกเขาจะยังได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ตราบใดที่เมืองยังอยู่ภายใต้การปกครองของเซียวอวี๋
ในระยะสั้น เซียวอวี๋ประสบความสำเร็จแล้วในการทำให้ประชาชนของเมืองร่วมลงเรือลำเดียวกันกับเขา และย่อมไม่มีผู้ใดต้องการให้เรือลำเรือล่มระหว่างทาง
ผู้ที่สะดวกสบายที่สุดก็คือ เซียวอวี๋ เขาทำเพียงแค่แจกจ่ายหน้าที่ ออกตรวจตราภายในเมือง และนั่งชมการฝึกซ้อมของเหล่าไพร่พล ชื่นชมเหล่านางระบำ ถ้ำมองเหล่าพี่สะใภ้ ชีวิตในยามนี้ของเขานับได้ว่าสะดวกสบายอย่างที่สุด
เหล่าทาสที่ได้รับการช่วยเหลือจากค่ายของมาร์คัสถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกประกอบประกอบไปด้วยเหล่าพ่อหรือชาวบ้านธรรมดาที่ถูกจับตัวไป ในกลุ่มนี้กระทั่งมีชนชั้นสูงปะปนอยู่ด้วย กลุ่มที่สองประกอบไปด้วยเหล่าคนจร ที่ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง
เซียวอวี๋ได้มอบค่าสินไหมให้แก่คนกลุ่มแรกเพื่อให้พวกเขาสามารถเดินทางกลับบ้าน ส่วนกลุ่มที่สองเซียวอวี๋ได้จัดหาที่พักให้แก่พวกเขา ทั้งยังมอบสถานะพลเมืองให้อีก
ระบบสังคมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายภายในทวีปนี้นั้น โดยมากเป็นการผสมผสานกันระหว่างระบบศักดินาและระบบทาส ยังมีบางเผ่าพันธุ์ที่ถูกมองว่าเป็นทาสโดยกำเนิด
ดังเช่น ชาวเผ่าเหล็กทมิฬที่ถูกตีตราอยู่ในสถานะทาสมาโดยตลอด ทาสเพศชายเกือบทั้งหมดที่เซียวอวี๋ช่วยเหลือมาจากค่ายของมาร์คัสก็มาจากชนเผ่าเหล็กทมิฬนี้เอง พวกเขาถูกจับมาจากแดนใต้ที่ห่างไกล ชนเผ่าเหล็กทมิฬนั้นเป็นอนารยชน ชาวเผ่านี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทาน เหมาะสำหรับการใช้แรงงานอย่างยิ่ง ในทุกปีจะมีเหล่านักผจญภัยล่วงลึกเข้าไปในแดนใต้ของคารัมเพื่อลักพาตัวชาวเผ่าเหล็กทมิฬออกมาและขายให้กับตลาดค้าทาส อายุขัยโดยเฉลี่ยของชาวเผ่าเหล็กทมิฬคือ 25 ปี โดยส่วนใหญ่แล้วสมาชิกเผ่าจะสิ้นอายุขัยทันทีที่อายุครบ 25 ปี
เซียวอวี๋ต้องเผชิญกับความยากลำบากอยู่สองประการในการจะมอบสถานะพลเมืองของเมืองไลอ้อนให้กับพวกเขา ประการแรกก็คือ คนเหล่านี้นั้นถูกกดขี่ข่มเหงมาเป็นเวลานาน พวกเขาต่างเกิดมาในสถานะทาสและมีชีวิตอยู่ในสถานะทาส พวกเขาจะไม่ทราบการวิธีการเอาตัวรอดหากว่ามอบอิสระให้กับพวกเขา ประการที่สองนี้เป็นคำค้านจากพ่อบ้านหงส์ แน่นอนว่าพ่อบ้านหงส์นั้นจงรักภักดีกับตระกูลเซียวอย่างมาก ทว่าเขาก็เป็นคนหัวโบราณและไม่อาจยอมรับการตัดสินใจในครั้งนี้ของเซียวอวี๋ได้ เขาได้คัดค้านเซียวอวี๋อยู่หลายต่อหลายครั้งเมื่อเซียวอวี๋หยิบยกนโบายใหม่ๆออกมาหารือ พ่อบ้านหงส์จะไม่มีทางเห็นด้วยกับนโยบายงดเว้นภาษีโดยเด็ดขาด หากว่าดินแดนไม่ได้กำลังอยู่ในสภาวะอ่อนกำลัง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่เห็นด้วยที่เหล่าทหารจะได้รับสวัสดิการที่ดีถึงเพียงนั้น พ่อบ้าหงส์เชื่อว่ามีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่ควรค่าแก่การจารึกนามเมื่อพวกเขาเสียชีวิต
ครั้งก่อน ที่เซียวอวี๋ได้นำผู้คนมาจากหมู่บ้านของหม่าถง ผู้คนเหล่านั้นเองก็ได้รับสถานะพลเมืองจากเซียวอวี๋เช่นกัน พวกเขามีคนแก่ เด็กและผู้หญิงอยู่มาก แม้ว่าพอบ้านหงส์จะไม่พอใจกับการตัดสินของเซียวอวี๋ หากแต่เขาก็ไม่กล่าวทัดทานมากความ
ทว่าพ่อบ้านหงส์นั้นยืนกรานอย่างหนักแน่นต่อความคิดที่จะมอบสถานะพลเมืองให้กับนางระบำและหญิงบำเรอ เขาเชื่อว่าหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง เมืองไลอ้อนคงต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะไปนับพันปี
ท้ายที่สุดเซียวอวี๋ก็ได้จัดให้เหล่านางระบำไปเป็นบ่าวรับใช้ของพี่สะใภ้ทั้งห้า ซึ่งเขาก็ยังคงไม่สามารถมอบอิสระให้กับพวกนางได้
ในคราวนี้ที่เขาตั้งใจจะมอบอิสระภาพให้กับเหล่าพ่อค้าและชาวบ้านที่ถูกพวกโจรจับตัวไป พ่อบ้านหงส์ก็ยังคงคัดค้านเขา ตามกฎเกณฑ์โดยทั่วไปแล้ว ชนชั้นสูงที่ช่วยชีวิตชาวบ้านมาจากพวกโจรมีสิทธ์ที่จะใช้งานคนเหล่านั้นในฐานะบ่าวรับใช้ได้ หากว่าครอบครัวของคนเหล่านี้ต้องการนำคนของพวกเขากลับไปก็จำต้องจ่ายค่าไถ่ตัว
ซึ่งการมอบอิสระภาพให้กับผู้คนที่ถูกโจรจับตัวไปนั้นถือว่าก็ถือว่าเป็นคุณลักษณะของขุนนางที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นพ่อบ้านหงส์จึงตกลงที่จะมอบอิสระภาพให้พวกเขาเพื่อเพิ่มพูนชื่อเสียงของเซียวอวี๋ ทว่าเขากลับค้านหัวชนฝาว่าไม่อาจยินยอมให้เหล่านางบำเรอและชาวเผ่าเหล็กทมิฬอยู่ในสถานะพลเมืองได้โดยเด็ดขาด
เซียวอวี๋ยังคงยืนกรานในเรื่องนี้ พ่อบ้างหงส์นั้นพยายามที่จะรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของดินแดนและของลอร์ด ความจริงแล้วทั้งคู่นั้นมีเป้าหมายเดียวกัน หากแต่แนวทางและความคิดของพวกเขากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดเซียวอวี๋ก็ตัดสินใจจะเก็บชาวเผ่าเหล็กทมิฬไว้ในฐานะทาส และให้พ่อบ้านหงส์ดูแลเรื่องอาหารการกินของพวกเขา ในส่วนของนางบำเรอนั้น เซียวอวี๋ได้ออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดล่วงเกินพวกนางโดยไม่ยินยอม พวกนางจะอยู่ในฐานะแรงงานและจะได้รับปัจจัยการดำรงชีวิตพื้นฐาน
โดยปกติแล้ว เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงมักจะมีนางบำเรอไว้ภายในบ้านเพื่อมอบความสุขสบายให้กับพวกเขา ในบางครั้งพวกเขายังใช้พวกนางต้อนรับแขกอีกด้วย
ซึ่งการเลี้ยงหญิงสาวชาวเอลฟ์ไว้ในฐานะสัตว์เลี้ยงก็ถือเป็นการแสดงบารมีในฐานะขุนนางเช่นกัน ซึ่งสำหรับเซียวอวี๋แล้วพวกนางไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไปเลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าเขามาจากยุคปัจจุบันที่มีความเสมอภาค เขาไม่สามารถยอมรับกับพฤติกรรมที่เหยียบย่ำและดูหมิ่นศักดิ์ศรีของผู้หญิงได้ ทว่าสำหรับในโลกนี้แล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติสามัญ
เซียวอวี๋ถอนหายใจออกมา ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ การจะยกเลิกระบบทาสในสังคมที่ใช้การปกครองแบบแบ่งแยกชนชั้นนั้นแทบจะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
เขาทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นจะทำให้ทั้งทวีปเข้าสู่ความโกลาหลและการนองเลือด สิ่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยบุคคลเพียงคนเดียว
เว้นเสียแต่ว่า...โลกใบนี้จะอยู่ในกำมือของเขาแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นเขาก็จะสามารถผลักดันนโยบายใหม่และค่อยๆปรับเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้
เขาทราบดีว่าสิ่งนี้จะต้องถูกคัดค้านจากคนหัวโบราณเช่นพ่อบ้านหงส์อย่างแน่นอน ทว่าหากเขากล่าวอ้างว่าสิ่งนี้คือประสงค์เหล่าเทพที่ต้องการมอบความเท่าเทียมกันให้กับทุกเผ่าพันธ์ุแล้วล่ะก็ เช่นนั้นบางทีเขาอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างช้าๆ
เป็นไปไม่ได้เลยที่โลกในตอนนี้นั้นจะสามารถก้าวข้ามไปเป็นระบประชาธิปไตยหรือสังคมนิยมได้อย่างปุบปับ
เซียวอวี๋จดจำได้ว่า ฉางหยาง บุคคลซึ่งร่างนโยบายที่เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ฉิน ยังถูกต่อต้านเป็นอย่างหนักในตอนต้น เซียวอวี๋เข้าใจถึงความยากลำบากของฉางหยางในเวลานั้นได้ ถึงกระนั้นเซียวอวี๋ก็กำลังวางแผนที่จะปฏิรูปเฉกเช่นเดียวกับที่ฉางหยางได้เคยกระทำเอาไว้
เซียวอวี๋เข้าใจดีว่าเขาไม่อาจปกครองทั้งโลกโดยอาศัยเพียงความแข็งแกร่งของเหล่าออร์ค เอลฟ์ และอื่นๆได้ เพื่อที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์แล้วเขายังต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
เงื่อนไขที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นก็ไม่ต่างไปจากที่ฉางหยางต้องเผชิญในช่วงราชวงศ์ฉิน แม้แต่คนตาบอดก็ยังสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาในครั้งนั้น ดังนั้นเซียวอวี๋จึงวางแผนที่จะใช้มันเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง ที่ราชวงศ์ฉินนั้นสามารถปราบพิชิตรัฐทั้ง 6 และรวมเข้าเป็นประเทศจีนอันยิ่งใหญ่ได้ กว่า 8 ส่วนนั้นเป็นผลงานจากการปฏิรูปของฉางหยาง
นั่นเหตุผลที่ว่าทำไมเซียวอวี๋จึงต้องวางรากฐานและใช้การปฏิรูปเหล่านี้อย่างช้าๆ
จะอย่างไรเสีย แผนการก็ต้องกระทำไปทีละขั้น มิฉะนั้นเหล่าผู้ปกครองดินแดนจากทั่วทุกสารทิศจะต้องมาถล่มเมืองไลอ้อนจนย่อยยับอย่างแน่นอน เนื่องจากเขาไปขัดขวางผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก
.....................................
.....................................
เหล่าทาสชาวเหล้กทมิฬต่างได้รับประทานกันจนอิ่มหนำ พวกเขาได้รับเสื้อผ้าอุ่นๆ อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การปกป้องจากกำแพงหินอันแข็งแกร่ง
พวกเขามีรูปร่างที่สูงใหญ่ดังนั้นกระเพาะของพวกเขาก็ใหญ่ขึ้นตามด้วย ทว่าตั้งแต่เกิดมาพวกเขายังไม่เคยได้รับประทานอาหารจนอิ่มหนำเช่นนี้มาก่อน
ผลผลิตของชนเผ่าพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้นพวกเขาจึงขาดแคลนเสบียงอยู่เสมอ
เซียวอวี๋ได้มอบมื้ออาหารและเสื้อผ้าอันอบอุ่นให้แก่พวกเขา นั่นทำให้พวกเขารู้สึกราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ เซียวอวี๋ได้ออกคำสั่งให้พวกเขาขนย้ายหินขนาดใหญ่ขึ้นไปที่ด้านบนของกำแพง เขาจำต้องแน่ใจว่าจะมีหินเพียงพอสำหรับการป้องกันเมือง
เซียวอวี๋ได้ทดสอบประสิทธิภาพของรถยิงทำลายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกมันสามารถยิงหินที่หนัก 500 กิโลกรัมไปได้ไกลกว่า 300 เมตร ซึ่งหากว่าเปลี่ยนเป็นหินที่หนัก 200 กิโลกรัมแล้ว ระยะการยิงจะอยู่ที่ราวๆ 6 - 700 เมตรเลยทีเดียว
ซึ่งการทดสอบในครั้งนั้นกระทำอยู่บนพื้นดิน ซึ่งหากว่ายกมันขึ้นมาตั้งบนกำแพงแล้วล่ะก็ หินขนาด 500 กิโลกรัมอาจจะสามารถยิงออกไปได้ถึง 7 - 800 เมตร เซียวอวี๋พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงจำต้องจัดเตรียมหินให้พร้อมใช้ในสงคราม
เซียวอวี๋หยีตาละขณะที่พึมพำ "มาเลยแคร์ครี่.....กองทัพของเจ้าจะเป็นหินรองเท้าให้ข้าก้าวขึ้นไป!"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามนักแปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล