WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 4
"ในที่สุดก็เลเวลอัพ" เซียวอวี๋อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เขาเลือกที่จะให้กรอมเรียนรู้ทักษะที่สองทันที
"เรียนรู้ทักษะอมนิแสลช" พร้อมกับที่เซียวอวี๋ออกคำสั่ง ทักษะใหม่ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าต่างสถานะของกรอม
อมนิแสลช(ระดับ 1): การฟาดฟันที่ทรงพลัง สร้างความเสียหาย 80 จุดโดยไม่นับรวมพลังโจมตีของอาวุธ ใช้ค่าโทสะ 10 จุด มีระยะเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที
ค่าความสามารถของกรอมเปลี่ยนไปเมื่อเขามีระดับเพิ่มขึ้น
ค่าความสามารถของเบรดมาสเตอร์
ชื่อ : กรอม เฮลสกีม
เผ่าพันธุ์ : ออร์ค
ระดับ: 2
ค่าสถานะ
ความแข็งแกร่ง: 22
ความคล่องตัว: 34
ความอดทน: 27
ทักษะ(ที่เรียนรู้แล้ว): วินด์วอร์ค(ระดับ 1),ออมนิสแลช(ระดับ 1)
แต้มทักษะที่มี: 0 แต้ม
เซียวอวี๋มองดูค่าสถานะที่เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัวและความอดทนได้เพิ่มขึ้นมา 2,4,2 จุดตามลำดับ มันคือของแถมที่เพิ่มมาพร้อมกับระดับที่มากขึ้น
"ด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับทักษะอมนิแสลชแล้ว ปัญหาพลังโจมตีต่ำก็เป็นอันว่าตกไป" เซียวอวี๋กำลังรอคอยที่จะได้เห็นทักษะอมนิแสลชถูกใช้ออกมา มันคือการโจมตีที่แท้จริงเมื่อเทียบกับการฟาดฟันและเคลื่อนตัวไปรอบๆก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามอาวุธคู่มือของกรอมยังคงเป็นเพียงดาบผุๆเล่มหนึ่ง ซึ่งเซียวอวี๋คาดว่าพลังโจมตีของมันอย่างเก่งก็เพียง 8 - 9 จุด
เขาจำเป็นจะต้องสร้างโรงตีเหล็กโดยเร็ว จากนั้นจึงจะสามารถอัพเกรดดาบของกรอมได้
ที่สุดสายตามีเสือชีตาร์ตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาทางด้านนี้ เซียวอวี๋รีบเปิดใช้วินด์วอร์คเพื่อซ่อนตัวทันที สัตว์ตัวนี้เขาขอมอบให้กรอมจัดการ
ณ ตอนนี้เซียวอวี๋ยังคงเปราะบางเกินไปสำหรับพวกสัตว์ป่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทักษะวินด์วอร์คจึงเหมาะสมกับเขาในตอนนี้อย่างที่สุด
ดูเหมือนว่ากรอมก็มีความกระตือรือร้นที่จะลองทักษะใหม่เช่นกัน เขาเรียกใช้วินด์วอร์คและพุ่งเข้าหาเสือชีตาร์ เมื่อเข้าระยะเขาก็ยกชูดาบขึ้นก่อนตวัดฟันลงมา
ฟึบ
เสียงของมีคมแหวกฟ่าอากาศลงมาก่อนที่ดาบจะติดอยู่กับลำคอของเสือชีตาร์ เสือชีตาร์พยายามจะส่งเสียงร้องออกมา แต่ตัวดาบได้ตัดผ่านและเกิดเป็นรอยตัดที่น่ากลัว หัวของมันห้อยไปด้านข้าง ในขณะที่เลือดฉีดพุ่งออกมามันกลับตกตายไปในลักษณะนี้
"อมนิแสลชช่างทรงพลังดีจริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า..." เซียวอวี๋รีบวิ่งไปยังร่างของเสือชีตาร์ทันที เขาเห็นรอยแผลลึกขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ พวกเขาเคยเผชิญกับเสือชีตาร์มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่กรอมต้องเคลื่อนไหวมากมายกว่าจะสังหารมันลงได้ แต่ตอนนี้เพียงหนึ่งดาบของกรอมกลับส่งมันสู่ความตายได้ทันที
เซียวอวี๋สั่งการให้กรอมลองฟาดฟันต้นไม้บริเวณใกล้เคียงดู ดาบสามารถตัดต้นไม้ได้ราวกับหั่นผัก เซียวอวี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจยามเมื่อเห็นอานุภาพของอมนิแสลช
กรอมสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเซียวอวี๋เองก็สามารถเรียนรู้มันได้เช่นกัน เขาไม่ลังเลที่จะจ่ายแต้มที่เหลือเพื่อเรียนรู้อมนิแสลชทันที
เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่มีบทบาทสำหรับเซียวอวี๋มากนัก ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาในตอนนี้จัดได้ว่าน้อยจนน่าสังเวช ความสามารถของเขายังต่ำ อีกทั้งทักษะการฟันดาบของเขาก็ไม่มี
กรอมสามารถที่จะผ่าต้นไม้ที่หนาได้ ในขณะที่เซียวอวี๋เพียงตัดได้แค่กิ่งที่มีขนาดเท่าแขนเด็ก อมนิแสลชสามารถเปล่งอานุภาพได้สูงสุดยามเมื่อผู้ใช้มันมีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม
เซียวอวี๋ไม่โลภมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับฐานทัพยามเมื่อเห็นว่าดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว
กรอมจำเป็นต้องใช้ค่าประสบการณ์อีกเกือบ 2000 หน่วยเพื่อเพิ่มระดับจาก 2 ไป 3 เซียวอวี๋รู้ว่ามันยากเย็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มระดับสักระดับ ทั้งของตัวผู้ใช้หรือแม้แต่อาวุธก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากกรอมสามารถไปถึงระดับที่ 3 ได้แล้วล่ะก็ เมื่อนั้นเขาก็จะสามารถให้กรอมเรียนรู้ทักษะโจมตีจุดตายได้ นั่นจะยิ่งทำให้กรอมแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
เมื่อกลับถึงฐานแล้วเซียวอวี๋ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเหล่านักรบออร์คถูกสร้างเสร็จแล้ว พวกมันทั้งหมดสูงกว่า 2 เมตร ผิวกายสีเขียวและมีเขี้ยวงอกเงยออกมา พวกมันยืนอยู่ที่หน้าประตูของค่ายทหาร ทั้งสิบต่างเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเคารพ "คำนับนายท่าน!"
เซียวอวี๋รู้สึกพอใจกับเหล่านักรบออร์คเป็นอย่างมาก พวกมันล้วนจงรักภักดีต่อเซียวอวี๋ แม้ว่าพวกมันจะเตี้ยกว่ากรอมนิดหน่อย แต่พวกมันก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ช่วงลำตัวของพวกมันกว้างเท่ากับเซียวอวี๋ยืนชิดกัน 2 คน แขนของพวกมันยังหนากว่าต้นขาของเขาเสียอีก เขารู้ว่าพวกมันแต่ละตัวแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากมันยกมือขึ้นตบเขา ร่างของเขาคงลอยกระเด็นไปไม่ต่ำกว่า 5 เมตร
เซียวอวี๋กำลังจินตนาการถึงบทบาทของพวกนักรบออร์คในสนามรบ กล่าวได้ว่า นักรบออร์คหนึ่งนายนั้นเกินพอที่จะรับมือทหารมนุษย์ 3 นาย
แต่อย่างไรก็ตาม ดาบสนิมเขรอะในกำมือของพวกมันกลับไม่น่ามอง อีกทั้งเกราะของพวกมันยังราวกับนักรบภูเขาในถิ่นบ้านนอกที่ห่างไกล ราวกับนักรบยาจกที่ออกรบเพื่อเลี้ยงปากท้องไปวันๆ
เซียวอวี๋รู้ว่าโรงตีเหล็กจะช่วยยกระดับกองทัพของเขาขึ้นอีกโขด้วยชุดเกราะและอาวุธที่ใหม่เอี่ยม
เซียวอวี๋รู้สึกราวกับว่าเขามีนักรบในสังกัดอยู่มากมายแล้ว แต่เขาก็ยังเข้าใจดีว่านักรบออร์คเพียงสิบนายนั้นยังยากเกินไปที่จะโค่นล้มกองทัพนับพัน
ตามความเข้าใจของเซียวอวี๋ ดินแดนภายใต้การครอบครองของบิดาของแครี่นั้นไม่นับว่าเล็กเลย พวกเขายังมีกองทัพประจำการอยู่ถึงสองหมื่นนาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทุ่มกำลังออกมาทั้งหมด แต่มันก็คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันนายอยู่ดี ตอนนี้เซียวอวี๋มีกำลังทหารภายในเมืองอยู่เพียง 4 - 5 ร้อยนายเท่านั้น ต่อให้ผนึกกำลังรวมกับนักรบออร์ค มันก็ยังไม่เพียงพอจะเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้อยู่ดี
จริงอยู่ว่าเหล่านักรบออร์คนั้นทรงพลัง พวกเขาสามารถใช้หนึ่งสู้สาม หรืออาจจะถึงสี่ถึงห้านายได้ แต่พวกเขาจะถูกกลืนไปทันทีเมื่อต้องเผชิญกับคลื่นมนุษย์หลายพัน
เซียวอวี๋ลองนับคำนวณดูและตัดสินใจได้ว่า อย่างน้อยที่สุดเขาจำเป็นจะต้องมีกองทหารนักรบออร์คราว 4 - 5 ร้อยนาย กองทัพผสมของเขาจึงพอมีหวังที่จะเอาชนะศึกนี้
แต่จำนวนนักรบออร์ค 400 - 500 นาย นั่นหมายถึงเงินตราสูงถึง 40000 - 50000 เหรียญทอง
แล้วฉันจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จากที่ไหน?
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องสร้างโพรงเพื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของพวกออร์คอีก ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีค่าใช้จ่าย
โชคดีอย่างยิ่ง หลังจากเซียวอวี๋สอบถามระบบแล้วก็ได้ความว่า ทั้งเหล่าคนงานและนักรบนั้นสามารถอาศัยอยู่ภายในโพรงได้ ระบบจะจัดการเรื่องอาหารให้พวกมันเอง ด้วยวิธีการนี้ เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องอาหารของพวกออร์คอีก นี่เป็นอีกสิ่งที่ระบบของเกมได้ช่วยอำนวยแก่เซียวอวี๋
มิฉะนั้นแล้ว การเลี้ยงดูเจ้าตัวใหญ่เหล่านี้คงยากเย็นเกินไปสำหรับเซียวอวี๋
"ฉันต้องกลับไปตรวจสอบคลังเมืองเพื่อดูว่ามีเหรียญทองอยู่มากน้อยเท่าไหร่ อย่างน้อยมันก็เคยเป็นเมืองใหญ่ มันควรจะต้องมีเงินเก็บออมเอาไว้บ้างล่ะนะ ฉันคงจะสามารถสร้างนักรบออร์คได้มากกว่านี้หากว่ามีเหรียญทองอยู่ 4 - 5 หมื่นเหรียญ" เซียวอวี๋ตัดสินใจดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ เขาสั่งการกรอมและนักรบออร์คทั้ง 10 ให้เฝ้ารออยู่ที่ฐาน ในขณะที่เขาจะควบม้ากลับไปเพียงลำพัง
เซียวอวี๋รีบห้อตะบึงกลับมาที่เมืองอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ประตูของปราสาทกลับถูกปิดลงไปแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงยามวิกาล
"เปิดประตู! เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ลอร์ดของพวกเจ้ายังไม่ได้เข้าไปด้านใน พวกเจ้ากลับปิดประตูเสียแล้ว" เซียวอวี๋ตะโกนโหวกเหวก
บรรดาทหารที่ยืนอยู่ด้านบนกำแพงเมื่อพบเห็นว่าเป็นเซียวอวี๋ก็เปิดประตูให้เขาเข้าไปทันที พ่อบ้านหงส์ได้สั่งการเอาไว้ว่าให้ปิดประตูเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากพวกเขากำลังอยู่ในสภาวะสงคราม
เซียวอวี๋ควบม้ากลับมาที่คฤหาสน์ เขากลับมาที่ห้องและปรายตามองไปที่บ่าวรับใช้สาวตัวน้อย "ตามตัวลุงหงส์ให้ข้าหน่อย"
เด็กหญิงนั้นกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เธอได้รับการบอกกล่าวไว้ว่าวันนี้เซียวอวี๋คงไม่ได้กลับมา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตุเห็นเขา
เธอละมือจากงานและออกไปตามตัวพ่อบ้านเฒ่า
เซียวอวี๋เดินวนไปเวียนมาอยู่ที่หน้าห้อง ขณะที่เขาขบคิดเกี่ยวกับฐานทัพออร์ค
เขามีฐานทัพอยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ค่อยดีนัก ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังต้องลงมือจัดการ
ตอนนี้เรื่องของทองคำเป็นปัญหาที่คอยกวนใจเขาอยู่ เขาจะสามารถพัฒนาฐานได้อย่างรวดเร็วหากมีเงินตรามหาศาล และเขากำลังมองหามันจากเซียวหงส์
ไม่นาน พ่อบ้านหงส์ก็มาถึง "นายท่าน มีอะไรให้บ่าวรับใช้หรือ?"
ในมุมมองของพ่อบ้านหงส์ เขาคิดว่าเซียวอวี๋ได้ออกไปดื่มกินและเขาก็ไม่คิดว่าเซียวอวี๋จะกลับมาอีก
เซียวอวี๋มองดูพ่อบ้านชราที่มีผมสีดอกเลา ดวงตาที่ราวกับหล่มโคลน เซียวอวี๋รู้ว่าพ่อบ้านชราผู้นี้ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับดินแดนนี้เป็นอย่างมาก
เซียวอวี๋จ้องมองดวงตาที่ไร้ซึ่งประกายความโกรธของพ่อบ้านหงส์ จากความทรงจำของเซียวอวี๋คนเก่าแล้ว บุตรชายจอมล้างผลาญได้เข้ามาหยิบยืมเงินจากพ่อบ้านชราไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่หยิบยืมไปล้วนหมดไปกับการเที่ยวสนุกและการพนัน
"อะแฮ่ม...ลุงหงส์ ท่านลุงก็รู้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญกับเภทภัยที่รุนแรง และข้าคือผู้ที่ชักนำเภทภัยเหล่านั้นมาเอง แต่ข้ากำลังคิดหาวิธีที่จะชดเชยมันอยู่ แครี่จะส่งกองทัพของมันมาโจมตี.....ข้าได้วางแผนที่จะจ้างวานเหล่านักรบรับจ้างมาปกป้องดินแดนของพวกเรา ดังนั้น...." เซียวอวี๋จำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่าง เขาไม่สามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งจากดินแดนของเขาได้ แต่เขาก็ไม่มีเงินอยู่ในมือเช่นกัน
ผลลัพธ์ก็เป็นที่ทราบได้ เขาจึงต้องมาพึ่งพาเงินของพ่อบ้านหงส์ เขารู้สึกผิดยามเมื่อมองไปที่ชุดเก่าขาดที่พ่อบ้านชราสวมใส่อยู่ เขารู้ว่าดินแดนของเขาไม่ได้มีเงินทองอยู่มากนัก อย่างไรก็ตามในฐานะพ่อบ้านแล้วเขาคงไม่สวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ หากเขาใช้จ่ายสักเล็กน้อย
น่าประหลาดที่พ่อบ้านชราไม่มีโทสะหรือพยายามจะกล่าวสิ่งใด เขาเพียงพยักหน้าแต่กลับมีความสิ้นหวังฉายชัดอยู่ในแววตาของเขามากขึ้นไปอีก พ่อบ้านชราทอดถอนใจและจากไป
ไม่นานพ่อบ้านชราก็กลับมาพร้อมถุงที่หนักอึ้ง 2 - 3 ถุงในมือของเขา
"นี่คือเงินที่เหลือเก็บเอาไว้ของดินแดนเรา บ่าวได้แบ่งมันมาส่วนหนึ่งและแจกจ่ายแก่ท่านหญิงทั้ง 5 อีกส่วนหนึ่ง ที่หลงเหลือทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว บ่าวและฮุ่ยได้ติดตามนายท่านใหญ่มาเป็นเวลานาน พวกเราจะยังคงติดตามท่านลอร์ดและจะอยู่ที่นี่" เฒ่าหงส์มองดูเซียวอวี๋ เขาได้กล่าวถึงลอร์ด แต่เซียวอวี๋ก็ทราบได้ว่าลอร์ดที่พูดถึงนั้นย่อมไม่ใช่เขา แต่เป็นบิดาของเขา
คำกล่าวของพ่อบ้านชรานั้นหมายความว่าดินแดนแห่งนี้ได้ตายลงไปแล้ว ไร้ซึ่งความหวังใดๆหลงเหลืออยู่ เขาได้ทยอยปลดบ่าวรับใช้และบุคคลากรต่างๆไปบ้างแล้ว พ่อบ้านหงส์คิดว่าที่เซียวอวี๋นั้นกลับมาก็เพื่อเงินก้อนนี้ เมื่อเช้าเขาเร่งรีบจากไปจึงลืมพกพาเงินทองติดกาย
"นี่....ลุงหงส์ ได้โปรด เชื่อใจข้า ข้าพบหนทางที่จะรักษาดินแดนและเหล่าพี่สะใภ้แล้ว ข้าจะจัดการกับแครี่เอง" เซียวอวี๋มองดูแววตาที่เศร้าหมองของพ่อบ้านชรา ตอนนี้เขามีฐานทัพแล้ว และอีกไม่นานเขาจะพัฒนามันขึ้นอีก
พ่อบ้านหงส์ผงกศีรษะและโค้งคำนับ "นายท่าน บ่าวชราขอตัวแล้ว" เซียวหงส์ออกจากห้องไปแล้ว
เซียวอวี๋ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดต่างคิดว่าดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งความหวังแล้ว
"โธ่เว้ย! ไอ้ตัวล้างผลาญนี่กลับทิ้งเรื่องราวให้ฉันต้องมาตามเช็ดตามล้างตั้งมากมาย" หากเซียวอวี๋คนเก่ายังอยู่ เขาจะขอซัดหน้าเจ้านั่นหนักๆซักหมัด คอยดู!
หลังจากนั้นเขาเทเหรียญทองทั้งหมดออกมาและเริ่มลงมือตรวจนับ เขาต้องการจะพัฒนาฐานให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เซียวอวี๋พบว่ามันมีเหรียญทองมากกว่า 4000 เหรียญแต่มันก็ยังไม่ถึง 5000 เหรียญอยู่ดี
เขาสามารถสร้างนักรบออร์คได้ถึง 40 นายด้วยเงิน 4000 เหรียญ อย่างไรก็ตามจำนวนนี้ยังไม่เพียงพอต่อศึกครั้งนี้
"โธ่เว้ย! เงิน....อ๊าา ฉันต้องมีเงินสำหรับทุกๆสิ่ง...." เซียวอวี๋ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอดสูเช่นนี้มาก่อน
ในช่วงชีวิตเก่า เขาได้ทุ่มเทเงินส่วนมากไปกับเกม เขาได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัดมัธยัสถ์โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาใดๆ ตอนนี้เขากลับต้องการใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แต่เขากลับไม่รู้วิธีได้มันมา
"จะไปหาเงินได้จากที่ไหนบ้างนะ..." เซียวอวี๋ไม่สามารถข่มตาหลับได้ลง เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องจวบจนรุ่งสาง จากนั้นเขาจึงทิ้งตัวลงบนเตียง
ไม่นานเขาก็เด้งตัวขึ้น หยิบฉวยถุงเหรียญทองและออกจากเมืองไป
.........
.........
พ่อบ้านหงส์มองดูเซียวอวี๋อยู่เงียบๆจากระยะไกล เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เฒ่าหงส์ไปที่ห้องโถงและพบกับเหล่านายหญิงที่อยู่ที่นั่น
"นายหญิง พวกท่านต้องไปจากที่นี่! มันยังไม่สายเกินไป หากจากไปในตอนนี้" หัวหน้าทหารฮุ่ยพยายามที่จะโน้มน้าวบรรดานายหญิงทั้งห้าให้จากไป
"ให้พวกนางจากไปเถอะ ข้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเซียวแล้ว ข้าไม่มีที่ให้กลับไปและมันก็ไม่ได้น่ากลัวนักหากต้องตายอยู่ที่นี่ ให้น้องสี่ น้องห้า จากไปเถอะ พวกนางยังสาว....น่าสงสารเกินไปหากต้องอยู่ที่นี่ด้วย" สะใภ้คนโตฉีอิ่น กล่าวออกมา
"คิดว่าข้านั้นเป็นเฉกเช่นบุตรล้างผลาญคนนั้นหรือ? ข้าไม่ต้องการจากไป ข้าจะอยู่ที่นี่จนช่วงเวลาสุดท้าย ให้น้องห้าไปเถอะ แครี่นั้นสนใจในตัวน้องห้า พวกเราไม่สามารถปล่อยนางให้ตกอยู่ในกำมือของมันได้" สะใภ้คนที่สี่กล่าวออกมา
"ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตัวข้า ข้าจะปลิดชีพตนเองหากแครี่ได้ตัวข้าไป ข้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเซียวต้องเสื่อมเสีย" สะใภ้คนที่ห้าซื่อเหวินกล่าวออกมา
"พวกท่านได้โปรด....อย่าได้กระทำตัวกล้าหาญนักเลย พวกเราจะมีหน้าไปพบท่านลอร์ดที่จากไปแล้วได้อย่างไรหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกท่านทั้งหมด?" หัวหน้าทหารฮุ่ยตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก