WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 37
เซียวอวี๋ทอดมองไปยังเปลวเพลิงที่ยังคงลุกโหมอยู่ในระยะไกล เขาทราบว่ามันสายเกินไปที่จะลงมือดับไฟในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขนย้ายผู้คนออกจากค่าย เขาจะรอคอยให้เพลิงมอดดับไปเอง จากนั้นก็ถึงเวลาที่เขาจะนั่งนับสมบัติ!
แม้ว่ากลยุทธ์ที่เซียวอวี๋ใช้ออกระหว่างสงคราม จะทำให้ในตอนนี้นั้นพวกโจรเหลือรอดอยู่ไม่มาก หากแต่ว่ามันก็ยังคงมากกว่าฝ่ายของเขาอยู่ดี อีกทั้งพวกออร์คส่วนใหญ่ต่างได้รับบาดเจ็บ ทิรันด้าจึงผิวปากส่งสัญญาณให้พวกนักล่ากับมารวมทางด้านนี้ พวกโจรที่เล็ดรอดอยู่ภายในค่ายเมื่อพบว่าพวกมันส่วนใหญ่ยอมจำนนแล้วพวกมันจึงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
มีนักล่าเข้ามารายงาน "นายท่าน ยังมีทาสอีกจำนวนมากที่ถูกขังเอาไว้ พวกเราควรปล่อยตัวพวกเขาหรือไม่? หากว่าเราไม่ทำการปล่อยพวกเขาในตอนนี้ อีกไม่นานเปลวเพลิงจะลุกท่วมที่นั่น"
"ปลดปล่อยพวกเขาออกมา! ข้าคงรู้สึกผิดบาปไม่น้อยหากว่าไม่ช่วยพวกเขา" เซียวอวี๋ออกคำสั่งให้นักล่าไปปลดปล่อยทาส
เซียวอวี๋กลายเป็นตกตะลึงยามเมื่อพบเห็นพวกทาสที่ถูกปล่อยตัวออกมา เขาคิดว่ามีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น เขาไม่เคยคาดคิดว่าจำนวนของพวกเขาจะมากถึงหลักพัน มีหญิงสาวหน้าตาดีอยู่เป็นจำนวนมากแต่แววตาของพวกนางล้วนเต็มไปด้วยความหม่นหมอง พวกนางสวมเพียงเสื้อผ้าที่หยาบกร้าน และปกปิดเพียงส่วนสงวนไว้เท่านั้น
มีถ้อยคำหนึ่งปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเซียวอวี๋ทันที "นางบำเรอ!"
ความโกรธปะทุขึ้นภายในใจของเขา "พวกเดรัจฉาน สมควรฆ่าให้หมด!"
เขาโกรธมาก โดยปกติแล้ว เขามักถูกเรียกว่า ตัวตัณหา ในโลกก่อนหน้านี้ เขาได้ดาวน์โหลดภาพยนตร์จากอินเตอร์เน็ตเพื่อมาบรรเทาความเครียด ขณะที่ในโลกนี้เขาก็ยังแอบถ้ำมองเหล่าพี่สะใภ้อาบน้ำ อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงการถ้ำมองเท่านั้น ถ้ำมอง! ดูแต่ตามืออย่าต้อง! ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงอย่างมาก และเขาไม่สามารถบังคับตัวเองให้ไปใช้กำลังกับผู้หญิงเช่นนั้นได้ เขาเชื่อว่าคนทุกคนย่อมต้องมีกิเลศตัณหาบ้างเป็นธรรมดา แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน! นี่เป็นบรรทัดฐานของเซียวอวี๋
เซียวอวี๋รังเกียจเรื่องที่ผู้หญิงถูกใช้เป็นทาสเพื่อบำบัดความใคร่, สัตว์เลี้ยง หรือเครื่องมือระบายอามรณ์เป็นอย่างมาก เซียวอวี๋ไม่สามารถเพิกเฉยได้อีก นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกจริง เกิดขึ้นกับคนจริง อีกทั้งมันยังเกิดขึ้นต่อหน้าเขาจริง!
"ออกค้นหาว่ายังมีทาสหลงเหลืออีกหรือไม่!" ใบหน้าของเซียวอวี๋กลายเป็นเย็นชา เขาจะยังไม่ระเบิดความโกรธออกมาขณะที่เรื่องเร่งด่วนคือการค้นหาทาสคนอื่นๆ จากนั้นเขาจะตัดสินเรื่องราวครั้งนี้เอง!
แม้ว่าเขาจะไม่ชื่นชอบการฆ่าเชลยสงคราม แต่การกระทำของพวกโจรครั้งนี้นั้นเกินอภัย พวกมันยังคงเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? หากว่าพวกมันไม่ใช่ เขาก็ไม่รังเกียจที่มือจะต้องเปื้อนเลือดของพวกมัน!
"ขอรับ" นักล่าตอบรับก่อนจะพลิกตัวขึ้นเสือดาวและออกค้นหาทาสต่อไป
เผ่าพันธ์ุเอลฟ์นั้นเคารพในธรรมชาติและชีวิตอย่างยิ่ง ดังนั้นเรื่องนี้จึงละเอียดอ่อนสำหรับพวกเขา การค้นหาเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาล้วนลงแรงอย่างเต็มที่ ไม่นานก็มีกลุ่มผู้หญิงอีกกลุ่มถูกพาตัวออกมา ผู้หญิงกลุ่มนี้ล้วนสวมใส่เสื้อผ้าที่งดงาม แต่ละคนล้วนเป็นสาวงามที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน มีความดื้อรั้นและความพยศปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกนางบางคน ทว่าส่วนใหญ่แล้วล้วนมีใบหน้าที่สิ้นหวังอย่างที่สุด พวกนางถูกขังอยู่ภายในห้องลับและที่พักของเหล่าผู้นำระดับสูง
พวกนางบางคนให้ความรู้สึกที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่มี ดูเหมือนพวกนางจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือชนชั้นสูงก่อนที่จะถูกจับตัวมา
"พวกโจรที่ไร้ยางอาย! ฉันคงไม่สามารถไปพบหน้ากับบรรพบุรุษของฉันได้หากว่าปล่อยปละละเว้นพวกมัน!"
เซียวอวี๋กัดฟันและเดินไปมาอยู่ที่ด้านบนกำแพงขณะที่จ้องมองเหล่าหญิงสาวที่ถูกพวกโจรจับตัวมา
ในเวลาเดียวกันพวกเอลฟ์ก็คำรามขึ้นอย่างโกรธแค้น โดยปกติแล้วเผ่าพันธ์ุเอลฟ์นั้นมีความสง่างามและมารยาทที่ดี เซียวอวี๋ไม่เคยเห็นพวกเขาโกรธแค้นและสาปแช่งผู้คนมาก่อน
แม้ว่าความหยิ่งยโสของพวกเขาจะฝังลึกเข้าไปในกระดูกและมองว่าเผ่าพันธ์ุของตนนั้นสูงส่ง กระทำตนราวกับชนชั้นสูง และกล่าววาจาที่แม้หยิ่งผยองแต่ก็ไม่เคยสถบด่าออกมา
เซียวอวี๋เคยคิดว่าเผ่าพันธ์ุเอลฟ์นั้นไม่มี 'คำด่า' อยู่ในพจนานุกรมด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้พวกเอลฟ์แสดงท่าทางที่ดูโกรธแค้นต่ออะไรบางอย่างออกมา
เซียวอวี๋รีบวิ่งไปที่นั่นทันที สถานการณ์ชักดูไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว เซียวอวี๋ดึงมีดสั้นออกมาก่อนจะจิ้มหัวของมาร์คัสและวิ่งลงกำแพงไป
เหล่าเอลฟ์จำนวนกำลังรุมล้อมหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ นางตัวสั่นงันงก แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอลฟ์ได้มอบผ้าคลุมของพวกเขาปกปิดร่างที่เปลือยเปล่าของนางเอาไว้
ที่ลำคอของนางมีปลอกคอและโซ่ลามเอาไว้ นี่ราวกับนางเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง หญิงสาวนางนี้ไม่สามารถเดินเหินได้ นางคุกเข่าและคลานออกมาราวกับแม่ตัวหนึ่ง นางไม่ได้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่กำเนิด หากแต่เกิดขึ้นจากการกระทำ...
ที่สำคัญที่สุดก็คือใบหูของพวกนาง มันแหลมและยาว ความยาวของมันราว 20 เซนติเมตร มีประกายแสงสีม่วงฉายขึ้นทุกครั้งยามเมื่อพวกนางกระพริบตา
นี่เป็นหลักฐานว่าพวกนางต่างเป็นเอลฟ์
ตามคำเล่าขาน เอลฟ์นั้นสูญพันธ์ุไปแล้ว เซียวอวี๋ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาพบเอลฟ์ที่นี่ ในสถานการณ์เช่นนี้
เซียวอวี๋ไม่ชอบพวกเอลฟ์เนื่องจากทัศนคติของพวกเขา จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นนักรบที่เขาอัญเชิญมาช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงพูดคุยเล่นได้เหมือนกันญาติของตน แต่นี่......นี่คือเผ่าพันธุ์เอลฟ์จริงๆ
พวกเขาจะไม่มีโทสะได้อย่างไรยามเมื่อพบเห็นเผ่าพันธ์ุของตนถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์เช่นนี้?
แม้แต่กรอมที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาก็ยังโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
"ข้าจะสังหารเศษเดนพวกนั้นให้หมด!" กรอมคำรามและวิ่งไปยังที่ที่พวกเขาคุมตัวพวกโจรกว่า 800 คนเอาไว้อยู่ แน่นอนว่ากรอมย่อมไม่ถูกกับพวกเอลฟ์ แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ถูกอัญเชิญมาจากโลกใบเดียวกัน ด้วยจุดหมายเดียวกัน! พวกเขาคือสหาย!
การที่พวกเขาทะเลาะกันมันก็เหมือนกับการทะเลาะกันของพี่น้อง อย่างไรก็ตามยามเมื่อครอบครัวของตนเองถูกทำร้ายอยู่เบื้องหน้า พวกเขาย่อมไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้อีก
"หยุด!" เซียวอวี๋ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าจะจัดการพวกมันเอง"
แม้อารมณ์ของกรอมจะกำลังเดือดได้ที่ แต่ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าขัดคำสั่งของเซียวอวี๋ เขาพยายามระงับอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาลงในขณะที่มือของเขาสั่นอย่างข่มกั้น ทว่าแววตาของเขาก็ยังฉายชัดถึงความต้องการฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆอยู่
มีน้ำตาหยดลงมาจากดวงตาของทิรันด้า นางกระซิบเบาๆด้วยภาษาเอลฟ์เพื่อปลอบประโลมทาสหญิงชาวเอลฟ์เหล่านั้น
หญิงสาวชาวเอลฟ์ทุกคนล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกนางไม่รู้จักกระทั่งเผ่าพันธุ์ของตนเอง
ทว่าแววตาของพวกนางล้วนมีชีวิตชีวาขึ้นยามเมื่อเหม่อมองทิรันด้า
"เทพธิดาแห่งจันทรายังไม่ละทิ้งพวกเรา! พระนางส่งนักบวชหญิงทิรันด้ามาช่วยพวกเราแล้ว!" เซียวอวี๋พบว่าเขาสามารถเข้าใจภาษาเอลฟ์ได้ เขางุนงงก่อนที่จะเอ่ยปากถามระบบ นั่นทำให้เขาพบว่าไม่เพียงแต่ภาษาเอลฟ์เท่านั้นที่สามารถเขาสามารถเรียนรู้ได้ หากแต่ยังรวมไปถึงทุกภาษาบนทวีปแห่งนี้
โดยไม่ลังเลเขาเลือกที่จะเรียนรู้ภาษาเอลฟ์ทันที
"ถูกแล้ว ข้าคือทิรันด้า บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า? เหตุใดพวกเจ้าถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?" หยดน้ำตายังไหลออกมาขณะที่เอ่ยถาม
"ท่านเทพธิดา! ท่านทิรันด้า! ท่านได้ทอดทิ้งเผ่าพันธ์ุของพวกเราเป็นเวลานาน! แสงจันทราของเทพธิดาก็หายไปเช่นกัน! พวกเราถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้ว ต้นไม้แห่งชีวิตก็สูญหายไป และเผ่าพันธุ์เอลฟ์ของพวกเรากำลังจะล่มสลาย พวกคนที่น่ารังเกียจเหล่านี้บุกรุกเข้ามาในพื้นที่อาศัยของพวกเราและลงมือสังหารพวกเรา! พวกเราทำได้เพียงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในหุบเขาลึกเท่านั้น โชคดีที่ท่านกลับมา! เผ่าพันธุ์ของพวกเรายังมีความหวัง!"
หญิงสาวชาวเอลฟ์เหล่านั้นมองทิรันด้าอย่างเทิดทูนราวกับพบพานเทพธิดา ร่างของพวกนางสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นและปลื้มปิติ
"สูญพันธุ์? ที่เผ่าพันธุ์เอลฟ์ต้องเผชิญกลับเหตุการณ์เช่นนี้...ล้วนมาจากน้ำมือของมนุษย์" ทิรันด้าหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ
เซียวอวี๋กลายเป็นรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของพวกเอลฟ์หญิง ดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นผู้ผลักดันเผ่าพันธุ์เอลฟ์ให้เข้าสู่จุดอับเช่นนี้ เซียวอวี๋เข้าใจว่าเอลฟ์หญิงนั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าชนชั้นสูงในฐานะสัตว์เลี้ยง เป็นเรื่องปกติของเหล่านักล่าเงินรางวัลและนักผจญภัยที่จะเข้าสู่เทือกเขาเพื่อเข่นฆ่าพวกออร์คเพื่อชื่อเสียงและเกียรติยศ หรือไม่ก็จับพวกเอลฟ์มาเป็นสัตว์เลี้ยง นี่เป็นประเพณีของ 'ชนชั้นสูง'
จากความทรงจำในร่างเดิมแล้ว เซียวซานเทียนยามเมื่อวัยหนุ่มก็ได้เข้าสู่เทือกเขาและเข่นฆ่าพวกออร์คและจับเอลฟ์เช่นกัน
"เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่! ข้าขอร้องท่าน โปรดช่วยเหลือพวกเขา! ช่วยเหลือคนของพวกเรา! มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้! พวกเราจะอยู่ภายใต้การชี้นำของเทพธิดาอีกครา!" เหล่าเอลฟ์ต่างกล่าวอ้อนวอนทิรันด้า
"วางใจเถิด ข้าจะช่วยให้เผ่าพันธ์ุเอลฟ์ของพวกเราให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง" ทิรันด้ากล่าวออกมาขณะลูบไล้ใบหน้าของพวกนาง
เซียวอวี๋มองไปยังฉากอันยอดเยี่ยมเบื้องหน้าที่ราวกับถอดออกมาจากภาพยนตร์ เทพธิดาของเผ่าพันธ์ได้ปรากฏกายออกมาและยื่นมือเข้าช่วยเหลือเผ่าพันธ์ที่กำลังล่มสลาย และในตอนนี้เทพธิดาจะชี้นำเผ่าพันธุ์นั้นให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครา
ทว่าเซียวอวี๋ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที
มีคำถามจริงจังที่เขาไม่เข้าใจปรากฏขึ้นมา
เหตุใดพวกเอลฟ์ในโลกนี้ถึงรู้จักทิรันด้า? เหตุใดพวกนางถึงกล่าวว่าทิรันด้าได้หายตัวไปนานกว่าหมื่นปีแล้ว? หากเป็นเช่นนั้นจริง ในตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่แบบใดกันแน่?