WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 36
ผู้ใช้มนตราคือราชันย์แห่งสนามรบ
มานาของจ้าวมนตราได้หมดลงอยู่หลายครั้งระหว่างการสู้รบ ทว่าเซียวอวี๋ได้จัดซื้อน้ำยามานาก่อนหน้านี้ไว้หลายขวด แม้ว่าน้ำยาเหล่านี้จะไม่ได้เติมมานาให้มากมายนัก ทว่ามันก็ยังเกินพอสำหรับจ้าวมนตราในตอนนี้
สายลมเหมันตร์ที่หมุนวนอยู่ด้านบนยังคงส่งแท่งน้ำแข็งลงมาและสังหารพวกโจรอยู่ตลอด ทักษะขอจ้าวมนตราได้สังหารพวกโจรลงราวกับผักปลา
แม้ว่าความแข็งแกร่งของแท่งน้ำแข็งจะไม่เพียงพอจะทะลวงเกราะหนักของทหารม้าได้ หากแต่กับพวกโจรธรรมดานั้นไม่ใช่
เซียวอวี๋และทิรันด้าคอยยืนขนาบข้างจ้าวมนตราเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ขณะที่ระดับของเซียวอวี๋นั้นไม่สูงนัก แต่ในระดับที่ 6 พร้อมด้วยเกราะเหมันตร์และทักษะของเบรดมาสเตอร์แล้ว มันก็เพียงพอที่จะจัดการกับพวกโจรทั่วไปได้แล้ว
ขณะที่ทิรันด้านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกล และที่ด้านข้างยังมีพยัคฆ์ขาวที่สามารถจัดการกับพวกโจร 4 - 5 คนพร้อมกันอยู่ด้วยอีก หลังจากที่เพิ่มแต้มทักษะไปที่จิตวิญญาณสัตว์ป่าแล้ว ความแข็งแกร่งของพยัคฆ์ขาวก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ในตอนนี้ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับนางได้
เซียวอวี๋ใช้แต้มทักษะที่จ้าวมนตราเพิ่งได้รับมาตอนเลื่อนระดับเพื่อเรียนทักษะธาตุ อัญเชิญจิตวิญญาณน้ำ นี่จะเป็นอีกทักษะหนึ่งที่สามารถปกป้องจ้าวมนตราไว้อีกชั้นหนึ่ง
แสงสีฟ้าปรากฏออกมาที่ด้านข้างของจ้าวมนตรา ความสูงของมันมีถึง 1.7 เมตร
ฟิ้ววว!
จิตวิญญาณน้ำส่งแท่งน้ำแข็งออกไปสังหารโจรที่พยายามจะปืนกำแพงขึ้นมา
ที่แห่งนี้คือค่ายของพวกโจร ดังนั้นพวกมันย่อมต้องคุ้นชินกับภูมิประเทศในแถบนี้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีพวกโจรบางส่วนพยายามจะเอาบันไดมาพาดกับกำแพง แต่ก็ถูกจิตวิญญาณน้ำและพลธนูสังหารลงเสียก่อน
เซียวอวี๋ตระหนักดีว่าหากเป็นช่วงเวลากลางวันแล้ว พวกโจรย่อมมีหลากหลายวิธีที่จะจัดการกับเขาได้ แต่การโจมตีอย่างกระทันหันในยามวิกาลเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น พวกโจรถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกจากเสียงโหวกเหวกและควันไฟ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีเพียงโจรบางส่วนเท่านั้นที่มีสติและนำบันไดออกมา พวกโจรส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าต้องรับมืออย่างไร นอกจากการเข้าปะทะโดยตรง
โจรเหล่านี้ล้วนต้องการพึ่งพาผู้ใช้มนตรา ผู้ฝึกยุทธ์ และทัพม้าเกราะหนักของพวกมันเพื่อจัดการกับกองทัพของเซียวอวี๋ หากแต่ทว่าความหวังของพวกมันก็มอดดับไปทีละส่วน
ทัพม้าของพวกมันส่วนใหญ่ถูกสังหารโดยพลปืนและรถจู่โจม ผู้ใช้มนตราของพวกมันก็มาถูกทิรันด้ายิงสังหารอีก อีกทั้งผู้ฝึกยุทธืยังตกตายราวกับใบไม้ร่วงยามเมื่อต้องเผชิญกับคมศรของทิรันด้าและห่ากระสุนของคนแคระ
นั่นเป็นผลให้พวกมันไม่มีหนทางอื่นอีก สิ่งสุดท้ายที่สามารถพึ่งพาได้คือจำนวนที่มากกว่าของพวกมัน ขวัญกำลังใจของพวกตกวูบลงจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขวัญกำลังใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้และสงคราม หากขวัญกำลังใจของไพร่พลลดต่ำลงและสูญเสียความเชื่อมั่นในชัยชนะไปผลของสงครามก็จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
เซียวอวี๋ทราบว่าแนวโน้มของสงครามได้เอนเอียงมาหาฝ่ายเขาแล้วขณะเขายืนมองภาพรวมของสนาบรบจากมุมสูง พวกโจรได้พยายามเข้ายึดกำแพงอยู่หลายครั้ง หากแต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลว รูปขบวนที่พวกมันได้ก่อตัวขึ้นพลันแตกกระจัดกระจายกันไป
พวกออร์คนั้นเป็นนักรบโดยกำเนิด พลเดินเท้าและพลปืนยังได้รับการอบรมความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสงครามมาแล้ว พวกออร์คนั้นเกิดมาเพื่อสงครามตะลุมบอนเช่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งกองกำลังอีก 3 กลุ่มที่เหลือของเขายังมีความเข้าใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ดีอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นออร์คกว่าครึ่งยังอยู่ในระดับที่ 3 แล้ว ทักษะคลุ่้มคลั่งของพวกมันย่อมต้องถูกใช้งานออกมาและทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นอีก 50% เลยทีเดียว แม้ว่าพวกมันจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพโจรกว่า 2,000 คนก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกออร์คจะไม่มีคำว่า "ยอมแพ้" อยู่ในพจนานุกรมของพวกมันเลยแม้แต่น้อย
.......................................
.......................................
การต่อสู้ระหว่างกรอมและมาร์คัสได้ก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ดวงตาของมาร์คัสแดงฉานด้วยโทสะและความแค้น นี่จะไม่ให้มันคลุ้มคลั่งได้อย่างไรในเมื่อค่ายโจรที่มันใช้เวลาลงแรงก่อตั้งขึ้นมาถึง 10 ปีกำลังจะย่อยยับภายในมือของชายหนุ่มผู้หนึ่ง?
มันต้องการที่จะฉีกกระชากร่างของเซียวอวี๋เป็นหลายส่วน ทว่ากับมีก้างชิ้นใหญ่กั้นขวางมันและเป้าหมายเอาไว้ ออร์คที่มีนามว่า กรอม ความแข็งแกร่งของกรอมนั้นคู่คี่สูสีกับมาร์คัส หากแต่ทว่ากำลังของมาร์คัสนั้นมีเปรียบอยู่เล็กน้อย จะอย่างไรมาร์คัสก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง แต่ไม่พยายามเท่าใดมันก็ไม่อาจสลัดหลุดจากรอมไปได้ กรอมได้ใช้ทุกทักษะออกมาในการรับมือกับมาร์คัส
มีบาดแผลหลายแห่งปรากฏอยู่บนร่างของกรอม แต่บาดแผลเหล่านี้กลับยิ่งกระตุ้นให้กรอมกลายเป็นคลุ้มคลั่งมากขึ้น กรอมนั้นไม่มีทักษะคลุ้มคลั่ง แต่ทว่านี่กลับเป็นทักษะลับชนิดหนึ่งของเผ่าพันธ์ุออร์ค ยิ่งประมือกับผู้ที่เข้มแข็งกว่ามากเท่าไหร่ ความดุร้ายภายในสายเลือดก็ยิ่งถูกกระตุ้นมากขึ้นเท่านั้น
"ทิรันด้า พยายามก่อกวนเจ้าโจรนั่นซะ แต่อย่าได้สังหารมัน! ให้กรอมได้เป็นผู้ปลิดปลงมันเอง!" เซียวอวี๋ทราบว่าท้ายที่สุดแล้วกรอมย่อมต้องเป็นฝ่ายกำชัย แต่มาร์คัสนั้นแข็งแกร่งเกินไป ผลการต่อสู้ย่อมต้องใช้เวลานาน
แต่หากมีทิรันด้าคอยสนับสนุนแล้ว การต่อสู้นี้จะจบลงในอีกไม่นาน
เซียวอวี๋ทราบว่ามาร์คัสนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง หากว่ากรอมสังหารมันลงได้ การจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับที่ 10 ย่อมมีความเป็นไปได้ ระดับที่ 10 นี้จะแตกต่างจากระดับที่ 9 อย่างสิ้นเชิง มันต่างกันราวชั้นฟ้าและพื้นดิน ระดับที่ 10 นี้เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นที่ 2 ซึ่งนั่นมายความว่าความแข็งแกร่งของกรอมจะเพิ่มขึ้นอีกชั้นใหญ่
นี่ไม่ใช่แค่เพียงการยกค่าความสามารถโดยรวมขึ้นเท่านั้น หากแต่มันยังมาพร้อมทักษะใหม่
ค่าประสบการณ์ที่ทิรันด้าได้รับนั้นเหนือล้ำไปกว่ากรอมแล้ว เนื่องจากคมธนูของนางได้พรากชีวิตพวกโจรไปเป็นจำนวนมากในศึกครั้งนี้ ระดับของนางจะเพิ่มขึ้นเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว หากแต่ว่ากรอมนั้นเผชิญหน้ากับมาร์คัสมาตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม นั้นเป็นเหตุผลที่เซียวอวี๋ออกคำสั่งไม่ให้ทิรันด้าเป็นผู้ลงมือสังหาร
ฮ๊ากกกกกกกกกกกก!
กรอมคำรามออกมาพร้อมทั้งเรียกใช้อมนิแสลช ในเวลาเดียวกันทิรันด้าก็ยิงศรเวทย์มุ่งตรงไปยังคอหอยของมาร์คัส มาร์คัสยกดาบของมันขึ้นหักเหทิศทางของลูกศรก่อนจะตวัดดาบขึ้นต้านทานการโจมตีของกรอมที่ตามเข้ามา
เปรี้ยงงงง!
พลังปราณที่ห่อหุ้มอาวุธของทั้งสองเกิดการระเบิดขึ้นและสลายหายไป ในที่สุดกรอมก็มีชัยเหนือมาร์คัสเนื่องจากกการโจมตีลงมาจากที่สูง ดาบของเขาตวัดผ่านลำคอของมาร์คัสอย่างรวดเร็ว
วินาทีถัดมาหัวของมารืคัสก็ปลิวไปในอากาศ และทิ้งร่างที่ไร้ศีรษะเอาไว้
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ยอมเยี่ยม!" เซียวอวี๋หัวเราะด้วยความตื่นเต้น สงครามครั้งนี้สมควรสิ้นสุดลงแล้วจากความตายของมาร์คัส
ปิ๊งงง~~
แสงสีทองระเบิดออกมาและห่อหุ้มร่างของทิรันด้าและกรอมเอาไว้ พวกเขาทั้งคู่เลื่อนขึ้นเป็นระดับ 10 แล้ว
มีทักษะใหม่ปรากฏขึ้นที่หน้าต่างสถานะของทิรันด้า
รัศมีจ้าวแห่งธนู (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 5): เพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีระยะไกลของผู้ใช้และพันธมิตรขึ้น 20% ในแต่ละระดับ สามารถเพิ่มขึ้นได้ 100%
ลักษณ์แห่งเหยี่ยว (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 3): อัญเชิญวิญญาณเหยี่ยวผู้พิทักษ์ออกมา และรั้งรวมไว้กับศรของผู้ใช้ ทักษะจะถูกใช้ในการยิงทุกๆ 9 ดอก สามารถเกิดผลได้สูงสุด 3 ดอกในการยิง 9 ครั้ง [TL: ที่ระดับ 1 ในธนูที่ยิงออกไป 9 ดอกจะมี 1 ดอกที่แสดงผลทักษะ เมื่อทักษะถึงระดับที่ 3 จะมีธนู 3 ดอกใน 9 ดอกที่จะเกิดผลทักษะ]
กระหน่ำยิง (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 3): เพิ่มความเร็วในการยิงของผู้ใช้ขึ้น 30% มีระยะคูลดาวน์ 10 วินาที ความเร็วสามารถเพิ่มได้สูงสุด 100% ที่ทักษะระดับสูงสุด
กรอมก็มีทักษะใหม่ปรากฏออกมาเช่นกัน
พายุคลั่ง (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 3): ผู้ใช้จะหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และทำความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง ความเสียหายจะเพิ่มขึ้น 50% ที่ระดับหนึ่ง 100% ที่ระดับ 2 และ 150% ที่ระดับ 3
ตีฝ่า (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 3): ในระดับที่ 1 ผู้ใช้สามารถกระโดดผ่านระยะทาง 20 เมตรด้วยความสูง 3 เมตร ที่ระดับที่ 2 ผู้ใช้สามารถกระโดดผ่านระยะทาง 50 เมตรด้วยความสูง 5 เมตร ที่ระดับที่ 3 ผู้ใช้สามารถกระโดดผ่านระยะทาง 80 เมตรด้วยความสูง 10 เมตร
คำรามข่มขวัญ (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 3): ผู้ใช้จะคำรามออกมาและลดทอนขวัญกำลังใจของศัตรูลง 10% และสูงสุด 30% ที่ระดับ 3 ผลของมันจะลดลงตามระยะที่มากขึ้น และหากศัตรูมีระดับสูงกว่าผู้ใช้ผลของมันจะลดลงเช่นกัน
พุ่งทะยาน (สามารถเพิ่มได้ถึงระดับที่ 2): ผู้ใช้จะสามารถพุ่งไปข้างหน้าเป็นระยะทาง 20 เมตรพร้อมทั้งสร้างความเสียหายให้แก่ศัตรูที่พุ่งผ่าน ระยะสูงสุด40 เมตรที่ทักษะระดับที่ 2
เซียวอวี๋แทบจะกระโดดโลดเต้นเมื่อมองเห็นทักษะชุดใหม่ที่ปรากฏออกมา เขาส่งสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ทักษะใหม่พวกนี้มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว! ยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมด ทักษะเหล่านี้เขายังสามารถเรียนรู้ได้!
"ทิรันด้า เรียนรู้ทักษะรัศมีจ้าวแห่งธนู กรอมเรียนทักษะพายุคลั่ง" เซียวอวี๋ทราบดีว่าทักษะพวกนี้จะส่งผลขนาดไหนในสนาบรบขนาดใหญ่
"เจ้าพวกโจรชั่ว! หัวหน้าของพวกเจ้าหัวหลุดไปแล้ว! อย่าได้ขัดขืนอีก ถ้าพวกเจ้ายังดึงดันที่จะสู้ต่อไป เช่นนั้นข้าจะตัดพวกเจ้าเป็นสองส่วน จงยอมแพ้ซะ!" เซียวอวี๋ตะโกนด้วยเสียงอันดัง เมื่อเห็นว่าขวัญกำลังใจของพวกโจรนั้นพังทลายลงแล้ว
มีบางคนที่มองเห็นฉากกรอมตัดหัวมาร์คัส ทว่าส่วนใหญ่ยังคงไม่ทราบเรื่องจากสถานการณ์ที่ชุลมุนนี้
กรอมขว้างศีรษะของมาร์คัสขึ้นไปบนกำแพง เซียวอวี๋ยื่นมือรับเอาไว้ ก่อนชูมันขึ้นสูงให้เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าโจร
พวกโจรย่อมไม่อาจต้านทานการโจมตีจากการสอดประสานกันของนักรบออร์คและพลธนูเอลฟ์ได้ การที่พวกมันจะถูกฆ่าล้างจนหมดเพียงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ในตอนนี้เมื่อพบว่าผู้นำของพวกมันตายแล้วจึงคุกเข่าทิ้งอาวุธลงกับพื้น
ทว่าพวกออร์คจำนวนมากได้เข้าสู่โหมดคุ้มคลั่งไปแล้วและไม่อาจทราบได้ว่าเมื่อไรควรหยุดมือ ดังนั้นการฆ่าล้างจึงยังคงดำเนินต่อไป
"ทั้งหมดหยุดมือ!" เซียวอวี๋ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง ไม่นานโหมดคลุ้มคลั่งก็สลายไป โชคดีที่พวกมันมีค่าความจงรักภักดีต่อเซียวอวี๋ค่อนข้างสูง ดังนั้นเสียงของเซียวอวี๋จึงดึงสติของพวกมันกลับมาได้สำเร็จ
แต่หากเป็นออร์คจากโลกใบนี้แล้วยามเมื่อพวกมันสองตาแดงฉานก็จะไม่มีสิ่งใดมาฉุดรั้งพวกมันไว้ได้อีก
เหล่ามนุษย์ที่ทราบเงื่อนไขข้อนี้ จึงใช้ประโยชน์จากมันและล่อพวกออร์คให้เข้าสู่กับดักที่ได้เตรียมเอาไว้
พวกออร์คสงบลงแล้ว มีเพียง 800 คนจาก 5,000 คนเท่านั้นที่มีชีวิตรอด กองทัพของเซียวอวี๋ได้สังหารพวกมันไปกว่า 4,000 คนในคืนเดียว
นี่เป็นชัยชนะอันเด็ดขาด!!