ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 34
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 36

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 35


กรุบกรับ กรุบกรับ....

เสียงทหารเกราะหนักดังสะท้อนออกมาจนผืนดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันกระจายไปทั่วอากาศ

ทหารม้าเกราะหนักต้องใช้เวลา 10 วินาทีเพื่อที่จะข้ามผ่านระยะ 300 เมตรนี้ไปได้ จากนัั้นต่อให้พวกออร์คแข็งแกร่งสักเพียงใดก็ไม่อาจหยุดการบุกทะลวงนี้ได้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกออร์คที่ทรงพลังก็ยังคงมีเลือดและเนื้อ ขณะที่การบุกทะลวงของทัพม้าเกราะหนักนี้สามารถบดขยี้ทหารราบได้ทุกรูปแบบ

เวลาเดียวกับที่ทัพม้ากำลังพุ่งเข้ามา แนวป้องกันของออร์คก็แหวกออกเป็นสองฝั่ง เผยให้เห็นเครื่องจักรรูปร่างแปลกถูกดันออกมา

แต่ละเครื่องจักนั้นมีปีกขนาดใหญ่อยู่ 2 ข้าง ทว่าปีกคู่นั้นไม่ใช่ขนนก หากแต่เป็นเหล็ก ปีกคู่นั้นค่อยๆกางออกเต็มความกว้าง เผยให้เห็นใบมีดรูปทรงจันทร์ติดตั้งไว้ตรงกลางของแต่ละเครื่อง

มาร์คัสรู้สึกถึงความผิดปกติทันทีที่เห็นเครื่องจักรที่คล้ายนกยักษ์คู่นั้น

ขณะที่ทัพม้าเกราะหนักอยู่ห่างจากเหล่าออร์คประมาณ 150 ก้าว ใบมีดขนาดยักษั 2 ใบก็ถูกยิงออกมา การหมุนอย่างรวดเร็วของมันทำให้ดูคล้ายถาดสีเงินขนาดใหญ่ แต่ละอันมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 2 เมตร เสียงแหวกฝ่าอากาศดังออกมาขณะที่มันพุ่งตรงไปยังกลุ่มทหารม้า

ความเร็วของทั้งสองฝ่ายต่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตา ใบมีดและทัพม้าเกราะหนักก็เข้าปะทะกัน

ฉัวะ ~ ฉัวะ ~

ม้ายังคงควบตะบึงไปข้างหน้า แต่ขาทั้งสี่ข้าของพวกมันล้วนปลิวกระจายไปในอากาศแล้ว ใบมีดที่แหลมคมกวาดผ่านขาของม้าหลายสิบตัวในคราเดียว นี่คืออานุภาพของรถจู่โจม

สถานการณ์ที่น่าตื่นตะลึงบังเกิดขึ้น เนื่องจากเกราะหนักไม่ได้ถูกสวมให้เพียงทหาร แต่ยังคงสวมใส่ให้กับอาชาคู่ใจอีกด้วย เหล่าอาชานั้นมีเกราะหนักครอบคลุมถึงขา ดังนั้นจึงเป็นการยากที่พวกมันจะได้รับบาดเจ็บจากศัตรูในสนามรบ

มีเพียงน่องขาส่วนล่างเท่านั้นที่ไม่ได้สวมใส่เกราะ เนื่องจากเหตุผลด้านความเร็ว หากสวมใส่เกราะในส่วนนั้นด้วยจะเป็นการถ่วงความเร็วของม้าและทำให้ทหารม้ากลายเป็นเป้าของธนูและอาวุธระยะไกลอื่นได้โดยง่าย ที่ร่างกายส่วนบนของม้าสวมใส่ไว้ด้วยเกราะหนัก มันจึงเป็นการยากที่อาวุธระยะไกลในยุคนี้จะสามารถสร้างบาดแผลให้กับทัพม้าได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงบาดแผลฉกรรจ์

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทัพม้าเกราะหนักเป็นทัพที่เข้มแข็งที่สุด ดุดันที่สุด ที่สามารถกวาดผ่านได้ทุกสนามรบ ทว่าการปรากฏของรถจู่โจมกลับทำลายความเชื่อนี้ลง

"เจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร?!" แม้ตแ่คนตาบอดก็ยังรับรู้ได้ถึงอานุภาพของมัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงมาร์คัสและพวกโจรที่ตกตะลึงจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า

จู่ๆม้าจำนวนมากก็ทรุดตัวไถลไปกับพื้น

เหล่าโจรต่างตกอยู่ในความตื่นตะลึง หากว่าอาวุธพิสดารนี้สามารถตัดผ่านทัพม้าเกราะหนักที่มีหลายแถวมาได้เช่นนี้ แล้วจะเกิดอันใดขึ้นหากว่าที่อยู่ตรงนั้นเป็นทหารราบสามัญ? ไม่ใช่ว่าพวกมันจะถูกตัดเสมอกันเป็นสองท่อนทั้งหมดเลยหรือ?

ลองนึกสภาพที่ทหารทัพหน้าทั้งหมดถูกตัดเป็นสองท่อนในทันทีสิ! ภาพที่เกิดขึ้นจะเป็นส่งผลอย่างไร?

ทัพม้าเกราะหนักยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้า หากทว่าภายในจิตใจของพวกมันกลับร่ำร้องให้หันม้าแล้วหลบหนีไปซะ นั่นเป็นผลให้ความเร็วของม้าลดลงไปอย่างมาก ฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านี้สร้างความหวัดกลัวให้กับพวกมันแล้ว

เซียวอวี๋ที่ยืนอยู่บนกำแพงออกคพสั่งต่อในทันที "กลุ่มที่หนึ่ง! ยิงได้!"

ปังงงงง! ปังงงงงงง!

กระสุนปืนปลิวว่อนทั่วอากาศ มีทหารม้าหลายนายที่ร่วงหล่นจากหลังม้าไป ม้าที่ติิดตามอยู่ด้านหลังพยายามกระโดดหลบ หากทว่ามีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ ร่างของผู้ที่ร่วงลงไปบนพื้นดินย่อมไม่อาจอยู่เห็นตะวันในวันพรุ่ง

"กลุ่มที่สอง! ยิงได้!" เซียวอวี๋ตะโกนสั่งการอีกครั้ง และมันก็ราวกับม้วนหนังที่ถูกฉายซ้ำ

ในขณะนี้เอง รถจู่โจมได้ติดตั้งใบมีดชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของพวกทหารม้าฉายแววสิ้นหวังเมื่อมองเห็นใบมีดถูกขึ้นไกลและเล็งมา

ฉัวะ ~ ฉัวะ ~

ม้าหลายสิบตัวทรุดร่างลงไปอีกครั้งจากขาทั้งสี่ที่ถูกตัดออกไป ทหารม้าร่วงหล่นลงกระแทกพื้นดิน เสียงร้อยโหยหวนของเหล่าอาชาดังขึ้นทั่วสนามรบ

"กลุ่มที่หนึ่ง! ยิงได้!" เซียวอวี๋ย่อมไม่ให้โอกาศอีกฝ่ายหยุดพักหายใจ ทุกครั้งที่เสียงปืนดังขึ้น กองทัพฝั่งโจรรู้สึกถูกบีบคั้นที่หัวใจ

ทัพม้าเกราะหนักจำต้องใช้เวลาเพียง 10 ลมหายใจเท่านั้นก่อนที่จะเข้าปะทะกับเหล่านักรบออร์ค ซึ่งตามแผนการของมาร์คัสแล้ว หลังจากเหยียบย่ำพวกออร์คไปคราหนึ่ง ทหารราบที่ติดตามมาด้านหลังจะเป็นหน่วยลงดาบพวกออร์คที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ 10 วินาทีที่ผ่านมานี้ มีทหารม้าเกราะหนักไม่ถึง 200 นายด้วยซ้ำที่สามารถไปถึงประตูค่ายได้ ยิ่งไปกว่าสภาวะของพวกมันยังอ่อนโทรมจนแทบไม่เกิดผลอันใด พวกมันทิ่มแทงหอกอย่างอ่อนล้า

หอกยาวนั้นเป็นฝันร้ายของทหารทุกนายในสนามรบ แม้แต่หน่วยทหารราบหุ้มเกราะก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่ทว่าหอกยาวกลับไม่เหมาะนักในสมรภูมินี้

พวกออร์คตั้งแนวป้องกันอยู่ที่ประตูค่าย ดังนั้นทัพม้าเกราะหนักจึงมีโอกาศเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะจู่โจม หากว่าพวกมันไม่สามารถกำจัดเหล่าออร์คไปได้ในครั้งเดียว พวกมันก็จะไม่มีโอกาศที่สองอีก การต่อสู้ส่วนใหญ่มักเกิดทุ่งกว้างหรือพื้นที่ราบ ทหารม้าจะมีโอกาศทะลวงทัพศัตรูเข้าไปจากนั้นจึงใช้โอกาศวกอ้อมกลับมาโจมตีอีกครั้ง การพุ่งทะลวงนี้จะวนซ้ำไปซ้ำมาจนกว่ากองทัพของศัตรูจะพินาศย่อยยับ หากแต่ทว่าภูมิประเทศในครั้งนี้ย่อมไม่เปิดโอกาศให้พวกมันได้มีโอกาศครั้งที่สอง พวกมันจะพุ่งเข้าชนกำแพง!

ด้วยเหตุนี้ความเหลื่อมล้ำระหว่างเหล่าออร์คกับทัพม้าจึงไม่ส่งผลมากนัก

กระสุนปืนยังคงพุ่งเข้าใส่ทัพม้า ขณะที่เบื้องหน้าของพวกมันมีแนวป้องกันออร์คที่หนาแน่นทั้ง 300 ตนขวางกั้นเอาไว้

เซียวอวี๋รู้ว่าจะใช้พลปืนให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรในสนามรบเช่นนี้ นี่เป็นผลให้เขาไม่ได้ออกคำสั่งให้พลปืนยิงอย่างอิสระ หากแต่แบ่งแยกพวกเขาเป็นสองกลุ่ม จากนั้นผลัดกันยิงเข้าใส่ศัตรู

นอกจากนี้เขายังไม่ได้วางแผนที่จะใช้พลปืนเพื่อฆ่าทหารม้าจำนวนมากในการการยิงเพียงไม่กี่ครั้ง เขาตระหนักถึงความแม่นยำที่ต่ำของพลปืนเป็นอย่างดี พลปืนเพียง 25 นายย่อมมิอาจสังหารทัพม้า 300 นายได้ หากแต่ทว่า การคงอยู่ของพลปืนเหล่านี้ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการใช้สงครามจิตวิทยากับฝ่ายศัตรู

ทัพม้าเกราะหนักที่สวมใส่เกราะและสะพายดาบหรือหอกย่อมไม่อาจโค่นล้มโดยง่าย แต่ในทางทฤษฎีแล้ว จุดอ่อนของพวกเขาก็คือรอยต่อระหว่างข้อต่อและจุดที่เปราะบางของพวกเขา

กระสุนย่อมไม่สามารถเจาะทะลวงเกราะในส่วนที่แข็งที่สุดได้ แต่พวกเขายังคงมีช่องว่างอยู่ที่ ลำคอ ดวงตา หัวเข่า หรือจุดอื่นๆเช่นม้า นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ค่อนข้างบางอยู่ด้วย

เซียวอวี๋พึงพอใจผลลัพธ์อย่างมากแม้จะมีม้าล้มลงไปเพียงไม่กี่ตัว เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงเพื่อกำจัดศัตรูเท่านั้น หากแต่เพื่อบั่นทอนสภาวะการบุกของทัพม้าอีกด้วย เป็นผลให้การรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบของสองอาวุธทำลายล้างทำให้ทัพม้าเกราะหนักต้องสูญเสียอย่างหนัก

อ๊ากกกก!

ไพร่พลทหารราบทั่วไปย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรของทัพม้า

ร่างกายของทหารม้านั้นถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะชั้นดี ในขณะที่ในมือถือเอาไว้ด้วยหอกหรือดาบ พวกมันสามารถคร่าชีวิตทหารราบธรรมดาได้มากมายแม้ว่าการพุ่งทะลวงของพวกมันจะไม่ประสบผลก็ตาม ทว่าเหล่าออร์คกลับต่างออกไป เซียวอวี๋ได้ฝึกพวกมันให้สามารถต่อกรกับทัพม้าอย่างง่ายๆเอาไว้แล้ว นั่นคือการใช้สองแขนอันแข็งแกร่งคว้ากระชากตัวม้า จากนั้นจับพวกมันทุ่มลงกับพื้นดิน แม้ว่าพวกออร์คจะไม่สามารถหยุดม้าที่พุ่งเข้ามาเต็มกำลังได้ หากแต่พวกมันสามารถพลิกคว่ำม้าได้!

.............................

.............................

กรอมยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่สายตาจับจ้องมาร์คัส เหล่าออร์คทั่วไปย่อมไม่อาจรับมือกับมาร์คัสได้ มีเพียงกรอมเท่านั้นที่พอจะรับมือไหว

ในขณะเดียวกันการปะทะกันของทั้งสองทัพยังคงดำเนินต่อไป พวกออร์คอาศัยการหลบไปด้านข้างก่อนจะใช้ขวานที่อยู่ในมือฟันไปที่ขาของม้าหรือกระแทกพวกมันให้ล้มลง พวกทหารม้านั้นลุกขึ้นอย่างยากลำบากเนื่องจากเกราะที่หนักของพวกมัน พวกมันยังไม่ทันทรงกายมั่น ขวานขนาดยักษ์ก็ถูกเหวี่ยงลงมาและตัดศีรษะพวกมันไป

"อึก.....ทัพม้าของข้า....." มาร์คัสเหม่อมองทัพม้าเกราะหนักของมันถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ เขาออกคำสั่งให้พวกโจรโถมไปข้างหน้า

ทว่าสิ่งที่พวกมันมันต้องเผชิญยังคงเป็นใบมีดจันทร์เสี้ยวเฉกเช่นทัพม้าก่อนหน้า ใบมีดตัดผ่านร่างของพวกมันก่อนที่ส่วนล่างและส่วนนจะค่อยๆแยกออก พวกโจรต่างตัวสั่นงันงก หากว่าผู้ที่ควบคุมรถจู่โจมเป็นเพียงพลทหารทั่วไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถควบคุมทิศทางของมันได้โดยง่าย ทว่าออร์คเพียง 2 ตนนั้นก็แข็งแกร่งพอที่จะหันทิศทางจู่โจมได้อย่างว่องไวแล้ว

พลปืนเปลี่ยนเป็นยิงอย่างอิสระใส่พวกโจรที่กำลังโถมข้าหากำแพง พลธนูยังคงยิงสนับสนุนพวกออร์ค

พลปืนได้รับคำสั่งให้ไม่ต้องช่วยหรือสนับสนุนพวกออร์คเนื่องจากความแม่นยำที่ต่ำ ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่ากระสุนที่ยิงออกไปจะถูกพวกโจรหรือออร์ค นั่นเป็นเหตุผลที่เซียวอวี๋เลือกที่จะมอบหน้าที่นี้ให้กับพลธนูแทน

มาร์คัสเห็นว่าเขาไม่มีหนทางอื่นอีก เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง ความหวังที่จะใช้จำนวนที่มากกว่าเข้าบดขยี้นั้นมอดดับลงไปแล้ว

โจรบางส่วนพยายามที่จะขึ้นไปบนกำแพง หากพวกพลเดินเท้าที่ตั้งรับอยู่ด้านบนก็ได้ผลักไสพวกมันลงมา พลเดินเท้าก่อตั้งเป็นรูปขบวนป้องกันขึ้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้าถึงตัวพลธนูและพลปืน

พลเดินเท้าทั้ง 25 นายตั้งโล่แนบชิดไหล่ชนไหล่ ตัวโล่จะช่วยปกป้องร่างกายของสหายที่อยู่ด้านข้าง นี่เป็นรูปขบวนโล่อันเลื่องลือของ อเล็กซานเดอร์มหาราช

พลเดินเท้าไม่จำเป็นต้องโจมตีใดๆ ที่พวกเขาต้องทำก็แค่เพียงตรึงแนวป้องกันเอาไว้ จากนั้นพลธนูจะคอยยิงสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาเอง

แสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เซียวอวี๋กลายเป็นประหลาดใจขณะที่พบว่าจ้าวมนตราเลื่อนระดับขึ้นเป็น 6 แล้ว................