ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่  32
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 34

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่  33


มาร์คัสมองไปยังเหล่านักรบออร์คที่โถมเข้ามาก่อนเงยหน้าจ้องไปยังเซียวอวี๋ผู้ซึ่งยืนอยู่บนกำแพง

"เจ้าคือผู้บ่งการพวกออร์คให้เข้าโจมตีค่ายของข้างั้นหรือ?" มาร์คัสสงบสติลงและตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เซียวอวี๋ยกมือขึ้นจับคางและกระแอมเบาๆ "ถูกแล้ว ข้าคือเซียวอวี๋ ผู้ปกครองดินแดนผืนนี้ พวกเจ้าได้เข้ามาก่อตั้งค่ายโจรขึ้นภายในดินแดนของข้า เพียงเหตุผลข้อนี้ก็เพียงพอจะสังหารพวกเจ้าทุกคนแล้ว! ตอนนี้ข้าจะให้โอกาศพวกเจ้า คุกเข่าลงและยอมรับการจัดการซะ! มิฉะนั้นเลือดเนื้อของพวกเจ้าจะกลายมาเป็นอาหารเลี้ยงดูเหล่านักรบของข้า!"

"ลอร์ดของเมืองไลอ้อน? เพ้ย! ต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งพยัคฆ์คำรนข้าก็ไม่สน! เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถโค่นล้มพวกข้าด้วยเพียงพวกออร์คตัวน้อยเหล่านี้? เพ้อฝัน! ข้าจะตัดหัวของพวกมันมาทำเครื่องประดับ!" มาร์คัสแค่นเสียง ในคราแรกเขาตื่นตระหนกจาการถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทว่าในตอนนี้เขากลับคืนสู่ความเยือกเย็นและไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อเหล่าออร์คของเซียวอวี๋

มันมีประเพณีเก่าแก่ที่จะตัดหัวของออร์คมาทำเครื่องประดับอยู่ นี่เป็นการละเล่นของลูกหลานชนชั้นสูงที่จะเข้าไปภายในหุบเขาและล่าพวกออร์คเพื่อนำหัวของพวกมันมาประดับตกแต่งไว้ที่กำแพงหรือที่หน้าประตูของตระกูล สิ่งนี้จะช่วยแสดงอำนาจบารมีของตระกูล

แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีคนเดินทางเข้าไปภายในเทือกเขาเพื่อหวังจะล่าเอาหัวของออร์คเพื่อรับเอาชื่อเสียงและเกียรติยศกลับมาสู่งวงศ์ตระกูล ทว่าเผ่าพันธ์ุออร์คนั้นล่มสลายไปแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่จะมีโชควาสนาพบมันเข้าสักตนหนึ่ง

พวกโจรเริ่มอยู่ในความสงบเมื่อเห็นผู้นำของพวกมันออกโรงด้วยตนเอง เหล่าโจรกว่า 2000 คนเริ่มรวมตัวกันก่อเป็นกระบวนทัพอันเรียบง่ายขึ้นมา พวกมันอยู่ห่างจากประตูราว 100 เมตร

พวกโจรสามารถจัดการกับเพลิงที่ลุกลามอยู่ได้อย่างรวดเร็ว จากการรับมือที่ว่องไวนี้ มีความเป็นไปได้ว่าโจรเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่ากองทัพทหารทั่วไปแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามพวกมันก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับกองทัพออร์ค เอลฟ์ คนแคระของเซียวอวี๋ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ มีพวกโจรมากกว่า 600 คนที่ตกตายจากความวุ่ยวายที่เกิดขึ้น ทว่าพวกมันกลับไม่ระแคะระคายถึงเรื่องนี้เนื่องจากความสนใจของพวกมันล้วนพุ่งเป้าไปที่พวกออร์ค

เซียวอวี๋กล่าวเสริมขึ้นอีก "เหอะ เจ้าคิดว่าสามารถเอาชนะกองทัพออร์คของข้าได้หรือ? เพ้อเจ้อ! ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เนื่องจากมั่นใจว่าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดลงได้! อย่างไรเสียข้าก็เป็นมนุษย์และกำเนิดมาจากครรภ์ของมารดา แม้ว่าสัตว์เดรัจฉานจะเกิดออกมาจากครรภ์มารดาเช่นกัน หากแต่ยามเมื่อมองไปที่เจ้าแล้วข้ากลับรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียยิ่งกว่ายามมองดูพวกออร์คเสียอีก! หรือว่าเจ้าจะเป็นผลลัพธ์ของรวมกันระหว่างมนุษย์และเดรัจฉาน?"

"เจ้า!!....ไอ้บัดซบ!" มาร์คัสกลายเป็นเกรี้ยวกราดยามได้ยินถ้อยคำยั่วยุของเซียวอวี๋ เขาโบกมือก่อนสั่งการทันที "ทหารพร้อมโล่ขึ้นมาอยู่ที่แนวหน้า! เข่นฆ่าพวกออร์คและจับไอ้สารเลวนั่นมาให้ข้า...แบบเป็นๆ!"

มาร์คัสมีความสูงเกือบสองเมตรและมีร่างกายที่กำยำ เมื่อมองดูแล้วเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านักรบออร์คสักเท่าใด ศีรษะของเขาล้านเลี่ยนและมีรอบแผลพาดผ่านอยู่ทั่วใบหน้า นี่จึงทำให้เขาดูอัปลักษณ์ ถ้อยคำของเซียวอวี๋ที่จี้แทงใจดำมันทำให้เขาระเบิดโทสะออกมา ซึ่งนี่ล้วนเป็นไปตามความต้องการของเซียวอวี๋ที่เลือกใช้สงครามจิตวิทยาชักจูงศัตรู เซียวอวี๋นั้นครอบครองจุดยุทธศาตร์ที่ยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว และนั่นทำให้กองทัพของเขาต้องรับศึกเพียงเส้นทางเดียว

ด้วยเหตุนี้เซียวอวี๋จึงกล่าวยั่วยุมาร์คัสและชักนำให้พวกมันบุกจู่โจมเข้ามา หากว่าเหล่าโจรตั้งสติและพิจารณาให้ดีจะพบว่าการต้องเป็นฝ่ายโจมตีนี้กลับทำให้พวกมันเสียเปรียบ

เซียวอวี๋ไม่ต้องการให้พวกโจรตระหนักถึงเรื่องนี้และเลือกเปลี่ยนกระบวนทัพให้เหมาะสม

เซียวอวี๋หรี่ตาลงและเปล่งเสียงหัวเราะยามเมื่อพบว่าแผนการของเขาประสบผลแล้ว

ฆ่ามันนนนนนน!

อ๊ากกกกกกกก!

ทั้งฝ่ายต่างตะโกนและคำรามเพื่อปลุกปลอบกำลังขวัญของฝ่ายตน แม้ว่าจำนวนของฝั่งออร์คจะด้อยกว่าศัตรูเป็นอย่างมาก หากทว่าเสียงคำรามของพวกมันล้วนดังกึกก้องและชัดเจนยิ่งกว่า

มาร์คัสชักดาบออกจากฝัก ขณะที่พลังปราณสีเหลืองห่อหุ้มอยู่บนใบดาบ เขาพุ่งตัวออกไปและกระโจนขึ้นไปยังด้านบนของกำแพง เป้าหมายของเขาย่อมต้องเป็นเซียวอวี๋

ตีงูต้องตีที่หัว มาร์คัสเข้าใจคำกล่าวนี้อย่างถ่องแท้

ทว่าสิ่งที่เขาเผชิญกลับเป็นกระแสพลังที่เข้มแข็งฟาดฟันมายังร่างของเขา

มาร์คัสตื่นตระหนกขณะเปลี่ยนกระบวนท่าต้านรับดาบนั้นเอาไว้

เปรี้ยงงง!

พลังปราณสองสายเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง เสียงของการปะทะกันครั้งนี้เกิดเป็นเสียงที่ดังกึกก้อง ทั้งสองล้วนถอยกลับไป มาร์คัสอยู่นิ่งขณะจ้องมองไปยังคู่ต่อสู้ของเขา มันเป็นออร์คที่สูงราว 2.5 ถึง 2.6 เมตร ในขณะที่กำด้ามดาบขนาดยักษ์ไว้ในมือ

"เป็นนักรบออร์คที่แข็งแกร่งนัก..... ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พวกออร์คสามารถฝึกปรือพลังลมปราณได้?" มาร์คัสขมวดคิ้วมุ่น เผ่าพันธ์ุมนุษย์นั้นแตกต่างจากพวกสัตว์อสูรก็เนื่องมาจากสามารถฝึกฝนพลังลมปราณและเวทย์มนต์ได้

ย่อมเป็นธรรมดาที่กรอมจะสามารถหยุดมาร์คัสเอาไว้ เพราะนี่คืออมนิแสลชระดับที่ื 4

มาร์คัสนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง ขณะที่ความแข็งแกร่งของกรอมนั้นด้อยกว่ามาร์คัส ที่เขาสามารถต้านทานการโจมตีของมาร์คัสได้ก็เนื่องมาจากการใช้ทักษะเข้าช่วยเหลือ

"ข้าจะสังหารออร์คตัวนี้และเอากระโหลกของมันมาทำแก้วไวน์! ชีวิตของมันจะมอบจะเกียรติยศและความรุ่งโรขน์ให้แก่ข้า!" มาร์คัสออกคำสั่งให้กองทัพของเขาบุกโจมตี ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สองแล้ว มาร์คัสรู้สึกว่ากรอมนั้นแข็งแกร่ง หากทว่าเขาก็ยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถสังหารออร์คตัวนี้ลงได้

นอกจากมาร์คัสแล้ว พวกเขายังมีเหล่ารองหัวค่ายที่อยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นที่ 1 อยู่อีก

ในเวลาเดียวกัน จ้าวแห่งมนตรา แอนโทนีดาส ผู้ยืนอยู่ด้านข้างของเซียวอวี๋ก็ลงมือ

เขาร่ายเวทย์และจากนั้นก็ปรากฏสายลมน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะของพวกโจร จากนั้นแท่งน้ำแข็งก็ค่อยๆร่วงลงมาและเข่นฆ่าพวกโจร

ขณะที่พวกโจรเพียงประหลาดใจกับการปรากฏตัวของผู้ใช้มนตรา พวกมันไม่ได้ตกตะลึง จะอย่างไรเซียวอวี๋ก็เป็นถึงลอร์ดของดินแดน ทว่าในค่ายของพวกเขาก็มีผู้ใช้มนตราอยู่เช่นกัน!

แม้ว่าผู้ใช้มนตราจะมีระยะการโจมตีที่กว้างไกล หากทว่าพลังป้องกันของพวกเขากลับอ่อนแออย่างยิ่งหากสามารถเข้าถึงตัวได้

พวกรองหัวหน้าโจรไม่สามารถกระโดดขึ้นไปบนกำแพงได้โดยตรง ดังนั้นพวกมันจึงพยายามจะใช้หินเป็นแท่นรองเพื่อไต่ขึ้นไป

ไม่นานพวกโจก็พบว่ามีมือธนูหลบซ่อนตัวอยู่บนกำแพง ดูเหมือนว่ามือธนูพวกนี้จะมีทักษะพลางกายดังเช่นมือสังหาร! นี่ทำให้พวกมันยากที่จะตรวจพบได้โดยง่าย พวกโจรไม่อาจคาดประมาณจำนวนมือธนูที่อยู่บนกำแพงได้

พวกโจรยกโล่ขึ้นกำบังทันที ขณะที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ใช้พลังปราณในการป้องกันลูกธนู

ไม่นานพวกมันก็พบว่าที่ข้างกายของเซียวอวี๋ยังมีอาวุธอีกชนิดอยู่

ปังงงงง ปังงงงงง

อาวุธที่ยิงออกมานั้นพวกโจรไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากแต่ว่าในใจของพวกมันกำลังร่ำร้องว่าอันตราย

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งถูกกระสุนปืนยิงเข้าใส่โดยบังเอิญ กระสุนได้ทุละผ่านน่องขาของมัน บาดแผลที่ได้รับมานี้ยังรุนแรงเสียยิ่งกว่าถูกธนูยิงอย่างน้อยก็สิบเท่า ความเจ็บปวดเริ่มลุกลามจากบาดแผล ความรู้สึกที่มันได้รับราวกับกระดูกท่อนขาของมันหัก

ประโยชน์ของพลปืนเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังที่สามารถต้านทานลูกธนูได้ หากทว่าพวกมันกลับไม่สามารถต้านทานกระสุนปืนได้

พลปืนนั้นโจมตีได้อย่างเชื่องช้าและมีความแม่นยำที่ต่ำ หากแต่จุดเด่นของพวกเขานั้นไม่ได้อยู่ที่ความรวดเร็วดังเช่นธนู หากแต่เป็นอำนาจทำลายล้าง

เซียวอวี๋ออกคำสั่งให้เหล่าพลปืนเล็งไปยังพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้พลังปราณก่อน แม้ว่าความแม่นยำของพวกเขาจะต่ำ หากแต่เมื่อปืนหลายกระบอกได้กำหน่ำยิงเพียงเป้าหมายเดียวแล้ว อย่างน้อยมันก็ต้องเข้าเป้าสักนัด

ปังงงงง ปังงงงงง

ร่างของผู้ฝึกยุทธ์รับกระสุนจนพรุนก่อนที่มันจะสิ้นใจในทันที หากว่านี่เป็นลูกธนูแล้ว มันย่อมสามารถพึ่งพาชุดเกราะหรือพลังปราณในการป้องกันได้ และบาดแผลก็จะไม่ร้ายแรง แต่โชคร้ายที่นี่เป็นห่ากระสุนชุดหนึ่ง

การคุกคามของพลธนูและพลปืนที่อยู่บนกำแพงนั้นทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่สามารถขึ้นไปด้านบนได้

ฝนธนูนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมา ขณะที่เหล่านักรบออร์คใช้ขวานในมือสับร่างพวกโจรทั่วไป

"พวกมันแข็งแกร่งเกินไป! ระดมผู้ใช้มนตราของเราเข้าทำลายรูปขบวนของพวกมันซะ!" หนึ่งในเหล่ารองหัวหน้าตะโกนสั่งการออกมา

ผู้ใช้มนตรานั้นเปรียบได้กับปืนใหญ่ในยุคนี้ ผู้ใช้มนตราสามารถกวาดทำลายกองทัพที่ยากจัดการได้

ผู้ใช้มนตราของฝ่ายโจรรีบวิ่งออกมา ความจริงแล้วพวกมันไม่ได้อยู่ไกลจากสนาบรบนัก เพียงแต่พวกมันต้องรอคอยโอกาศที่เหมาะสมสำหรับเวทย์ของพวกมัน

เหล่าโจรหลายสิบคนสร้างรูปแบบป้องกันพร้อมยกโล่ในมือขึ้นป้องกันขณะที่ผู้ใช้มนตรากำลังร่ายเวทย์ ผู้ใช้มนตรานั้นหวาดกลัวว่าจะพบการโจมตีจากมือธนูที่แข็งแกร่งของฝ่ายเซียวอวี๋

มันรั้งอยู่ห่างจากพลธนูเอลฟ์และจ้าวมนตราอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นรอบกายของเขายกมือโล่ปกป้องอยู่ ดงนั้นมันจึงวางใจในความปลอดภัยของตน หากแต่นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่ทราบว่าเซียวอวี๋มีทิรันด้าและพลปืนอยู่

ปังงงงงงงงง

แสงจากการยิงสว่างขึ้นในความมืด และโจรอย่างน้อยสองรายที่ยกโล่ป้องกันผู้ใช้มนตราอยู่ตกตายไป ผู้ใช้มนตรานั้นยังไม่ทันร่ายมนตจนเสร็จก็ตกตายลงไปในลักษณะนี้

"ในเวลาเพียงช่วงสั้นๆก็เก็บกวาดผู้ใช้มนตราอีกฝ่ายได้แล้ว" เซียวอวี๋ภาคภูมิใจในผลงานของทิรันด้าและพลปืนอย่างมาก

แม้ว่าความแม่นยำของพลปืนจะต่ำ แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีหนึ่งถึงสองนัดที่สามารถยิงถูกเป้าหมายได้หากว่าระดมยิงไปยังจุดเดียว

เซียวอวี๋ตั้งมั่นว่าจะต้องไขว่คว้าปืนกลหนักและปืนไรเฟิลมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------