WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 27
เซียวอวี๋และฟ็อกซ์กำลังขี่ม้านำแถวผู้คนที่ทอดยาว หากมองลงมาจากที่สูงจะพบว่ามันดูคล้ายงูที่กำลังเลื้อยอย่างคดเคี้ยว
มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขประดับอยู่บนใบหน้าของเซียวอวี๋ ในขณะที่ฟ็อกซ์ซึ่งขี่ม้าอยู่ด้านข้างกำลังวิตกกังวล เขาเกือบจะตกม้าตายตั้งแต่เริ่มต้นแผนการ ทว่าสุดท้ายเซียวอวี๋และฟ็อกซ์ก็โน้มน้าวให้หม่าตงส่งมือดีออกมาได้ และตอนนี้เซียวอวี๋กำลังพาพวกมันไปหาโชคลาภก้อนโต
การร่วมมือกันกับพวกโจรในครั้งนี้นั้นง่ายอย่างยิ่งตราบใดเท่าที่สามารถแบ่งอาหารและสมบัติกันอย่างเพียงพอ หากว่าค่ายโจรขนาดเล็กพบเข้ากับเหยื่อที่พวกมันกลืนไม่ลงในคำเดียวพวกมันก็จำต้องเลือกระหว่างแสวงหาความร่วมมือหรือเลือกเผชิญหน้าซึ่งจะก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาล จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มโจร ด้วยเหตุนี้หม่าตงจึงไม่ได้สงสัยมากนักขณะที่นำคนของมันออกมาและติดตามเซียวอวี๋
...............................
..............................
กลุ่มโจรเขี้ยวมังกรและกลุ่มอื่นๆที่เซียวอวี๋ได้กวาดล้างไปนั้นเป็นเพียงกลุ่มโจรเล็กๆ การหายไปของพวกมันจึงไม่ได้สะกิดความสนใจจากโจรกลุ่มใหญ่ๆมากนัก เป็นเรื่องธรรมดาที่จำนวนของโจรกลุ่มเล็กๆจะเพิ่มหรือลดลงในแต่ละวัน
นอกจากนี้หม่าตงยังคิดไม่ถึงว่าจะมีใครบางคนเล่นลูกไม้เช่นนี้เพื่อชักนำมันออกมาจากค่ายอีก มันไม่เคยไปกระตุ้นโทสะของกลุ่มอำนาจที่เข้มแข็งใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่แถบนี้นั้นยังไม่มีกลุ่มอำนาจที่เข้มแข็งพอจะกวาดล้างค่ายของมันลงได้ ในขณะเดียวกันมันก็ไม่คาดคิดว่าผู้ปกครองของดินแดนจะใช้แผนอันชั่วร้ายเช่นนี้ต่อมัน
หลังจากที่เซียวอวี๋ชักนำหม่าตงออกห่างจากค่ายมาราว 4 - 5 ไมล์แล้ว เขาก็หันไปทางหม่าตง
"ผู้นำหม่า พวกเราได้เก็บซ่อนสิ่งของบางอย่างเอาไว้ที่ป่าเบื้องหน้า พวกเราจำเป็นต้องเข้าไปนำมันออกมาก่อน"
หม่าตงตอบกลับ "อย่าได้ชักช้า"
เซียวอวี๋และฟ็อกซ์ควบม้าตรงเข้าไปในป่า ที่ซึ่งเซียวอวี๋ได้ซุกซ่อนกองทัพ 500 นายของเขาเอาไว้
เซียวอวี๋โบกมือ จากนั้นเหล่านักรบก็ปรากฏตัวออกมา
เซียวอวี๋กวาดสายตามองเหล่านักรบชั้นยอดของเขา "นี่จะเป็นครั้งแรกที่กองทัพทั้งหมดจะเข้าปะทะกับศัตรูที่มีกำลังมากกว่าพวกเรา 3 เท่าซึ่งหน้า! ข้าเชื่อนักรบภายใต้ข้าล้วนเป็นมือดีและไม่มีผู้ใดสามารถโค่นล้มเราได้! พวกเราคือกองทัพไร้พ่าย!"
อ๊ากกกกกกกกก!
เหล่านักรบออร์คคำรามออกมา มีนักรบออร์คจำนวนมากที่ผ่านเข้าสู่ระดับ 3 แล้ว ดังนั้นพวกมันจึงมีทักษะคลุ้มคลั่ง
"กรอม เจ้านำเหล่านักรบออร์คเป็นทัพหน้า ขณะที่ทิรันด้าจะนำพลธนูอยู่ด้านหลัง ทิรันด้า หากว่าเจ้าพบว่าพลธนูถูกบีบให้ปะทะในระยะประชิด เจ้าจะต้องนำพวกเขาถอยออกมาและใช้กลยุทธ์กองโจร ส่วนพวกนักล่าจะถูกแบ่งออกเป็นสองกองกำลัง กองกำลังละ 50 นาย จงคอยตัดกำลังพวกมันจากสองฝากข้าง"
เซียวอวี๋สั่งการและจัดสรรหน้าที่ให้แต่ละส่วน
ในชีวิตก่อนของเขาไม่เคยมีประสบการณ์บัญชาการกองทัพมาก่อน ทว่าด้วยประสบการณ์จากในเกมและชมภาพยนตร์มาไม่น้อยก็ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความสำคัญในการจัดกระบวนทัพ
อ๊ากกกกกกกกก!
กรอมวิ่งนำออกไปขณะที่เหล่านักรบออร์คติดตามอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นจึงเป็นพลธนูเอลฟ์และกองกำลังนักล่า
เซียวอวี๋ควบม้าอยู่ทางด้านหลังขณะที่กำลังสังเกตการณ์กองทัพฝั่งเขา เขาจำต้องอยู่ในสนาบรบและบัญชาการด้วยตนเองเพื่อที่จะสามารถรับมือสถานการณ์ต่างๆได้อย่างทันท่วงที
หม่าตงกำลังวาดฝันถึงทองคำจำนวนมหาศาลที่มันกำลังจะได้ครอบครอง ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้นขัดความคิดของมัน
"มีสัตว์ป่างั้นหรือ!? ดูเหมือนพวกมันจะมีนับร้อยจากเสียงคำรามที่ดังขึ้นนี่...มีสิ่งใดเกิดขึ้น?" หม่าตงประหลาดใจ เขาออกคำสั่งให้คนของเขาตั้งแนวป้องกันขึ้นทันที
เหล่าโจรกลายเป็นตื่นตระหนกยามเมื่อพวกมองมองเห็นกองทัพออร์คโถมออกมาจากป่า พวกมันเพียงเคยได้ฟังเกี่ยวกับสิิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดเหล่านี้ ทว่าการได้มาเห็นพวกมันได้ตาตัวเองกลับน่ากลัวยิ่งกว่าคำบอกเล่า นามของเผ่าพันธุ์ที่มีนามว่าออร์คถูกกล่าวขานไปทั่วทั้งทวีปแห่งนี้ พวกมันเป็นครึ่งคนครึ่งอสูรที่ทรงพลัง ทว่าตามความเข้าใจของพวกโจร เผ่าพันธุ์ออร์คได้ดับสูญไปจนหมดสิ้นแล้ว เช่นนั้นแล้วกองทัพออร์คที่เบื้องหน้าของพวกมันขณะนี้เล่า?
โจรเหล่านี้ล้วนผ่านสนาบรบมาแล้วหลายครั้ง พวกมันได้ออกปล้นชิงหมู่บ้านและขบวนพ่อค้าที่ผ่านทาง หากแต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นกองทัพทหารที่ได้รับการฝึกและไม่ได้มีวินัยทางกองทัพมากนัก
แม้ว่าจะพวกโจรอยู่เกือบ 1500 นาย หากแต่ความโกลาหลก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดียามเมื่อพวกมันมองเห็นกองทัพออร์คจำนวนมาก เลือดภายในกายของเหล่าออร์คนั้นเดือดระอุ พวกมันทุกตนสวมใส่ชุดเกราะและกำขวานไว้ในมือขณะที่โถมเข้าห้ำหั่นกองทัพศัตรู
"บัดซบ! ต้านทานเอาไว้! ออร์คเหล่านี้มาจากที่ใดกัน!? สังหารพวกมันเสีย เข่นฆ่าพวกมัน!..." หม่าถงตะโกนสั่งการเสียงดังทว่าภายในใจของมันกลับตื่นตระหนกยิ่ง มันเคยเข่นฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วนหากแต่ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับอสูรในตำนานเหล่านี้
อ๊ากกกกกกกกก!
มีออร์คที่ร่างสูงกว่าสองเมตรลอยตัวขึ้นกลางอากาศ มันใช้ดาบยาวในมือฟาดฟันมาทางหม่าตง ขณะเดียวกันก็มีพลังปราณปรากฏขึ้นห่อหุ้มตัวดาบ มันคือกรอม หม่าตงตกตะลึงยามพบเห็นกรอม หากทว่ามันก็ยังสามารถชักดาบยักษ์จากแผ่นหลังออกมาเพื่อต้านรับการโจมตีจากกรอมอย่างทันท่วงที
ตูมมมม!
ทั้งอมนิแสลชและโจมตีจุดตายต่างถูกใช้ออกในเวลาเดียวกัน ความรุนแรงของมันจึงมหาศาล จนเกิดเป็นคลื่นอากาศออกมา เหล่าโจรโดยรอบล้วนถูกส่งปลิวกระเด็นออกไป ขณะที่ม้าของหม่าตงสิ้นใจคาที่ทันที
ค่าความสามารถของกรอมนั้นอยู่ในระดับที่ 8 ยิ่งไปกว่านั้นอมนิแสลชยังอยู่ในระดับที่ 3 โจมตีจุดตายในระดับที่ 3 และวินด์วอร์คในระดับที่ 2 นี่จึงเป็นความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแรกหรือกระทั่งทรงพลังยิ่งกว่า
เป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะสามารถรับมือกรอมได้หากว่ามันผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง
ไม่เพียงแต่กรอมเท่านั้น เหล่านักรบออร์คยังคงบุกตะลุยไปด้านหน้าด้วย หม่าตงนั้นมีทหารม้าอยู่ 200 คน หากทว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะบุกจู่โจม ซึ่งนั่นทำให้พวกมันสูญเสียจุดเด่นไป
เหล่านักรบออร์คโถมทะยานกวัดแกว่งขวานเข้าใส่ศัตรู ม้าศึกถูกผ่าออกเป็นสองส่วน เหล่าออร์คที่อยู่ในระดับที่ยิ่งดุดันยิ่งกว่าจากทักษะคลุ้มคลั่ง พวกมันราวกับฝูงหมาป่าที่กำลังขย้ำฝูงแกะที่ไร้ทางสู้ฝูงหนึ่ง
เดิมพวกโจรนั้นตกเป็นรองอยู่แล้วยามเมื่อต้องเผชิญกับนักรบออร์คที่แข็งแกร่ง และเมื่อพลธนูเอลฟ์ทั้ง 200 นายเข้าสู่สนาบรบด้วยแล้ว เสียงลูกศรแหวกฝ่าอากาศก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ซึ่งศรพวกนั้นได้ฝังเข้าสู่ร่างของศัตรูด้วยความแม่นยำกว่า 7 ส่วน เพียงชั่วกระพริบตาร่างของโจร 200 คนก็นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือศรกระจายของทิรันด้า นางสามารถยิงศรออกไปพร้อมกันคราละ 7 ดอกและสังหารศัตรูได้อย่างแม่นยำ นางไม่จำเป็นต้องเพ่งเล็งด้วยซ้ำเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรุที่หนาแน่นเช่นนี้ แต่ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นเอลฟ์นางจึงเล็งยิงอย่างตั้งใจ หลังจากเสียงแหวกฝ่าอากาศดังขึ้น ร่างของพวกโจร 7 ร่างก็ฟุบลงกับพื้นและแน่นิ่งไป
ผู้ใช้มนตราของค่ายโจรตกตะลึงอยู่เนิ่นนานเมื่อพบเห็นเหล่าออร์ค ทิรันด้าจึงใช้ศรเวทย์ยิงสังหารมันไป เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของค่ายโจรต่างก็ช่วยอะไรไม่ได้มากขณะที่พวกมันล้มตายลงจากคมศรของทิรันด้า
จ้าวมนตรานั้นมีเพียงหนึ่งทักษะซึ่งก็คือศรน้ำแข็งซึ่งแอนโทนีดาสคอยยิงมันออกไปตลอดเวลา การโจมตีจากระยะไกลที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ซ้ำซากและเรียบง่าย หากทว่าผู้คนทั่วไปย่อมไม่สามารถรับมือกับมันได้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ย่อมสามารถใช้พลังปราณต้านหรือหลบเลี่ยงมันได้หนึ่งถงสองดอก ทว่ากับเหล่าโจรและทหารทั่วไปนั้นไม่ใช่ พวกมันถูกเข่นฆ่าราวผักปลายามเมื่อต้องเผชิญกับเวทย์มนต์นี้
ขณะเดียวกันจ้าวมนตราก็เลื่อนระดับขึ้นเป็น 2 อย่างรวดเร็ว มันเร็วเป็นอย่างมากหากเทียบกับการเลื่อนระดับภายในเทือกเขาครั้งแรกของกรอม
เซียวอวี๋จัดสรรแต้มทักษะของจ้าวมนตราไปที่ืคลื่นน้ำแข็งทันที เวทย์บทนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในสนาบรบที่หนาแน่น จ้าวมนตราชูไม้เท้าของเขาขึ้นและเริ่มร่ายเวทย์ทันที
คลื่นน้ำแข็งขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นในอากาศ รัศมีของมันอยู่ที่ราวๆ 10 เมตร
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
แท่งน้ำแข็งหลายร้อยแท่งเริ่มตกลงมาและทิ่มแทงร่างของพวกโจร
"คลื่นน้ำแข็งนี่ช่างสุดยอดจริงๆ!" เซียวอวี๋กลายเป็นตื่นเต้น
เหล่านักรบออร์คกลายเป็นไร้เทียมทาน พลธนูเอลฟ์ที่คอยยิงสนับสนุน และแอนโทนีดีที่คอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง พวกโจรต่างสูญเสียขวัญกำลังใจและมีบางคนเริ่มหลบหนี เหล่านักล่าผู้ที่กำลังขี่เสือดาวอยู่เริ่มทำหน้าที่ทันที ในช่วงเวลาเพียงสองถึงสามนาที โจรที่เลือกจะหลบหนีเหล่านั้นล้วนถูกสังหารโดยนักล่า
พวกเขารวดเร็วดั่งสายลม คลื่นน้ำแข็งของจ้าวมนตรานั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเสียยิ่งกว่าศระกระจายของทิรันด้า ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่จ้าวมนตราจะเพิ่มระดับขึ้นเป็น 3
เซียวอวี๋จัดสรรแต้มทักษะไปที่คลื่นน้ำแข็งอีกทันที และทำให้มันอยู่ในระดับที่ 2
ขอบเขตของคลื่นน้ำแข็งนั้นกว้างขวางอย่างยิ่ง มันครอบคลุมพื้นที่ราวสามสิบถึงสี่สิบตารางเมตร แท่งน้ำแข็งสี่ห้าร้อยแท่งตกลงมาและทิ่มแทงร่างศัตรู
เซียวอวี๋พอใจกับผลงานของกองทัพเขาอย่างยิ่งขณะที่มองดูพวกโจรแตกกระบวนทัพ นี่เป็นศึกแรกที่เขาบัญชาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้มันยังเป็นบททดสอบความสามารถในการรบของกองทัพ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เซียวอวี๋จะตั้งรับเพียงอย่างเดียว
หม่าตงจ้องมองอย่างอาฆาตมาที่เซียวอวี๋ "ไอ้ลูกเต่าสารเลว! เจ้าหลอกลวงข้า!"
เซียวอวี๋แกล้งแสดงท่าทีตกใจ "เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าได้หลอกลวงเจ้า? ข้าแทบไม่ต้องทำสิ่งใดเลย นี่ต้องกล่าวโทษสติปัญญาที่มีอยู่น้อยนิดของเจ้าแล้ว"
หม่าตงตกเป็นรองกรอม เขาไม่มีความสามารถที่จะโต้กลับไปได้เลย เซียวอวี๋หันไปมองทิรันด้าก่อนผงกศีรษะ ทิรันด้ารั้งศรเวทย์ขึ้นและยิงศรเพลิงทะลวงร่างกายของหม่าตง
หม่าตงย่อมไม่สามารถหลบหลีกได้ เขาล้มลงสิ้นใจในทันที
"เจ้าไม่ควรมีส่วมร่วมในศึกครั้งนี้.....มองไปที่นามของเจ้าแล้วย่อมสมควร" เซียวอวี๋พึมพำ
ตง = เด็ก,ไร้เดียงสา