WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 25
เซียวอวี๋อยากจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องสักงีบเมื่อเขากลับไปที่เมือง
ทว่าเขาก็พบกับหัวหน้าทหารฮุ่ยและพ่อบ้านหงส์กำลังรอคอยเขาอยู่ที่หน้าห้อง
แววตาของพวกเขาไม่ได้มีความกระวนกระวายใดๆอยู่อีก หากแต่มันกลับเต็มไปด้วยประกายที่เปี่ยมไปด้วยพลังราวกับพวกเขาเป็นผู้เยาว์ที่เลือดลมร้อนแรง
สงครามในครั้งนี้ได้สร้างความหวังครั้งใหม่ขึ้นมา ทุกผู้คนล้วนถูกปลุกกระตุ้น
พวกเขาไม่อาจทราบได้ว่าเซียวอวี๋สามารถรวบรวมพวกออร์คและเอลฟ์มาได้อย่างไร หากแต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญคือความหวังถูกจุดขึ้นแล้ว
ซึ่งความหวังในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาชนะสงครามในครั้งนี้ หากแต่เป็นเซียวอวี๋คนใหม่ ด้วยการบัญชาการและรับมือสถานการณ์ต่างๆอย่างยอดเยี่ยม มันดูราวกับทุกอย่างล้วนอยู่ในฝ่ามือของเขา นั่นทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในเซียวอวี๋อย่างยิ่ง โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มเงินชดเชยแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ความจริงแล้วเซียวอวี๋นั้นไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับมันเลย เขาเพียงกล่าวเลียนแบบตามภาพยนตร์และหนังสือที่เคยอ่าน
เซียวอวี๋นั้นมาจากโลกที่มีอารยธรรมสูงส่งกว่าโลกใบนี้อย่างน้อยก็สองพันปี ดังนั้นแนวคิดที่เซียวอวี๋เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่ตั้งใจกลับเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับโลกใบนี้
"ลุงหงส์ ลุงฮุ่ยพวกท่านมีอะไรจะชี้แนะข้าหรือ?" เซียวอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
"นายน้อย พวกเรามาที่นี่เพราะมีบางสิ่งค้างคาใจ" มีรอยยิ้มที่หาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซียวหงส์ "นายน้อย ออร์คเหล่านั้น พวกนักธนูเอลฟ์นั่นอีก....นายน้อยไปรวบรวมพวกเขามาจากที่ใดกัน? นายน้อยสามารถให้ความกระจ่างแก่พวกเราได้หรือไม่?"
เซียวอวี๋ยิ้มและตอบกลับ "เชิญพวกท่านด้านใน"
เซียวอวี๋ได้เตรียมตัวรับมือสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขามีเหตุผลที่จะทำให้พวกเขาเชื่อถืออยู่ อันที่จริง ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อถือคำพูดของเซียวอวี๋หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของเขาเป็นของจริง พวกเขาย่อมไม่ซักไซร้ให้มากความ!
"ยามที่แคร์รี่ส่งคนมาทุบตีข้า มันทำให้ข้าตาสว่างและตระหนักได้ว่าข้าได้ชักนำเภทภัยมาสู่ตระกูลและดินแดนของข้าแล้ว ดังนั้นข้าจึงวิ่ง วิ่งหนีในขณะที่ความกลัวกำลังเกาะกุมจิตใจของข้า" เซียวอวี๋เริ่มแต่งเรื่องราวขึ้น สีหน้าท่าทางของเขาที่แสดงออกมาราวกับเขากำลังอยู่ในเหตุการณ์
พวกเขาทราบว่าเซียวอวี๋นั้นเอาแต่ดื่มกิน เล่นพนันและเที่ยวเตร่ ยิ่งไปกว่านั้นเซียวอวี๋ยังมีนิสัยขี้ขลาดตาขาว มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เซียวอวี๋จะเลือกวิ่งหนี
หัวหน้าทหารฮุ่ยและพ่อบ้านเซียวยังคงมีสีหน้าท่าทางปกติ เซียวอวี๋เป็นบุคคลเช่นนั้น เขามักเอาแต่หลีกหนีปัญหาโดยไม่หาทางแก้ไข
เซียวอวี๋กล่าวต่อไป "ในขณะนั้นข้าได้หลบหนีเข้าไปภายในส่วนลึกของเทือกเขาอัลคาเกนด้วยความวิตกกังวล เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วมันช่างเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา ภายในเทือกเขานั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่ร้ายกาจมากมาย มันเป็นแดนมรณะ และในที่สุดข้าก็พบมัน! หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ยักษ์!
มันคำรามและพุ่งเข้าหาข้าด้วยความเร็วอันล้นเหลือ! ขาของข้าสั่นเทาไม่หยุด วินาทีนั้นข้าทราบว่าชีวิตของข้าคงจบสิ้นแต่เพียงนี้ กระทั่งซากศพย่อมไม่หลงโดยสมบูรณ์ ทว่า! ในเวลานั้นเองมีแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าข้า และมีร่างสองร่างยืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือออร์คที่ทรงพลัง! ในขณะที่อีกร่างหนึ่งเป็นบุรุษที่หล่อเหลาจากเผ่าพันธ์ุเอลฟ์! พวกเขาเพียงแค่ชายตามองไปที่หมีและทำให้มันหวาดกลัวจนวิ่งซุกหางไป! ตอนนั้นข้าหวาดกลัวอย่างมาก หากแต่ก็ยังเสี่ยงชีวิตไถ่ถามตัวตนของพวกเขาออกไป! พวกเขากล่าวว่าตนคือเทพแห่งเผ่าพันธุ์ออร์คและเอลฟ์ สายเลือดของพวกเกือบจะสูญสิ้นไปจากโลกใบนี้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงออกค้นหายอดคนผู้หล่อเหลา...อะแฮ่ม! ผู้มีความสามารถที่จะนำพาออร์คและเอลฟ์กลับมารุ่งเรืองอีกครา และบุคคลที่พวกเขาได้เลือกสรรก็คือ.....ข้า!"
เซียวอวี๋ยืดอกขึ้นทันทีเมื่อกล่าวจบ เขาพยายามจะแสดงท่าทีที่ดูสูงส่งออกมา หัวหน้าทหารฮุ่ยและพ่อบ้านหงส์หันไปสบตากัน ท่านจ้องมองข้า ข้าจ้องมองท่าน พวกเขาไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย..... เพียงแค่นี้?
หลังจากผ่านไปหลายช่วงลมหายใจ พ่อบ้านหงส์หันไปกล่าวกับเซียวอวี๋ "พวกเขาเลือก....ท่าน??"
เซียวอวี๋พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง เขาจัดท่าทางให้ดูราวกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ "ถูกแล้ว เทพแห่งเอลฟ์และเทพแห่งออร์คได้เลือกข้า พวกเขากล่าวว่าชะตาของข้าเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิ! จักพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้ที่จะสามารถรวบรวมทวิีปแห่งนี้ให้เป็นหนึ่ง! พวกเขากล่าวว่าข้าคือผู้ที่ถูกเลือก และพวกเขาจะพึ่งพากำลังของข้าในการฟื้นฟูเกียรติภูมิ!"
เซียวอวี๋กล่าวออกมา เขาไม่แสดงท่าทีที่มีพิรุธหรือกระพริบตาใดๆขณะเล่าออกมา ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเขาได้ประสบพบเจอมาล้วนเป็นความจริง
หัวหน้าทหารฮุ่ยและพ่อบ้านหงส์หันกลับไปมองหน้ากันโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลานาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซียวอวี๋นี้ดูเหลือเชื่อเกินไป เพ้อฝันเกินไป
พวกเขาอาจจะทำใจเชื่อลงหากว่าผู้ที่ถูกเลือกนั้นคือเซียวซานเทียน แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นยอดคนผู้ที่คู่ควรรับการสรรเสริญ หากแต่นี่กลับเป็นเซียวอวี๋? อา พฤติกรรมของพวกเขานั้นต่างกันราวสวรรค์และผืนดิน...
สมองของเทพแห่งเอลฟ์และออร์คคงถูกลาเตะจนความคิดผิดเพี้ยนไป!
แม้ว่าคำกล่าวของเซียวอวี๋ยากที่จะทำใจเชื่อลง หากแต่พวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดมาโต้แย้งได้ ในท้ายที่สุดแล้ว หากว่าพวกเอลฟ์และออร์คไม่ได้อยู่ภายใต้บัญชาการของเซียวอวี๋จริง แล้วใยพวกเขาถึงได้เชื่อฟังคำสั่งของเซียวอวี๋กันเล่า? ความขัดแย้งและปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้โดยเรียบง่าย
แต่เซียวอวี๋กลับสามารถสั่งการพวกเขาได้อย่างหมดจด แม้ว่าคนอื่นๆอาจจะไม่เชื่อถือ หากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะโต้แย้งในเรื่องนี้ได้
นอกจากนี้เซียวอวี๋ยังคงเสริมแต่งเติมเรื่องราวเพื่ออธิบายความเป็นมาของพวกเอลฟ์และออร์คเพื่อที่จะทำให้ผู้คนคิดว่าเขานั้นเกิดมาเพื่อแบกรับชะตากรรมอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ชะตากรรมที่จะปกครองโลกใบนี้! เขายังบรรยายอย่างออกรสราวกับบรรพบุรุษของเขานั้นคือผู้ที่เคยพิชิตทวยเทพ
เซียวอวี๋ต้องการใช้เรื่องราวเหล่านี้เพื่อปกครองผู้คน คำกล่าวของเขาเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อเขาเล่าตอนที่อัญเชิญพวกเอลฟ์และออร์คออกมา เขากำลังใช้เรื่องราวเหล่านี้เพื่อยกระดับฐานะของตนเอง
เขาทราบว่าผู้ที่มีสติปัญญาเพียงครึ่งเดียวก็จะไม่หลงเชื่อเรื่องราวไร้สาระเหล่านี้ หากทว่าผู้คนส่วนมากนั้นมักชื่นชอบเรื่องราวที่เหนือจินตนาการ
เซียวอวี๋จดจำได้ว่ามีนักการเมืองผู้หนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าพวกคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนโง่
"อืม....เรื่องราวกลับเป็นเช่นนี้เอง ชะตากรรมที่จะปกครองโลก! พวกเราจะคอยแบ่งเบาภาระของนายน้อยอย่างสุดความสามารถ ทว่าทั้งข้าและหัวหน้าฮุ่ยกลับกังวลว่าเทพทั้งสององค์นั้นยังมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ เหตุใดพวกเขาถึงให้ท่านหยิบยืมนักรบจำนวนมาก? มิใช่ว่าพวกเขาวางแผนที่จะคอยบงการอยู่หลังฉากหรอกรึ?" พ่อบ้านหงส์ไม่สามารถทำใจเชื่อคำกล่าวของเซียวอวี๋ได้ลง ทว่าเขาก็ไม่ต้องการที่จะกล่าวทำลายความเชื่อมั่นของเซียวอวี๋ว่าเขากำลังถูกหลอกใช้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ถ้อยคำอ้อมๆเพื่อกระตุ้นเตือน
เซียวอวี๋โบกมือ "ลุงหงส์ ลุงฮุ่ย ข้าทราบว่าพวกท่านกำลังกังวลในเรื่องใดอยู่ หากแต่นั่นไม่จำเป็นเลย ข้านั้นมิใช่ทารกอมมือหรือไร้เดียงสา นักรบเหล่านี้ล้วนไว้ใจได้ นอกจากนั้น พระเจ้าทั้งสององค์นั้นไม่ได้มอบอำนาจสั่งการแก่ข้าโดยเปล่า หากแต่พวกเขายังร่ายคำสาปโลหิตใส่ข้า ดังนั้นข้าจึงจำเป็นที่จะต้องพิชิตโลกใบนี้ ซึ่งหากว่าข้าล้มเหลว เช่นนั้นคำสาปนี้ก็จะพรากวิญญาณของข้าไป!"
เซียวอวี๋ได้เรียนรู้คำว่า คำสาปโลหิตมาจากนิยายกำลังภายในที่เขาเคยอ่านและเสริมแต่งมันเข้ากับเรื่องราวของเขา
"ว่ากระไร! นายน้อยถูกสาป!?" พ่อบ้านหงส์ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อถือเรื่องราวที่เซียวอวี่เล่า หากแต่เขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเซียวอวี๋จากความจงรักภักดีต่อตระกูลเซียว
"หากแต่เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ มิฉะนั้นแล้วฝ่ายศัตรูอาจใช้ประโยชน์จากคำสาปโลหิตนี้ได้ มีเพียงพวกท่านทั้งสองที่รู้เรื่องนี้" เซียวอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโศกศัลย์ราวกับเขากำลังแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่เอาไว้
"วางใจเถิดนายน้อย พวกเราจะปกปิดมันไว้ หากแต่มีหนทางใดหรือไม่ที่จะคลายคำสาปพรากวิญญาณนี้ได้?" หัวหน้าทหารฮุ่ยกล่าวด้วยท่าทางเคร่งเครียด
เซียวอวี๋ส่ายหน้าช้าๆพร้อมทอดถอนใจ "จะมีผู้ใดสามารถคลายคำสาปของเทพเจ้าได้? ทว่าคำสาปนี้จะสลายไปในทันทีที่ข้าสามารถฟื้นฟูเผ่าพันธ์ุเอลฟ์และออร์คได้สำเร็จ พวกท่านอย่าได้กังวล....ดังนั้นสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องกระทำอย่างเร่งด่วนคือการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้รวดเร็วที่สุด พวกเราต้องขยายดินแดนและกวาดพิชิตโลกใบนี้! เมื่อนั้นข้าจึงจะสามารถหลุดจากคำสาปนี้ได้!"