WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 22
พ่อบ้านหงส์และเหล่าสะใภ้ตระกูลเซียวยินยอมเชื่อคำกล่าวของเสวี่ยซาก็ยามที่พวกเขามองเห็นพลธนูที่สวมเสื้อคลุมสีดำและนักรบออร์ค
ในเวลาเดียวกัน เซียวอวี๋ก็สั่งการให้นักรบออร์ครวบรวมศพของเหล่าออร์คที่เสียชีวิตมา เขาออกคำสั่งให้ชาวเมืองช่วยกันเก็บกวาดสนามรบและรวบรวมอาวุธและชุดเกราะจากศพของทหารฝ่ายแคร์รี่
ซากศพถูกลากไปเผาในหลุมขนาดใหญ่เพื่อป้องกันโรคระบาด
"เราจะสามารถใช้อาวุธและเกราะพวกนี้ในการสร้างเกราะให้พวกนักรบออร์คได้อีก 100 ชุด นักรบออร์คมีจำนวนน้อยเกินไป ดังนั้นอาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ของพวกมันต้องพร้อมสำหรับออกรบ"
เซียวอวี๋กำลังคิดถึงการพัฒนาในอนาคตขณะที่เขาสั่งการผู้คนโดยรอบ เขายังต้องอุปกรณ์สวมใส่และซื้อธนูกับลูกธนูให้กับพวกเอลฟ์อีกด้วย ซึ่งมันหมายถึงเงินจำนวนมหาศาล ทว่าตอนนี้ดินแดนของเขาก็ขาดแคลนอยู่
ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้นั้นดูดีเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่เป็นการคว้าชัยชนะเหนือกองทัพของแคร์รี่ หากแต่ยังเป็นการเพิ่มระดับให้กับพวกนักรบออร์คและพลธนูเอลฟ์อีกมากโข
นักรบออร์คทุกนายล้วนอยู่ในระดับที่ 2 และมีมากกว่า 50 นายที่อยู่ในระดับ 3 พร้อมกับได้รับทักษะคลุ้มคลั่ง
พลธนูนั้นอยู่ในระดับที่ 2 และมีหลายสิบคนที่อยู่ในระดับที่ 3 เช่นกัน พวกเขาได้รับทักษะยิงอย่างแม่นยำมาด้วย ที่พลธนูได้รับค่าประสบการณ์เป็นจำนวนมากก็เนื่องด้วยการบัญชาการรบของเซียวอวี๋ที่พึ่งพาพวกเขาเสียเป็นส่วนใหญ่
ทั้งกรอมและทิรันด้าต่างอยู่ในระดับที่ 8 ซึ่งเซียวอวี๋ได้เพิ่มแต้มทักษะไปที่วินด์วอร์คและทำให้ความเร็วของกรอมเพิ่มขึ้น 10% เซียวอวี๋คิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้กรอมจะต้องรับมือกับศัตรูที่ทรงพลังอีกมาก ดังนั้นความยืดหยุ่นและคล่องตัวของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าโจมตีจุดตายหรืออมนิแสลช
ทักษะศรเวทย์ของทิรันด้านั้นเต็มแล้ว และลูกธนูที่เธอยิงออกไปด้วยทักษะนี้ยังสามารถสร้างหลุมขนาดใหญ่ให้กับกำแพงที่หนาได้อีกด้วย
ในส่วนของเซียวอวี๋เองก็มาถึงระดับที่ 5 แล้ว แถมเขายังได้รับค่าคุณความดีมาอีกมหาศาล
เขาได้จัดสรรค่าความสามารถของตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาได้เพิ่ม 8,8,6 จุดไปที่ ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว และความทนทานตามลำดับ
ผลที่ตามมามันเกือบจะทำให้เซียวอวี๋มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบออร์คทั่วไป เทียบกันแล้ว ตัวเขาในอดีตเป็นเพียงนักศึกษาที่อ่อนแอ
นอกจากนี้เขายังได้รับแต้มทักษะมาถึง 4 แต้ม เขาได้จัดการมันไปที่โจมตีจุดตายและอมนิแสลช ในจุดนี้พวกมันจึงอยูในระดับที่ 3 ทั้งคู่ ซึ่ง ณ จุดนี้ระดับทักษะอมนิแสลชของเซียวอวี๋ได้เหนือกว่ากรอมแล้ว
ทว่าความแข็งแกร่งของเขายังคงอ่อนแอกว่ากรอมอยู่มาก ดังนั้นพลังโจมตีของเขาจึงไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับกรอมได้
แม้จะมีผลเก็บเกี่ยวอันมหาศาล หากแต่ฝั่งของเขาก็เกิดการสูญเสียขึ้นเช่นกัน มีนักรบออร์ค 8 นายเสียชีวิต ในขณะที่อีก 7 นายบาดเจ็บหนัก และมีอีก 1 ที่บาดเจ็บปานกลาง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นผลมาจากการเข้าสู่สนาบรบของผู้ใช้มนตรา ผู้ใช้มนตรานั้นเปรียบได้กับปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพในยุคปัจจุบัน โชคดีอย่างยิ่งที่ทิรันด้าสามารถขับไล่เขาออกจากสนาบรบได้ทันเวลา มิฉะนั้นกลยุทธ์สปาตันของเซียวอวี๋คงพังทลายไม่เป็นท่า
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เซียวอวี๋ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้มนตราบนโลกใบนี้ขึ้นมาทันที เบรดมาสเตอร์แน่นอนว่าย่อมสามารถจัดการกับนักรบทั่วไปได้ไม่ยาก หากแต่เป็นการยากเย็นอย่างยิ่งที่จะโจมตีเข้าใส่ผู้ใช้มนตราที่เชี่ยวชาญในการโจมตีจากระยะไกล
เขายังคงสูญเสียพลธนูบางส่วนไปเช่นกัน ทหารของศัตรูสามารถฆ่าพลธนูเอลฟ์ได้ในช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายจากการเข้าร่วมของผู้ใช้มนตรา
เซียวอวี๋รู้สึกลัดกลุ้มกับพลังป้องกันที่แสนจะอ่อนแอของพวกพลธนูเอลฟ์
เขาจำเป็นต้องออกเยี่ยมเยียนค่ายโจรสักหลายแห่ง และรับช่วงต่อดูแลเงินทองของพวกมันเพื่อใช้ซื้อชุดเกราะให้ฝ่ายของเขาโดยเร็วที่สุด
เซียวอวี๋กำลังขาดแคลนเหรียญทอง หากแต่ไม่ใช่กับค่าคุณครวามดี จากการที่เขาสามารถปกป้องเมืองได้สำเร็จและยังสังหารศัตรูไปกว่า 3500 คน เขาจึงได้รับค่าคุณความดีมาถึง 5000 แต้ม และในตอนนี้เขาก็เลื่อนยศขึ้นเป็นหัวหน้าหมู่ทหารแล้ว
ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีโอกาสที่จะสร้างฐานทัพได้อีกแห่ง!
เซียวอวี๋กำลังวางแผนที่จะสร้างฐานทัพของมนุษย์ขึ้นมา เขากำลังต้องการผู้ใช้มนตรา เมื่อเขาได้เห็นศักยภาพของผู้ใช้มนตราฝ่ายศัตรูที่มีอำนาจสามารถพลิกผันสถานการณ์ของสนาบรบได้
ระบบของเกมสามารถสร้างฐานทัพได้ 4 แห่ง ทว่ามันยากเย็นอย่างยิ่งหากจะเลื่อนระดับมันขึ้นเป็น 2 หรือ 3
ซึ่งเซียวอวี๋ได้ครุ่นคิดถึงปัญหานี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หากฐานทัพของเขาเลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ 2 เขาก็จะสามารถสร้างโกเลมศิลาของพวกเอลฟ์ได้ ทว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเลื่อนยศของเขาขึ้นไปเสียก่อน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาจะมีฐานทัพ 4 แห่งก่อนที่เขาจะเลื่อนระดับของฐานทัพได้เสียอีก
"เซียวอวี๋ เจ้าทำมันได้จริงๆ เจ้าได้เอาชนะกองทัพของแคร์รี่และปกป้องดินแดนเอาไว้ได้!" สะใภ้คนโตฉีอิ่นก้าวเข้ามาหาเขา
นางได้เห็นการเติบโตของเขามาตั้งแต่เขายังเยาว์วัย ดังนั้นนางจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เซียวอวี๋มีความสำเร็จในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้
"วางใจเถอะพี่สะใภ้ ข้าได้เติบโตขึ้นมากและกลายเป็นบุรุษเต็มตัวแล้ว ข้าจะปกป้องท่านจากภยันตรายเอง! ข้าจะสานต่อตำนานของบิดาและทำให้เมืองไลอ้อนกลายเป็นดินแดนที่แข็งแกร่งไร้ผู้ต้านทาน!" จิตวิญญาณของเซียวอวี๋ลุกโชนขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นใบหน้าที่น่าถนุถนอม เขาจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!
"เซียวอวี๋ พี่สะใภ้มีความสุขอย่างยิ่งที่เห็นเจ้าเติบโตและแข็งแกร่งเช่นนี้" ฉีอิ่นโน้มตัวมากอดเซียวอวี๋
เซียวอวี๋ย่อมไม่ขัดขืนใดๆอยู่แล้ว เขารีบบีบน้ำตาและซุกใบหน้าไปที่หน้าอกของฉีอิ่น สัมผัสที่เขาได้รับมันราวกับปุยเมฆที่อ่อนนุ่ม อ้าา~ ช่างนุ่มสบายดีแท้~
ฉีอิ่นมีอายุเพียง 17 ปียามเมื่อนางแต่งเข้าตระกูลเซียว ซึ่งในเวลานั้นเซียวอวี๋ยังมีอายุเพียง 6 ขวบ ฉีอิ่นมักจะดูแลและเล่นเป็นเพื่อนเซียวอวี๋นับจากนั้น นางให้เซียวอวี๋เข้ามานอนกับนางจนกระทั่งถึงช่วงที่สามีนางตายจากไป
มารดาของเซียวอวี๋ได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร นั่นเป็นผลให้เซียวอวี๋เติบโตขึ้นภายใต้การเลี้ยงดูของฉีอิ่น
เซียวอวี๋เริ่มที่จะเข้าใจเรื่องราวของชายหญิงขณะที่เขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และนั่นเป็นผลให้เขาเริ่มมีความสุขกับชีวิตที่สุขสันต์ เมื่อไฟราคะของเขาลุกโชนขึ้นมา เขาจึงได้ออกตามหาหญิงงามเพื่อตอบสนองมัน และออกห่างจากฉีอิ่นไป ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงคิดถึงพี่สะใภ้คนโตนางนี้อยู่ตลอด
นอกจากฉีอิ่นและพี่สะใภ้รองแล้ว เซียวอวี๋ชอบที่จะก่อกวนคนอื่นๆ
จากนั้นพี่สะใภ้รองได้ตบแต่งเข้าตระกูลเซียวมา ดังนั้นเซียวอวี๋จึงสนิทสนมกับนางเช่นกัน แต่กับพี่สะใภ้ สาม สี่ และห้าที่ยังเยาว์วัยอยู่นั้นกลับไม่ใช่ เขาได้พยายามถ้ำมองพวกนางอาบน้ำอยู่บ่อยครั้ง
ฐานะของเซียวอวี๋ในสายตาของบรรดาพี่สะใภ้ได้สูงขึ้นแล้ว
มีเพียงพี่สะใภ้สี่ เสวี่ยซาเพียงนางเดียวที่ยืนมองอย่างเย็นชาอยู่ห่างๆ เซียวอวี๋กลายเป็นตื่นเต้นขณะที่เขาโอบกอดทั้งฉีอิ่นและพี่สะใภ้รองเอาไว้ บางครั้งมือของเขายังสัมผัสกับก้นและต้นขาของพวกนางโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉีอิ่นนั้นเป็นสาวงามบริสุทธิ์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอย่างมากในนครหลวง เขาไม่ทราบว่าพี่ชายของเขาไปล่อลวงนางมาแต่งงานด้วยได้อย่างไร เรือนร่างของนางนั้นเพรียวบางและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง นางคล้ายกับหลี่ชิงจ้าวที่โด่งดังในโลกของเซียวอวี๋เป็นอย่างมาก
ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวอวี๋และพี่สะใภ้รองก็ดีเช่นกัน ทว่านางกลายเป็นขุ่นเคืองยามเซียวอวี๋เติบโตขึ้น นั่นทำให้พวกเขากลายเป็นเหินห่างกันเมื่อเวลาผ่านไป นามของนางคือ เสวี่ยหาน นางนั้นดีต่อเซียวอวี๋ไม่น้อย แต่นางจะกลายเป็นดุร้ายทุกครั้งที่เซียวอวี๋ไปจับก้นของนาง ถึงกระนั้นนางก็ไม่เคยทุบตีเขาต่อหน้าผู้คนและข้ารับใช้เลย
ต่อไปคือพี่สะใภ้สามของเซียวอวี๋ นามของนางคือ คามิลล่า นางเป็นสาวผมบลอนด์ที่มีเชื้อสายคนยุโรป รอยยิ้มที่มีเสน่ห์จะประดับอยู่บนใบหน้าของนางเสมอ เซียวอวี๋คิดว่านางดูคล้ายกับมาดอนน่าอย่างยิ่ง
คามิลล่าสูงกว่าเซียวอวี๋อยู่เล็กน้อย ด้วยเหตุนั้นใบหน้าของเขาจึงฝังเข้าไปในภูเขาทั้งสองลูกอย่างพอดิบพอดี เมื่อเขาเหลือบมองและพบว่าไม่มีผู้ใดมองอยู่ เขาจึงขบกัดที่ส่วนยอดไปเบาๆ ใบหน้าของคามิลล่ากลายเป็นแข็งทื่อทันที ขาเรียวยาวของนางค่อยๆยกขึ้นและกระแทกไปที่ส่วนล่างของเซียวอวี๋
เซียวอวี๋ยิ้มรับมันไว้ในขณะที่สะกดข่มความเจ็บปวด โชคดีอย่างยิ่งที่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ลงแต้มความสามารถไป มิฉะนั้นเขาคงทรุดตัวลงไปกองอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พร้อมพิชิตพี่สะใภ้นางนี้ เขาควรจะถอยทัพก่อน
เซียวอวี๋กำลังจะโอบกอดพี่สะใภ้ห้าของเขา หากแต่เมื่อเสวี่ยซาเดินเข้ามา เขาก็หยุดชะงักพร้อมกับยิ้มเจื่อน
"เพียงรอเวลาเท่านั้น....คิดว่าข้าจะไม่จัดการกับท่านงั้นหรือ?" เซียวอวี๋พึมพำกับตนเอง