WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 21
"นายท่าน พวกเราต้องถอยทัพแล้ว พวกนักรบออร์คนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่สามารถส่งทหารบุกตะลุยไปข้างหน้าได้อีก นี่เป็นเพียงการส่งพวกเขาไปรับความตาย" ผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่เบื้องหลังแคร์รี่กล่าวกระซิบ
ใบหน้าของแคร์รี่กลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ได้
จำนวนของกองทัพอีกฝ่ายเห็นได้อย่างชัดเจนว่าน้อยกว่าฝั่งเขาอยู่หลายเท่า
ทว่าด้วยความช่วยเหลือจากพวกนักรบออร์คที่แข็งแกร่งและพลธนูชั้นยอดแล้ว เซียวอวี๋ก็กลายมาเป็นผู้กุมบังเหียนของสงครามครั้งนี้ นั่นทำให้แคร์รี่โกรธแค้นจนแทบคลั่งใจตาย
ไอ้สารเลวเซียวอวี๋มันไปหานักรบออร์คเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?
พวกออร์คนั้นไม่เคยร่วมมือกับเผ่าพันธ์ุมนุษย์มาก่อน แล้วพวกมันจะยินยอมช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างไร? นั่นหมายความว่าพวกออร์คและเซียวอวี๋ได้ตกลงเป็นพันธมิตรกันงั้นหรือ? มีเพียงเหตุผลนั้นที่ดูเป็นไปได้ที่สุด พวกออร์คย่อมไม่หยิบยื่นมือเข้าช่วยเหลือมนุษย์โดยง่าย
เผ่าพันธุ์ออร์คอาจจะสูญพันธุ์หรือเกือบจะสูญพันธ์ุไปแล้ว แต่พวกมันก็ยังคงเป็นอสูรที่มีสติปัญญา เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในเทือกเขาอัลคาเกนอันกว้างใหญ่ไพศาล และต้องการที่จะขยายอาณานิคมที่เมืองไลอ้อนแห่งนี้ และนั่นเป็นผลให้เซียวอวี๋และพวกออร์คจับมือเป็นพันธมิตรกัน
แคร์รี่ลังเลอยู่พักหนึ่ง อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ลังเลนั้นทหารของเขาก็ได้ล้มตายลงไปอีกกว่า 200 นาย พลธนูเหล่านั้นยอดเยี่ยมเกินไป ไม่มีที่ใดที่จะหลบซ่อนคมธนูของพวกเขาแม้จะเป็นหลังโล่ใบใหญ่ก็ตาม
พวกทหารสวมชุดเกราะและถือโล่ ถึงกระนั้นมันก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝีมือยิงธนูของพวกเขา พวกเขาอาจจะสามารถหลบลูกธนูได้ดอกหนึ่ง แต่หลังจากนั้นดอกที่สอง ดอกที่สามจะตามมาพรากชีวิตของพวกเขาไป
"สั่งถอยทัพ" แคร์รี่มองขึ้นไปบนกำแพงเมืองอย่างอาฆาต เขาจำเป็นจะต้องถอยทัพแล้ว ภูมิประเทศของประตูเมืองนั้นคับแคบและถูกปิดกั้นโดยพวกออร์ค กองทัพของเขาไม่สามารถฝ่ามันเข้าไปได้แม้จะสูญเสียกำลังพลไปมากมายก็ตาม
ฝ่ายของเขามีผู้ใช้มนตราและด้วยความช่วยเหลือของเขาแล้วการจะตีฝ่าแนวป้องกันของพวกออร์คเข้าไปสมควรจะไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่ทว่าผู้ใช้มนตราคูม่าร์บอกกับเขาว่า เซียวอวี๋มีจ้าวแห่งธนูอยู่ข้างกายของเขา แม้แต่อาจารย์คูม่าร์ก็ยังได้รับบาดเจ็บ มันจึงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะฝืนดันทุรังบุกต่อไป
"ข้าจะบดขยี้เมืองแห่งนี้ในครั้งต่อไป!" ความหนาวเหน็บปรากฏขึ้นในแววตาของแคร์รี่ขณะที่มองดูสภาพสนามรบ
พวกทหารกลายเป็นโล่งใจเมื่อได้ยินคำสั่งถอยทัพ ลูกธนูที่ตกลงมาราวกับสายฝนเช่นนี้ได้คร่าชีวิตสหายของพวกเขาไปมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่มีความกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับออร์คที่ดุดันพวกนั้น
เซียวอวี๋ลุกขึ้นยืนและขมวดคิ้วขณะที่มองดูทหารฝ่ายศัตรูเริ่มถอนกำลัง เขากำลังครุ่นคิดถึงการไล่ติดตามศัตรู
เขาลังอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไล่ติดตามพวกมันไป พวกเขาได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มา แต่นั่นก็เป็นเพราะกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งของเมืองไลอ้อน ความแข็งแกร่งของนักรบออร์คและความแม่นยำของพลธนูเอลฟ์
ทว่าเซียวอวี๋ตระหนักได้ว่าเขาจะสูญเสียข้อได้เปรียบทั้งหมดนี้เมื่อต้องต่อสู้กันในทุ่งกว้าง
มันไม่มีปัญหาใดๆสำหรับการบุกโจมตีของนักรบออร์ค หากแต่ว่าพวกเอลฟ์นั้นเปราะบางเกินไป จะเกิดการสูญเสียอย่างมากหากว่าเขายังคงดันทุรังสั่งให้ติดตามโจมตีต่อ
พลธนูเอลฟ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเมื่อต้องต่อสู้ในระยะไกล แต่ในระยะใกล้พวกเขานั้นไม่ต่างไปจากไพล่พลทหารธรรมดา แม้กระทั่งพวกโจรสามัญทั่วไปก็ยังสามารถสังหารพวกเขาได้
เซียวอวี๋ได้เห็นข้อบกพร่องนี้ในการต่อสู้กับพวกโจรก่อนหน้า นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขาคอยระมัดระวังเรื่องระยะห่างของพลธนู
เซียวอวี๋ได้เอ่ยปากถามปัญหาที่เขาเผชิญกับระบบ ซึ่งคำตอบของมันก็ทำให้เขากลายเป็นสับสน ในช่วงระยะสั้นเขาสามารถที่จะยกระดับความแข็งแกร่งในการต่อสู้ระยะประชิดให้แก่พวกเอลฟ์ได้ แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้อย่างสิ้นเชิง นี่เป็นข้อบกพร่องของเกม อันที่จริงข้อดีของเกมก็ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด หากแต่ทว่าข้อบกพร่องต่างๆเองก็มีอยู่มากเช่นกัน ระบบของเกมไม่เหมือนกับในชีวิตจริงที่จะสามารถฝึกฝนพวกทหารในทุกด้านของการต่อสู้ได้
พวกทหารของเมืองเริ่มส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างยินดีขณะมองดูกองทัพของแคร์รี่ถอยทัพกลับไป บางคนทรุดตัวลงร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติ
พวกเขาทุกคนคิดว่าจะต้องตายอย่างแน่นอนในวันนี้ เมืองจะต้องอยู่ในกำมือของฝ่ายศัตรู พวกเขาคิดว่าบุตรหลาน บิดา มารดาและภรรยาจะต้องตกอยู่ในขุมนรก ทว่าพวกเขากลับไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ภายใต้การนำทัพของจอมล้างผลาญพวกเขาจะสามารถเอาชนะกองทัพของแคร์รี่ได้สำเร็จ
พวกเขาสามารถเอาชนะกองทัพ 5000 คนในขณะที่ฝ่ายของพวกเขามีทหารไม่ถึง 1000 คน ยิ่งไปกว่านั้นในสงครามครั้งนี้ทหารฝ่ายศัตรูยังตกตายไปมากกว่า 3500 คน นี่จึงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
นักธนูเอลฟ์และนักรบออร์คยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับต้นไม้เพราะไม่สามารถแสดงความตื่นเต้นออกมาได้
"พวกเราชนะ! พวกเราชนะแล้วว!" เหล่าทหารเริ่มตะโกนขึ้นเสียงดัง
สะใภ้ที่สี่ของตระกูล เสวี่ยซากำลังเช็ดดาบที่เปื้อนเลือดอยู่ นางก็คิดเฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ว่าเมืองนี้จะต้องถูกตีแตกอย่างแน่นอน และมันจะไม่มีผู้ใดที่สามารถรอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายได้
เสวี่ยซารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่สารเลวน้อยนั้นสามารถจัดหาพลธนูที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้มาได้ นี่มันราวกับปาฏิหาริย์ นางมองไปยังเซียวอวี๋ที่มือหนึ่งไพล่หลังขณะที่อีกมือยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น เซียวอวี๋ดูราวกับจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง
"เขาใช่จอมล้างผลาญผู้นั้นจริงหรือ? มันเหมือนกับว่าเขานั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง" เสวี่ยซากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาของเซียวอวี๋ ดูราวกับว่าเขาเป็นวีรบุรุษผู้ที่กอบกู้เมืองแห่งนี้ไว้ได้ แต่พริบตาถัดมา นางก็พบว่าสายตาของเซียวอวี๋กำลังชำเลืองมองต้นขาของมือธนูหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
มีสายลมที่รุนแรงพัดผ่านบนกำแพง นั่นเป็นผลให้ชายเสื้อคลุมด้านข้างปลิวขึ้นและเผยให้เห็นต้นขาที่เรียวยาวของทิรันด้า
เซียวอวี๋น้ำลายไหลย้อยลงไปในแก้วไวน์
"สุนัขที่ใช้การไม่ได้!" เสวี่ยซาสาปแช่งด้วยความโกรธ นางกระทืบเท้า ก่อนที่จะลงขั้นบันไดเพื่อที่จะไปแจ้งข่าวดีให้เหล่าพี่สาวทั้งหลายทราบ
เสวี่ยซากระแทกเปิดประตูของห้องโถง และพบว่าหญิงสาวทั้งสี่กำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมตัวหนึ่ง มีเหยือกน้ำผึ้งวางอยู่บนโต๊ะตัวนั้น พวกนางกำลังนั่งรอฟังผลการรบอยู่
พวกนางจะดื่มมันหากว่าเมืองถูกตีแตก
มีพ่อบ้านหงส์ยืนอยู่ด้านข้าง บรรยากาศภายในห้องโถงเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
"พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม น้องห้า...." เสวี่ยซาวิ่งเข้ามา ชุดของนางแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตจำนวนมาก
"น้องสี่ พวกมันบุกเข้ามาในเมืองแล้วหรือ? พวกเราได้ยินเสียงโห่ร้องและกำลังจะจากไปแล้ว มาสิ ข้าได้เตรียมในส่วนของเจ้าเอาไว้ด้วย" สะใภ้คนโต ฉีอิ่นทอดถอนใจและยกเหยือกน้ำผึ้งขึ้นมา นางเริ่มต้นรินน้ำผึ้งลงในถ้วยของน้องสาวทั้งห้า
"ผิดแล้ว! พี่ใหญ่พวกเราชนะ! พวกเราเอาชนะกองทัพของแคร์รี่ได้แล้ว!" เสวี่ยซารีบหยุดยั้งทันทีเมื่อเห็นนางเริ่มต้นรินยาพิษลงในถ้วย
"อะไรนะ?" สะใภ้ทั้งสี่รวมทั้งพ่อบ้านหงส์กลายเป็นตกตะลึงขณะที่ได้ยินคำบอกเล่าของเสวี่ยซา
"น้องสี่ เจ้าสับสนหรือ? พวกเราไม่มีกองทัพใดๆ แล้วพวกเราจะสามารถเอาชนะกองทัพของแคร์รี่ได้อย่างไร?" ฉีอิ่นเอ่ยปากขึ้นมา
นางไม่ยินยอมเชื่อถ้อยคำของเสวี่ยซา
"ถูกแล้วพี่ใหญ่! จอมล้างผลาญได้ว่าจ้างทหารรับจ้างที่เป็นนักรบออร์ค! พวกเราเอาชนะกองทัพของแคร์รี่และทำให้พวกมันถอนทัพกลับไปแล้ว" เสวี่ยซารีบอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว
"อะไรนะ? เซียวอวี๋ว่าจ้างพวกออร์ค...." ฉีอิ่นและบรรดาสะใภ้คนอื่นหันมาจ้องมองเสวี่ยซาทันที
พวกนางสามารถเข้าใจได้ว่า เขาว่าจ้างพวกทหารรับจ้างมา แต่กับพวกออร์คน่ะหรือ?! ไม่ใช่ว่าพวกออร์คนั้นสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว?
เสวี่ยซารีบเข้ามาที่โต๊ะและโยนเหยือกยาพิษนั้นทิ้งไป "ข้าก็ไม่ทราบว่าเหตุใดจอมล้างผลาญนั่นถึงสามารถจ้างวานนักรบออร์คมาได้ หากแต่ว่าพวกเรานั้นชนะแล้ว ลองออกไปดูที่เบื้องนอกสิ! ประชาชนทั้งเมืองกำลังเฉลิมฉลองกันอยู่!"