WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 17
"นายท่าน เหตุใดพวกเราถึงต้องนำผู้คนมามากมายกว่า 5000 คนด้วย ข้าเชื่อว่าเพียง 2000 คนพวกเราก็สามารถบดขยี้เมืองของพวกมันได้แล้ว" ชายที่มีหนวดเครารกครึ้มมองไปยังชายหนุ่มผมบลอนด์ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถม้า
"แฮมเมอร์ เจ้าจะรู้อะไร? เจ้าคิดจริงๆหรือว่านายท่านของเจ้าผู้นี้จะเข้าโจมตีดินแดนของราชวงศ์พยัคฆ์คำรนเพียงเพราะผู้หญิงนางเดียว? ข้าต้องการดินแดนผืนนั้น! ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากใกล้เข้ามาแล้ว และดินแดนแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดต่อการสร้างฐานทัพ พวกเราสามารถค่อยๆพัฒนามันได้" ชายหนุ่มผมบลอนด์ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบ เขาหลับตาลงเพื่อดื่มด่ำไปกับรสชาติของความสุข
เขากำลังจินตนาการถึงฉากที่พวกเขาบุกเข้าไปในเมือง เขามองเห็นทุกผู้คนล้วนคุกเข่าให้กับเขา ในอ้อมกอดทั้งสองข้างมีสาวงามคลอเคลีย
"ใช่ขอรับ นายท่านเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด พวกเราสามารถสร้างฐานทัพขึ้นที่นี่เพื่อหลบเลี่ยงความสนใจจากทุกฝ่าย"
หากเซียวอวี๋อยู่ที่ด้วย เขาก็จะจดจำได้ทันทีว่าชายหนุ่มผมบลอนด์ผู้นี้ก็คือศัตรูคู่อาฆาตของเขา แคร์รี่
แถวทหารที่เป็นระเบียบกำลังเดินขนาบข้างรถม้าที่ดูหรูหราของเขา ใบหน้าของพวกทหารแสดงออกถึงความหยิ่งยโส พวกเขาคิดว่าสงครามครั้งนี้มันจบลงไปแล้ว และผู้ชนะก็คือฝ่ายเขา ในมุมมองของพวกเขา มันจะไม่มีการรบกันจริงเกิดขึ้นแต่อย่างใด ยามเมื่อพวกเขาไปถึง กองทัพของอีกฝ่ายก็จะยอมศิโรราบแต่โดยดี
พวกเขาเพียงกังวลว่าดาบในมือของพวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสเลือดหลังสงครามสิ้นสุดลง
ยามเที่ยง กองทัพของแครี่ก็อยู่ห่างจากเมืองไลอ้อนราว 10 ไมล์
"แล้วเด็กหญิงตัวน้อยนางนั้นล่ะ?" แครี่เอ่ยปากถาม
โดทุ หัวหน้าทหารของกองทัพก้าวออกมาเอ่ยตอบ "วางใจเถิดนายน้อย ข้าได้ส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปภายในเมืองแล้ว พวกเขารายงานมาว่าเด็กหญิงนางนั้นยังคงไม่ได้ออกจากเมือง"
แครี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พื้นที่แถบเมืองไลอ้อนนั้นเป็นดินแดนรกร้าง มันไม่มีพืชพรรณงอกเงยขึ้นอยู่ ดังนั้นแคร์รี่จึงสามารถมองเห็นกำแพงของเมืองไลอ้อนได้ตั้งแต่ระยะไกล
ในขณะเดียวกัน เซียวอวี๋ก็กำลังจ้องมองกองทัพของอีกฝ่ายอยู่บนกำแพง
"ดูเหมือนว่าพวกมันจะนำคนมามากมายนัก" หัวหน้าทหารฮุ่ยมองดูคลื่นมนุษย์ของกองทัพฝั่งแคร์รี่ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะนำคนมามากมายถึงเพียงนี้
"นั่นไม่สำคัญหรอก สุดท้ายพวกมันก็ต้องกลายเป็นปุ๋ยอยู่ดี" เซียวอวี๋มองไปยังจุดสีดำที่อยู่ห่างไกลและกล่าวด้วยความหยิ่งผยอง เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมขณะที่เขามียอดนักรบออร์คและพลธนูเอลฟ์อยู่ใต้บัญชาการ
"ทหารรับจ้างเหล่านี้เชื่อถือได้หรือขอรับ?" หัวหน้าทหารฮุ่ยมองดูนักรบออร์คและพลธนูเอลฟ์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุม มีร่องรอยของความแคลงใจปรากฏขึ้น
หัวหน้าทหารฮุ่ยคิดว่าเซียวอวี๋นั้นยังเยาว์วัย เขาไม่ทราบพื้นหลังของเหล่าทหารรับจ้างพวกนี้ เขาเกรงว่านี่จะเป็นการเชื้อเชิญหมาป่าเข้าถ้ำ หัวหน้าทหารฮุ่ยติดตามรับใช้เซียวซานเทียนมานานหลายปีและเขาก็ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
เขาไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพการต่อสู้ของเหล่าทหารรับจ้างพวกนี้ แต่ปัญหาก็คือ ทหารรับจ้างที่มีเพียง 400 นายจะทำอย่างไรกับกองทัพขนาด 5000 คนได้?
"พวกมันมาแล้ว" ทิรันด้าเข้ามารายงานเซียวอวี๋
เซียวอวี๋พยักหน้าขณะที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ เขาค่อยๆจิบมันทีละนิดจากนั้นจึงวางมันลงบนโต๊ะ เซียวอวี๋นำไวน์แดงพวกนี้มาจากที่เก็บไวน์ของบิดา เขาดื่มมันอย่างมีความสุขขณะที่นั่งรออยู่บนกำแพงเมือง ด้านซ้ายของเขายืนไว้ด้วยทิรันด้า ขณะที่ด้านขวาเป็นกรอม
เซียวอวี๋นั้นไม่ใช่นักกลยุทธ์ทางทหาร แต่เขารู้เกี่ยวกับการใช้สงครามจิตวิทยาดี เขาไม่ได้มีประสบการณ์ในสงครามมากนัก หากแต่เขาได้ดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือจนรู้ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องใช้จิตวิทยาในการเกาะกุมหัวใจของผู้คน ด้านหนึ่งเขากำลังพยายามทำให้แครี่สับสน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเขากำลังแสดงให้ผู้คนของเขาเห็นว่าลอร์ดของพวกเขานั้นมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
ความจริงแล้ว พวกนักล่าได้ตรวจพบพวกเขานานแล้วและยังส่งรายงานเกี่ยวกับการมาถึงของกองทัพแครี่ตั้งแต่ระยะ 30 ไมล์
พวกนักล่าสามารถใช้การพลางตัวและหยุดนิ่งเพื่อล่องหนได้ ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์พาหนะของพวกเขายังเป็นเสือดาว ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถสั่งการให้พวกนักล่ารวบรวมและส่งข่าวสารได้จากระยะไกลยิ่งขึ้นในอนาคตเมื่อพวกเขามีระดับที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเอลฟ์นักล่าจำเป็นที่จะต้องมีระดับถึง 10 เสียก่อน
กองทัพของแคร์รี่มาถึงระยะที่เซียวอวี๋สามารถมองเห็นรูปร่างของแครี่ได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันแคร์รี่ก็มองเห็นเซียวอวี๋แล้วเช่นกัน
"เซียวอวี๋! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะปลอดภัยไร้เรื่องราวได้หลังจากที่ข้าเข้าโจมตี!" แคร์รี่ยิ้มออกมาขณะที่จ้องมองไปยังเซียวอวี๋
มีผู้ใช้มนตรายืนอยู่ด้านข้างของเขาเพื่อคอยใช้เวทย์มนต์ถ่ายทอดเสียงของแคร์รี่ให้ไปถึงเมือง
"เจ้าอาจจะมีผู้ใช้มนตราอยู่ข้างกายเจ้า แต่เจ้าก็จะต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมอยู่ดี" เซียวอวี๋ยกไวน์ขึ้นจิบ เขาไม่ได้เป็นผู้ใช้มนตรา เขาจึงไม่รู้ว่าเสียงของเขาไม่สามารถส่งไปถึงแคร์รี่ได้ ทว่าเขาก็ไม่ได้ต้องการจะตะโกนเสียงดังขณะที่กำลังแสดงท่าทางที่ดูสูงส่งออกมาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงยกชูแก้วไวน์ไปทางแคร์รี่ ในเวลาเดียวกัน เซียวอวี๋ก็โน้มตัวออกไปและยกชูมืออีกข้างที่ว่างเป็นกำปั้น จากนั้นเขาจึงยกชูนิ้วกลางออกมา
เซียวอวี๋ยิ้มออกมาอย่างสง่างามขณะที่เขาส่งสารให้แคร์รี่อย่างชัดเจน
ใบหน้าของแครี่เปลี่ยนเป็นสีขาวและเต็มไปด้วยความโกรธ เขาขว้างแก้วไวน์ที่อยู่ในมือใส่พื้น
"ฆ่าพวกมันให้หมด!" แคร์รี่ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
แคร์รี่วางแผนที่จะใช้วาจากล่าวเยาะเย้ยเซียวอวี๋ แต่การกระทำของเซียวอวี๋กลับทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
"ข้าจะครอบครองเมืองนี้และเล่นสนุกกับบรรดาพี่สะใภ้ของเจ้าต่อหน้าเจ้า! ข้าจะทำให้พวกนางเป็นทาสและให้คนของข้าทั้งหมดย่ำยีพวกนาง!" แคร์รี่กระซิบอย่างโกรธแค้น
แคร์รี่นั้นไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้ ทว่าตระกูลของเขาก็ได้จัดเตรียมบันไดเมฆและเครื่องยิงหินมาเพื่อตีหักกำแพงเมือง
"จิ๊! เครื่องยิงหินพวกนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายมหาศาลแน่ๆ" เซียวอวี๋มองเห็นเหล่าทหารผลักดันเครื่องยิงหินที่มีความยาวกว่า 10 เมตรออกมา
เขาไม่มีการโจมตีที่จะทำลายเครื่องยิงหินขนาดยักษ์นั้นได้ นอกจากนั้นเขายังไม่มีผู้ใช้มนตราที่สามารถทำลายมันได้จากระยะไกล
เซียวอวี๋เคยคิดที่จะผลิตเครื่องทลายเมืองของออร์คและรถยิงศรยักษ์ของเอลฟ์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นจะต้องใช้ค่าคุณความดี 2000 แต้มและเงินอีก 50000 เหรียญเพื่อที่จะสามารถพัฒนาพวกมันขึ้นมา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียวอวี๋จึงโยนความคิดนั้นทิ้งไปทันที
การแสดงออกบนใบหน้าของหัวหน้าทหารฮุ่ยแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงเมื่อเขามองเห็นเครื่องยิงหิน เขาทราบดีว่ากำแพงของเมืองไลอ้อนนั้นไม่เพียงพอที่จะรับการโจมตีจากเครื่องยิงหินเหล่านั้น
การนองเลือดจะเริ่มขึ้นเมื่อกำแพงเมืองถูกตีแตกและกองทัพของแคร์รี่บุกเข้ามาภายใน เดิมทีหัวหน้าทหารฮุ่ยคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำให้กองทัพของแครี่ประหลาดใจด้วยเหล่าทหารรับจ้างชั้นยอด 400 นายที่เซียวอวี๋นำมา
ทว่าแผนการของเขาจะพังทลายไม่เป็นท่าเมื่อต้องพบกับเครื่องยิงหิน
ฮุ่ยหมินรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะหยุดการโจมตีจากกองทัพทหารถึง 5000 นายได้
ในขณะเดียวกันความสิ้นหวังเริ่มกัดกินหัวใจของเขา เหล่าทหารของเมืองไลอ้อนล้วนตัวสั่นขณะที่กำอาวุธแน่น
ในตอนนี้มีเพียงเซียวอวี๋ที่ยังคงรักษาการแสดงออกของเขาไว้ได้ ส่วนกรอมและทิรันด้านั้นไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักรบ! ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาไม่รู้จักความกลัว เซียวอวี๋รินไวน์ลงไปในแก้วอีกใบและยื่นส่งให้ฮุ่ยหมิน "ท่านหัวหน้าทหารฮุ่ย ลองดื่มดูสิ นี่เป็นไวน์ที่บิดาของข้าเก็บสะสมเอาไว้เชียวนะ คงน่าเสียดายไม่น้อยหากว่าไม่ได้ลิ้มลองมัน"
ฮุ่ยหมินค่อยๆถอนหายใจขณะที่เขารับแก้วไวน์เอาไว้และดื่มมันลงไป เขากล่าวว่า "วันนี้ที่นี่จะเป็นที่ตายของพวกเรา เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการฝังร่างของพวกเรา"
"ท่านลุงฮุ่ยเป็นอะไรไปงั้นรึ? เหตุใดท่านจึงสิ้นหวัง? เหตุใดถึงต้องกล่าวถึงหลุมฝังศพอะไรพวกนั้น? มองดูโลกที่ยอดเยี่ยมใบนี้สิ อากาศที่แสนสดชื่นนี่!" เซียวอวี๋หลับตาลงขณะกล่าวกับฮุ่ยหมิน
ฮุ่ยหมินกลายเป็นงุนงงเมื่อเห็นการแสดงออกของเซียวอวี๋ มีความเป็นไปได้เพียงสองประการ หากว่าหัวสมองของเซียวอวี๋ไม่ได้รับการกระทบกระเทือน เขาก็ต้องมีแผนการที่จะสามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เบื้องหน้านี้ได้
เซียวอวี๋กำลังคิดพึ่งพาสิ่งใด? ด้วยผู้คนเพียง 400 งั้นหรือ? มีหนทางใดกันที่คนเพียง 400 จะสามารถเอาชนะกองทัพ 5000 คนได้?
"ฆ่าพวกมันซะ!" ผู้บัญชาการของศัตรูตะโกนใส่ทหารนับไม่ถ้วนที่กำลังแบกบันไดเมฆวิ่งมาทางกำแพงเมือง พวกเขาเริ่มต้นที่จะพาดบันไดเข้ากับกำแพงของเมือง เสียงโห่ร้องจากผู้คนกว่า 5000 คนดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า
ทว่ามีเสียงเสียดแหลมดังขึ้นในวินาทีถัดมา เหล่าทหารของแคร์รี่ต่างเงยหน้าขึ้นมองฝนธนูที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า.....