ตอนที่แล้วGE427 ล่าสังหาร (4) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE429 ล่าสังหาร (6) [ฟรี]

GE428 ล่าสังหาร (5) [ฟรี]


หนิงฝานสนใจในตัวผู้ปกครองชั้น 22... ชายชราผู้นี้มีร่างกายที่ทรงพลัง ที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจเทียบเคียง

ทั่วร่างรายชราเปล่งแสงสีทองอร่าม ราวกับสลักขึ้นจากทองคำ บนร่างปรากฏรอยสักทั่วร่าง

แรงกดดันของชายชราทำให้ฉู่หนานเฟิงและคนอื่นๆ ถูกผลักให้ถอยห่างไปถึง 10 ก้าวโดยไม่อาจต้านทาน

“คนผู้นี้แข็งแกร่ง ขอบเขตกายทองคำที่ 2 ทรงพลังมาก กลิ่นอายปราณที่แผ่ออกมาก็สร้างแรงกดดันให้ไม่น้อย… ขอบเขตกายทองคำที่ 2 ไม่ได้ทำให้ร่างกายทรงพลังขึ้นอย่างเดียว ยังขัดเกลาโลหิตและปราณให้ทรงพลังยิ่งขึ้น” หนิงฝานกล่าวในใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวชายชรา

ชายชรายื่นมือไปเบื้องหน้า กำหมัดแน่นจนเสียงดัง *กรอบ*

“ได้ ข้าจะรับหมัดท่าน หากข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้าอยากได้โลหิตกายทองคำของท่านหนึ่งหยด!”

“โลหิตกายทองคำ? ย่อมได้! ถ้าเจ้ารอดจากหมัดข้า ข้าจะมอบให้”

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานไม่เกรงกลัวที่จะต่อสู้กับตน ชายชราจึงมองหนิงฝานด้วยสายตาที่ชื่นชม

ชายชรารู้ว่าร่างกายของหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกหยกขั้นสูงสุด อีกไม่นานจะบรรลุขอบเขตกายทองคำ แต่หากรวมกับกายปีศาจของเขา เขาจะแข็งแกร่งทัดเทียบขอบเขตกายทองคำที่ 1

การที่หนิงฝานขอโลหิตจากชายชรา ก็เพื่ออยากจะเข้าใจความแตกต่างของกายทองคำและกระดูกหยก

หากหนิงฝานแข็งแกร่งพอจนทำให้ชายชราพอใจ เหตุใดชายชราต้องปฏิเสธคำขอโลหิตแค่หยดเดียว

“รับหมัด!”

ชายชราก้าวเท้าไปเบื้องหน้า แรงกดดันเพิ่มพูนจนถึงจุดสูงสุด แววตาเฉียบคมดุจกระบี่ เหล่าดวงจิตอัสนีที่อยู่ใกล้เร่งถอยห่าง

ภูเขาโดยรอบเริ่มพังทะลายเพราะไม่อาจทนแรงกดดันของชายชราได้ สายน้ำถูกผลักดันกลับไม่อาจไหลเวียนได้ตามปกติ

ดวงตาชายชรากลายเป็นสีแดงฉาน ทั่วร่างเปล่งสีทองเจิดจ้าราวกับฉาบย้อมท้องนภาทั้งหมด หมัดเคลื่อนแหวกอากาศเสียงดังสนั่น ราวกับท้องนภาไม่อาจต้านทานอานุภาพ

เมฆที่ก่อตัวอยู่บนท้องนภาถูกแหวกด้วยอานุภาพของหมัด แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยแยกปรากฏทั่วทุกหนแห่ง

เมื่อหมัดเข้าใกล้ แววตาหนิงฝานเผยเจตนาต่อสู้ท่วมท้น เท้าก้าวเข้าหาโดยไร้ซึ่งความกลัว

หมัดนี้แข็งแกร่ง...แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเหลยฉียี่ได้

หมัดของชายชราทรงพลังจนแทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง

“เกราะอัสนี!”

อัสนีพาดผ่านทั่วร่างหนิงฝาน ก่อตัวเป็นเกราะสีทองคุ้มกาย ยกระดับพลังป้องกันไปจนถึงขั้นที่น่าสะพรึงกลัว

ด้วยเกราะอัสนีทองคำยามนี้ ทำให้หนิงฝานต้านรับการจู่โจมของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้ แต่หากจะให้ยกระดับถัดไป ยังต้องใช้ปฐมอัสนีอีกนับแสน

ดังนั้น การจู่โจมของชายชราที่อยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ย่อมไม่ระคายผิวหนิงฝานแม้แต่น้อย

หมัดที่ทรงพลังปะทะกับเกราะอัสนีของหนิงฝานดังสนั่น แรงลมที่เกิดจากผลกระทบของหมัดพัดพาไปด้านหลังหนิงฝานราวกับพายุโหม แต่เกราะอัสนีและหนิงฝานกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

ด้วยปฐมอัสนีจำนวนมหาศาลที่หนิงฝานได้ดูดซับ ทำให้การป้องกันของหนิงฝานบรรลุระดับที่น่าสะพรึงกลัว

เมื่ออานุภาพของหมัดสลายไปจนหมด หนิงฝานก็กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ข้ารับหมัดท่านได้ ท่านต้องทำตามสัญญา!”

ชายชราตกตะลึง ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่เห็นก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ทั้งหมดรู้ดีว่าเกราะของชายชราทรงพลังขนาดไหน หมัดนั่นรุนแรงพอที่จะสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ในพริบตา ทั้งยังเอาชนะขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้ แต่เกราะของอัสนีของหนิงฝานกลับรับหมัดชายชราได้อย่างหมดจด

พวกมันรู้ว่าเกราะอัสนีของหนิงฝานไม่ได้เกิดจากวิชา แต่เกิดจากดวงจิตที่เปล่งพลังอัสนีออกมาคุ้มกาย… ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจแล้วว่าหนิงฝานเอาปฐมอัสนีไปทำอะไร

ผู้ปกครองชั้น 22 นิ่งเงียบ เมื่อครู่มันชกหมัดออกไปเต็มแรง ชายชรารู้ว่าหมัดของตนเองทรงพลัง แต่ก็ยังทะลวงผ่านการป้องกันของหนิงฝานไม่ได้

การป้องกันระดับนี้ ต่อให้อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงก็ใช่ว่าจะทะลวงได้

“เจ้าไปชั้น 23 ได้!”

ชายชราหลับตา นำมีดสิ้นแทงแขนตัวเองเล็กน้อย แล้วนำโลหิตทองคำใส่ขวดหยก ยื่นให้หนิงฝานพร้อมกับสิ่งต่างๆที่ได้เตรียมไว้ให้

โลหิตทองคำที่หนิงฝานได้นั้นนับเป็นจำนวนเล็กน้อน เพราะด้วยระดับร่างกายของชายชราแล้ว สมควรมีโลหิตทองคำกว่า 500 หยด

หนิงฝานยอมรับในตัวชายชรา แม้ชายชราจะมีนิสัยเย่อหยิ่งถือดี แต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของตน

ปฐมอัสนีที่ได้มาหนิงฝานดูดซับจนหมด ส่วนโลหิตทองคำเขาเก็บเอาไว้ แล้วมุ่งสู่ชั้น 23 ด้วยข่ายอาคมเคลื่อนย้ายทันที

“สหายเต๋าซัว ข้าเดาว่าเกราะอัสนีของเจ้าทรงพลังขึ้นได้จากการดูดซับปฐมอัสนี ในเมื่อผู้ปกครองชั้น 22 ยังทำลายการป้องกันของเจ้าไม่ได้ ราชามังกรก็ไม่มีทางทำลายการป้องกันของเจ้าได้เช่นกัน ดูเหมือนเจ้าจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะเอาไว้แล้ว”

“มันก็เป็นแค่การป้องกัน… บางทีตัวข้าเองอาจทำอันตรายมันไม่ได้เช่นกัน ถึงเมื่อครู่ข้าจะต้านการจู่โจมของผู้ปกครองชั้น 22 ได้ แต่ก็ใช่ว่าข้าจะทำอันตรายเขาได้ ต่อให้ข้าใช้ปราณกระบี่กษัตริย์ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทะลวงการป้องกันของเขาไม่ได้ นั่นคือข้อจำกัดของข้า หากจะให้สังหาร อาจต้องใช้ 3 ดรรชนี...”

“3 ดรรชนีคืออะไร?” เหลยฉียี่กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไร… ชั้นนี้จะเป็นชั้นสุดท้าย ชั้นต่อไปจะถึงชั้นของราชามังกรแล้ว...”

หนิงฝานชงักฝีเท้า เบื้องหน้ามีกลุ่มดวงจิตอัสนีที่ทรงพลังขวางอยู่ เมื่อพวกมันเห็นหนิงฝาน พวกมันตะโกนลั่น

“พวกท่านหยุดก่อน! ท่านโม่เหลยมีคำสั่งว่า หากสหายเต๋าซัวหมิงอยากจะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ต้องตอบคำถามก่อน หากคำตอบของสหายเต๋าเป็นที่น่าพอใจ จึงจะให้ใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายได้!”

เบื้องหน้าคือกลุ่มของดวงจิตอัสนีในขอบเขตตัดวิญญาณ พวกมันมีอาวุธครบมือ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มของดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงขั้นต้นอีก 20 ตน ขั้นกลางอีก 1 ตนอยู่ด้วย

ผู้ที่กล่าวเมื่อครู่คือดวงจิตอัสนีในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง มันไม่ใช่ผู้ปกครองชั้น แต่เป็นแม่ทัพใหญ่ที่มีศักดิ์ฐานะรองจากผู้ปกครองชั้น

“ตอบคำถาม? หวังว่าพวกเจ้าคงไม่มีอะไรแอบแฝงหรอกนะ!” เหลยฉียี่ยิ้มพลางกล่าว

หนิงฝานยังคงสีหน้าเรียบเฉยพลางยกมือเป็นเชิงปรามเหลยฉียี่ไม่ให้ยั่วยุอีกฝ่าย

“พวกท่านมีคำถามอะไร?” หนิงฝานกล่าวถามแม่ทัพ

“พวกเจ้านำคำกล่าวของท่านโม่เหลยมา!” แม่ทัพเรียกตัวผู้ที่นำถ้อยคำของโม่เหลยมาหา

ยามนี้ พวกมันได้ตระเตรียมสิ่งที่หนิงฝานต้องการอย่างปฐมอัสนี หยกอัสนีเงิน และใบไผ่อัสนีทองคำดำเอาไว้ให้

ไม่นานนัก ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งตรงไปหาหนิงฝาน คุกเข่าและยื่นแผ่นไม้ที่มีข้อความของโม่เหลยให้

บนแผ่นไม้อีกอักษรสลักไว้เพียงตัวเดียว… นั่นคือ ‘อัสนี’

“นี่หน่ะเหรอคำถาม?” เหลยฉียี่ขดปาก แต่จู่ๆกลับขมวดคิ้วราวกับสังเกตุเห็นบางสิ่ง

“ข้าต้องขออภัยด้วย… ยามนี้ท่านโม่เหลยกำลังเก็บตัวฝึกฝน จึงได้ทิ้งอักษรตัวนี้เอาไว้ให้กับสหายเต๋าซัวหมิง” แม่ทัพกล่าว

“ไม่เป็นไร… ข้าเข้าใจในสิ่งที่เขาจะถาม”

แสงสีม่วงประกายผ่านดวงตาหนิงฝานเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเห็นบางสิ่งที่อยู่ในอักษรตัวนี้

อักษร ‘雷’ ที่โม่เหลยได้ทิ้งไว้ อัดแน่นไปด้วยเต๋าแห่งอัสนีของมัน

ลวดลายบนตัวอักษรดูไม่ชัดเจนราวกับปิดกั้นบางอย่าง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะมันยังอยู่เพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง จึงไม่ได้เข้าใจในอัสนีมากนัก

ดังนั้น ความนัยที่แฝงอยู่ในอักษรตัวนี้คือ ทำอย่างไรจะทะลวงจุดตีบตันเพื่อยกระดับไปยังขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้?

“น่าสนใจ!” หนิงฝานยกแผ่นไม้ขึ้นก่อนจะทำลายมัน

“นี่เจ้า!” แม่ทัพโกรธขึ้นทันที มันคิดว่าหนิงฝานเย่อหยิ่งจองหอง

โม่เหลยอุตส่าห์ตระเตรียมสิ่งต่างๆให้ ทั้งยังเปิดทางให้ไปชั้น 24 แต่หนิงฝานกลับเลือกที่จะหยามหน้าโดยการทำลายแผ่นคำถาม แบบนี้นับว่าไม่ไว้หน้ากันเป็นอย่างมาก ดังนั้นต่อให้แม่ทัพจะรู้ว่าหนิงฝานทรงพลัง แต่มันไม่ยอมก้มหัวให้

แต่แล้วกลับมีเสียงถอนหายใจดังมาแต่ไกล พร้อมกับคำกล่าวที่ดังสนั่นราวกับอัสนีฟาดผ่า

“ใจเย็นๆก่อน… สหายน้อยตอบคำถามข้าแล้ว ข้าพอใจในคำตอบมาก...”

ผู้ที่กล่าวคือโม่เหลย ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของชายชราผู้หนึ่งที่ดูทรงพลังก็ปรากฏตัว

“ความเข้าใจในเต๋าของเจ้าสูงส่งยากจะหาคนเทียบเคียง… อนาคตของเจ้าย่อมไร้ขอบเขต!” ชายชราป้องมือให้หนิงฝาน

“การที่ได้ช่วยท่านนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับข้า” หนิงฝานป้องมือกล่าวตอบ การกระทำของทั้งสองทำให้เหล่าดวงจิตอัสนีสงสัย

“เหตุใดเขาทำลายแผ่นไม้ของท่าน ท่านถึงไม่โกรธ? ซ้ำยังขอบคุณเขาอีก… แล้วเขาตอบอะไรท่าน”

แม่ทัพกล่าวถามด้วยความสงสัย ในหมู่พวกมัน ดูเหมือนจะมีเพียงเหลยฉียี่ที่พอจะเข้าใจ

ชายชรารู้ว่าสิ่งที่โม่เหลยถามนั้น คือทำอย่างให้บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขึ้นสูงด้วยเต๋าแห่งอัสนี

แต่สิ่งที่ชายชราไม่เข้าใจ คือการที่หนิงฝานทำลายแผ่นไม้ มีความนัยใดแอบแฝง?

ดูเหมือนยามนี้ จะมีเพียงหนิงฝานและโม่เหลยเท่านั้นที่รู้

โม่เหลยไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใด มันเพียงนำหนิงฝานและคนอื่นๆไปยังข่ายอาคมเคลื่อนย้าย และคารวะส่งด้วยความนับถือ

เมื่อหนิงฝานเข้าไปในข่ายอาคม เขากลับยิ้มอย่างมีนัยและกล่าวในใจ

“ช่างน่าสนใจ ดูท่าข้าคงจะมีผู้ช่วยมาเพิ่มอีก...”

ในขณะเดียวกันหลังจากหนิงฝานจากไป แม่ทัพก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัย

“ท่านโม่เหลย ข้าขอถามได้หรือเปล่าว่าท่านถามอะไรสหายเต๋าซัวหมิง? แล้วเขาตอบท่านว่ายังไง?”

“ข้าถามเขาว่าจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงยังไง” ชายชรากล่าวตอบ

“หา? ท่านอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางจนเกือบจะทะลวงขั้นสูงอยู่แล้ว ทำไมท่านต้องถามคำถามนี้กับผู้เยาว์ที่อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ?”

“ถึงระดับพลังของเด็กนั่นจะอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่ความเข้าใจในพลังมิติของเขาอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางแล้ว… แต่เรื่องที่ข้าสนใจไม่ใช่เรื่องนั้น ข้าสนใจความเข้าใจในเต๋าของเขา สำหรับข้าการจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงเป็นสิ่งที่ยากลำบากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะข้าไม่อาจทำความเข้าใจในอัสนีได้มากพอ เมื่อข้าได้ยินว่าเขาเป็นผู้สืบทอดวิชาของจักรพรรดิอัสนีไท่ซู ข้าจึงคิดว่าเขาอาจช่วยข้าได้ และคำตอบของเขาก็ช่วยข้าได้จริงๆ!”

“แล้วที่เขาทำลายแผ่นไม้ มีความหมายว่ายังไง?”

“การทำลายแผ่นไม้คือคำตอบที่ดีที่สุด… อักษรอัสนีที่ข้าเขียนลงไปนั้น เขียนมาจากเต๋าแห่งอัสนีของข้าทั้งหมด… สิ่งที่ข้าลืมเลือนไป คือข้าเป็นเพียงดวงจิตอัสนี ไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่ภายใต้เต๋าแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ นั่นคือกฏแห่งสวรรค์ที่ข้าไม่อาจขัดขืน ข้อนั้นจึงทำให้ข้าพบเจอกับจุดตีบตัน… การที่เขาทำลายแผ่นไม้แสดงให้ข้าเห็นว่า ข้าไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกฏแห่งสวรรค์!”

“นั่น...” แม่ทัพเข้าใจในความหมายในที มันคาดไม่ถึงว่าการทำลายแผ่นไม้ จะแฝงด้วยความนัยมากมายขนาดนี้

“คำตอบของเขาคือ หากสิ่งใดที่กีดขวางให้ทำลาย ต่อให้เป็นสวรรค์ที่ขัดขวางก็ทำลายมันให้สิ้น! ตัวข้าที่ฝึกฝนมาหมื่นปี ยึดติดกับเต๋าแห่งสวรรค์มาโดยตลอด จึงไม่เคยมีความคิดแบบนั้นมาก่อน… ดังนั้น คำตอบของเขาจึงทำให้ข้ารู้สึกราวกับว่า อีกไม่นานข้าก็จะทะลวงขอบเขตได้!”

แรงกดดันของโม่เหลยเพิ่มพูนอย่างช้าๆ ยามนี้ ชายชราหันหาคนของตนพลางกล่าว “พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะร่วมรบกับสหายเต๋าซัวหมิง” คำกล่าวของโม่เหลยทำให้คนของมันตกตะลึง

“ท่านจะช่วยซัวหมิงจัดการกับราชามังกรเหรอ?” แม่ทัพล่าวด้วยความตกตะลึง

“ใช่… เขาช่วยให้ข้าทะลวงระดับ ข้าจึงต้องตอบแทน”

“แต่ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย...”

“หากข้าไปช่วยเขา ข้าจะมีศักดิ์ฐานะเทียบเคียงเหลยฉียี่… ต่อให้เป็นเพียงผู้ติดตามก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว เจ้าเองก็สมควรคิดเช่นนั้น”

แต่ทันที่กล่าวจบ แววตาของโม่เหลยกลับแปรเปลี่ยนเย็นชา หันมองไปยังสถานที่ที่อยู่ไม่ไกล บริเวณนั้นมีผู้ที่แฝงตัวอยู่ในมิติ

บุรุษร่างกายกำยำผู้หนึ่งปรากฏตัวแล้วยิ้มพลางกล่าว

“ฮ่าฮ่า คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมองการอำพรางของข้าออก”

“คนที่มองออกไม่ใช่ข้าแค่คนเดียวหรอก… ซัวหมิงเองก็มองออก ก่อจเขาจะไปเขาเป็นคนบอกข้าว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่” โม่เหลยถอนหายใจ มันประทับใจตัวหนิงฝานมาก เขามีอายุกระดูกเพียง 500 ปี แต่เต๋าของเขากลับสูงส่ง

“ข้าจะไปช่วยเด็กนั่นเพื่อตอบแทนบุญคุณ แล้วเจ้าหล่ะ! เจ้าจะขวางข้าเหรอ!” โม่เหลยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ขวาง? ฮ่าฮ่า ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก ยังไงซะข้าก็เอาชนะเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็เอาชนะข้าไม่ได้เหมือนกัน! ที่ข้ามาก็เพราะอยากจะช่วยเด็กนั่น ฮ่าฮ่า ข้าไปก่อนก็แล้วกัน!”

ชายชราผู้นั้นคือผู้ปกครองชั้น 22 มันมาก็เพราะอยากช่วยหนิงฝาน ดังนั้นจึงมุ่งผ่านข่านอาคมเคลื่อนย้ายไปในทันที

โม่เหลยประหลาดใจพลางส่ายหน้า ก่อนจะนำคนของตนเข้าไปยังข่ายอาคมเคลื่อนย้าย

ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปี โม่เหลยก็ยังไม่เคยเข้าใจในตัวผู้ปกครองชั้น 22 ทั้งสองเป็นเหมือนคู่แข่งกันมาโดยตลอด

โม่เหลยมั่นใจว่า หนิงฝานจะไม่แพ้ให้กับตนเอง ผู้ปกครองชั้น 22 หรือกระทั่งราชามังกร

“ดูท่าตอนนี้ราชามังกรคงจะนั่งไม่ติดที่...” โม่เหลยกล่าว

ภายในวังอัสนีแห่งชั้น 24… เมื่อราชามังกรได้ฟังรายงาน มันบันดาลโทสะ คำรามลั่นจนสั่นสะเทือนไปทั่วท้องนภา

“เป็นไปไม่ได้! แค่ไม่นานเด็กนั่นขึ้นมาถึงชั้น 24 ได้ยังไง! เป็นไปไม่ได้!”

ทันทีที่ราชามังกรกล่าวจบ กระบี่บินเล่มหนึ่งก็ลอยมาพร้อมกับข้อความ

“ท่านราชามังกรช่วยเราด้วย ประตูวารีอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง พวกเราถูกล้อมจนแทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว...”

“ท่านราชามังกรช่วยเราด้วย หมู่บ้านเมฆาทองคำต้านไม่อยู่แล้ว...”

กระบี่บินส่งข่าวลอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ข่าวเหล่านั้นล้วนเป็นข่าวร้ายทั้งสิ้น

ราชามังกรโกรธแค้นอย่างที่สุด โดยทั่วไปแล้วมันจะเป็นผู้ไล่ล่าคนอื่น แต่ยามนี้มันกลับถูกศัตรูบุกถึงถิ่น สังหารคนของมันไปมากมาย

“ดี! ในเมื่อมันมาหาข้าถึงที่นี่ ข้าจะเป็นคนไปสังหารมันเอง!”

ราชามังกรแปลงร่างเป็นมังกรเหลือง ปีกคู่ยักษ์พัดกระพือส่งร่างมุ่งอกไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทันทีที่มันเคลื่อนไหว กระบี่บินสีดำเล่มหนึ่งกลับลอยมา เพียงแต่เสียงของผู้ที่กล่าวนั้น ไม่ใช่คนของมัน แต่เป็นเสียงของหนิงฝาน

“ชี่หลงสื่อ… วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!”

“อย่าทำเป็นอวดดี!”

ราชามังกรเร่งความเร็วสูงสุด ยิ่งมุ่งเข้าใกล้หนิงฝาน เสียงการต่อสู้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ไกลออกไปปรากฏเงาร่างของหนิงฝานที่กำลังตรงเข้ามาหามัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด