AtW ตอนที่ 30 ไซมอนแห่งเผ่าโวร์แกน
AtW ตอนที่ 30 ไซมอนแห่งเผ่าโวร์แกน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
ไม่ไกลจากที่วางกับดักหมียักษ์ อาเบลพบคราบเลือดบนพื้นดินมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อาเบลกำลังเดินตามรอยเลือดไป ทันใดนั้นอาเบลก็พบกับคราบเลือดอีกจุดหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมไม่มากนัก
อาเบลเดินตามรอยบเลือดไปอย่างไม่ลดละ ถ้าดูจากลักษณะเหยื่อที่ติดกับแล้วดูเหมือนว่าเหยื่อตัวนี้จะบาดเจ็บไม่มากนัก เท่าที่อาเบลประเมินแล้วเหยื่อตัวนี้คงบาดเจ็บที่ขาเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะสามารถที่จะเดินต่อไปได้ ถ้าหากเหยื่อที่ติดกับดักตัวนี้เดินต่อไปแผลที่ขาของมันเองก็จะเปิดและแน่นอนว่ามันจะต้องตายในที่สุดเนื่องจากการเสียเลือดนั่นเอง
สัญชาตญาณในการล่าสัตว์ของอาเบลและประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่ามาในชีวิตก่อนหน้านี้สอนให้อาเบลรู้ว่าเหยื่อที่บาดเจ็บนั้นจะพยายามค้นหาสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อตัวมันเองจะได้พักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเหยื่อตัวนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
หลังจากที่ตามรอยเลือดไปกว่าสิบนาที อาเบลก็ได้เห็นแสงไฟอะไรบางอย่างอยู่ด้านหน้าเขา อาเบลรู้สึกสับสนทันที ตอนนี้ทุกอย่างแปลกไปเป็นอย่างมาก มนุษย์ไม่มีทางอยู่รอดในสถานที่แบบนี้ได้
ขณะที่อาเบลเดินไปใกล้กับแสงสว่างเรื่อยๆ อาเบลก็ได้เข้าใกล้กับสิ่งมีชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บจากกับดักของอาเบล สิ่งมีชีวิตตัวนี้เป็นสัตว์ที่มีหัวคล้ายกับหมาป่า มันมีฟันเขี้ยวยาวคู่หนึ่งโผล่พ้นออกมาจากปาก ร่างกายส่วนร่างของมันนั้นเหมือนมนุษย์เป็นอย่างมาก แต่สิ่งมีชีวิตตัวนี้มีความสูงกว่า 2 เมตรด้วยกัน
ถัดจากสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายหมาป่ามีหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์นอนพักผ่อนอยู่ข้างมันนั่นเอง ท้องของหมาป่าตัวนั้นใหญ่ผิดปกติราวกับว่าหมาป่าตัวนี้กำลังตั้งท้องยังไงยังงั้น
อาเบลแน่ใจแล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาเห็นในตอนนี้จะต้องเป็นวูฟไรเดอร์แน่นอน วูฟไรเดอร์พวกนี้คงเป็นกลุ่มทหารของอาณาจักรออร์คที่บุกโจมตีหมู่บ้านระหว่างทางไปกลับเมืองฮาเวสและปราสาทแฮรี่นั่นเอง
...
นี้คงเป็นอีกครั้งที่ไซมอนไม่ได้โชคดี... ในตอนที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าเพื่อหลบหนีจากมนุษย์ ทุกวันไซมอนได้ออกล่าอาหารในป่าแห่งนี้ด้วยตัวเองเพื่อเลี้ยงตัวเองและหมาป่าที่มากับเขา
วันหนึ่งไซมอนได้ออกไปล่าสัตว์เหมือนกับทุกๆ วันที่ผ่านมา ไซมอนนนั้นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในป่าแห่งนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวในตอนที่ออกล่าสัตว์นั่นเอง การล่าสัตว์เป็นเหมือนกับกิจวัตรประจำวันที่คุ้นเคยของไซมอนไปแล้ว
ในระหว่างการล่าสัตว์ของไซมอน ตัวไซมอนเองได้ไปล่าสัตว์ตามเส้นทางที่เขานั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไซมอนได้ใช้เส้นทางนี้ในการล่าสัตว์มาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งไซมอนก็พบว่ามันปลอดภัยนั่นเอง แต่วันนี้ไม่เหมือนกับวันก่อนๆ ไซมอนได้เหยียบอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดเข้า มันดูเหมือนฟันของช้างที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เมื่อไซมอนเหยียบไปสิ่งที่ดูคล้ายกับฟันช้างก็ได้กัดขาไซมอนในทันที ทันทีที่ไซมอนถูกกับดักงับเข้า ไซมอนได้แต่ต้องร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน... ไซมอนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่มันต้องถูกทำโดยมนุษย์แน่นอน
หลังจากที่เจ็บปวดได้ไม่นานไซมอนก็ได้รู้ว่าขาของเขานั้นไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรขนาดนั้น มีเพียงแค่เนื้อตรงขาเท่านั้นที่บาดเจ็บ กระดูกขาของไซมอนนั้นยังไม่หักไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกับดักที่อาเบลสร้างนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย มันสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่ไซมอนทำคือการรวบรวมพลังทั้งหมดของเขาไว้ที่แขนก่อนที่จะง้างกับดักออกด้วยมือเปล่าๆ
ถึงแม้ว่าไซมอนจะยังคงเดินต่อไปได้แต่ขาของเขาเองก็ต้องได้รับการรักษา ยาทั้งหมดที่ไซมอนพอจะหาได้นั้นถูกทิ้งเอาไว้ในค่ายทหารที่ไซมอนนั้นได้จากมา ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำได้ในตอนนี้คือการเดินกะเผลกไปอย่างช้าๆ เพื่อกลับไปที่ค่าย
ในตอนที่ไซมอนได้รับบาดเจ็บเขาก็สังเกตการณ์โดยรอบในทันที ดูเหมือนว่าโดยรอบนั้นจะมีร่องรอยของมนุษย์อยู่เต็มไปหมดและแน่นอนว่าตอนนี้ไซมอนไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดูเหมือนว่าไซมอนจะต้องย้ายไปหากินในพื้นที่อื่นแล้ว ด้วยหมาป่าที่เป็นเหมือนกับคู่หูของไซมอนอย่างลมทมิฬในตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่ และดูเหมือนว่าเธอเองกำลังจะคลอดลูกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ดังนั้นแล้วทางออกที่ดีที่สุดคือการย้ายออกจากป่าแห่งนี้ในวันพรุ่งนี้นั่นเอง สำหรับไซมอนตอนนี้เขาและภรรยานั้นสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมแล้ว การตั้งท้องของหมาป่าจะทำให้พวกมันสูญเสียความเร็วในการเคลื่อนที่ไปนั่นเอง
ในตอนที่ไซมอนกำลังนั่งอยู่เขาก็ได้กลิ่นของอะไรที่แปลกออกไปในอากาศ มันเป็นกลิ่นของมนุษย์นั่นเอง ไซมอนลุกขึ้นมาอย่างดุร้ายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลก่อนที่จะมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังเพื่อที่จะหาต้นตอของกลิ่นที่แปลกนี้
...
อาเบลเองที่ยืนสังเกตอยู่ก็เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้นเมื่อไซมอนนั้นยืนขึ้น ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนี้จะสัมผัสได้ถึงการมาถึงของอาเบลได้จากระยะไกลแล้ว
ไซมอนที่ได้กลิ่นเองรู้ได้ทันทีว่ากลิ่นที่เขากำลังดมอยู่นั้นเป็นของมนุษย์ที่ได้วางกับดักจับเขานั่นเอง โดยส่วนมากแล้วมนุษย์จะมีพละกำลังที่อ่อนแอกว่าพวกออร์ค ดังนั้นแล้วพวกมนุษย์จึงยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะทำร้ายพวกออร์คให้ได้นั่นเอง
เมื่ออาเบลรู้ตัวว่ามนุษย์หมาป่าตัวนี้รู้ตัวแล้วมันก็ได้พุ่งเข้าใส่อาเบลอย่างรวดเร็วแล้ว ในตอนนี้อาเบลกำลังเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ดูเหมือนว่ามนุษย์หมาป่าตัวนี้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จากที่อาเบลประเมินคร่าวๆ แล้วมนุษย์หมาป่าตัวนี้คงมีความสามารถในการต่อสู้พอๆ กับอัศวินฝึกหัดระดับ 6 อย่างแน่นอน
ในตอนนี้อาเบลเป็นเพียงแค่อัศวินฝึกหัดระดับ 5 เท่านั้น อาเบลขาดแค่ระดับเดียวเท่านั้นเขาก็จะเป็นอัศวินฝึกหัดระดับ 6 ได้ พลังการต่อสู้ที่ถูกวัดจากระดับอัศวินในระดับ 1-5 โดยระดับของอัศวินที่เก่งที่สุดนั้นคือระดับ 5 นั่นเอง อย่างไรก็ตามการต่อสู้โดยส่วนใหญ่นั้นจะต้องพึ่งพาพลังลมปราณและเมอริเดียนอยู่เสมอ การต่อสู้ที่ใช้พลังลมปราณมากจนเกินไปจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะฟื้นฟูพลังลมปราณทั้งหมดได้
พลังลมปราณเป็นเหมือนกับพลังที่ใช้ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ ถ้าหากคนปกติสามารถใช้พลังได้มากถึง 500 ปอนด์ แต่ถ้าคนคนนั้นใช้พลังลมปราณไปด้วยคนคนนั้นจะสามาถใช้พลังได้เกินกว่า 1000 ปอนด์ แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระดับ 6 แล้วพวกเขาสามารถใช้พลังลมปราณในการเพิ่มพลังต่อสู้ได้หลายครั้ง ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงแข็งแกร่งมากนั่นเอง แต่สำหรับระดับ 5 นั้นสามารถใช้พลังลมปราณเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ดังนั้นแล้วความแตกต่างระหว่างระดับ 5 กับระดับ 6 นั้นจึงมีมากเกินไป ช่องว่างของความแข็งแกร่งนี้ไม่ว่าจะใช้อาวุธแบบไหนหรืออุปกรณ์แบบใดก็ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างได้เลย
ถ้าหากอาเบลใช้ดาบเวทย์สู้กับไซมอน ผลลัพธ์คงจะมีเพียงอย่างเดียวนั้นคือไซมอนนั้นจะโดนชะลอความเร็วจากเวทย์น้ำแข็งนั่นเอง
เมื่ออาเบลคิดถึงความเป็นไปได้อะไรหลายๆ อย่างอาเบลก็เริ่มมีความคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว อาเบลไม่ต้องการที่จะสู้กับโวร์แกน โวร์แกนตัวนี้เองได้รับบาดเจ็บที่ขาดังนั้นแล้วอาเบลจึงตัดสินใจที่จะหนีแทน
เมื่อไซมอนมองเห็นอาเบลอย่างชัดเจนแล้ว ชายที่เป็นมนุษย์คนนั้นกลับที่จะเลือกวิ่งหนีไปแทนที่จะต่อสู้ ไซมอนได้แค่คิดในใจว่า "ช่างเป็นมนุษย์ที่ขี้ขลาดโดยแท้"
ไซมอนไม่รอช้าเริ่มวิ่งไล่ตามอาเบลไป
ในตอนแรกอาเบลคิดว่าขาของโวร์แกนตัวนี้ได้รับบาดเจ็บ อาเบลคิดว่าตัวเขาเองจะต้องวิ่งได้เร็วกว่าโวร์แกนตัวนี้แน่นอน แต่ดูเหมือนว่าอาเบลจะคิดผิดไป โวร์แกนเป็นเหมือนนักล่าที่สามารถสิ่งได้รวดเร็วที่สุดในทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว นับตั้งแต่ที่ไซมอนเริ่มวิ่งไล่ตามอาเบลมันก็ได้เข้าใกล้อาเบลมากขึ้นเรื่อยๆ
อาเบลกะประมาณระยะทางระหว่างเขากับโวร์แกนตัวนี้ ถ้าหากอาเบลใช้ดาบระเบิดและรออีกสามวินั้นจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับโวร์แกนตัวนี้ได้อย่างแน่นอน แต่อาเบลก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถฆ่าโวร์แกนตัวนี้ได้ไหม บริเวณโดยรอบเองก็เป็นป่า ดังนั้นแล้วโวร์แกนตัวนี้สามารถหลบแรงระเบิดหลังต้นไม้ที่มีอยู่ทั่วไปในป่าได้
การใช้ดาบเป็นระเบิดนั้นเป็นเพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น การโจมตีในครั้งนี้เป็นการโจมตีครั้งเดียวที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดแล้ว ถ้าหากอาเบลโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จโอกาที่จะโจมตีครั้งที่สองสำเร็จนั้นก็จะมีน้อยลง โวร์แคนตัวนี้จะต้องระวังตัวขึ้นอย่างแน่นอน
อาเบลหยิบหน้าไม้ก่อนที่จะรีโหลดลูกธนูทันที อาเบลหันกลับไปมองที่หัวของโวร์แกนที่กำลังไล่ตามเขาอยู่ โวร์แกนเป็นสัตว์ที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วไม่เหมือนกับมนุษย์ พวกโวร์แกนสามารถหลบลูกธนูได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่โวร์แกนจะเข้ามาใกล้อาเบลมากกว่านี้อาเบลตัดสินใจที่จะรีโหลดหน้าไม้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะยิงลูกธนูออกไป ลูกธนูที่อาเบลได้ยิงออกไปพุ่งใส่โวร์แกนอย่างรวดเร็ว โวร์แกนใช้มือของมันที่เป็นเหมื่อนกับอุ้งเท้าของสัตว์ปัดลูกธนูที่ยิงออกมาโดยอาเบลกลางอากาศโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ลูกธนูของอาเบลได้กลายเป็นกองขยะบนพื้นในทันที ในตอนนี้ระยะห่างระหว่างอาเบลกับโวร์แกนได้น้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ อาเบลไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไปแล้ว อาเบลตัดสินใจที่จะใช้หน้าไม้ที่ทำโดยคนแคระอันนี้โจมตีอีกครั้ง แต่การโจมตีของอาเบลก็ยังคงเปล่าประโยชน์เช่นเดิม
อาเบลไม่เหลืออาวุธที่จะใช้โจมตีในระยะไกลอีกแล้ว อาเบลตัดสินใจที่จะเปลี่ยนทิศทางในการหนี อาเบลตั้งใจที่จะใช้ระยะห่างและต้นไม้เพื่อตีตัวออกห่างจากโวร์แกนตัวนี้
ในระหว่างที่อาเบลวิ่งหนีอยู่เขาก็เหลือบไปมองสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยบนต้นไม้ อาเบลรู้ได้ทันทีว่าตรงสัญลักษณ์นั้นมีกับดักที่เขาวางไว้อยู่
ไซมอนเองที่กำลังไล่ล่าอาเบลอยู่ก็เริ่มที่จะบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ สายเลือดของเผ่าพันธ์ออร์คเองกำลังเดือดพล่านอยู่ภายในตัวเขา ไซมอนส่งเสียงกู่ร้องดังมากยิ่งขึ้นและกล้ามเนื้อของเขาเองก็เกร็งมากขึ้นเช่นเดียวกัน ตอนนี้ไซมอนได้ตัวใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จากความสูง 2 เมตรเดิมนั้นกลายเป็น 2 เมตรครึ่งแล้ว
ความเร็วของไซมอนเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อาเบลรู้ได้ทันทีว่าโวร์แกนตัวนี้กำลังหายใจไล่หลังเขาแล้ว แต่เมื่ออาเบลหันกลับมาเขาก็พบว่าตอนนี้ตัวเขาได้อยู่ตรงจุดที่วางกับดักแล้ว อาเบลพุ่งไปข้างหน้าตรงทีที่เขาวางกับดักเอาไว้ ในตอนที่อาเบลพุ่งตัวไปนั่นเองเขาก็สามารถหลบกรงเล็มอันแหลมคมของโวร์แกนตัวนี้ได้ ในตอนที่โวร์แกนได้ใช้กรงเล็บโจมตีอาเบลตัวมันเองก็ได้เหยียบกับดักของอาเบลเข้า
โวร์แกนได้ส่งเสียงร้องออกมาทันที ขาของไซมอนถูกกับดักที่อาเบลวางไว้จับอีกครั้ง ไซมอนพยายามที่จะวิ่งหนีแต่ว่าโซ่ที่ล่ามกับกับดักอันนี้ก็ได้ถูกผูกเอาไว้กับต้นไม้ตนใหญ่ ไซมอนที่ออกตัววิ่งอย่างสุดแรงนั้นจึงถูกกับดักที่อาเบลว่างไว้ตรึงร่างของตัวเขาให้อยู่กับพื้นดิน
อาเบลที่กำลังเห็นโวร์แกนล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นไม่รอช้าดึงดาบระเบิดออกมาจากฮอร์ราดริกคิวบ์ ก่อนที่ดาบจะเรืองแสงออกมาอาเบลก็ได้ขว้างดาบไปบนพื้นดินก่อนที่จะหยิบโล่ห์ขึ้นมาป้องกันระเบิดในทันที
ไซมอนที่กำลังนอนอยู่ได้เห็นดาบที่กำลังเรืองแสงพุ่งเข้าใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ไซมอนได้แต่ประหลาดใจเพราะเขานั้นไม่เคยเห็นการโจมตีแบบนี้มาก่อน แต่สัญชาตญาณของไซมอนก็ได้บอกกับตัวเขาไว้ว่าสิ่งสิ่งนี้นั้นอันตรายเกินไป
ในตอนที่ดาบที่เต็มไปด้วยแสงสว่างนั้นเข้าใกล้กับไซมอนยมันก็ได้ระเบิดทันที ในตอนที่ดาบระเบิดนั้นอาเบลก็ได้หยิบโล่ห์ออกมาป้องกันตัวเองแล้ว เมื่อทุกอย่างเงียบสงบอีกครั้งอาเบลก็ได้ยืนขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้อาเบลเห็นโวร์แกนที่ติดกับดักกำลังเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของโวร์แกนตัวนี้เต็มไปด้วยเลือด มีเลือดไหลท่วมออกมาจากดวงตาของโวร์แกนตัวนี้ เศษดาบชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ระเบิดออกมาได้ติดอยู่ตามตัวและหัวของโวร์แกนอีกด้วย
อาเบลเดินเข้ามาใกล้โวร์แกนตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากความสูงของมันที่เพิ่มมากขึ้นถึง 2 เมตรครึ่งกลับเหลือเพียง 2 เมตรเท่าเดิมแล้ว โวร์แกนตัวนี้ได้ตายแล้วนั่นเอง ดังนั้นแล้วร่างกายของมันจึงกลับมาเป็นดังเดิมเหมือนกับก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าที่ทำมาจากขนสัตว์ของไซมอนได้ขาดจนหลุดลุ่ยจนดูไม่ได้ เสื้อผ้าที่ขาดเองทำให้เห็นอะไรบางอย่างโผล่ออกมา
อาเบลได้เห็นแล้วว่าอะไรที่ยื่นออกมา มันคือกระดาษที่ทำมาจากหนังแกะนั่นเอง บนกระดาษมีข้อความบางอย่างของพวกออร์คเขียนเอาไว้ โดยที่หนังแกะพวกนี้มีแผนที่และตราอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าตราอะไรบางอย่างที่ว่านี้จะถูกแกะสลักเป็นรูปหน้าสิงโตที่มีเขายาวโค้งงอ สิงโตนี้เองดูเหมือนกับว่ามันมีกล้ามเนื้อที่พัฒนามาอย่างดีพร้อมกับกรงเล็บที่ดูแหลมคม ถ้าหากจะมองไปที่ส่วนท้ายของตรานี้แล้วจะเห็นว่าสิงโตในตรานั้นกำลังสวมใส่รงเท้าคู่หนึ่งอยู่ สิงโตตัวนี้เป็นเหมือนกับเทพเจ้าของเผ่าพันธ์ออร์ค เมื่ออาเบลได้ตรวจสอบตรานี้อย่างละเอียดทำให้อาเบลพบดาวอยู่ที่ด้านล่างสุดของตรา
หากมีออร์คอยู่แถวนี้พวกมันจะต้องรู้แน่ว่าสัญลักษณ์ที่เป็นตรานี้มันสำคัญอะไร และนอกจากตราสัญลักษณ์ยังมีการ์ดทักษะความสามารถของเผ่าออร์คอยู่ แต่อาเบลไม่สามารถอ่านการ์ดทักษะนี้ได้ การ์ดทักษะความสามารถเต็มไปด้วยผนึกที่เปี่ยมไปด้วยพลัง โดยส่วนมากแล้วออร์คส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะอ่านเขียนได้ ดังนั้นแล้วเทพของพวกออร์คเองจึงได้คิดค้นประดิษฐ์การ์ดทักษะความสามารถนี้ให้กับพวกออร์คได้ใช้แทน ออร์คทั้งหลายสามารถที่จะเรียนรู้สกิลต่างๆ จากการ์ดทักษะนี้ได้
ตราสัญลักษณ์ที่อาเบลเจอมีดาวที่แปลกประหลาดอยู่ด้วย 1 ดวง นี่เป็นเหมือนกับโอกาสที่จะทำให้อาเบลได้เรียนรู้ถึงความสามารถพิเศษของพวกออร์ค แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมไซมอนถึงมีตราสัญลักษณ์พิเศษของพวกออร์ค แต่ถ้าดูจากสัญลักษณ์แล้วโวร์แกนตัวนี้จะต้องเป็นออร์คที่มีความพิเศษมากกว่าตัวอื่นแน่นอน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย