บทที่ 228 - โอเวอร์ลอร์ด (8) [04-08-2020]
บทที่ 228 - โอเวอร์ลอร์ด (8)
”
ยิ่งเราเข้าใกล้ภูเขาไฟอุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้นและพื้นดินก็เริ่มละลายลงจากอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ มีเพียงแค่ไอน่า ฮวาหยา และฉันเท่านั้นที่ไม่เป็นไร เยอึนดูเหมือนจะแทบจะยื้อไว้ไม่ไหวด้วยกำลังใจและเดซี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย
"ร้อน... ถอดเสื้อ..."
"อย่านะเดซี่ เธอจะทำร้ายดวงตาฉัน"
"คังชินเจ้าคนหยาบคาย ร่างกายของฉันสวยดี"
ไม่ฉันหมายความว่าฮวาหยาจะจิ้มตาฉันแน่ๆ... แต่หากฉันพูดออกไปฮวาหยาได้จิ้มตาฉันก่อนแน่นอน ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะเงียบ ฮวาหยาได้พูดออกมาแทนฉัน
"เดซี่เหตุผลที่ฉันชอบเธอคือเธอไม่ได้คุกคามพวกเราในเรื่องของชิน อย่าได้พยายามทำให้เราเป็นศัตรูกัน"
"...? ฉันไม่มั่นใจว่าเธอหมายถึงอะไร"
"เยี่ยม"
ทันใดนั้นรอบๆเราก็ได้ร้อนยิ่งขึ้น ควันไฟได้ลอยออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
[ฮีโร่ นั่นแหละมัน ราชาอยู่ด้านในปล่องภูเขาไฟ]
"เข้าใจแล้ว มันถึงเวลาแล้ว มันเป็นเรื่องดีที่จะคลายความตรึงเครียด แต่ว่าการล้อเล่นกันมันควรพอได้แล้ว"
"ชิน ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ที่สำคักว่านั้นเจ้านั่นคือสิ่งที่เรียกว่าราชาลาวาสินะ"
"เอาล่ะ ฉันขอโทษนะ แต่ว่าการที่พวกเรามีชีวิตรอดมันสำคัญกับฉันมาก"
"อะ อื้อ...เข้าใจแล้ว"
ฮวาหยาได้หน้าแดงและหันหน้าหนีไป ฉันอาจจะดูใจร้ายไปนิด แต่ว่าฉันไม่ได้เสียใจ
พวกเราได้เข้าใกล้ปล่องภูเขาไฟแล้ว มานาได้ทำให้บรรยากาศรอบๆสั่นสะเทือนรวมไปถึงพื้นดินและสร้างแรงกดดันอย่างมากกับเรา ฉันได้แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก แม้ว่าฉันจะรู้ว่าชีวิตของฉันกำลังจะเสี่ยง แต่ว่าหัวใจของฉันได้เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นอยากต่อสู้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความต้องการนี้ได้ครอบงำความกลัวของฉัน แม้แต่ฉันยังคิดว่ามันเป็นนิสัยที่เสีย
"ฟู่...."
ฉันได้สูดหายใจช้าๆและทำให้ตัวเองใจเย็นลง แม้ว่าฉันจะขอให้เยอึนเรียกดูก้ามาสู้ แต่ฉันก็วางแผนที่จะสู้กับราชาลาวาโดยที่ไม่ให้เพรูต้ามาช่วย
ที่สำคัญเลยคือเพรูต้าไม่สามารถจะใช้ทักษะพิเศษของคลาสฉันและทักษะที่เก็บไว้ในนาฬิกาพกพาได้ เขายังอ่อนแอกว่าฉันในตอนที่ใช้โอเวอร์ลอร์ดซะอีก เว้นแต่ว่าเพรูต้าจะมาด้วยร่างจริงของเขา นั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันพัฒนาขึ้น
"พ่อ หนูไม่สามารถจะใช้การประจักษ์แห่งไดฟิคได้"
"หืม? มันล้มเหลวหรอ?"
"อื้อ ดังนั้นหนูเลยใช้มันไม่ได้"
"ไม่เป็นไรหรอก ไอน่าแข็งแกร่งอยู่แล้วแม้ว่าจะไม่มีมัน"
"อื้อ"
คนอื่นๆได้หยิบเอาอาวุธออกมาและปลุกจริงวิญญาณในขณะที่ตรวจสอบพลังชีวิตและมานา ในตอนที่พวกเราได้ไปถึงปากปล่องภูเขาไฟจู่ๆล็อทเต้ก็ตะโกนออกมา
[มันกำลังจะปะทุออกมา]
ล็อทเต้ได้หันร่างและบินขึ้นในทันที ในเวลาเดียวกันคลื่นความร้อนจำนวนมหาศาลก็กวาดเข้ามาหาพวกเรา ฉันได้ถ่ายเทมานาเข้าไปในตาของฉันเพื่อที่จะทนกับแสงและความร้อนและตรวจสอบไปรอบๆ ต้นไม้ยักษ์ลาวาได้งอกขึ้นมา พระเจ้า....
"นั่นมันไม่ใช่มานาธรรมดา มันเป็นกลุ่มก้อนมานาจำนวนมหาศาล...."
[คุฮ่าๆๆๆ ทำไมเจ้าถึงมาด้วยิวธีนี้ล่ะ เจ้าได้ฆ่าาลูกน้องของข้าจนหมด เจ้าเป็นคนแรกเลยที่ทำแบบนี้ คุฮ่าๆๆๆๆ]
เสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา น่าทึ่งที่ลาวาที่ประทุออกมาราวกับว่ามันจะปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้โดยไม่ล่วงลงและรวบกันในจุดๆหนึ่ง จากนั้นมานาทั้งหมดนั้นก็ได้ถูกดูดไปอย่างง่ายดายทำให้มันปรากฏตัวออกมา
ยักษ์ที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดงที่สงางามและเขาโค้งงอที่อยู่บนหัว มันมีตัวตาสีเหลืองของสัตว์เลื้อยคลานและมีหางหนาที่ยามพร้อมด้วยปีกค้างคาวคู่หนึ่งที่กางออกมา
พูดง่ายๆมันคือมังกร มังกรยักษ์ที่มีขนาดความยาวถึง 150 เมตร
['ราชาลาวา' การจู่โจมที่ยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้น คุณได้พบกับหนึ่งในศัตรูที่เพ็งเล็งพลังของโลก พลังของดันเจี้ยนจะไม่สามารถแสดงผลต่อศัตรูของโลกได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบการจู่โจมที่ยิ่งใหญ่มีอยู่เพื่อให้การสนับสนุนเล็กๆน้อยเท่าที่จะทำได้เพื่อให้กับนักสำรวจที่สู้กับศัตรูของโลก พรของพระเจ้าได้ถูกมอบให้กับปาตี้ของคุณ ทำให้ศัตรูสามารถจะละเว้นทักษะและเลเวลของปาตี้คุณได้เพียงแค่ 30%]
[ทักษะวิญญาณสัมบูรณ์ได้ลบล้างพลังส่วนหนึ่งของศัตรู ทักษะและเลเวลของคุณจะส่งผลต่อศัตรู 90%]
[โปรดจำเอาไว้ว่าคุณจะไม่สามารถใช้ไอเทมและทักษะได้เต็มประสิทธิภาพ พวกเราของให้คุณโชึดี คุณจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่หากคุณเอาชนะราชาลาวา]
[ทำไมเจ้าต้องมารบกวนการนอนหลับของข้าด้วยล่ะ จนกว่า 'เขา' จะมาถึง ข้ามีแผนที่จะงีบหลับซะหน่อย แต่ว่าเจ้าก็ทำลายมันทิ้งไปหมดเลย ในตอนนี้ไม่มีนอนสเตอร์ที่จะเอามาใช้เป็นวัตถุดิบของกองทัพข้าแล้ว ดังนั้นข้าก็ต้องย้ายที่อยู่ใหม่อีกนะ]
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะทำให้นายไม่ต้องทำแบบนั้นเอง"
แม้ว่าฉันจะรู้สึกได้ถึงตัวตนของมันที่เหนือกว่า ฉันก็ได้ยิ้มและพยายามตอบกลับไป ภายในหัวของฉัน ฉันกำลังยุ่งอยู่กับการคำนวณระดับของมัน มันดูน่าจะมีเลเวลประมาณ 90 เป็นอย่างน้อยที่สุด และมันก็สามารถจะเมินทักษะและเลเวลของทุกๆคนได้ ไม่ใช่ว่านี่มันจะเกินไปหรอกหรอ? ฉันได้รู้สึกขอบคุณที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะวิญญาณสัมบูรณ์มา
ยังไงก็ตามเกราะเกล็ดของมันก็ได้มีหลุมมานาที่ไม่สิ้นสุดที่ทำให้ฉันต้องถอนหายใจออกมา มันดูเหมือนว่าจะอยู่ในขีดจำกัดแล้วทั้งในด้านการป้องกันทั้งการโจมตีทั้งกายภาพและพลังเวทย์ มันเหมือนกับว่า....พลังของมันอยู่ในระดับที่เรียกว่า EX หรือไม่ก็เพียงแค่ต่ำกว่านั้นขั้นหนึ่ง
[อืม ตามที่หวังเอาไว้จากฮีโร่เลย เจ้าสามารถจะมีพลังที่มหาศาลไว้ในร่างกายมนุษย์เล็กๆได้ ชิ การฆ่าเจ้ามันเสียเปล่าเกินไป ถ้าเจ้าไม่ใช่ฮีโร่ข้าจะเอาเจ้ามาเป็นลูกน้องข้า]
"เสียใจด้วยนะ แต่ฉันไม่ได้มีแผนที่จะอาบลาวาแน่นอน"
[คุฮ่าๆๆ ข้าชอบบุคคลิกของเจ้าเหมือนกัน เสียเปล่าจริงๆเลย]
ดวงตายักษ์ของมันได้จ้องตรงมาที่ฉันราวกับว่าคนอื่นไม่ควรค่าให้มันหันไปคุยด้วย ในตอนนั้นเอง....
"คาน่าต้องละลายแน่...ฉันจะใช้การประจักษ์แห่งไดฟิค"
"การประจักษ์แห่งไดฟิค"
เดซี่และเยอึนได้ใช้การประจักษ์แห่งไดฟิคออกมาทั้งคู่ อาจารย์ของเยอึน ดูก้าเป็นคนแรกที่ออกมา ในวินาทีที่เธอเปิดตาขึ้นมา เธอได้เห็นมังกรยักษ์และร้องออกมา
"โว๊ว อะไรล่ะนี่ แข็งแกร่งมาก นี้คือศัตรูของโลกสินะ"
"ไม่ เจ้านี่คือคนที่อยู่ภายใต้ศัตรูของโลก"
"โอ้ที่รัก เราได้เจอกันอีกแล้ว นี่จะต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆ"
ฮวาหยาได้เรียกลูกไฟขึ้นมาบนมืออย่างเงียบๆ ในตอนนั้นเอกได้มีคนหนึ่งมาเขกหัวดูก้า น่าแปลกที่คนๆนั้นคือเดซี่
"เธอ ดูก้า เมื่อคิดว่าฉันก็ยังต้องมาเจอเธอแม้ว่าจะต้องตายไปแล้ว ฉันตกใจเลยนะเนี้ย"
"โอ้ เฮคาทีหรอ เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ"
"ศิษย์ของฉันเรียกฉันมา แต่ว่าเธอควรจะไปสนใจเจ้ายักษ์นั่นนะ"
อาจารย์ของเดซี่กับดูก้ารู้จักกันงั้นหรอ ฉันไม่ใช่แค่คนเดียวที่ตกใจ แต่ว่าราชาลาวาก็ยังดูจะตกใจ
[พวกเจ้าทั้งคู่เป็น...เทพ ข้าได้กลิ่นเหม็นสาปของเทพ]
"ฉันแปลกใจมากเลยนะที่แกรู้ตัวตนของเรา"
อาจารย์ของเดซี่ เฮคาทีได้ส่งเสียงตอบกลับราชาลาวาออกไป จากนั้นเธอก็เข้ามากระซิบฉัน
"เจ้าหนู พลังของซุสนะ เจ้าใช้มันได้ไหม"
"มะ ไม่.... เธอรู้จักซุสด้วยหรอ"
"โอ้ โชคร้ายอะไรแบบนี้ แล้วก็ฉันจะไม่รู้จักซุสได้ยังไงกัน ฉันคือเฮอคาทีนะ"
ฉันไม่เข้าใจว่าเธอจะหมายถึงอะไร ฉันได้บอกกับตัวเองไว้ว่าค่อยถามทีหลัง
"คุณคงจะได้ยินจากเดซี่แล้ว แต่ว่าพวกเราต้องจัดการเจ้านั่น! ช่วยพวกเราด้วย"
"แน่นอนสิ ตามมาดูก้า"
"ฉันยังอยากจะเล่นกับที่รักอีกหน่อย....เชอะ"
ด้วยพลังของเฮคาทีทำให้มอนสเตอร์อันเดทได้เริ่มปรากฏขึ้นมาจากอากาศ แม้ว่าพวกมันจะเป็นมอนสเตอร์ที่เดซี่ควบคุมตามปกติ แต่ว่าพวกมันก็ดูจะมีพรที่เป็นพลังพิเศษ ดูก้าก็ยังดูจะได้รับพลังจากเฮคาทีเหมือนกัน เธอได้ลอยอยู่บนอากาศและบ่นออกมา
[คุคุ นี่มันน่าตื่นเต้นจัง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซ่อนพลังมากขนาดนี้ไว้ คุฮ่าๆ คุฮ่าๆ....ตายซะ]
ไอเวรนี่มัน จู่ๆราชาลาวาก็ได้ยิงบอลไฟมาทางพวกเราในระหว่างที่กำลังหัวเราะ เพราะความเร็วที่มหาศาลของมันทำให้ฉันคิดจะใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ แต่แล้วล็อทเต้ได้หันหลบมันอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันฮวาหยากับไอน่าก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ยังไงก็ตามสิ่งที่ฮวาหยาได้ทำในตอนเธอบินขึ้นมาทำให้ฉันตะลึง เพลิงที่เธอยิงออกมาจากมือได้ล้อมเพลิงที่ราชาลาวายิงออกมาเอาไว้ เธอสามารถจะคุมเพลิงของมันได้ ฮวาหยาได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"เพลิงของนายนี่ดีเหมือนกันนะ"
[หืม มนุษย์ มนุษย์ที่สามารถจะใช้เพลิงได้อย่างอิสระ... เจ้าเป็นใครกัน พวกเจ้านี่น่าจริงใจจริงๆ คุฮ่าๆ]
มันได้ยิงเพลิงออกมาอีก ในตอนนี้ไม่ใช่แค่เพลิงเท่านั้นที่ออกมา ภูเขาไฟก็ยังได้ปล่อยลาวาที่เต็มด้วยมานาออกมา จากนั้นมันก็ได้แตกกระจายออกมาเป็นฝนตกใส่พวกเรา
"ชิน ฉันป้องกันมันทั้งหมดไม่ได้"
"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้"
[ก๊าซซซซซซ]
ในตอนที่ฉันพูดจบล็อทเต้ก็ได้ปล่อยลมหายใจเพลิงสีทองออกมาจากปาก เพลิงของเธอได้แยกออกเป็นเจ็ดเส้นพุ่งไปใส่เพลิงที่กำลังจะตกใส่เราและกลืนมันจนหายไป
สิ่งที่คนอื่นๆทำต่างก็ไม่เหมือนกัน ไอน่าได้แช่แข็งราวา และดูก้าได้หลบการโจมตีพวกนี้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เฮคาทีได้เหวี่ยงแส้ในมือของเธอและบาเรียสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นมารอบๆเธอและมอนสเตอร์อันเดท
[เยี่ยม เยี่ยม มันจะน่าเบื่อถ้าหากมันง่ายเกินไป คุฮ่าๆๆ]
ราชาลาวาก็ทำเพียงแค่หัวเราะออกมาแม้ว่าการโจมตีของมันจะถูกป้องกันได้ มันสามารถจะบ่งบอกได้เลยว่ามันยังไม่ใช่ใช้พลังเต็มที่ หลังจากนั้นจู่ๆอุณหภูมิก็ได้พุ่งขึ้นไปถึงจุดที่สามารถเผาผู้ใช้พลังโดยเฉพาะให้ตายได้โดยแค่เข้ามาที่นี่
[แต่ว่าการที่พวกเจ้าเลือกมาสู้กับข้าด้วยพลังแค่นี้มันเป็นเรื่องที่โง่มาก]
บอลเพลิงยักษ์ได้ปรากฏขึ้นมา บอสเพลิงนี้เป็นเพลิงแก่นแท้ที่บริสุทธิ์จนเห็นประกายเพลิงเต้นอยู่ข้างใน ไอน่าได้ขมวดคิ้วขึ้นและกางแขนออกเพื่อสร้างคริสตัลน้ำแข็งจำนวนมาก ยังไงก็ตามแม้แต่ไอน่าก็ยังไม่สามารถจะทำลายบอลเพลิงนี้ได้อย่างสมบูรณ์
"มันร้อนเกินไปแล้ว ฉันเกลียดการเหงื่อออก"
[คุฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนูน้อยทีามีพลังเวทย์มหาศาล มันดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะมาเคาะประตูยมโลกสินะ คุฮ่าฮ่าฮ่า ชีวิตของเจ้าจะต้องถูกเผาจนมอดไม้ ต่อหน้าราชาผู้นี้เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ในเปลวเพลิง]
[เจ้าโง่เง่า เจ้านั่นแหละที่จะต้องเผาตัวเองจนตาย]
มันเป็นเสียงของเดซี่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าด้วยการออกเสียงของเฮคาทีทำให้เสียงนี้รู้สึกได้ถึงความลึกลับ เฮคาทีได้เหวี่ยงแส้ออกไปและอันเดทก็ได้พุ่งเข้าไปทางมังกรเพลิง พวกมันทั้งหมดได้หลบบอลเพลิงที่พุ่งเข้ามาในขณะที่โจมตีไปที่มังกรเพลิง
[คุฮ่าฮ่า เจ้าพวกที่ตายไปแล้วมาทำร้ายราชาลาวา น่าสนใจจริงๆ]
ราชาลาวาได้ระเบิดมานาจำนวนมหาศาลออกมา แม้ว่าจะมีบาเรียที่ป้องกันอันเดทอยู่ แต่อันเดทกว่าครึ่งก็ได้ถูกกำจัดไปในทันที เฮตาทีได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นและเหวี่ยงแส้ของเธอเพื่อเสริมพลังราชาลาวาอีกครั้ง ยังไงก็ตามราชาลาวามันดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มเท่านั้น มันได้กระพือปักครั้งหนึ่งและทำให้อันเดททั้งหมดถูกผลักกลับไป จากนั้นมันได้พุ่งเข้ามาหาเราในทันที
[ข้าจะทำลายทุกๆสิ่ง เจ้าจะต้องชดใช้ที่มาดูถูกข้า คุฮ่าฮ่าฮ่า]
"คงจะยอมล่ะ"
ดูก้าได้ตะโกนออกมาพร้อมกับหายไปจากสายตาฉันในทันที หลังจากนั้นไม่นานราชาลาวาก็ได้หยุดพุ่งลง ได้มีเลือดไหลออกมาจากคอของมันอย่างน่าทึ่ง ดูก้าสร้างความเสียหายให้กับมันสำเร็จ
"อู เจ้านี่มันตัวใหญ่เกิดไป มันรู้สึกเหมือนกับฉันเทน้ำไปในบ่อทรายเลยล่ะ"
[คุฮ่าฮ่าฮ่า มันนานมาแล้วนะที่ข้าไม่ได้เจ็บปวดแบบนี้]
เสียงร้องของมันได้ทำให้พื้นสะเทือนและเพิ่มความร้อนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ฉันได้แต่ตกตะลึง แค่การมีอยู่และมานาที่มหาศาลของมันก็สามารถจะทำให้เราตายได้เลย
[นี้มันคือสิ่งที่เรียกกันว่า 'สัมบูรณ์' เพลิงสัมบูรณ์]
ภูเขาไฟได้ปะทุขึ้นอีกครั้งหนึ่ง น่าทึ่งมากที่มันได้กระโดดเข้าไปในลาวาและในตอนที่มันโผล่กลับออกมา บาดแผลที่คอของมันก็ได้หายไป
[เจ้ามนุษย์ตัวจ้อย เจ้าจะหยุดเพลิงที่ไม่มีวันดับนี้ได้ยังไงกันงั้นหรอ ตราบใดที่ยังคงมีไฟอยู่ในโลกนี้ ข้าก็จะไม่มีวันตาย นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเป็นราชาลาวา]
"เสียงแกมันจะน่ารำคาญไปแล้วนะ เจ้าจิ้งจกเวร"
ฮวาหยาได้ตะโกนออกมาและยื่นมือออกไป ส่วนหนึ่งของลาวาที่ถูกดูดไปโดยราชาลาวาได้เปลื่่ยนทิศทางและไหลเข้ามาหาฮวาหยา เธอได้โยนดวงตาสีทองของลอร์ดไซครอปออกไปกลางอากาศและตะโกนออกมา
"ชิ ทุกๆคนเตรียมตัวโจมตี ดวงตาทองคำสาปแช่งมัน"
เอ๊ะ ดวงตาทองคำของไซครอปก็ยังจะได้ผลหรอ ในขณะที่ฉันยืนทึ่งอยู่ ดวงตาสีทองได้หมุนอย่างรุนแรงและดูจะบีบอัดพลังของมันเอาไว้ จากนั้นมันก็ได้ยิงแสงออกไปจากมังกรเพลิงในทันที ผลลัพธ์ที่เกิดข้นสามารถอธิบายได้เพียงแต่ว่าน่าตกใจ ในตอนที่ราชาเพลิงได้ถูกเลเซอร์สีทองโจมตี ดวงตาสีทองได้แตกกระจาย
[อ๊าาาาาา นี้มันเจ็บมากเลยทีเดียวนะ น่าประทับใจ น่าประทับใจ]
"ฉันได้เสียไอเทมระดับอีปิคไปล้ว แต่ว่ามันก็ยังดี แล้วนายกำลังทำอะไรอยู่ รีบๆโจมตีมันสิ"
ฉันไม่รู้เลยว่าการโจมตีครั้งนี้จะรุนแรงแบบนี้ แต่ว่าเนื่งจากว่ามันสามารถจะทบต่อความเจ็บปวดจำนวนมากได้มันก็สามารถจะละเลยผลกระทบของไอเทมได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมดวงตาทองคำถึงแตกกระจาย ฉันได้หันสายตาไปจากฮวาหยาที่ดูเหมือนจะร้องไห้ด้วยความโกรธและฉันได้จับหอกแน่น
"ล็อทเต้ ขอโทษนะ พวกเราต้องแยกกันสู้"
[ฉันไม่สามารถจะสามารถบาดแผลให้กับมันได้แค่เพียงลำพัง ฮีโร่ควรจะทำในสิ่งที่ฮีโร่ควรทำ]
ปีกของล็อทเต้ได้สะบัดเอาคลื่นความร้อนออกไป ฉันได้ยิ้มออกมาและกระโดดลงไปจากหลังของล็อทเต้ จากนั้นราชาลาวาก็ตะโกนออกมา
[โอ้ เจ้าจะสู้กับข้าด้วยตัวเองหรอ ว๊าวน่าทึ่งจริงๆ เจ้ากำลังส่องประกายเลยนะ คุฮ่าฮ่าฮ่า]
"ขอโทษนะ แต่ว่าฉันไม่ได้ส่องประกายอะไร"
[แล้วเจ้าเป็นอะไรกันล่ะ คุฮาฮ่าฮ่า]
"ฉันคือโอเวอร์ลอร์ด"
ฉันได้กลายร่างเป็นยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยเกราะสีดำในทันที
[คุณได้ใช้โอเวอร์ลอร์ด ในขณะที่ทักษะนี้ทำงานพลังชีวิตและมานาจะเพิ่มขึ้นสามเท่า สเตตัสเพิ่มขึ้นสองเท่า เมื่อคุณโจมตีศัตรูจะมีโอกาส 10% ที่จะสุ่มสถานะระดับสูงขึ้น ในตอนที่คุณถูกศัตรูโจมตีมีโอกาส 20% ที่คุณจะสุ่มสถานะระดับสูงขึ้น]
พลังทำลายล้างที่สมบูรณ์แบบจากโลกได้ถ่ายทอดเข้ามาผ่านร่างของฉัน