ตอนที่ 5 สำนักชิงหลัว
ป๋ายเสี่ยวเฟยได้สัมผัสถึงความรู้สึกในการบินเหินอากาศอีกครั้งเมื่อชายชราส่งเขาออกจากเทือกเขาไร้ขอบเขต
ในระหว่างนี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของเขาตามที่ชายชราแนะนำ
ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถใช้ปราณกำเนิดของเขาเฉกเช่นคนอื่นๆ และปริมาณปราณกำเนิดในร่างของเขาเทียบได้กับนักเชิดหุ่นระดับกลางขั้นสูงสุด!
นี่เป็นเพียงผลลัพธ์จากการใช้ปราณกำเนิดที่ปล่อยออกมาจากจุดหยวนตันของเขาเท่านั้น หากเขาใช้พลังงานทั้งหมดในร่าง ปราณกำเนิดของเขาเทียบเท่าได้กับระดับปรมาจารย์!
ระดับของนักเชิดหุ่นในทวีปถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ฝึกหัด เริ่มต้น กลาง สูง ปรมาจารย์ แตกฉาน ตำนาน ไร้กาลและนิรันดร์ แน่นอนว่าระดับสุดท้ายมีอยู่เพียงในทฤษฎี
สามารถกล่าวได้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียว น่าเสียดายที่ชายชราสั่งห้ามไม่ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้ปราณกำเนิดจากจุดหยวนตัน เหตุผลคือป๋ายเสี่ยวเฟยได้ทำการผสมปราณสีชมพูเข้าไปในจุดหยวนตันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะฉะนั้นหากป๋ายเสี่ยวเฟยใช้งานปราณกำเนิดในจุดหยวนตันมากเกินไปพิษจากปราณสีชมพู... พิษกระสันซ่านจะทำงาน
เรื่องนี้ทำให้ชายชราอิจฉาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ต่างอะไรจากการพกพา''ยาวิเศษ''ไปทุกที่!
ลองคิดตามดู หากต้องการทำเรื่องอย่างว่าเมื่อไหร่ ท่านเพียงแค่ใช้พลังปราณกำเนิดเท่านั้น และท่านก็จะ...
แค่ก ๆ กลับเรื่องๆ ...
อย่างไรก็ตาม ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นเหมือนกับระเบิดของยาที่จะ''ระเบิด''ในยามที่เขาประมาทและมันยังเป็นประเภทที่จะทำร้ายตัวป๋ายเสี่ยวเฟยและคนรอบข้างอีกด้วย!
นอกจากนี้ชายชรายังได้อธิบายรายละเอียดของเคล็ดวิชาประกายแสงสุริย หลังจากได้ยิน สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยปรารถนามีเพียงย้อนเวลากลับไป!
เคล็ดวิชาประกายแสงสุริยเป็นวิชาที่สามารถยกระดับขึ้นไปได้อีก และในทางทฤษฎีมันสามารถเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาระดับเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่เคล็ดวิชายังคงอยู่ในสภาพบกพร่อง
มันถูกจัดให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ระดับกำเนิดเท่านั้น และวิธีที่จะยกระดับเคล็ดวิชาคือการใช้ผู้หญิง...
อีกทั้งผู้หญิงต้องเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น และยังต้องแข็งแกร่งด้วย!
ชายชราเทียนจีได้ปลอบประโลมป๋ายเสี่ยวเฟย กล่าวว่าผู้ชายทุกคนในทวีปชิงหลัวต่างก็มีภรรยากันหลายคนทั้งนั้น และดวงเกี่ยวกับผู้หญิงของป๋ายเสี่ยวเฟยแข็งไม่น้อยอ้างอิงจากการทำนายของเขา
แน่นอนว่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความเชื่อถือในคำทำนายของชายชรา...
ยิ่งกว่านั้น หลังจากเคล็ดวิชาถูกยกระดับ มันไม่เพียงเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูและความหนาแน่นของปราณกำเนิด แต่ยังทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถควบคุมหุ่นเชิดมากกว่าเดิมทุกครั้งที่ทำการยกระดับ!
เคล็ดวิชาที่ร้ายกาจ!
นอกจากกรณีพิเศษอย่างป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว คนปกติทั่วไปเพียงแค่ทำสองสิ่งหากพวกเขาต้องการจะควบคุมหุ่นเชิดให้มากขึ้น หล่อหลอมวิญญาณและแบ่งจิต
ความแข็งแกร่งของวิญญาณเป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนหุ่นเชิดที่สามารถทำพันธสัญญาได้ส่วนความยืดหยุ่นของจิตใจบ่งบอกจำนวนหุ่นเชิดที่สามารถควบคุม!
หล่อหลอมวิญญาณและแบ่งจิตคือการฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างวิญญาณและจิตใจ มันคือส่วนที่ยากที่สุดในการฝึกของมนุษย์ มีคนมากมายไม่สามารถกลายเป็นนักเชิดหุ่นระดับสูงได้เพราะขาดสองอย่างนี้
สำหรับป๋ายเสี่ยวเฟย ข้อจำกัดพวกนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป เขาเพียงต้องการผู้หญิงที่มากพอ!
แน่นอนว่าผู้หญิงพวกนั้นจำเป็นต้องผ่านข้อเรียกร้องของเคล็ดวิชาและเต็มใจที่จะมอบกายให้เขาอีกทั้งป๋ายเสี่ยวเฟยยังต้องกังวลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับผู้หญิงเหล่านั้น...
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็โล่งใจหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง ต่อให้เขาไม่สามารถยกระดับเคล็ดวิชาประกายแสงสุริยได้เขาก็พอใจแล้วสำหรับพลังของตัวเขาในตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะใช้พลังปราณกำเนิด
'นกตายเพราะอาหาร คนตายเพราะสมบัติ'
ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดไปพลางรู้สึกว่าการที่เขาได้มาพานพบชายชราเทียนจีก็มีข้อดีอยู่บ้าง...
''รับนี่และเดินไปเรื่อยๆ เจ้าจะเจอสถาบันชื่อชิงหลัว หากเจ้าสอบผ่านเจ้าจะสามารถเรียนที่นั่นได้''
ชายชราเทียนจียื่นจดหมายแนะนำตัวให้ป๋ายเสี่ยวเฟย จดหมายซองนี้เหมือนกับที่เขาให้หญิงสาวสัตว์อสูรคนนั้น ต่างกันเพียงกระดาษที่ใช้เป็นเพียงกระดาษธรรมดาเท่านั้น
''ท่านอาจารย์ ท่านบอกว่าท่านเป็นหนึ่งในสามนักเชิดหุ่นขั้นตำนานผู้ยิ่งใหญ่และยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสถาบันชิงหลัว แล้วเหตุใดจดหมายแนะนำตัวของท่านจึงได้... ระดับต่ำเช่นนี้? ''
สีหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขณะยื่นมือรับจดหมาย
''นั่น...'' หลังจากคิดอยู่นาน เทียนจีไม่อาจนึกเหตุผลที่เข้าท่าได้ เขาไม่มีทางพูดได้ว่าเขามอบจดหมายแนะนำตัวระดับสูงให้กับหญิงสาวคนนั้นเพราะหยิบผิด
''เจ้าจะไปรู้อะไร? จดหมายแนะนำตัวของสถาบันชิงหลัวไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ ตอนนี้เจ้ามีหนึ่งซอง เพราะงั้นเลิกบ่นพึมพำได้แล้ว! ''
เทียนจีถีบป๋ายเสี่ยวเฟยเข้าที่ก้นแล้วจึงขึ้นไปยืนบนศรทองคำของเขา''
ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน!''
ชายชรากลายเป็นจุดสีดำหายวับไปในท้องฟ้า เสียงของเขายังดังกังวานอยู่ในอากาศ เขารีบจากไปโดยไม่ลังเลที่จะคำนึงถึง ''ลูกศิษย์คนเดียว'' ของเขา...
''ในที่สุดไอ้แก่นั่นก็ไปซะที! ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกราวกับว่าภาระบนบ่าถูกยกออกไปไม่เพียงแค่เขา เสี่ยวเอ้อเองก็ฟื้นฟูพลังกลับมาเหมือนกัน
''เสี่ยวเอ้อ เจ้าคิดว่าไอ้แก่ลามกกำลังไปหาคนรักของเขาหรือไม่? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางลูบหัวเสี่ยวเอ้อ ผู้ซึ่งโตขึ้นอย่างน้อยสองเท่า เสี่ยวเอ้อขานตอบด้วยการเห่าสองครั้ง
''เจ้าไม่โตมาเป็นสิบปี แต่ผ่านไปวันหนึ่งก็ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะตัดสินใจถูกที่ออกมานะ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยพบอีกเหตุผลที่ดีของการออกมาจากหุบเขาวีรบุรุษเขาเดินไปยังทิศทางที่ชายชราชี้
''ไปกันเถอะ ไปดูว่าสถาบันชิงหลัวมีอะไรบ้าง''
และประวัติศาสตร์อัน''สดใส'' ของสถาบันชิงหลัวก็เริ่มต้นขึ้น...
''ทางนี้ๆ พวกที่มีจดหมายแนะนำตัวระดับธรรมดาเข้าแถวตรงนี้ ส่วนพวกที่มีจดหมายแนะนำตัวระดับสูงเข้าประตูทางขวา''
ทางด้านหนึ่ง ข้างหน้าประตูอันโอ่อ่าเกรียงไกรของสถาบันชิงหลัวมีแถวอันยาวเหยียดมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดในขณะที่อีกด้านมีเพียงคนไม่กี่คนเดินเข้าออก
ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนต่างก็มีลักษณะที่เหมือนกัน พวกเขาล้วนสงบเงียบไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าประพฤติตนอย่างไร้มารยาท
''สหายนักเรียน บัตรเชิญของเจ้าต้องไปต่อแถวด้านซ้าย''
เจ้าหน้าที่หยุดป๋ายเสี่ยวเฟยและเสี่ยวเอ้อข้างนอกประตู ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
''เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!? บัตรเชิญนี้ตาแก่เทียนจีเป็นคนให้ข้ากับมือ! เจ้ารู้จักตาแก่เทียนจีหรือไม่? เขาเป็นหนึ่งในสามนักเชิดหุ่นระดับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่! บัตรเชิญที่เขาให้ข้าจะเป็นระดับต่ำได้อย่างไร!? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางโย้งตัวไปข้างหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหนเขาก็ไม่อาจฝ่าด่านเข้าไปได้
''สหายนักเรียน มีผู้คนมากมายตรงโน้นที่บอกว่าคนใหญ่คนโตแนะนำพวกเขามาเพราะงั้นต่อให้สิ่งที่เจ้าพูดคือความจริงพวกเราก็ไม่มีวิธีจะยืนยัน เป็นเหตุให้พวกเราดูที่บัตรเชิญเท่านั้น บัตรเชิญของเจ้าเป็นบัตรเชิญระดับต่ำ เจ้าจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบและต้องไปสมัครตรงโน้น''
ระหว่างที่ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ นักเรียนคนหนึ่งที่บนเสื้อบริเวณหน้าอกถักคำว่า''ชิงหลัว''ไว้ก็เดินเข้ามา
เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่งก้มหัวอย่างนอบน้อม
''ศิษย์พี่'' พวกมันกล่าว
หลังจากเห็นเช่นนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยเองก็เงียบตาม ไม่ว่าเขาจะมองยังไงนักเรียนคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายแม้แต่น้อย
''ก็ได้ๆ หากพวกเจ้าไม่สามารถตัดสินใจข้าก็จะทำการทดสอบ ท่านปู่ของเจ้าไม่กลัวอยู่แล้ว''
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางเดินเก้ๆ กังๆ ไปยังปลายแถว เสี่ยวเอ้อเห่าใส่กลุ่มคนเหล่านั้นก่อนจะวิ่งตามเขามา
ในขณะเดียวกันหญิงสาวตระกูลจิ้งจอกจากเมื่อวานเดินแนบนาบในมือถือบัตรเชิญสีทอง ''บาดแผล'' ของเธอดูเหมือนว่าจะหายเกลี้ยงแล้ว
นางตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มแป้น แต่เป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้คิดมาก เขารีบวิ่งไปที่ปลายแถวทันที
ประกายแสงที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นในแววตาของหญิงสาวหลังจากที่เธอเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยมีทีท่าไม่ยี่หระ นางเดินผ่านเข้าไปในประตูสถาบันชิงหลัว...