ตอนที่แล้วตอนที่ 4 หญิงสาวจอมเผด็จการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 สอบเข้า

ตอนที่ 5 สำนักชิงหลัว


ป๋ายเสี่ยวเฟยได้สัมผัสถึงความรู้สึกในการบินเหินอากาศอีกครั้งเมื่อชายชราส่งเขาออกจากเทือกเขาไร้ขอบเขต

ในระหว่างนี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของเขาตามที่ชายชราแนะนำ

ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถใช้ปราณกำเนิดของเขาเฉกเช่นคนอื่นๆ และปริมาณปราณกำเนิดในร่างของเขาเทียบได้กับนักเชิดหุ่นระดับกลางขั้นสูงสุด!

นี่เป็นเพียงผลลัพธ์จากการใช้ปราณกำเนิดที่ปล่อยออกมาจากจุดหยวนตันของเขาเท่านั้น หากเขาใช้พลังงานทั้งหมดในร่าง ปราณกำเนิดของเขาเทียบเท่าได้กับระดับปรมาจารย์!

ระดับของนักเชิดหุ่นในทวีปถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ฝึกหัด เริ่มต้น กลาง สูง ปรมาจารย์ แตกฉาน ตำนาน ไร้กาลและนิรันดร์ แน่นอนว่าระดับสุดท้ายมีอยู่เพียงในทฤษฎี

สามารถกล่าวได้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียว น่าเสียดายที่ชายชราสั่งห้ามไม่ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้ปราณกำเนิดจากจุดหยวนตัน เหตุผลคือป๋ายเสี่ยวเฟยได้ทำการผสมปราณสีชมพูเข้าไปในจุดหยวนตันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะฉะนั้นหากป๋ายเสี่ยวเฟยใช้งานปราณกำเนิดในจุดหยวนตันมากเกินไปพิษจากปราณสีชมพู... พิษกระสันซ่านจะทำงาน

เรื่องนี้ทำให้ชายชราอิจฉาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ต่างอะไรจากการพกพา''ยาวิเศษ''ไปทุกที่!

ลองคิดตามดู หากต้องการทำเรื่องอย่างว่าเมื่อไหร่ ท่านเพียงแค่ใช้พลังปราณกำเนิดเท่านั้น และท่านก็จะ...

แค่ก ๆ กลับเรื่องๆ ...

อย่างไรก็ตาม ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นเหมือนกับระเบิดของยาที่จะ''ระเบิด''ในยามที่เขาประมาทและมันยังเป็นประเภทที่จะทำร้ายตัวป๋ายเสี่ยวเฟยและคนรอบข้างอีกด้วย!

นอกจากนี้ชายชรายังได้อธิบายรายละเอียดของเคล็ดวิชาประกายแสงสุริย หลังจากได้ยิน สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยปรารถนามีเพียงย้อนเวลากลับไป!

เคล็ดวิชาประกายแสงสุริยเป็นวิชาที่สามารถยกระดับขึ้นไปได้อีก และในทางทฤษฎีมันสามารถเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาระดับเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่เคล็ดวิชายังคงอยู่ในสภาพบกพร่อง

มันถูกจัดให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ระดับกำเนิดเท่านั้น และวิธีที่จะยกระดับเคล็ดวิชาคือการใช้ผู้หญิง...

อีกทั้งผู้หญิงต้องเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น และยังต้องแข็งแกร่งด้วย!

ชายชราเทียนจีได้ปลอบประโลมป๋ายเสี่ยวเฟย กล่าวว่าผู้ชายทุกคนในทวีปชิงหลัวต่างก็มีภรรยากันหลายคนทั้งนั้น และดวงเกี่ยวกับผู้หญิงของป๋ายเสี่ยวเฟยแข็งไม่น้อยอ้างอิงจากการทำนายของเขา

แน่นอนว่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความเชื่อถือในคำทำนายของชายชรา...

ยิ่งกว่านั้น หลังจากเคล็ดวิชาถูกยกระดับ มันไม่เพียงเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูและความหนาแน่นของปราณกำเนิด แต่ยังทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถควบคุมหุ่นเชิดมากกว่าเดิมทุกครั้งที่ทำการยกระดับ!

เคล็ดวิชาที่ร้ายกาจ!

นอกจากกรณีพิเศษอย่างป๋ายเสี่ยวเฟยแล้ว คนปกติทั่วไปเพียงแค่ทำสองสิ่งหากพวกเขาต้องการจะควบคุมหุ่นเชิดให้มากขึ้น หล่อหลอมวิญญาณและแบ่งจิต

ความแข็งแกร่งของวิญญาณเป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนหุ่นเชิดที่สามารถทำพันธสัญญาได้ส่วนความยืดหยุ่นของจิตใจบ่งบอกจำนวนหุ่นเชิดที่สามารถควบคุม!

หล่อหลอมวิญญาณและแบ่งจิตคือการฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างวิญญาณและจิตใจ มันคือส่วนที่ยากที่สุดในการฝึกของมนุษย์ มีคนมากมายไม่สามารถกลายเป็นนักเชิดหุ่นระดับสูงได้เพราะขาดสองอย่างนี้

สำหรับป๋ายเสี่ยวเฟย ข้อจำกัดพวกนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป เขาเพียงต้องการผู้หญิงที่มากพอ!

แน่นอนว่าผู้หญิงพวกนั้นจำเป็นต้องผ่านข้อเรียกร้องของเคล็ดวิชาและเต็มใจที่จะมอบกายให้เขาอีกทั้งป๋ายเสี่ยวเฟยยังต้องกังวลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับผู้หญิงเหล่านั้น...

แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็โล่งใจหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง ต่อให้เขาไม่สามารถยกระดับเคล็ดวิชาประกายแสงสุริยได้เขาก็พอใจแล้วสำหรับพลังของตัวเขาในตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะใช้พลังปราณกำเนิด

'นกตายเพราะอาหาร คนตายเพราะสมบัติ'

ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดไปพลางรู้สึกว่าการที่เขาได้มาพานพบชายชราเทียนจีก็มีข้อดีอยู่บ้าง...

''รับนี่และเดินไปเรื่อยๆ เจ้าจะเจอสถาบันชื่อชิงหลัว หากเจ้าสอบผ่านเจ้าจะสามารถเรียนที่นั่นได้''

ชายชราเทียนจียื่นจดหมายแนะนำตัวให้ป๋ายเสี่ยวเฟย จดหมายซองนี้เหมือนกับที่เขาให้หญิงสาวสัตว์อสูรคนนั้น ต่างกันเพียงกระดาษที่ใช้เป็นเพียงกระดาษธรรมดาเท่านั้น

''ท่านอาจารย์ ท่านบอกว่าท่านเป็นหนึ่งในสามนักเชิดหุ่นขั้นตำนานผู้ยิ่งใหญ่และยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสถาบันชิงหลัว แล้วเหตุใดจดหมายแนะนำตัวของท่านจึงได้... ระดับต่ำเช่นนี้? ''

สีหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขณะยื่นมือรับจดหมาย

''นั่น...'' หลังจากคิดอยู่นาน เทียนจีไม่อาจนึกเหตุผลที่เข้าท่าได้ เขาไม่มีทางพูดได้ว่าเขามอบจดหมายแนะนำตัวระดับสูงให้กับหญิงสาวคนนั้นเพราะหยิบผิด

''เจ้าจะไปรู้อะไร? จดหมายแนะนำตัวของสถาบันชิงหลัวไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ ตอนนี้เจ้ามีหนึ่งซอง เพราะงั้นเลิกบ่นพึมพำได้แล้ว! ''

เทียนจีถีบป๋ายเสี่ยวเฟยเข้าที่ก้นแล้วจึงขึ้นไปยืนบนศรทองคำของเขา''

ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน!''

ชายชรากลายเป็นจุดสีดำหายวับไปในท้องฟ้า เสียงของเขายังดังกังวานอยู่ในอากาศ เขารีบจากไปโดยไม่ลังเลที่จะคำนึงถึง ''ลูกศิษย์คนเดียว'' ของเขา...

''ในที่สุดไอ้แก่นั่นก็ไปซะที! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกราวกับว่าภาระบนบ่าถูกยกออกไปไม่เพียงแค่เขา เสี่ยวเอ้อเองก็ฟื้นฟูพลังกลับมาเหมือนกัน

''เสี่ยวเอ้อ เจ้าคิดว่าไอ้แก่ลามกกำลังไปหาคนรักของเขาหรือไม่? ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางลูบหัวเสี่ยวเอ้อ ผู้ซึ่งโตขึ้นอย่างน้อยสองเท่า เสี่ยวเอ้อขานตอบด้วยการเห่าสองครั้ง

''เจ้าไม่โตมาเป็นสิบปี แต่ผ่านไปวันหนึ่งก็ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะตัดสินใจถูกที่ออกมานะ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยพบอีกเหตุผลที่ดีของการออกมาจากหุบเขาวีรบุรุษเขาเดินไปยังทิศทางที่ชายชราชี้

''ไปกันเถอะ ไปดูว่าสถาบันชิงหลัวมีอะไรบ้าง''

และประวัติศาสตร์อัน''สดใส'' ของสถาบันชิงหลัวก็เริ่มต้นขึ้น...

''ทางนี้ๆ พวกที่มีจดหมายแนะนำตัวระดับธรรมดาเข้าแถวตรงนี้ ส่วนพวกที่มีจดหมายแนะนำตัวระดับสูงเข้าประตูทางขวา''

ทางด้านหนึ่ง ข้างหน้าประตูอันโอ่อ่าเกรียงไกรของสถาบันชิงหลัวมีแถวอันยาวเหยียดมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดในขณะที่อีกด้านมีเพียงคนไม่กี่คนเดินเข้าออก

ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนต่างก็มีลักษณะที่เหมือนกัน พวกเขาล้วนสงบเงียบไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าประพฤติตนอย่างไร้มารยาท

''สหายนักเรียน บัตรเชิญของเจ้าต้องไปต่อแถวด้านซ้าย''

เจ้าหน้าที่หยุดป๋ายเสี่ยวเฟยและเสี่ยวเอ้อข้างนอกประตู ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

''เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!? บัตรเชิญนี้ตาแก่เทียนจีเป็นคนให้ข้ากับมือ! เจ้ารู้จักตาแก่เทียนจีหรือไม่? เขาเป็นหนึ่งในสามนักเชิดหุ่นระดับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่! บัตรเชิญที่เขาให้ข้าจะเป็นระดับต่ำได้อย่างไร!? ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางโย้งตัวไปข้างหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหนเขาก็ไม่อาจฝ่าด่านเข้าไปได้

''สหายนักเรียน มีผู้คนมากมายตรงโน้นที่บอกว่าคนใหญ่คนโตแนะนำพวกเขามาเพราะงั้นต่อให้สิ่งที่เจ้าพูดคือความจริงพวกเราก็ไม่มีวิธีจะยืนยัน เป็นเหตุให้พวกเราดูที่บัตรเชิญเท่านั้น บัตรเชิญของเจ้าเป็นบัตรเชิญระดับต่ำ เจ้าจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบและต้องไปสมัครตรงโน้น''

ระหว่างที่ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ นักเรียนคนหนึ่งที่บนเสื้อบริเวณหน้าอกถักคำว่า''ชิงหลัว''ไว้ก็เดินเข้ามา

เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่งก้มหัวอย่างนอบน้อม

''ศิษย์พี่'' พวกมันกล่าว

หลังจากเห็นเช่นนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยเองก็เงียบตาม ไม่ว่าเขาจะมองยังไงนักเรียนคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายแม้แต่น้อย

''ก็ได้ๆ หากพวกเจ้าไม่สามารถตัดสินใจข้าก็จะทำการทดสอบ ท่านปู่ของเจ้าไม่กลัวอยู่แล้ว''

ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางเดินเก้ๆ กังๆ ไปยังปลายแถว เสี่ยวเอ้อเห่าใส่กลุ่มคนเหล่านั้นก่อนจะวิ่งตามเขามา

ในขณะเดียวกันหญิงสาวตระกูลจิ้งจอกจากเมื่อวานเดินแนบนาบในมือถือบัตรเชิญสีทอง ''บาดแผล'' ของเธอดูเหมือนว่าจะหายเกลี้ยงแล้ว

นางตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มแป้น แต่เป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้คิดมาก เขารีบวิ่งไปที่ปลายแถวทันที

ประกายแสงที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นในแววตาของหญิงสาวหลังจากที่เธอเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยมีทีท่าไม่ยี่หระ นางเดินผ่านเข้าไปในประตูสถาบันชิงหลัว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด