บทที่ 221 - โอเวอร์ลอร์ด (1) [21-08-2020]
บทที่ 221 - โอเวอร์ลอร์ด (1)
”
ด้วยสมาชิกของรีไวเวิร์ลทั้งหมด 17 คน รวมไปถึงพลีน ล็อทเต้ และลิโคไรท์ทำให้มีคนไปกับเรารวม 20 คน พวกเราได้ไปด้วยการนั่งเครื่องบินส่วนตัวของฮวาหยาไป สำหรับนักบินเป็นวอร์คเกอร์ที่ทำหน้าที่ขับให้เรา น่าทึ่งมากที่เราดูมีทักษะในหลายๆด้าน
ในบรรดาสมาชิกทุกคนก็ไม่ได้มีความสามัคคีกันเลยแม้แต่นิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของเราที่เป็นมอนสเตอร์
"นังค้างคาวหยาบคายลุกออกไปจากตักของฮีโร่ซะ"
"ที่เจ้าโง่เพราะว่าเจ้ามีสมองนกสินะ บนตักของสามีที่รักนี้คือที่ของฉัน หยุดส่งเสียงดงน่ารำคาญและไปซะไวเวิร์น เกล็ดของเธอมันขวางตานะ"
"ฉันก็อยากอยู่ข้างชินเหมือนกัน"
เนื่องจากว่าพลีนอ่อนกว่าทั้งคู่ในด้านพลังเวทย์และกายภาพ เธอจึงพูดน้อยมาก ในตอนที่ล็อทเต้และลิโคไรท์ต่อสู้กันด้วยส่งครามทางจิตล็อทเต้ก็จะอ่อนกว่าลิโคไรท์ แต่ยังไงก็ตามล็อทเต้ก็ยังเหนือกว่าลิโคไรท์ในด้านพละกำลัง
แน่นอนว่าฉันไม่ค่อยพอใจกับเนื่องนี้มากนัก เรื่องที่ว่าพวกเธอจะต่อสู้กันแย่งฉันทำยิ่งทำให้มีปัญหามากขึ้น แค่พวกผู้หญิงก็ปวดหัวมากพอแล้ว ในตอนนี้มอนสเตอร์ก็ยังมาร่วมด้วยอีก
ในตอนที่ฉันจะพูดอะไรบางอย่างออกไปก็ได้มีชั้นน้ำแข็งบางๆแผ่กระจายขึ้นมาที่ลิโคไรท์ที่กำลังนั่งตักฉัน
"กรี๊ดดดด นี้มันอะไร"
"ตักพ่อเป็นของฉัน"
ไอน่าได้ผลักลิโคไรท์ออกไปและพุ่งตัวเข้ามานั่งบนตักของฉัน ฉันได้กางหูและตะโกนออกมา
"ไอน่า ตอนนี้หนูสามารถจะควบคุมเวทย์น้ำแข็งได้แล้วสินะ"
"นิดหน่อยค่ะ หนูทำได้ดีไหมพ่อ"
"ใช่ๆ ดีมากเลย"
"อึก สามีที่รักทิ้งฉัน...."
"สมควรเจ้าค้างคาว"
"เธอออกไปเลยนะและเธอก็ด้วยเจ้าตาประกาย"
ลูกสาววของฉัน... ลูกสาวของฉันกำลังจัดระเบียบ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของไอน่าทำให้มอนสเตอร์ต้องถอยออกไป ฉันได้กอดไอน่าที่ทำเสียงน่ารักเอาไว้
อ่า แน่นอนว่ายุยก็นั่งข้างหน้าต่างถัดไปจากฉัน
"หนูเป็นห่วงจังว่าเด็กๆของหนูจะปลอดภัยในฟิลิปปินส์...."
ยุยได้มองออกไปนอกหน้าต่างและพึมพัมออกมาด้วยความกังวล แต่แม้อย่างนั้นก็มีแค่เมฆเท่านั้นที่เรามองเห็น
"ยุยกำลังเป็นเรื่องเรื่องพวกตั๊กแตนหรอ"
"ใช่แล้ว พวกนั้นยังเด็กอยู่เลย...หนูก็เลยกังวลเล็กน้อย"
แม้ว่าจะมีพวกตั๊กแตนที่ตายไปบ้านในตอนที่ปีนขึ้นมาในดันเจี้ยน แต่ว่าตั๊กแตนส่วนใหญ่ก็รอดและเติบโตขึ้นมากับยุย ด้วยบัฟที่ยุยสามารถจะร่ายได้ในฐานะของผู้ฝึกมอนสเตอร์ทำให้ตั๊กแตนแต่ละตัวมีพลังเทียบเท่าได้กับมอนสเตอร์ระดับ S ฉันอดที่จะสั่นไม่ได้เลยเมื่อคิดว่าพวกนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเมื่อพวกนั้นโตเต็มวัย แม้แต่ในตอนนี้ตั๊กแตนพวกนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย
"ไม่ต้องห่วงหรอ พวกนั้นทั้งหมดก็โตขึ้นมามากแล้ว"
"พวกหนูๆเหล่านั้นก็แค่โตแต่ตัว จิตใจพวกนั้นยังคงเป็นเด็กเลย"
"มันจะไม่เป็นไร เจ้าพวกนั้นเติบโตขึ้นมาโดยที่แยกจากแม่นะ"
"แต่ว่าก็มีเพศหญิงอยู่มาก..."
"จริงดิ"
ฉันไม่เคยรู้เลย ขอโทษนะตั๊กแตนเพศหญิง
ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกนั้นเป็นมอนสเตอร์ที่มีชีวิตและไม่สามารถจะเก็บเข้าไปในช่องเก็บของได้เหมือนกับอันเดทของเดซี่ สำหรับในตอนที่เราต้องการเดินทางพวกเราก็จะเก็บพวกนั้นเอาไว้ในรีสอทของกิลด์ 'พื้นที่พักของนางเทวดา' ไว้ชั่วคราว จากนั้นยุยก็จะกลับเขาไปในดันเจี้ยนและพาพวกนั้นออกมาในตอนที่เธอต้องการพวกนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปดูการได้รับพื้นที่พักผ่อนของเทวดาเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม
"พวกเราจะถึงในอีกครึ่งชั่วโมง หน่อยซัคคิวบิได้เคลียร์พื้นที่ให้เราลงจอดแล้ว แต่ว่าด้วยจำนวนมอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาจากมหาสมุทรจำนวนมาก พวกซัคคิวบิก็กำลังมีปัญหาในการยื้อเอาไว้ เตรียมพร้อมเอาไว้ให้ดี ยุยอย่าลืมพาตั๊กแตนของยุยออกมาในตอนที่ยุยเห็นโอกาสด้วยนะ"
"ค่ะ พี่"
"ชิน นายพร้อมนะ"
"ไว้ใจได้เลย"
หากได้เห็นดวงตามารที่ถูกเสริมพลังด้วยเสน่ห์ของฉัน ฉันมั่นใจได้เลยว่าทุกๆคนจะต้องตกตะลึงแน่ๆ ฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าด้วยรอยยิ้ม เวลาที่ฉันจะปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเอาไว้ใกล้จะมาถึงแล้ว
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นในขณะที่เครื่องบินยังคงบินอยู่บนท้องฟ้า ฮวาหยาได้ตะโกนอย่างรวดเร็ว
"การโจมตีกำลังมา"
ทันใดนั้นด้านนอกก็ได้มีเสียงดังขี้น ในเวลาเดียวกันฮวาหยาก็ได้ทำบางอย่างทำให้มีกำแพงโปร่งใสขึ้นมาราวกับว่าเรากำลังลอยอยู่บนอากาศ ฉันได้คิดขึ้น 'แน่นอนเลยว่าเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว...' ยังไงก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้ ตอนนี้มีมอนสเตอร์มาล้อมเครื่องบินเราแล้ว
จากมอนสเตอร์ที่บินได้ในฟิลิปปินส์ทีฮาร์ปี้ อินทรียักษ์ เหยี่ยว มอนสเตอร์ที่คล้ายไดโนเสาร์ แมลงบินได้ และแม้แต่ไวเวิร์นอีกด้วย ฉันได้คิดขึ้นในทันทีว่าฉันควรจะจับตัวผู้ที่แข็งแกร่งและพามาแนะนำกับล็อทเต้ แต่ว่าฉันได้ปฏิเสธในทันทีที่หันไปเห็นล็อทเต้กำลังมองมาอย่างเย็นชาและน่ากลัว ให้ตายสิ มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกสามารถจะอ่านใจฉันได้งั้นหรอ
"การซุ่มโจมตีจากมอนสเตอร์บินได้ เดซี่เธอช่วยฉันการมันได้ไหม"
"คาน่า พร้อมนานแล้วล่ะ"
เดซี่ได้ตอบมาอย่างมั่นใจ จากนั้นทูน่าขนาดมหีมาได้ปรากฏตัวขึ้นมาในทันทีหลังจากนั้น.... ในตอนแรกฉันสงสัยว่าคาน่าาคือใคร แต่ว่ามันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไอกันธ์ หนึ่งในมอนสเตอณ์อันเดทที่แข็งแกร่งที่สุดของเดซี่
"คาน่าได้เรียนรู้วิธีโปร่งใสแล้ว เติบโตได้ดั"
เดซี่ได้เพ่นหน้าอกของเธอและแสดงท่าทางภูมิใจออกมา ฉันคิดขึ้นในทันทีว่ามอนสเตอร์อันเดทมันเติบโตได้ด้วยหรอ.... ไม่ว่ายังไงก็ตามมันน่าถึงมากที่มันสามารถจะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆได้ มันดูเหมือนว่ามอนสเตอร์ประเภทอันเดทจะพัฒนาได้จริงๆ
[ก๊าซซซซซซซซซซซซซ]
ไอกันธ์ได้ร้องออกมาทันที จากนั้นเองมอนสเตอร์ที่อ่อนแอก็ระเบิดไป มอนสเตอร์พวกนี้ไม่สามารถจะเทียบกับไอกันธ์ได้เลย
"คาน่า ส่งพวกนั้นบินออกไปเลย บีม"
ในตอนที่เดซี่ตะโกนออกมา ไอกันธ์....ไม่สิ คาน่าได้เปิดปากขนาดยักษ์ของมันและดูดอากาศรอบๆ เป็นปกติที่มอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆจะไม่สามารถต้านแรงดูดทีมีได้และถูกดูดเข้าไปในปากของคาน่า การโจมตีที่มีมาทางคาน่าส่วนใหญ่ได้หายไปตอนที่โดนแยงที่ยิงออกมาจากร่างกายของคาน่าและแม้ว่าจะมีการโจมตีที่ผ่านแสงมาได้ก็ตามแต่มันก็ไม่ระคายผิวของคาน่า มันดูเหมือนว่ามอนสเตอร์บินพวกนี้แค่ให้คาน่าจัดการก็เกินพอแล้ว
[ก๊าซซซซซซ]
ในตอนท้ายคาน่าก็ได้ยิงลำแสงขนาดยักษ์ออกมา ทุกๆสิ่งที่อยู่ในเส้นทางได้ถูกกวาดจนเกลี้ยงและมอนสเตอร์รอบๆที่รอบเราก่อนหน้านี้ได้บางตาลงอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันเคยได้ยินคำอธิบายแล้วนะ แต่ว่านี้มันเกินไปแล้ว"
"คังชินเกือบจะชนะคาน่าได้"
"นายหมายความว่ายังไงกับไอคำว่า 'เกือบ' ฉันชนะมันนะ"
"คังชินสู้กับเอลพาทิส ไม่ได้ชนะคาน่า"
"เธอ...."
ในตอนที่เรากำลังเถียงกัน คาน่าก็ได้จัดการมอนสเตอร์ที่เหลืออย่างสบายๆ พวกเราได้ไปถึงชายฝั่งได้อย่างปลอดภัยด้วยคาน่าที่เป็นคนคุ้มกันเรา
"สามีที่รัก"
"สามีที่รักมาแล้ว"
ในตอนที่เราออกมาจากเครื่องบิน ซัคคิวบิที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั้งหมดก็ได้หันมาหาฉัน ฉันสามารถจะรู้สึกได้จากหางตาว่าผู้หญิงคนอื่นๆได้หรี่ตามองมาที่ฉัน ฉันอยากจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ
"ทุกคนออกมายัง วอร์คเกอร์ล่ะ"
"ฉันอยู่นี่"
หลังจากที่ยืนยันว่าทุกคนได้ออกมาจากเครื่องบินแล้ว ฮวาหยาก็ได้เก็บเครื่องบินลงไปในช่องเก็บของ มอนสเตอร์ที่บินเข้ามาหาเครื่่องบินได้เปลื่ยนทิศทาางมาหาเราทันที แต่ว่าพวกมันก็ได้ล่วงไปด้วยเวทย์ของซัคคิวบิ
"สามีที่รักพวกเรารู้สึกเสียใจมากที่จะต้องพูดเรื่องนี้ แต่ว่าคุณช่วยมามีส่วนร่วมต่อสู้ได้ไหม เด็กๆจำนวนมากกำลังขาดมานา ดังนั้นพวกเธอจึงไม่สามารถจะจัดการมอนสเตอร์นี้ได้อย่างเด็ดขาด"
"ได้สิ ฉันจะไปเดี๋ยวนี่แหละ"
ฉันได้รีบเรียกชาราน่าในทันทีและให้เธอเข้ามาในร่างของฉัน นอกจากนี้ฉันก็ยังเรียกริยูกับไพก้าออกมา ฉันไม่ได้ให้พวกเธอเข้ามาในอาวุธของฉัน สปิริตออร่าเอาไว้ใช้กับการจัดการมอนสเตอร์แบบเดี่ยวๆเท่านั้น กับการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก ฉันต้องการเพียงแค่ชาราน่าเท่านั้น และมันจะดีกว่าหากให้ภูติธาตุตนอื่นๆแสดงรูปธรรมออกมาช่วยสู้
ฉันได้ทะยานบนท้องฟ้าและตะโกนออกมา
"มาสู้กันนี่"
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดในพื้นที่จะพุ่งเข้ามาฆ่าคุณ]
ความรู้สึกนี้ฉันเคยรู้สึกถึงมันมาก่อน มันเหมือนกับในทวีปพาแนน เป็นความรู้สึกในตอนที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกกำลังจ้องที่จะโจมตีมาที่ฉัน มันเป็นช่วงเวลาที่หัวใจฉันรัดแน่นมากที่สุด
"ตายซะ"
ในช่วงหนึ่งฉันได้ปล่อยเสน่ห์ของฉันทั้งหมดที่ฉันเก็บเอาไว้ออกมา ในตอนนั้นแม้แต่ฉันยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่น่าอัศจรรย์ ในตอนที่ฉันรู้สึกรำคาญ ดวงตามารของฉันก็ได้ถูกเสริมพลังด้วยเสน่ห์ที่มหาศาลของฉันซึ่งได้แผ่แสงสีทองและส่องออกไปที่ๆสายตาของฉันมองไป สำหรับเรื่องนี้ฉันไม่สามารถจะมีความสุขกับค่าเสน่ห์ที่สูงไปของฉันได้เลย นอกไปจากนี้
ทุกๆสิ่งในโลกได้กลายเป็นหิน
"พระเจ้า...."
ฮวาหยาได้บ่นออกมาด้วยเสียงทื่อๆ คนอื่นๆก็ยังทำได้เพียงแค่จ้องมาที่ฉันอย่างหมดคำพูด ฉันได้โบกมือและพูดออกไป
"ขอโทษนะ ฉันได้ปลดปล่อยเสน่ห์ออกมาเต็มที่นะ ดังนั้นพวกเธอไม่ควรจะมองมาที่ฉันนานๆนะ"
"อื้อ ใช่สิ... แต่ว่าชั่งเถอะ มันสายเกินไปที่จะพยายามเมินเสน่ห์ของนายแล้ว ไม่ต้องห่วง"
"อะแฮ่ม...."
ฮวาหยาได้พูดออกมาตรงๆ.... ฉันได้หันไปมองทางอื่น
"น่าทึ่ง มอนสเตอร์ทั้งหมดในที่นี่.... อ่า ตามที่หวังเอาไว้เลยสามีที่รัก"
นอกจากฉัน สมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ล มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกและหน่วยซัคคิวบิแล้วคนอื่นๆทั้งหมดได้ถูกแช่แข็งกลายเป็นหินโดยที่ทำอะไรไม่ได้
หินได้ล่วงลงสู่มหาสมุทรทำให้น้ำกระเซ็นไปทั่วทุกๆที่ บนพื้นก็มีเสียงหินตกกระแทกลงมาดังเช่นกัน
"ไพก้าเธอสามารถจะทำหายหินทั้งหมดที่เพิ่งจะตกลงมาได้ไหม"
[ฉันไม่อยากจะไปในมหาสมุทร... แต่ว่าไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว]
"ริยูเธอรู้ว่าเธอจะต้องทำอะไร ใช่ไหม?"
[ไว้ใจฉันได้เลย ฝนน้ำแข็ง]
ภูติธาตุทั้งคู่ได้พุ่งเข้าไปในพื้นที่ๆกำหนดเอาไว้และเริ่มทำลายมอนสเตอร์ที่กลายเป็นหิน จากนั้นในที่สุดคนอื่นๆก็เริ่มรู้ตัวและเริ่มทำลายมอนสเตอร์ แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
"ด้วยความเร็วแบบนี้มันไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเสร็จธุระที่ฟิลิปปินส์ได้ในเวลาแค่วันเดียวหรอกหรอ"
"ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าฉันได้ฉายานักทำลายหิน ฉันไม่เคยมีประสบการณ์การล่ามอนสเตอร์ที่น่าเบื่อแบบนี้มาก่อนเลย"
"เฮ้! อย่าลืมนะว่าทุกๆอย่างมันอยู่ในกล้อง เราจะต้องบันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของสามีที่รัก"
"ค่ะ ราชินี"
ก่อนอื่นฉันได้แย่งกล้องมาจากซัคคิวบัสที่รับคำสั่งมาจากลิโคไรท์ จากนั้นฉันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากมอนสเตอร์ที่อยู่ไกลออกไป ฉันได้คำนวณถึงระยะเวลาที่พวกเราจะเข้าสู่ในระยะของกันและกัน ฉันได้จำกัดเสน่ห์ของฉันลงไปอีกครั้ง กลิ่นที่ฉันปล่อยออกมาไปลดลงไปโดยสามารถจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า เดี๋ยวนะ นั่นไม่ได้หมายความว่ากลิ่นนี้ถึงขนาดที่่สามารถจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรอกหรอ...!?"
"แกไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วไอลูกชาย แกอยู่ได้ด้วยการกินอากาศหรือยังล่ะ"
"เงียบน่าพ่อ"
ฉันได้ตอบกลับไปสั้นๆด้วยความหงุดหงิด จากนั้นฉันก็ยกหอกกลับไป ในตอนนั้นเองเดซี่ก็บ่นออกมาอย่างเสียใจ
"มอนสเตอร์ที่เป็นหิน...ทำเป็นอันเดทไม่ได้"
"โอ้....."
ยังไม่ใช่แค่นั้น ยุยก็ยังยิ้มออกมาหมองๆและพูดขึ้น
"พี่ หนูไม่สามารถจะฝึกมอนสเตอร์ได้ในเมื่อพวกเขาเป็นหิน..."
"โอ้ อืมมม... ใช่สิ...."
การทำงานของสมองทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก จากนั้นในท้ายที่สุดฉันก็ได้รับคำตอบที่จะแก้ปัญหานี้
"ลองหามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งพอจะทนต่อการกลายเป็นหินกันดีกว่านะ"
"มันจะมีสักตัวหรอ...."
"ฉันก็ไม่รู้...."
มันราวกับว่าฉันได้ใช้ดวงตามาารอื่นครั้ง ความเงียบที่ไม่น่ายินดีได้กลับมาปกคลุมเรา ฉันอยากจะให้มันหายไปจึงตะโกนออกมาอย่างร่าเริง
"ตอนนี้เรามาลองหากันดีกว่า ฉันมั่นใจได้เลยว่าจะมีมอนสเตอร์ที่เต็มใจจะมาเป็นเพื่อนของยุย"
"ไร้ความรับผิดชอบ"
"อันเดท....อันเดทของฉัน"
"เพื่อน... ฉันจะหาเพื่อนซักคน...."
อะไรกัน เธอไม่พอใจกับผลงานของฉันงั้นหรอ เธอนี่ไม่ซื่อตรงเลยนะ