ตอนที่ 4 หญิงสาวจอมเผด็จการ
ชายชราตั้งใจจะพักผ่อน แต่เสียงของหญิงสาวภายในกำแพงแสงทำให้เขาตกใจจนกระโจนขึ้นมาจากพื้น
''ปล่อยข้าออกไป ไม่งั้นข้าจะฆ่ามัน! ''
'จบกัน จบกัน ข้าช่างโง่อะไรเช่นนี้ ข้าลืมไปได้อย่างไร! '
'ว่าไอ้หนุ่มขืนใจหญิงสาวผู้นี้! '
ในใจเต็มไปด้วยความสำนึกผิด เขาหวังเพียงจะตบหน้าตัวเองดังๆ ชายชรารีบถอนเก็บกำแพงแสงสิ่งที่ปรากฏหลังจากนั้นทำเอาเขาตกใจสุดขีด
หญิงสาวผู้สวมใส่กระโปรงสั้นเปล่งรังสีแห่งความแข็งแกร่งเผด็จการ แต่ที่น่าตกใจที่สุดคงหนีไม่พ้นลักษณะพิเศษทั้งสองของสัตว์อสูร
'สัตว์อสูรแปลงกาย!?? '
'อะไรวะ!? ข้าจะตายที่นี่จริงๆ รึ!!!??? '
นี่คือความคิดแรกในใจของชายชรา สัตว์อสูรแปลงกายคือตัวตนที่เทียบได้กับนักเชิดหุ่นไร้กาล การกำจัดนักเชิดหุ่นขั้นตำนานอย่างเขาง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
ไม่นานนักเขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงตกตายไปนานแล้วและไม่มีทางลักพาตัวนางมาถึงที่นี่ได้
แต่หากไม่ใช่สัตว์อสูรแปลงกาย... แล้วจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร?
''เอ่อ... นั่น... ศิษย์ของข้าเขา...''
ชั่วขณะหนึ่ง ชายชราไม่อาจทำความเข้าใจได้
''เจ้าไม่ต้องเดา ข้าคือสัตว์อสูรจริงแท้แน่นอน สำหรับเหตุผลที่เหตุใดข้าจึงอยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องรู้ แต่เรื่องที่ข้าช่วยเขาไว้เป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นข้าต้องการค่าตอบแทน''
สงบนิ่ง! สงบนิ่งเกินไปแล้ว!
สิ่งที่ชายชราคิดเป็นอันดับแรกหาใช่ความหวาดกลัวไม่ หากแต่เป็นความจริงที่ว่าหญิงสาวคนนี้คือสัตว์อสูรไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะสามารถอดทนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ...
''ค่าตอบแทนอันใดที่ข้าสามารถมอบให้กับตัวตนเช่นเจ้าได้? ''
ชายชรากลืนน้ำลายไปอึกหนึ่งและถามออกมาอย่างระมัดระวัง
เขาไม่อาจที่จะไม่กลัวได้ ที่นี่คือเทือกเขาไร้ขอบเขตบ้านของนาง นางผู้เป็นสัตว์อสูร หากนางไม่พอใจแม้แต่ศพของชายชราก็เกรงว่าจะอยู่ไม่ครบ!
''เจ้ากล้าพาขยะตัวหนึ่งมาถึงเทือกเขาไร้ขอบเขต เจ้าสมควรจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโลกมนุษย์ข้าต้องการสถานะที่เหมาะสมในโลกมนุษย์ หากเจ้าช่วยข้าได้ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองกลับไปอย่างปลอดภัย''
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่น่าสงสารถูกคน... ไม่สิ ถูกสัตว์อสูรที่เพิ่งทำกิจกรรมของสามีภรรยาเรียกว่าขยะ...
ม่านตาของชายชราหดลง เขาสามารถทำตามที่สัตว์อสูรเรียกร้องได้เพียงแต่เขาเป็นกังวลว่าสัตว์อสูรตนนี้จะทำอันตรายต่อมนุษย์
''เจ้าไม่มีเวลาให้ลังเล ถึงข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ หากแต่เพียงข้าปรารถนา อย่างน้อยสัตว์อสูรระดับราชันสิบตนจะมาตามคำเรียกร้องของข้า แม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิข้าก็เรียกมาได้ จงตอบตกลงหากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่! ''
คำพูดของนางเต็มไปด้วยการข่มขู่ ชายชราไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อคำพวกนั้น สัตว์อสูรที่นางเอ่ยถึงมีพลังพอที่จะบดขยี้เขากลายเป็นปุ๋ย
''ข้าสามารถแนะนำสถานที่ที่จะปกปิดตัวตนของเจ้า หลังจากเจ้าออกจากที่นั่น เจ้าสามารถกลายเป็นใครก็ได้ตามเจ้าต้องการ''
ครั้งนี้ชายชราไม่ลังเลเพราะเขาหวาดกลัวอย่างแท้จริงว่านางจะทำตามที่ขู่ เขารีบหยิบจดหมายสีทองออกมาจากแหวนของเขา
หลังจากเอาออกมันออกมา เขาหวังเพียงจะตบหน้าตัวเขาเอง
'บัดซบ! ข้าหยิบผิดซอง!! '
หญิงสาวก้าวเดินด้วยท่าทางประหลาด เมื่อมาถึงตรงหน้าชายชราก็พลันหยิบจดหมายนั้นไป นางอ่านผ่านๆอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงจ้องชายชราอย่างเย็นชา
''พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องชดใช้สำหรับเรื่องในวันนี้! ''
หลังจากกล่าวเสร็จ นางเงยหน้าขึ้นผิวปาก ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ป๋ายเสี่ยวเฟย สายตาคู่นั้นจ้องเขาอยู่นาน
ผ่านไปสักพักเห็นเสือดาวลวดลายสีเขียวตัวหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล มันก้มหัวคำนับหญิงสาวด้วยความเคารพสูงสุดหญิงสาวขึ้นไปขี่บนหลังของมันและหายไปอย่างรวดเร็ว
ชายชราถอนหายใจยาวเยือก แผ่นหลังของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
เสือดาววายุระห่ำ สัตว์อสูรระดับราชา หากชายชราไม่ได้เห็นกับตาเขาคงไม่มีทางเชื่อว่าสัตว์อสูรดุร้ายอย่างมันจะมีด้านเชื่องกับเขาด้วย!
สัตว์อสูรภายในทวีปมีทั้งหมดเก้าระดับจากต่ำไปสูง ป่าเถื่อน พิสุทธิ์ วิญญาณ ประจักษ์ ราชา ราชัน จักรพรรดิ แปลงกายและเทวะ
ในระหว่างพวกมัน สัตว์อสูรแปลงกายเป็นตัวตนที่ยากจะพบเห็น มีเพียงไม่กี่ตนบนโลกใบนี้ สำหรับสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับนักเชิดหุ่นระดับนิรันดร์ เป็นตัวตนที่มีอยู่ในทางทฤษฎีเท่านั้น
สัตว์อสูรระดับราชากล่าวได้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับสูง
และที่หญิงสาวพูดว่านางสามารถเรียกสัตว์อสูรระดับราชันได้ดูเหมือนจะไม่ใช่คำโป้ปด!
ในระหว่างที่ชายชรากำลังเป็นกังวล ความคิดพวกนั้นค่อยๆ หายไป เขานึกภาพที่หญิงสาวที่เดินด้วยท่าทีประหลาด
'สมกับที่เป็นศิษย์ของข้าเทียนจี เล่นงานเจ้าสัตว์อสูรนั่นซะอ่วม... ฮ่าๆๆๆๆ '
ป๋ายเสี่ยวเฟยหลับในสภาพเปลือยกายทั้งคืน ในช่วงเวลารุ่งสาง ลมหนาวเย็นเยียบจากป่าพัดโชยมาหาเขาจนเขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
''อะไรของนังปิศาจนั่น!!! ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกระโดดขึ้นจากพื้นและตระโกนเสียงดัง
''แค่ฝันร้ายหรอกรึ...ทำข้าตกใจหมด...''
ป๋ายเสี่ยวเฟยก้มหน้ามองสภาพตนเองจากนั้นจึงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร...
''ไปตายซะไอ้แก่โรคจิต! เจ้าทำอะไรกับข้า! ข้ายังเป็นแค่เด็กแท้ๆ! ข้าจะฆ่าเจ้า!!! ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกระโจนเข้าใส่ชายชราทั้งน้ำตา เขาพลันรู้สึกว่าร่างกายของเขามีอะไรบางอย่างแปลกไปร่างของเขาเคลื่อนตัวออกไป ใบหน้าล้มคะมำพื้น
ไม่มีทางที่ขาของเขาจะไม่เหนื่อยล้าหลังจาก''ต่อสู้''กับสัตว์อสูรนานขนาดนั้น!
ป๋ายเสี่ยวเฟยสัมผัสได้ถึงผ้าที่ถูกโยนใส่เขา ตามด้วยเสียงแผ่วเบาของชายชราเทียนจีที่ได้ยินมาแต่ไกล
''หยุดความคิดสัปดนของเจ้าเสีย ข้าเทียนจีมีชื่อเสียงเรื่องผู้หญิง ถึงเจ้าจะมีใบหน้าสวยงามดุจสตรีก็ไม่มีประโยชน์''
หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยใจเย็นลง เขาถอนหายใจยาวเหยียดและรีบสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ ในขณะที่ทำเช่นนั้นเขาถามถึงเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับพรหมจรรย์ของเขา
''แล้วเสื้อผ้าของข้าหายไปไหน? ''
''พิษกำหนัดกำเริบภายในตัวเจ้า ข้าจึงพาสัตว์อสูรแปลงกายเพื่อรักษา พวกเจ้าระเริงจนมืดค่ำ และเสื้อผ้าถูกฉีกขาดจนเหลือเพียงเศษผ้า''
เทียนจีชี้นิ้วไปยังเศษผ้าที่อยู่ใกล้ๆ หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่าเป็นผ้าที่มาจากเสื้อของชายหนุ่มและหญิงสาว
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ทันสังเกตเห็น
''เจ้าคิดว่าศิษย์ของเจ้าโง่หรืออย่างไร? สัตว์อสูรแปลงกาย? นั่นคือระดับที่เทียบเท่าได้กับนักเชิดหุ่นไร้กาล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีสัตว์อสูรเช่นนั้นอาศัยอยู่ในเทือกเขาไร้ขอบเขตหรือไม่ หากมันพบพวกเราเข้าพวกเราไม่มีทางรอดจนถึงป่านนี้! ''
''เจ้าอยากเชื่อก็เชื่อไม่อยากก็ตามใจ สั่งที่ข้าพูดคือความจริง''
เทียนจีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเพราะขนาดเขาเองยังรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย
''แต่ไอ้หนุ่ม เจ้าไม่คิดหรือว่าเจ้าล้ำเส้นเกินไป? ''เทียนจีกล่าวเสียงเย็นชา
ป๋ายเสี่ยวเฟยเข้าใจถึงความผิดพลาดโดยฉับพลัน ที่นี่ไม่ใช่หุบเขาวีรบุรุษและคนข้างหน้าก็ไม่ใช่พ่อหรือแม่บุญธรรมของเขาด้วย แต่เขาคืออาจารย์ที่อาจจะสังหารเขาได้ทุกเมื่อ!
ป๋ายเสี่ยวเฟยขยับเขยื้อนอย่างว่องไวไปข้างหลังชายชรา เขาเริ่มนวดไหล่ด้วยความชำนาญ
''ท่านอาจารย์โปรดอย่าโกรธา ศิษย์เพียงดีใจเกินไปที่สามารถใช้ปราณกำเนิดได้อีกครั้งทำให้ศิษย์เผลอพูดจาเหลวไหล ศิษย์ของท่านจะไม่มีวันลืมความเมตตาที่ท่านอาจารย์ประทานให้ เพื่อท่านแล้วไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่หวั่น! ''
เทียนจีหัวเราะอย่างพอใจจากคำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟย
''เด็กน้อย ปราณกำเนิดเจ้ายังใช้ไม่ได้แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาที่เทือกเขาไร้ขอบเขต? ''
เทียนจีรับป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นศิษย์แต่เขายังไม่รู้ถึงความเป็นมาของป๋ายเสี่ยวเฟย
''ข้าไม่ได้มาที่เทือกเขาไร้ขอบเขต ข้าออกมาจากข้างในต่างหาก''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติชายชราเทียนจีตาเบิกกว้าง
''เจ้าออกมาจากข้างใน?! จากหุบเขาวีรบุรุษ!? ''
ชายชราหันหัวไปมอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
''เจ้ามาจากหุบเขาวีรบุรุษ!? ''
''ถูกแล้วท่านอาจารย์ ทำไมหรือ? ท่านรู้จักที่บ้านนอกอย่างหุบเขาวีรบุรุษด้วย? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ตกใจเหมือนกัน
''เจ้ามีตราวีรบุรุษอยู่กับตัวหรือไม่? ''
''ท่านหมายถึงเจ้านี่? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยิบตราวีรบุรุษออกมาจากเสื้อ มันมีตัวอักษรโบราณ 英 และ 雄 เขียนอยู่บนล่าง (แปลว่าวีรบุรุษ) ใบหน้าของชายชราขึงขัง เขารับตรามาจากป๋ายเสี่ยวเฟย จ้องสักพักแล้วจึงยื่นกลับคืน
''เจ้าต้องเก็บรักษามันให้ดี อย่าเอาออกมาให้ใครเห็นและอย่าบอกใครว่าเจ้ามาจากที่นั่น! ''
เขาจ้องหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างเคร่งเครียด
''ท่านอาจารย์อย่าเป็นกังวล พ่อแม่บุญธรรมของข้าได้บอกข้าเรื่องนี้หลายรอบ ที่ข้าบอกท่านเพราะท่านไม่ใช่คนนอก''
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะอย่างมีเลศนัย ฉวยโอกาสยกยอปอปั้นชายชรา
ในความเป็นจริงเขาได้ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว แน่นอนว่าชายชราไม่มีทางรู้
ฉะนั้นชายชราจึงรู้สึกตื้นตันอย่างสุดซึ้ง...
เทียนจีถาม
''เช่นนั้นเจ้าจากหุบเขาวีรบุรุษเพราะเหตุผลอันใด? เจ้าคงไม่ได้ออกมาเพื่อเดินเล่นใช่หรือไม่? มันไม่ง่ายเลยที่จะกลับเข้าไป''
''ข้าออกมาเพื่อล้างแค้นให้พ่อแท้ๆ ของข้าซึ่งข้าไม่เคยพบเจอ อ้างอิงจากพ่อแม่บุญธรรมของข้า พ่อข้าเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่หากแต่สาเหตุการตายของเขาไม่แน่ชัด พวกเขาขอให้หาออกมาสืบสวนและข้าสามารถกลับได้เมื่อรู้ข้อเท็จจริง''
ไม่มีร่องรอยความเสียใจบนใบหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย อย่างที่เขากล่าว เขาไม่มีความประทับใจใดๆ ต่อพ่อของเขา สิ่งเดียวที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของพวกเขามีเพียงเสี่ยวเอ้อ หุ่นเชิดมีชีวิตที่ผูกมัดกับเขาไว้ตั้งแต่แรกเกิด
''วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่? ป๋าย...''
ม่านตาเทียนจีหดลง เขามีสีหน้าครุ่นคิดไม่นานนัยน์ตาทั้งคู่ก็เบิกกว้าง ชายชราจับไหล่ป๋ายเสี่ยวเฟยแน่น มือทั้งคู่สั่นไหว
''พ่อของเจ้าชื่อป๋ายหลงเฟยใช่หรือไม่!? ''
''อาจารย์ท่านสงบลงก่อน ท่านทำข้าตกใจ! ''
ชายชราเทียนจีรู้ว่าตนสูญเสียความสุขุม เขารีบปล่อยมือจากไหล่ป๋ายเสี่ยวเฟย แต่ความตื่นเต้นภายในตาของเขาไม่มีทีท่าจะจางลง
''พ่อของเจ้าใช่ป๋ายหลงเฟยใช่หรือไม่!? ตอบข้า!! ''
ชายชราเทียนจีถามอีกครั้ง ตาทั้งคู่จ้องเขม็งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจนเขารู้สึกด้านชาที่หนังหัว
ป๋ายเสี่ยวเฟยพยักหน้า ''พ่อแม่บุญธรรมของข้าบอกข้าว่าเขาชื่อป๋ายหลงเฟย''
หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบ เสียงหัวเราะของชายชราดังไปทั่วท้องฟ้าสามที นัยน์ตาทั้งสองปรากฏร่องรอยของน้ำเมื่อเขามองหันหน้ามามองป๋ายเสี่ยวเฟย
''หลายปีผ่านไปโดยมีคนมากมายปล่อยข่าวลือต่างๆ นานา แต่ข้าไม่มีข่าวลือไหนที่ข้าเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ข้าจะได้มาเจอกับลูกของเจ้า''
''ฟ้าลิขิต! มันเป็นโชคชะตา! ''
ถึงป๋ายเสี่ยวเฟยจะไม่รู้เหตุผลของความโศกเศร้าในใจชายชรา แต่เขาสามารถสัมผัสมันได้เพราะเมื่อพ่อแม่บุญธรรมของเขาเอ่ยถึงพ่อของป๋ายเสี่ยวเฟยพวกเขาก็มีน้ำเสียงเช่นนี้เหมือนกันป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง เขาถามเสียงค่อย
''ท่านอาจารย์ ท่านรู้จักพ่อของข้า? ''
''ข้าคงรู้จักป๋ายหลงเฟยไม่มากไปกว่าพ่อแม่บุญธรรมของเจ้า แต่ข้าสามารถบอกสถานที่ให้เจ้าได้! ''
ชายชราเทียนจีหยุดครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาทั้งคู่จะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น...