ตอนที่ 2 กลายเป็นศิษย์? ให้ตายเถอะ!
ชายชราไม่อาจปกปิดอารมณ์ยินดี เขาจับมือป๋ายเสี่ยวเฟยแน่นหลังจากหัวเราะจนพอใจ
เขาถาม
''เจ้าเคยกินสิ่งแปลกๆ หรือไม่?
เป็นคำถามที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยสะดุ้ง
'เขารู้ได้อย่างไร...? '
''ใช่... ตอนข้ายังเด็ก ข้าเคยกินผลไม้สีแดงชาดที่ข้าเจอตรงขอบหน้าผา จากนั้นข้าก็เป็นไข้นอนซมสามวัน พอหายไข้ข้าก็ไม่สามารถควบคุมปราณของตนเองได้ เสี่ยวเอ้อเป็นหุ่นเชิดก่อนที่ข้าจะเป็นเช่นนี้''
ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบตามความจริง ความคาดหวังพลันอุบัติขึ้นมาในใจ
ในโลกที่นักเชิดหุ่นเป็นใหญ่ ไม่มีใครอยากจะเป็นคนพิการที่ไม่อาจควบคุมปราณกำเนิด
'ถ้าเขาสามารถช่วยข้าได้...'
''ประเสริฐ! ''
รอยยิ้มของชายชรากว้างขึ้นกว่าเดิม
''เหตุผลที่เจ้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงปราณกำเนิดของตนเองได้นั้นเป็นเพราะผลไม้จากสวรรค์กำเนิด แต่ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไปจึงไม่สามารถรองรับปราณกำเนิดได้มากขนาดนั้น หลังจากมีปราณกำเนิดเต็มขีดจำกัด ร่างกายของเจ้าจึงได้ปิดผนึกมันไว้''
เป็นครั้งแรกที่มีคนอธิบายถึงสาเหตุของอาการผิดปกติ พ่อแม่บุญธรรมของเขาตระเวนหาอ่านหนังสือมากมายเพื่อหาวิธีรักษา แต่พวกเขาไม่เคยหาเจอ
''ตามจริงแล้วร่างกายของเจ้าควรจะระเบิดเนื่องจากปราณที่มากเกินไป เหตุใดเจ้ายังมีชีวิตอยู่? ''
ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของชายชราเมื่อเขากล่าว เพียงไม่ช้าก็หายไป
''ใครจะไปสน! หากเจ้ายังมีชีวิตอยู่แค่นั้นก็เพียงพอ! ยิ่งมาเจอข้ายิ่งยอดเยี่ยมไปใหญ่! ''
ชายชราผู้ชื่นชอบการพูดเองเออเองหัวเราะอีกครั้งในขณะที่เขาจ้องหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง
''ผู้อาวุโส... ข้า...''
แววตาดุดันของชายชราเป็นเหตุให้เส้นผมของป๋ายเสี่ยวเฟยชูตั้ง รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
''มีเพียงวิชาฝึกปรือสองอย่างเท่านั้นในโลกใบนี้ที่สามารถช่วยเจ้าได้ อย่างแรกคือวิชาเทพจันทราจากจักรวรรดิเย่ฮวาแต่มันเป็นวิชาลับ มีคนน้อยกว่าสิบที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะฝึกปรือมันได้''
''วิชาที่สองคือเคล็ดวิชาเทวะฉบับบกพร่องซึ่งข้าได้ค้นพบเมื่อครั้นเยาว์วัยและยังเป็นวิชาที่ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่ออนุมานให้มันสมบูรณ์ ประกายแสงสุริย''
ร่องรอยแห่งความภาคภูมิปรากฏขึ้นบนหน้าของชายชราก่อนที่เขาจะเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
''แล้ว... ยังคิดจะปฏิเสธอยู่อีกรึ? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากเย็น เขายอมรับว่าเขาหวั่นไหว แต่สัญชาตญาณสั่งให้ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดอย่างรอบคอบ เนื่องจากประสบการณ์ที่ได้รับการสั่งสอนอย่าง'ทารุณ'โดยพ่อบุญธรรมของเขา ทำให้เขารู้ว่าโชคลาภไม่มีทางหล่นมาใส่หัวเขาง่ายๆ!
''ท่านพูดว่ามันเป็นวิชาฉบับบกพร่องที่ท่านอนุมานให้มันสมบูรณ์? ท่านหมายความว่าไม่มีใครเคยฝึกวิชานี้มาก่อน? ''
ชายชราแข็งค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
''นั่นเป็นเพราะไม่มีใครมีคุณสมบัติมากพอ! ''
ชายชราเชิดคางขึ้นหมายจะปกปิดความไม่มั่นใจในสายตาของเขา
''ท่านหมายความว่าวิชานี้ต้องการคุณสมบัติหลายอย่าง? ''
ชายชรากลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
''เป็นเรื่องปกติสำหรับวิชาเทวะที่ต้องการคุณสมบัติของผู้ฝึกหลายอย่าง! ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยที่แสนฉลาดสังเกตเห็นทุกรายละเอียดของชายชรา แต่ใบหน้าของเขาไม่ปรากฏให้เห็นถึงความปั่นป่วน
''ความจริงแล้วเคล็ดวิชานี้ยังไม่สมบูรณ์ใช่หรือไม่ ผู้อาวุโส? ''
ชายชราไม่อาจทนได้อีกต่อไป หากเขาปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวเฟยถามต่อไปเรื่อยๆ แผนการของเขาต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่นอน
''บัดซบ! เจ้าอยากเรียนหรือไม่เรียน! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! นอกจากกลายมาเป็นศิษย์ข้าหรือจะเป็นคนพิการ เลือก! ''
แต่ชายชราร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเสียได้
ผลึบ
โดยไม่ปล่อยให้ชายชราได้มีโอกาสพูด ป๋ายเสี่ยวเฟยคุกเข่าลงพื้นอย่างแรงตามด้วยโขกหัวสามครั้ง
''ศิษย์ป๋ายเสี่ยวเฟย คารวะท่านอาจารย์! ข้าภาวนาให้ท่านอาจารย์มีอายุยืนยาวไปอีกนับร้อยปี! สมรรถนะทางร่างกายสมบูรณ์พร้อม! ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวเน้นย้ำคำว่า'สมรรถนะทางร่างกาย' เพื่อส่งสัญญาณให้ชายชรารู้ตัวว่าบนอาภรณ์ของเขายังมีดินทรายติดอยู่และเขาควรจะประพฤติให้เหมาะสม!
แต่ชายชรากลับไม่รู้ตัว ใบหน้ายิ้มกระหยิ่มด้วยความพึงพอใจ
''ประเสริฐ! ประเสริฐ! มาๆ ข้าจะมอบของขวัญให้เจ้า''
หลังจากพูดจบ ชายชราจ้องมือขวาของเขาอยู่นานจนในที่สุดก็เลือกที่จะถอดแหวนเล็กๆ ในนิ้วก้อยออกมาและยื่นมันออกไปให้ป๋ายเสี่ยวเฟย
''รับไป! มันคือแหวนมิติ ข้างในมีช่องว่างอยู่หนึ่งร้อยตารางเมตร ข้าตัดการเชื่อมต่อกับมันแล้วเพราะงั้นเจ้าแค่ใส่ปราณกำเนิดเข้าไปในเลือดของเจ้าและหยดลงใส่แหวนมันก็จะเป็นของเจ้า''
ป๋ายเสี่ยวเฟยเหม่อลอยจองหน้าชายชราอยู่นาน
'ไอ้แก่! เจ้าล้อข้าเล่นหรืออย่างไร!? ทำไมไม่รักษาข้าก่อน!! '
''ท่านอาจารย์ แหวนวงอื่นของท่านก็เป็นแหวนมิติเช่นนั้นหรือ? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกะพริบตาปริบๆ นิ้วชี้ไปที่มือของชายชราพลางทำสีหน้าใสซื่อ
''เอ่อ... ก็ใช่ แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ไม่มีวงไหนดีเท่าของเจ้า เพราะเจ้าคือศิษย์คนเดียวของข้านี่เนอะ ข้าจึงให้เจ้าในสิ่งที่ดีที่สุด''
ชายชราทำสีหน้าน่าสมเพช คำพูดไม่น่าเชื่อถือสักนิด
''จะว่าไปเจ้ายังไม่สามารถโคจรปราณกำเนิดใช่หรือไม่? มาๆ เดี๋ยวข้ารักษาให้เอง''
ชายชรารีบเปลี่ยนเรื่อง มือของเขาส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง ชั่วครู่ให้หลังพลันปรากฏคัมภีร์เก่าแก่เล่มหนึ่ง ภายในคัมภีร์เขียนไว้ซึ่งคำอธิบายอันยาวเหยียดของการฝึกวิชา ข้างบนสุดมีคำแนะนำที่เขียนด้วยลายมือไม่สอดคล้องกับคุณภาพของคัมภีร์
''ข้าไม่เชี่ยวชาญเรื่องขีดเขียนเท่าไหร่ อ่านเท่าที่เจ้าอ่านได้ไม่เข้าใจตรงไหนค่อยถามข้า''
ชายชราส่งคัมภีร์ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยในท่วงท่าไม่สนใจไยดีราวกับว่าคัมภีร์นั้นเป็นเพียงขยะไร้ค่าและไม่ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะมองอย่างไรคัมภีร์นี้ก็ไม่เหมือนคัมภีร์เคล็ดวิชาเทวะแม้แต่น้อย
เคล็ดวิชาสำหรับฝึกปรือปราณกำเนิดภายในทวีปถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ จากต่ำไปสูงมีระดับ กำเนิด มนุษย์ วิญญาณ เหลือง ดำ ปฐพี สวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์และเทวะ
โดยปกติแล้วระดับของเคล็ดวิชาจะส่งผลแค่ความเร็วในการควบแน่นปราณกำเนิดเท่านั้น อย่างไรก็ตามเคล็ดวิชาบางอันก็มีผลข้างเคียงพิเศษด้วยเช่นเคล็ดวิชาเทพจันทราที่ชายชราได้เอ่ยถึงซึ่งวิชานั้นมีผลข้างเคียงเป็นการฟื้นฟูระดับสูง
''มองข้าทำไม? ไปฝึกวิชา! ไม่มากนักหรอกที่ข้าจะว่างยืนคุ้มกันให้เจ้าได้''
ชายชรามีสีหน้าประหลาดปนสับสนหลังเห็นว่าป๋ายเสี่ยวเฟยยืนนิ่งเป็นเวลานาน แต่คนที่สับสนว่าหาใช่ใครอื่นนอกจากป๋ายเสี่ยวเฟย
''ท่านอาจารย์... ท่านจะไม่สอนเคล็ดลับในการฝึกให้ศิษย์หน่อยหรือ? ''
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว ทั้งคู่ยืนจ้องตากันอยู่นาน
''แค่กๆ วิชาที่อาจารย์ฝึกบังเอิญว่ามันไม่สามารถเข้ากับเคล็ดวิชาประกายแสงสุริย การให้คำแนะนำเจ้าในการฝึกรังแต่จะส่งผลเสีย เหตุนั้นเองศิษย์ข้า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน''
ชายชราตบบ่าป๋ายเสี่ยวเฟย ใบหน้าขึงขังราวกับว่าได้มอบหมายภารกิจอันยิ่งใหญ่
ในระหว่างนั้นมรสุมพายุก่อตัวขึ้นในใจป๋ายเสี่ยวเฟย
'บัดซบ! วิชาที่เจ้าฝึก'บังเอิญ'เข้ากันไม่ได้กับวิชานี้? แต่เจ้ายังบังอาจอนุมานส่วนที่เหลืออีกรึ!? เจ้าไม่คิดถึงความรู้สึกศิษย์ของเจ้าบ้างหรือไร?! '
'แล้วจะให้ข้าฝึกอย่างไรเล่า!!! '
ป๋ายเสี่ยวเฟยขุ่นเคืองจนตัวสั่น เขารู้เป็นครั้งแรกในชีวิตว่าเขาไม่ใช่คนที่ไร้ยางอายที่สุดในโลก
''อย่าเพิ่งใจร้อนศิษย์ข้า การฝึกปรือวิชานี้ห้ามเร่งรีบต้องค่อยเป็นค่อยไป หาไม่แล้วเจ้าอาจถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้! ''
ชายชราผู้เข้าใจสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดรีบให้กำลังใจเขา
''ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าไม่มีทางตายเมื่อมีข้าอยู่ใกล้ๆ อีกอย่างเทือกเขาไร้ขอบเขตเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติจากธรรมชาติ การปกป้องเจ้าในที่แห่งนี้ไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด''
คำปลอบประโลมของชายชราเป็นสิ่งที่ไร้ความน่าเชื่อถือที่สุดในโลก ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นก่อนที่เขาจะเปิดคัมภีร์อย่างช้าๆ
เป็นตายแล้วแต่สวรรค์กำหนด!!!