ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 กลายเป็นศิษย์? ให้ตายเถอะ!

ตอนที่ 1 เจ้าคล้ายจะมีพรสวรรค์


เทือกเขาไร้ขอบเขตคือตัวตนที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวหากมีใครเอ่ยถึงมัน คือสถานที่ที่คนธรรมดาไม่ควรเข้าใกล้ หากแต่ในวันนี้ เทือกเขาอันน่าเกรงขามกลับไม่ได้เงียบสงบอย่างเคย

มี 'มนุษย์วิหค' คนหนึ่งกำลังพยายามกระพือปีกอย่างยากลำบากกลางอากาศ แต่มันกลับเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะเขาได้กระแทกเข้ากับต้นไม้เสียแล้ว

''บัดซบ! ลืมเรื่องการลงจอดไปเลย ยังดีที่สวรรค์เมตตาให้ข้าเกิดมาพร้อมกับโชคอันยิ่งใหญ่''

ป๋ายเสี่ยวเฟยอดทนต่อความเจ็บปวดในขณะที่เขาก้มหมอบอยู่บนพื้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

''ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ!!! '' เขากล่าว จากนั้นหัวเล็กๆ สีขาวดำปะปนกันไปโผล่ออกมาจากเสื้อหลวมๆ ของเขา มันเลียใบหน้าของเขาอย่างตะกละตะกลาม

อย่างน่าตกใจ สิ่งมีชีวิตนั้นก็คือลูกสุนัขฮัสกี้!

ดูเหมือนว่ามันสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเจ้านาย มันจึงหอนออกมา ''โบร๋ววววว!!! ''

''เสี่ยวเอ้อ รีบไปสำรวจรอบๆ ดูว่ามีอาหารไหม พวกเรายุ่งมาทั้งวัน ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย''

ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบหัวเสี่ยวเอ้อ และดึงมันออกมาจากเสื้อของเขาจากนั้นจึงวางมันไว้กับพื้น หลังจากปล่อยมือ เสี่ยวเอ้อเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งทันที มันหายตัวเข้าไปในพุ่มไม้ภายในพริบตา

หากแต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีท่าทีจะเป็นกังวลเลยสักนิด เขาเพียงเฝ้ารอเสี่ยวเอ้อกลับมาด้วยท่าทีสบายๆ

''อ๊า''

''บัดซบ! หมาใครวะ!! ??''

ทันใดนั้นพลันมีสียงตะโกนของผู้ชายและผู้หญิงออกมาจากพุ่มไม้ ตามด้วยชายชราคนหนึ่งยืนขึ้น เขาใส่เสื้ออย่างเร่งรีบ

ด้วยความตกใจ เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งกลับเข้าไปในอ้อมแขนของป๋ายเสี่ยวเฟย

ป๋ายเสี่ยวเฟยกับชายชราจ้องตากันด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ป๋ายเสี่ยวเฟยพยายามทำสีหน้าปกติ แต่ข้างในเต็มไปด้วยพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจ

เจ้าเสี่ยวเอ้อที่ราดตระเวนไปทั่วอย่างกล้าหาญในหุบเขาบรรพบุรุษซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายแต่ต่อหน้าชายชราคนนี้ มันกลับวิ่งหางจุกตูดกลับมาหาเขาอย่างขี้ขลาด

''เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร! ? ''

ชายชราเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เขาพูดอย่างดุร้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับว่าจะกลืนกินป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งเป็น

ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไป ปั้นหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงพูดจาสรรเสริญชายชราในรวดเดียว

''ผู้อาวุโส ข้าเพิ่งเดินทางจากบ้านเกิดของข้าที่อยู่ห่างไกลข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านคือใคร แต่เพียงแค่มองข้าก็สามารถบอกได้ว่าท่านเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี ไม่ว่าอยู่ที่ใดท่านจะเป็นดั่งดวงดาวที่ทอประกายท่ามกลางผู้คน! ''

ชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้

'ในเมื่อมันไม่รู้ว่าข้าคือใคร ปัญหานี้จะแก้ไขได้โดยไม่ยาก'

''แค่กๆ เมื่อครู่... นั่นคือ...''

ใบหน้าของชายชราผ่อนคลายและถูกแทนด้วยความเขินอายจากนั้นเขาเปิดปากพูดอย่างตะกุกตะกัก ในระหว่างที่เขากำลังคิดว่าจะอธิบายเช่นไรดี ป๋ายเสี่ยวเฟยก็เป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือเขาด้วยการพูดว่า

''เมื่อครู่ข้าเห็นท่านกำลังตั้งใจฝึกวิชาอยู่ ทุกๆ การเคลื่อนไหวก่อให้เกิดการสะเทือนของท้องนภาและผืนปฏพี ทำให้สัตว์อสูรระดับสูงแถวนี้ล้วนต้องหมอบศิโรราบ''

'ข้าเคยพบเจอคนที่โกหกมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนที่สามารถพูดโกหกได้ราวกับว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง โดยไม่มีความกระดากปากสักนิด'

'เป็นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์นัก!

'ชายชราตัดสินใจเล่นไปตามน้ำ

''จะ... เจ้าพูดถูกแล้ว! แต่มันอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่หากมีคนรู้ว่าข้าฝึกวิชานี้...''

''ข้าเข้าใจ! ข้าเพียงนอนกลางวันที่นี่และฝันเห็นปรมาจารย์เท่านั้น! ''

''ใช่แล้ว เป็นอย่างที่เจ้าพูด! ''

ชายชราอดไม่ได้ที่จะปรบมือยินดีราวกับเด็กทารก แต่หลังจากรู้ว่าตนเสียกิริยาไปเขาก็กลับมาทำหน้าตาเคร่งเครียด

''แค่กๆ เอ่อ... การพบกันของพวกเราต้องเป็นลิขิตจากฟ้า จากที่ข้าเห็นเจ้านั้นเป็นชายหนุ่มมากพรสวรรค์ ดังนั้นข้าจะให้โชคลาภเล็กน้อยแก่เจ้า''

หลังจากชายชราพูดจบ แสงพลันส่องสว่างบนฝ่ามือ จานโออ่าหลากสีที่ประดับไว้ด้วยลวดลายต่างๆ ปรากฏขึ้นเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นเช่นนั้น เขาทำหน้าเคร่งเครียดทันที

'หุ่นเชิดทองคำม่วง!!! '

แม้ว่าเจ้าจะอ่อนต่อโลก ไร้ความรู้เพียงใดก็ตาม เจ้ามิอาจไม่รู้จักสิ่งนี้!

'หุ่นเชิดทองคำม่วง! สมบัติล้ำค่าในตำนาน! '

'อย่าบอกนะว่าไอ้แก่นี่ตั้งใจจะปิดปากข้า!?'

'ไม่น่าจะใช่! หากเขาต้องการทำอย่างนั้นข้าตายไปนานแล้ว! '

'ถ้างั้นนี่หมายความว่าอะไร? '

ในชั่วพริบตาเขาก็คิดได้ถึงความเป็นไปได้หลายอย่างจนนับไม่ถ้วน แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่คิดว่าจะมีอันใดที่สามารถเป็นจริงได้

''ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่า...? ''

เขาถามด้วยเสียงอ่อน รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาได้ขยับขึ้นมาถึงหลอดลม หากชายชรามีทีท่าข่มขู่ป๋ายเสี่ยวเฟยอีกสักนิด เขาคงได้หัวใจวายตายเป็นแน่

''ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ใช่พวกชอบท้าตีท้าต่อยเพียงเพราะปัญหาเล็กน้อย ข้าชอบวิธีที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์มากกว่า''

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่เหมาะกับอายุปรากฏบนหน้าของชายชรา เขาใส่แรงลงไปในข้อมือแล้วโยนจานไปบนอากาศ มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างน้อยห้าเมตร

''หุ่นเชิดตัวนี้มีชื่อว่า หุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับ มันมีความสามารถล่วงรู้ความลับของสวรรค์ มันยังสามารถทำนายสิ่งต่างๆ บนโลกได้อีกด้วย ปกติข้าไม่ใจดีเช่นนี้แต่ข้ารู้สึกชื่นชมในตัวเจ้า เพราะงั้นข้าจะทำนายโชคชะตาเพื่อเจ้า! ''

ชายชรามีท่าทีพอใจในขณะที่เขาพูด คางเชิดสูงขึ้นเล็กน้อย รอให้ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวคำสรรเสริญ

แต่ชายชรากลับต้องผิดหวัง

'บัดซบ! ไอ้แก่นี่ตั้งใจจะจ่ายค่าปิดปากให้ข้า! '

'แค่ทำนายโชคชะตาเนี่ยนะ? อย่างน้อยให้สิ่งของที่มีประโยชน์หน่อยไม่ได้รึไง! '

ถึงป๋ายเสี่ยวเฟยจะสาปแช่งชายชราอยู่ในใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากปั้นหน้ายิ้ม

เขายังจะทำอะไรได้อีกในเมื่อชีวิตของเขาอยู่ในมือชายชรา?

''ผะ ผู้อาวุโส... จริงๆ แล้วข้าไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา เพราะงั้นท่านไม่จำเป็นต้องทำนายให้ข้า...''

''เจ้าหมายความว่าอย่างไร!? เจ้ารู้ไหมว่ามีคนมากมายเพียงใดต่อแถวรอให้ข้าทำนายให้พวกเขาสักครั้ง! ? กิริยาไร้มารยาทไม่เคารพข้านั่นอะไร! ? ''

ชายชราตะโกนด่าทอราวกับมีใครทำร้ายเกียรติยศของเขา ใบหน้าพึงพอใจถูกแทนที่ด้วยความโกรธพร้อมจะสู้รบได้ทุกเมื่อ

''ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าก็จะทำนายดวงชะตาให้เจ้า! ''

หลังจากชายชราพูดจบ แสงเจ็ดสีก็ส่องประกายเข้าใส่หุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับ จานที่ลอยอยู่นิ่งบนอากาศก็พลันหมุนวนด้วยความเร็วสูงทันที

ไม่นานนักมันก็หยุด พร้อมกับสีหน้าของชายชราที่เปลี่ยนจากโกรธเกรี้ยวไปเป็นประหลาดใจแล้วก็ตกใจอย่างสุดขีด เขาจ้องหุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับอยู่นานนม

ผ่านไปสักพัก แสงเจ็ดสีก็พุ่งเข้าสู่จานอีกครั้ง

หลังจากชายชราทำแบบนี้ไปเจ็ดรอบ เขาก็เหนื่อยจนถึงขั้นกระอักเลือดออกมา ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยตกใจจนถึงขั้นกระโดดเหยง

'อย่างที่ข้าคิด ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ! ถึงขนาดต้องเหนื่อยขนาดนี้ ข้าไม่สงสัยเลยว่าทำไมต้าซืออี้รูปร่างอัปลักษณ์เช่นนั้น เพราะเขาต้องทนเหน็ดเหนื่อยจากการทำนาย!'

ในหัวป๋ายเสี่ยวเฟยคิดหนึ่งอย่าง แต่ปากพูดอีกอย่าง

''ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ทำไมเราไม่ลืมเรื่องนี้ไปเสีย? ช้ารู้ว่าท่านทำเพื่อข้าและข้าก็รู้สึกซาบซึ้ง...''

ป๋ายเสี่ยวเฟยยังไม่ทันพูดจบ ชายชราก็กระโดดเข้ามาจับมือเขาทั้งๆ ที่มีเลือดเปื้อนปากอยู่และพูดว่า

''เจ้ายังไม่มีอาจารย์ใช่หรือไม่! ??? ''

การกระทำที่กะทันหันของชายชราทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยตกใจ เขาตอบกลับโดยไม่ทันคิด

''ข้ามีเพียงพ่อและแม่ ข้าไม่มีอาจารย์...''

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบ ใบหน้าของชายชราก็เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ผิดจากป๋ายเสี่ยวเฟยที่ในยามนี้มีแต่ความรังเกียจ

'เจ้าบอกข้าว่าเจ้าสามารถล่วงรู้ความลับของสวรรค์ แต่เรื่องแค่นี้เจ้ากลับต้องถาม แบบนี้อี้ต้าซือก็ทำได้!'

ชายชราปล่อยมือป๋ายเสี่ยวเฟยและยืนตรงหน้าเขา

''คุกเข่า!! '' ชายชรากล่าว ส่งผลให้ป๋ายเสี่ยวเฟยเหม่อมองเป็นเวลานาน เขาจึงกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว

''อะไร? เจ้าไม่อยากนับข้าเป็นอาจารย์รึ? นี่เป็นโอกาสที่ต่อให้คนอื่นสู้กันให้ตายก็ไม่มีวันได้! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มพลางส่ายมืออย่างช่วยไม่ได้ เขากล่าวในสิ่งที่เป็นความจริงซึ่งปะปนไว้ด้วยข้ออ้าง

''ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยาก เพียงแต่ข้าไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของต้าเหรินอย่างท่านต่างหาก ข้าเป็นแค่ขยะที่ไม่สามารถควบคุมแม้แต่หุ่นเชิด''

ลองคิดดู หากชายชราคนหนึ่งกำลัง...เอ่อ 'ละเล่น' อยู่ในพุ่มไม้กลางวันแสกๆ ในเทือกเขาไร้ขอบเขตแถมยังกระอักเลือดออกมาหลังจากทำนาย และบอกกับเจ้าว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าจะทำอย่างไร?

ใครอยากเป็นก็เป็นไป ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เป็น!

''เจ้าหมายความว่าอย่างไร? สุนัขนั่นไม่ใช่หุ่นเชิดของเจ้ารึ! ? ''

ชายชราทำสีหน้าราวกับว่าป๋ายเสี่ยวเฟยกำลังหลอกเขาอยู่ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธพร้อมจะสู้รบได้ทุกเมื่อ

''หากท่านไม่เชื่อ งั้นดูข้างในร่างข้าสิ พลังของข้าถูกปิดผนึกไว้และข้าไม่ได้ใช้มันเป็นเวลานานแล้วด้วย''

ป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นมือขวาออกไปอย่างมั่นใจ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าการควบคุมหุ่นเชิดไม่ได้คือสิ่งที่ดี!

ชายชรายื่นมือไปจับข้อมือของป๋ายเสี่ยวเฟยโดยสีหน้าฉงน แต่เพียงไม่นานทั้งหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี

''ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!! สวรรค์เป็นใจให้ข้า! สวรรค์เป็นใจให้ข้า! ''

เสียงหัวเราะของชายชราดังก้องกังวานทั่วเทือกเขา ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันใด

'จบกัน! ชีวิตน้อยๆ ของข้า! '

ไอ้แก่วิกลจริต...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด