GE425 ล่าสังหาร (2) [ฟรี]
กลุ่มดวงจิตตัดวิญญาณ 200 ตนจากวังสมบัติอนันต์ มุ่งเข้าสู่วังอัสนีผ่านเส้นทางที่ชโลมไปด้วยโลหิต
เรื่องที่เกิดขึ้นในชั้น 11 ได้ถูกถ่ายทอดไปยังชั้น 10 และชั้นที่ต่ำลงไปกว่านั้น
เมื่อเหล่าขอบเขตไร้ดัดแปลงทั้ง 10 และตัดวิญญาณอีกพันตน ผู้เฝ้าตามหาหนิงฝานในชั้น 9 รู้เข้า ล้วนแตกตื่นตกตะลึง
พวกมันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะหนีไปยังชั้น 11 โดยที่พวกมันไม่รู้ตัว
เหตุที่พวกมันยังอยู่ในชั้น 9 เพราะคิดว่าเรื่องการเข่นฆ่าสังหารในชั้น 10 เป็นเพียงข่าวลวงที่หนิงฝานสร้างขึ้น แต่กลายเป็นว่าความจริงแตกต่างจากที่พวกมันเข้าใจอย่างใหญ่หลวง เพราะหนิงฝานในยามนี้อยู่ชั้น 11 และกำลังทำสงครามกับผู้ปกครองชั้น
ดวงจิตอัสนีขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นถูกหนิงฝานสังหารในพริบตา ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงอย่างสูฟงเองก็ยังหวาดกลัว
“เด็กนั่นอวดดี มันอาศัยยามที่ข้าอยู่ใน 9 ขึ้นไปสังหารคนของข้าในชั้น 10 และล่วงไปทำลายชั้น 11... มันรนหาที่ตายแล้ว!”
ก่อนหน้านี้ผู้ปกครองชั้น 10 นำกองทัพไล่ล่าหนิงฝานในชั้น 9 แต่หนิงฝานกลับหลบหนีไปได้ ซ้ำยังฆ่าล้างชั้น 10 จนหมด เรื่องนี้ทำให้ผู้ปกครองชั้น 10 ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“กึ่งไร้ดัดแปลงท้าทายไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ก็เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ข้าสงสัย เหตุใดวังสมบัติอนันต์ถึงได้ช่วยเหลือเด็กนั่น… หรือเด็กนั่นจะทำบางอย่างจนเหลยฉียี่ยอมช่วย...”
ผู้ปกครองชั้น 10 กล่าวด้วยความสงสัย ในสายตาของมันแล้ว นอกจากสูฟง ผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาคือเหลยฉียี่
เหลยฉียี่มักเป็นผู้เห็นผลกำไรเป็นสำคัญ จึงมีสหายอยู่ไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้น การจะให้มันไปคอยช่วยเหลือใครก็ดูจะไม่นิสัยของมัน
ยิ่งเรื่องที่กึ่งไร้ดัดแปลงขอให้ช่วยจัดการกับสูฟงยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
“ฮึ่ม! ป่านนี้ท่านสูฟงคงสังหารเด็กนั่นไปแล้ว ข่ายอาคมที่ป้องกันกระทั่งขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้ ต่อให้มันมีทักษะอำพรางที่ดีแค่ไหน่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างแน่นอน แต่หากมันเข้าไปได้จริง มันคงไม่รอดมือท่านสูฟงและคนของท่าน”
“ท่านกล่าวไม่ผิด แต่ข้าว่าเรารีบไปชั้น 11 เถอะ ไปดูกันว่าเด็กนั่นตายยังไง หากเรามีส่วนร่วมด้วย ราชามังกรคงพึงพอใจและตอบแทนพวกเราบ้าง เราจะให้ท่านสูฟงรับความดีความชอบคนเดียวไม่ได้”
เมื่อผู้ปกครองชั้น 10 และคนของมันพูดคุยกันเสร็จ พวกมันก็เร่งนำทัพไปยังชั้น 11
ยามนี้ในชั้น 11 นอกจากขุมกำลังของสูฟง วังสมบัติอนันต์ ก็มีขุมกำลังน้อยใหญ่มารวมตัว แม้จะไม่มีขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางคนอื่น แต่ก็มีขอบเขตขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น 5 ตนปรากฏตัว พวกมันมาเพื่อเฝ้าสังเกตุการณ์ แต่ไม่มีผู้ใดอยากเป็นทาสของราชามังกร
แม้จะกล่าวว่าสังเกตุการณ์ แต่พวกมันมาเพื่อหวังผลประโยชน์จากการปะทะของทั้งสองฝ่าย
ไกลออกไปจากเขาระฆัง ดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงขั้นต้น 5 ตนแผ่สัมผัสเทพเฝ้าสังเกตุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขา
“ฝั่งของเหลยฉียี่มีขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง 1 ตน ขั้นต้นอีก 8… ส่วนฝั่งของสูฟงมีขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง 1 ตน และขั้นต้นอีก 9 ตน… ในช่วงพันปีมานี้ เหลยฉียี่แพ้สูฟงมาทั้งหมด 11 ครั้ง และครั้งนี้ก็คงจะพ่ายแพ้อีกเช่นกัน… แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเหลยฉียี่ที่คิดถึงเพียงผลกำไร จะยอมช่วยเหลือผู้เยาว์กึ่งไร้ดัดแปลง แต่แบบนี้สูฟงและเหลยฉียี่คงไม่ม่วันปรองดองกันได้อีก”
“สหายเต๋าพูดถูก ยังไงเหลยฉียี่ก็ต้องแพ้ สูฟงแข็งแกร่งกว่ามาก อีกอย่างในเขาระฆังก็ยังมีข่ายอาคมที่ทรงพลัง เหลยฉียี่ไม่มีทางเอาชนะได้แน่! ฮ่าฮ่า แต่ถึงเหลยฉียี่จะตายก็ไม่ใช่ธุระกงการของข้า”
“สหายเต๋ากล่าวไม่ผิด ยิ่งพวกมันต่อสู้กันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับเรามากเท่านั้น เพราะเมื่อถึงยามนั้น พวกเราจะได้ไปช่วงชิงหยกอัสนีของพวกมันมา!”
5 ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นที่มาเฝ้าดูสถานการณ์ คิดหวังฉวยโอกาสจากคราวเคราะห์ของผู้อื่น
สำหรับพวกมันแล้ว วังสมบัติอนันต์ไม่มีทางเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้
แต่ในชั่วพริบตาถัดมาพวกมันทั้งหมดกลับต้องตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้!”
พวกมันเห็นหนิงฝานสังหารผู้ติดตามของสูฟง 2 คนในชั่วพริบตา หนึ่งถูกหมัดทะลวงกลางอก อีกหนึ่งถูกกระบี่แทงที่ตันเถียนก่อนที่ร่างของมันจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
กระบี่เล่มนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ทั้งคม รวดเร็ว และยังบรรลุเส้นใยกระบี่นับพันล้านสาย ที่สามารถสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ในพริบตา
ต่อให้มีเกราะป้องกันก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดไปได้
ผู้ที่เฝ้ามองคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทรงพลังขนาดนั้น
ฟากฝั่งของวังสมบัติอนันต์มีขอบเขตไร้ดัดแปลง 9 คน ส่วนฝั่งของสูฟงมีมากกว่า แต่ยามนี้พวกมันถูกสังหารไป จึงกลายเป็นว่ามีจำนวนน้อยกว่าวังสมบัติสวรรค์แล้ว
ดูเหมือนวังสมบัติอนันต์จะกลายเป็นฝ่ายกุมชัยชนะเอาไว้
“เด็กนั่นอยู่เพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ทำไมมันถึงทรงพลังขนาดนั้น! ที่มันกล้ายั่วยุสูฟง มันไม่รู้เหรอว่าสูฟงอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง… ขั้นต้นกับขั้นกลางแตกต่างราวฟ้ากับสวรรค์!” พวกมันประหลาดใจและไม่มีใครกล้าดูแคลนหนิงฝานอีก เพราะได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าหนิงฝานแข็งแกร่งมาก
หนิงฝานสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของ 5 ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงนั้นแล้ว เขาจึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมและรวดเร็วเพื่อให้พวกมันหวาดกลัวจนไม่กล้าสอดมือเข้ามา
จริงๆแล้วหนิงฝานไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ในพริบตา แต่ที่สังหารอีกฝ่ายได้เมื่อครู่ เพราะเขาลอบจู่โจมโดยที่พวกมันไม่ทันระวัง
ส่วนหมัดที่ชกใส่ชายชราอีกคน เป็นเพราะร่างกายของเขาทรงพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้น
“สูฟง ออกมาสู้กับข้า!” หนิงฝานจ้องมองสูฟงและ 8 ดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงขั้นต้นที่เหลือ
[**ล่าสุดถึงตอนที่ 434 ติดตามอ่านได้ที่ https://laosoofung.com/Readers/Read/935CEBA1-C09B-4B44-B86E-230F1D7F2C72]
แค่สายตาที่หนิงฝานมอง สูฟงก็หวาดกลัวและถอยไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เมื่อครู่ มันไม่อาจสัมผัสถึงการลอบจู่โจมของหนิงฝานได้แม่แต่น้อย
ถ้าเกิดหนิงฝานใช้วิธีการเดิมอีกครั้ง ต่อให้มันไม่ตาย มันก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
“อาวุธระดับไร้ดัดแปลง… เป็นไปไม่ได้! มีเพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงเท่านั้นที่จะมีอาวุธระดับนี้ ทำไมเด็กนั่นถึงควบคุมสมบัติได้” สูฟงตกตะลึง มันรู้แล้วว่ามันดูแคลนหนิงฝานมาตั้งแต่ต้น
หนิงฝานมีทั้งอาวุธที่ดี วิชาอำพรางกายที่ดี จนไม่มีใครสังหารได้
“ข้าจะปล่อยให้เด็กนี่ลอบจู่โจมไม่ได้! หากทำลายการอำพรางกายของมันได้ ไม่ว่ามันจะเก่งแค่ไหนก็สู้ข้าไม่ได้อยู่ดี! จู่โจมมัน!”
เมื่อสูฟงคิดได้เช่นนั้น แววตาของมันก็ค่อยๆสงบ เริ่มขับความกลัวออกจากใจ นำแผ่นข่ายอาคมแผ่นหนึ่งออกมา กระตุ้นข่ายอาคม อำนาจของข่ายอาคมทำให้เขาระฆังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ม่านพลังฉายปกคลุมท้องนภา
เมื่อข่ายอาคมปรากฏ หนิงฝานเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ราวกับผ้าคลุมลวงสวรรค์ของเขา ไม่อาจใช้ได้ในภายใต้ข่ายอาคมนี้
“ข่ายอาคมระดับเซียน… เป็นข่ายอาคมที่ลึกล้ำ ป้องกันการอำพรางกายทุกประเภท นั่นหมายความว่าข้าจะลอบจู่โจมพวกมันไม่ได้อีก!” แต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานตระหนก เพราะการลอบจู่โจมเป็นเพียงกลลวง เขารู้ว่าพวกมันจะระวังตัวมากขึ้น และเริ่มทำทุวิถีทางเพื่อเพื่อป้องกันการลอบจู่โจม
แต่ยามนี้ เขาไม่จำเป็นต้องลอบจู่โจมอีกแล้ว
เขาเริ่มเดินเข้าหาสูฟงอย่างรวดเร็ว การกระทำของเขาผิดกับที่สูฟงคาดเอาไว้มาก มันคิดว่าที่หนิงฝานกล้ามาหาเรื่องมัน ก็เพราะมั่นใจในวิชาอำพรางของตน ฉะนั้นหากมันทำลายวิชาอำพรางหนิงฝานได้ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่ถึงมันจะใช้ข่ายอาคมป้องกันการอำพราง หนิงฝานยังคงเดินเข้าหามันด้วยสีหน้ามั่นใจ
“มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหน! มันเชื่อจริงๆเหรอว่าจะเอาชนะข้าได้!”
สูฟงเป็นผู้ปกครองชั้น 11 แห่งนี้มานาน ผ่านประการณ์ความเป็นและความตายมามาก
มันไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะเอาชนะมันได้
แต่ในขณะนั้น เหลยฉียี่กลับปรากฏตัวเบื้องหน้าหนิงฝาน ปลดปล่อยแรงกดดันเข้าใส่สูฟงพลางกล่าว
“สหายน้อยซัว ให้ข้าจัดการมันเองเถอะ ถึงข้าจะเคยแพ้มันมา 11 ครั้ง แต่ครั้งนี้ข้ามั่นใจว่าเอาชนะมันได้! ข้าจะไม่มีวันแพ้ให้มันอีกเด็ดขาด”
เหลยฉียี่ประกาศกร้าวอย่างมั่นใจ หนิงฝานเองก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันของชายชราไม่ได้ด้อยไปกว่าสูฟงแม้แต่น้อย
ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองจะได้ต่อสู้ตัดสินกัน ดังนั้นหนิงฝานจึงยอมให้ชายชราได้เป็นผู้ลงมือเอง
แต่นั่นก็ทำให้สูฟงสบายใจขึ้นมาก เพราะหนิงฝานให้ความรู้สึกที่อันตรายยิ่งกว่าเหลยฉียี่
“เหลยฉียี่ ในเมื่อเจ้ากล้ามาหาเรื่องข้าถึงที่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ขอโทษ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ให้อภัย!”
“ฮ่าฮ่า… ขอโทษ? เจ้าอย่าสำคัญตัวผิดไป ถึงข้าจะล้มเหลวในการต่อสู้กับเจ้ามา 11 ครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าวางใจได้ ข้าไม่แพ้ให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
ดวงตาเหลยฉียี่แดงฉานจนน่าหวาดกลัว
“อา… นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้สู้กับข้า เพราะวันนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดแน่!”
“คนที่ตายคือเจ้ามากกว่า!” เหลยฉียี่ทะยานเข้าปะทะกับสูฟง ชกหมัดเข้าปะทะกันซึ่งหน้า เสียงอัสนีฟาดผ่าดังสนั่น ราวกับสวรรค์พิโรธ
สูฟงกระเด็นถอยไปพันก้าว เหลยฉียี่กระเด็นถอยไป 90 ก้าว
ความต่างเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเหลยฉียี่แข็งแกร่งกว่า
“เป็นไปไม่ได้!” สูงฟงตกตะลึง ผ่านมาแค่พันปีกับเหลยฉียี่ที่เอาแต่ทำการค้า เหตุใดถึงได้ทรงพลังขึ้นเร็วขนาดนี้
สูฟงขบฟันด้วยความแค้น มันดูถูกเหลยฉียี่มากจนเกินไป
ยามนี้ฉู่หนานเฟิงและผู้เชี่ยวชาญฝั่งของเหลยฉียี่ ได้ทะยานเข้าต่อสู้กับคนของสูฟงอย่างดุเดือด
หากเมื่อครู่หนิงฝานไม่ลอบจู่โจมคนของมัน พวกมันคงไม่เสียเปรียบแบบนี้
“ในเมื่อเจ้าลอบจู่โจมสหายข้า ข้าก็จะทำลายทาสของเจ้า!”
“เจ้าคิดว่าทำได้เหรอ? ไสหัวไปซะ!” หนิงฝานปรากฏตัวเบื้องหน้าผู้ที่กล่าวในชั่วพริบตา
เมื่อครู่มันกำลังจะจัดการทาสของหนิงฝานได้จากการช่วยเหลือของสหายมันอีก 2 คน แต่การปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันของหนิงฝาน ทำให้มันไม่อาจทำได้สำเร็จ
“เด็กน้อย เจ้าใช้วิชาลอบจู่โจมไม่ได้อีกแล้ว ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน เจ้าก็ไม่มีทางทำร้ายพวกข้าได้อีกแน่”
“วิชานิพพาน!”
บุรุษผู้นั้นพ่นโลหิตออกมาจากปาก ร่างกายได้รับผลกระทบจากการเสริมแก่นโลหิต แรงกดดันและระดับพลังเพิ่มพูนกระทั่งทรงพลังขึ้น 2 ใน 10 จากเดิม
หนิงฝานขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้นหูกับวิชานิพพาน ผู้ที่ใช้วิชานี้ได้สมควรครอบครองเส้นลมปราณปีศาจนิพพาน และเส้นลมปราณนั้นก็คล้ายคลึงกับหานเนี่ยเทียนมาก
วิชานิพพานคือวิชาที่ทำให้ตนเองบาดเจ็บ แต่ก็แลกมาด้วยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“วิชานี้คือการเปลี่ยนเอาอาการบาดเจ็บมาเป็นพลัง เป็นหนึ่งในวิชาของนิกายพุทธ ซึ่งผู้ที่จะใช้ต้องมีเส้นลมปราณปีศาจนิพพาน… ยิ่งคนผู้นั้นบาดเจ็บมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้มันทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น”
“เจ้าเปลี่ยนความเจ็บความเจ็บปวดให้เป็นพลัง ส่วนข้าจะทำตรงกันข้าม… วิชามนุษย์สี่ฝ่าย… วิชาทวนเข็ม!”
หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง ร่างกายเปล่งแสงสีทองอร่าม
ในชั่วพริบตาถัดมา แสงสีทองได้แบ่งร่างหนิงฝานออกมาอีก 2 ร่าง เป็นร่างที่เปล่งแสงสีทองอร่ามราวกับผู้บรรลุอรหันต์
เงาร่างของหนิงฝานมีระดับร่างกายที่บรรลุขอบเขตกายทองคำ!
“วิชาทวนเข็มคือการดึงเอาศักยภาพที่แท้จริงออกมาจากตัวข้า แต่ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ แบ่งร่างได้เพียง 2 ร่าง และร่างที่แบ่งออกมานั้นจะอยู่ได้เพียงชั่วธูปไหม้หมดดอก... หากเจ้าไม่จู่โจมมันรุนแรงจริงๆ เงาร่างของข้าก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
หนิงฝานประสานมือเป็นท่าทาง เงาร่างสีทองของเขาทะยานเข้าหาชายผู้นั้น
การเข้ากระนาบของเงาสีทองสองสายทำให้สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“เป็นไปไม่ได้! นี่มันวิชาอะไรถึงได้สร้างเงาร่างในขอบเขตกายทองคำได้ถึง 2 ร่าง!”
“หากมันบรรลุระดับพลังที่สร้างเงาร่างได้ถึงพันเงาเมื่อไหร่ ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ไม่รอด!”
*ตูม ตูม ตูม*
เงาร่างสีทองสองสายระดมหมัดเข้าใส่อย่างหนักหน่วง แต่ละหมัดแฝงด้วยพลังมิติ จนทำให้อาการบาดเจ็บของมันเพิ่มไปจนถึงขั้นที่ไม่น่าจะรอด
มันเสียขวัญและหวาดกลัว แม้มันจะมีวิชาเปลี่ยนให้ความเจ็บกลายเป็นพลัง แต่อาการบาดเจ็บขนาดนี้รุนแรงจนเกินไป
“เจ้าจะหนีไปไหน?” หนิงฝานปรากฏกายขึ้นด้านข้างชายผู้นั้น แล้วร่วมระดมหมัดเข้าใส่จนมันเปล่งเสียงที่น่าเวทนาดังก้อง จนทำให้ทุกคนตกตะลึง
มันเคยกล่าวว่าจะสังหารหนิงฝาน แต่นี่ผ่านไปเพียง 2 ลมหายใจ มันกลับถูกหนิงฝานสังหารไปซะก่อน
ยามนี้หนิงฝานผสานการจู่โจมกับเงาร่างอีก 2 ร่างของตน ทำให้แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นถึง 3 คน
ดังนั้นนอกจากสูฟงแล้ว คงไม่มีใครรับมือได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานใช้วิชามนุษย์ 4 ฝ่าย และเขาก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก
หากเขาฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับที่สร้างเงาร่างได้หมื่นเงา เขาก็คงรับมือกับผู้เชี่ยวไร้แบ่งแยกได้!...