ตอนที่แล้วบทที่ 210 - มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (1) [30-07-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 212 - มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (3) [03-08-2020]

บทที่ 211 - มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (2) [01-08-2020]


บทที่ 211 - มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (2)

แม้ว่าหอกของฉันจะยังคงเล็งแทงไปที่เธอ แต่ราชินีซัคคิวบัสได้ลดการป้องกันลง จากนั้นเธอก็จับหอกของฉันและผลักออกไป

"คุณช่วยเอาเจ้าสิ่งหยายคายนี้ออกไปได้ไหม ฉันเพียงแค่อยากจะโดนแทงโดยหอกของสามีที่รักบนเตียงเท่า...กรี๊ด"

ฉันฟาดหัวของเธอ มันน่าจะเจ็บทีเดียว

"อย่ามาเล่นมุกใต้เตียงแบบนี้ ถ้าเธอต้องการจะคุยฉันก็จะฟัง"

"ฟู่ คุณจะสมบูรณ์แบบหากคุณได้ได้บ้าความรุนแรง เอาล่ะมนุษย์... มาสคุยกันเถอะ"

เธอได้ถูมือของเธอบนที่ๆถูกฉันฟาดไป จากนั้นซัคคิวบัสที่พาฉันเข้ามาที่นี่ก็ได้เข้ามาพร้อมๆกับซัคคิวบิคนอื่นๆและเริ่มทำความสะอาดที่นี่อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเก้าอี้และโต๊ะก็ได้มาถูกตั้งพร้อมๆกับไวน์ ฉันไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่าเธอต้องการจะไรจากฉัน

ไม่ว่ายังไงก็ตามมันชัดเจนแล้วว่าพวกเธอไม่ได้ต่อการจะสู้กับฉัน นอกจากริยูแล้วฉันได้ส่งภูติธาตุที่เหลือกลับไป ฉันได้ทำความสะอาดตัวเองด้วยพลังของริยูและให้เธอเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์อะไรก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อเห็นฉันทำความสะอาดร่างกายตัวเองในทันที ราชินีซัคคิวบัสก็ได้มองมาที่ฉันอย่างสนใจฃ

"โอ้ ? น่าทึ่งมาก คุณเป็นชายที่รักความสะอาด เวทย์นั่น ไม่สิ....ภูติธาตุหรอ"

"ใช่แล้ว"

ฉันได้นั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ เธอได้ยื่นแก้วไวน์ออกมาให้ฉันแต่ว่าฉันไม่ได้โง่พอที่จะดื่มแอลกอฮอล์กลางดงของศัตรู เมื่อฉันไม่ได้รับมาเธอก็พูดขึ้นอย่างเสียใจ

"อย่างน้อยก็ขนมปังก็ได้"

"ได้สิ"

"อืม เยี่ยม แล้วเราจะคุยเรื่องอะไรล่ะ วันแต่งงานของเราหรอ?"

"เธออยากจะตายหรอ"

"มันเป็นส่วนหนึ่ง...ชั่งเถอะ ฉันจะเริ่มละนะ นับตั้งแต่ตอนที่ฉันแพ้พวกนั้น"

หูของฉันได้ตั้งขึ้น ฉัยไม่คิดวาาจะได้ยินอะไรที่สำคัญแบบนี้ แต่ว่าแพ้ใครล่ะ

"คุณเคยได้ยินเรื่องอเลเซียไหม"

"เป็นชื่อของใครงั้นหรอ"

"มันเป็นชื่อของโลก โลกที่พวกเราได้พยายามจะบุกรุกและโลกที่พวกเราได้แพ้มา"

"เธอช่วยอธิบายอีกหน่อยได้ไหม พวกเรานี่ใคร"

ฉันได้ดึงเก้าอี้และไปปนั่งใกล้ๆเธอ ดวงตามารของเธอได้กระพริบอย่างยินดี

"มันชัดเจนว่าเรากำลังพูดถึงพันธมิตรแห่งแมร์ ปีศาจแห่งทวีปอิเนซิส ผู้ปกครองแมร์"

"แล้วอิเนซิสคืออะไร"

"ทวีปที่พลังของโลกได้หายไป หรือพูดให้ชัดก็คือมันถูกขโมยไปโดยอเลเซีย"

"อะไรนะ ถูกอเลเซียขโมยไปหรอ ไม่ใช่เธอกำลังบอกว่าเธอกำลังพยายามมจะขโมยมันมาจากอเลเซียหรอกหรอ"

"เอ๊ะ คุณไม่รู้เรื่องนี้หรอ... คุณไม่รู้ว่าทำไมโลกของคุณถึงถูกบุกงั้นหรอ"

ฉันได้แข็งทื่อไป ในหัวของฉัน ฉันได้พยายามที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมา อย่างแรกเลยฉันได้ลำดับสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับศัตรูที่กำลังบุกเข้ามาในโลกของฉัน

มีคนที่โลกอยากจะได้พลังของโลกแม้ว่าจะได้มันมาแล้ว แต่ว่าฉันได้อยู่ในฝั่งนั้นในตอนนี้ ตามปกติแล้วแล้วพอโลกสูญเสียพลังซึ่งจะทำให้พวกนั้นได้รีบอนุญาตให้มีชีวิตต่อได้ด้วยการบุรุกโลกอื่นและขโมยพลังจากโลกนั้นมา โลกที่ถูกบุกมักจะมีเผ่าพันธ์ที่คล้ายกับมนุษย์ในขณะที่ฝั่งผู้บุรุกจะเป็นปีศาจหรือมอนสเตอร์อยู่เสมอ

จนกระทั่งถึงตอนนี้ฉันไม่เคยได้คิดอย่างจริงจังเรื่องของกองกำลังผู้บุรุกที่สูญเสียพลังในโลกของพวกเขา บางทรฉันอาจจะหลีกเลี่ยงที่จะคิดเรื่องพวกนี้เนื่องจากฉันไม่เคยได้ถามโรเล็ตต้าเลย

ยังไงก็ตามสิ่งที่ราชินีซัคคิวบัสพูดออกมาทำให้ฉันต้องกลับมาคิดเรื่องนี้ ทำไมโลกถึงถูกบุกล่ะ กองกำลังของอิเนซิสที่ควรจะพยายามขโมยพลังของอเลเซีย แต่แล้วกลับเป็นอเลเซียที่ขโมยพลังของอิเนซิสก่อนหรอ

"ใบหน้าของคุณที่กำลังลำบากนี่น่ารักมากๆเลย ฉันพลาดเอง คุณจะต้องเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงแน่ๆ"

"ช่วยอธิบายหน่อย"

"แน่นอน ฉันจะบอกคุณทุกๆเรื่อง"

ด้วยแบบนั้นเธอก็ได้ยื่นแก้วมาให้กับฉัน ฉันได้ยิ้มขึ้นมาและรู้สึกว่าฉันควรจะดื่มมันลงไป แน่นอนว่าไวน์นี้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยม

"คุณรู้หรือไม่ว่าโลกเกิดขึ้นมายังไง"

"ไม่"

"หุหุ ฉันก็ไม่ได้รู้เหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้คือมีขีดจำกัดที่โลกจะมีอยู่ได้ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งในอดีต จำนวนของประชากรจะเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆจนถึงขีดจำกัด"

"จำนวนของโลกถึงขีดจำกัดหรอ"

"ฉันจะยกตัวอย่างง่ายๆนะ สมมติว่าชั้นหนังสือของคุณสามารถเก็บหนังสือได้ 300 เล่ม แล้วคุณซื้อหนังสือมามากกว่านั้น คุณจะทำยังไง"

"ซื้อชั้นหนังสือใหม่สิ"

"แค่ชั้นหนังสืออันเดียวก็เต็มห้องของคุณแล้ว"

"ถ้างั้นฉันก็จะขายหรือไม่ก็เอาหนังสือที่ไม่ได้อ่านทิ้งไป"

"แน่นอนนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา"

เธอได้ปรบมือออกมากับคำตอบของฉัน

"จำนวนของโลกสูงเกินไปแล้วดังนั้นมันจำเป็นจะต้องถูกลดจำนวนลง ซึ่งในตอนนั้นเองฉันก็ไม่รู้ว่าใครแต่เขาคนนั้นเป็นคนที่สูงส่งมากนำวิธีแก้ไขมา"

การจับคู่โลกทั้งหมด

"หืออ... จับคู่โลกสินะ"

"ใช่แล้ว มันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะลดจำนวนโลกลงไปครึ่งหนึ่ง เพียงแค่นั้นโลกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ถูกจับค่ อิเนซิสและอเลเซียได้กลายเป็นหนึ่งในเหล่านั้น ระหว่างทั้งสองโลกนี้หนึ่งคืมีมานาที่น้อยหรือก็คือพลังของโลกได้อ่อนแอลงไป เพราะแบบนี้วิธีที่จะนำสมดุลของโลกกลับคืนมาทุกๆคนก็ได้จะเป็นต้องไปบุกรุก"

"เธอหมายความว่า...ระบบการบุกและป้องกันในปัจจุบันนี้ถูกใครบางคนสร้างขึ้นหรอ"

"ใช่แล้ว หากโลกไม่มีพลังโลกก็จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ ด้วยผลลัพธ์นี้ทำให้โลกหนึ่งที่ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่อีกนอกจากการไปบุกรุกและขโมยพลังจากโลกอื่นมา ไม่ว่าผู้ต้องกันจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวโลกทั้งสองก็จะลดลงเหลือเพียงหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้การลดลงของโลกครึ่งหนึ่งก็จะสำเร็จ"

"บ้าน่า...."

นี่มันไม่ได้หมายความว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีฝ่ายใดผิดหรอกหรอ ทั้งหมดนี้พวกเขาได้ถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งของผู้บุกรุก

ฉันได้ตกตะลึง สิ่งที่พวกเราทำจนกระทั่งตอนนี้ไม่ใช่ตำนานของวีรบุรษที่กล้าหาญต่อต้านกับปีศาจร้ายหรือเรื่องราวของนักผจญภัยที่สำรวจความลึกลับของดันเจี้ยน กลับกันเลยมันเป็นเพียงแค่การแข่งขันง่ายๆเพื่อเอาชีวิตรอด

"อย่าได้หวั่นไหวกับมันเลย ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเปลื่ยนแปลงอะไร คุณเพียงแค่จะต้องปกป้องในสิ่งที่ต้องปกป้อง แม้ว่าโจรจะต้องมาขโมยเพื่อความอยู่รอด แต่ยังไงก็ตามความจริงที่ว่าโจรก็ยังคงเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ"

"ขะ ขอบคุณ"

ทำไมเธอถึงปลอบใจฉันล่ะ แม้ว่าฉันจะรู้สึกขอบคุณ แต่ฉันก็รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย ในตอนที่ฉันคิดเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของผู้บุกรุกหรอ ทำไมเธอถึงบอกเรื่องทั้งหมดนี่กับฉัน

เธอก็ดูเหมือนจะรู้ในสิ่งที่ฉันกำลังคิดทำให้เธออธิบายต่อออกมา

"ใช้แล้วอิเนซิสได้รุกรานอเลเซีย แต่ว่าพวกเราแพ้ มันกินเวลาหลายร้อยปี พระเจ้าได้นำทุกๆคนและแมร์ทั้งหมดมาเข้าร่วม แต่ว่าฉันได้ต่อสู้อย่างไม่เต็มใจดังนั้นฉันจึงได้ปกป้องตระกูลของฉันเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงรอดหลายชีวิต"

"ถ้าเธอแพ้ แล้วเธอยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง"

"โอ้ คุณยังไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยหรอ มันยังไม่ชัดอีกหรอ ดูสิว่าเราอยู่ไหนแล้วคุณจะรู้คำตอบเอง"

"ดันเจี้ยน"

"ใช่แล้วดันเจี้ยน"

ได้มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าของเธอ

"ในสงครามมันเป็นเรื่องยากที่ผู้ชนะจะจัดการกวาดล้างฝั่งที่แพ้ออกไปได้อย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าพระเจ้าและผู้ที่มีพลังคนอื่นๆได้ตายไป แต่ว่าตระกูลของฉันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดที่ว่าพวกนั้นจะต้องสนใจ นั่นคือตอนที่เราได้ก้าวเข้ามาดันเจี้ยนเพื่อมอบชีวิตของเราไป"

"ชีวิตหรอ"

"คุณคิดว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในดันเจี้ยนมาจากที่ไหนล่ะ"

"...อ่า"

ฉันจำได้ถึงในตอนที่ฉันได้พบกับอัศวินลิซาร์ดแมนและดูลาฮาน ฉันจำได้ถึงเสียงของพวกเขาที่หมดหวังซึ่งฉันได้พยายามที่จะเมินมัน ราชินีซัคคิวบัสได้ยิ้มออกมาในขณะที่มองฉัน

"พวกเขาต่างก็รู้สึกเศร้า...และร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง"

"ใช่แล้ว มันก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้แพ้พูดออกมา มอนสเตอร์ แมร์ ปีศาจและผู้บุกรุกคนอื่นๆที่ไม่มีความกล้าที่จะตายไปพร้อมกับโลกของเขาก็จะมาเข้าร่วมดันเจี้ยน ตายแล้วแต่ก็ยังไม่ตาย เป็นคำสามปที่เป็นอมตะ"

"...."

ฉันไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งที่ฉันได้เดาเอาไว้ ดันเจี้ยนได้ช่วยพวกเราผู้ป้องกัน ในกรณีนี้มันเห็นได้ชัดเจนว่าผู้บุกรุกมองดันเจี้ยนยังไง มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาได้เกลียดดันเจี้ยนเข้ากระดูก แต่แม้อย่างนั้นหากพวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยนมันก็จะมีโอกาสที่พวกเขาจะได้มีชีวิต

"ในตอนที่คุณประสบความสำเร็จในการปกป้องโลกผู้ที่ล้มเหลวก็อาจจะเข้ามาในดันเจี้ยน แน่นอนว่าหัวหน้าของพวกนั้นจะถูกฆ่า จากนั้นพวกนั้นก็จะช่วยพัฒนาผู้ปกป้องโลกอื่น ง่ายดีไหมล่ะ"

"....แล้วเธอล่ะ"

"มันเห็นได้ชัดว่าฉันต่างออกไป ฉันมีลักษณ์ที่เหมือนกับพวกที่นายโจมตีในดันเจี้ยนไหมล่ะ"

"ไม่ แต่ว่าฉันยังไม่เคยได้เห็นบอสประจำชั้นเลย"

"ฉันได้ปฏิเสธมัน ถ้าให้ละเอียดกว่านี้คือฉันได้ตั้งเงื่อนไขขึ้นมา ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่โหดร้ายซึ่งสมาชิกในตระกูลกับฉันจะต้องตายไปอย่างไม่สิ้นสุด"

เธอได้กางแขนออกมา ทั้งปราสาทดูเหมือนจะหายใจออกมาเหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิต

"ฉันจะให้ความร่วมมือ ฉันจะช่วยพัฒนาผู้ป้องกันโลก แต่ว่าฉันจะให้มันด้วยตัวเองเฉพาะคนที่มีคุณสมบัติเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น"

"....."

"แน่นอนว่าฉันได้ตั้งเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก คนๆนั้นต้องเป็นชายที่แข็งแกร่งมาก รวดเร็วมาก มีเสน่ห์มากๆ และมีความสง่างมมาก โอ้และเขาจะต้องมีความต้านทานต่อเสน่ห์ที่สงมา แล้วนั่นก็คือคุณ"

"ฉันพูดไม่ออกเลยล่ะ"

ฉันได้ดื่มเหล้าลงไปในแก้วที่สามอย่างตกตะลึง ราชินีซัคคิวบัสได้โกรธขึ้นมา

"นายหมายความว่ายังไงกับไอคำว่า พูดไม่ออกนะ ฉันรู้สึกได้นะ ฉันเกิดมาในฐานะราชินีซัคคิวบัสแต่ว่าฉันต้องอุทิศชีวิตให้กับการต่อสู้โดยที่ไม่เคยได้รู้เกี่ยวกับผู้ชายเลย นายรู้ไหมว่ามันเป็นยังไง? ฉันไม่อยากที่จะตายโดยที่ไม่มีแม้แต่สสามี แต่ฉันก็ไม่ต้องการที่จะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารสำหรับดันเจี้ยนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันเลยได้วางแผนที่จะรับสามี ไม่ใช่ว่ามันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมเลยหรอก ฉันต้องการคนที่จะรักฉันโดยที่ไม่ตกหลุมรักในพลังเสน่ห์ของฉัน แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อว่าจะมีผู้ชายที่ต้านทานเสน่ห์ของฉันได้ แต่ว่า...หุหุ ฉันต้องใจมากในตอนที่เสน่ห์ของฉันมนไม่ได้ผลแม้ว่าฉันจะเสริมมันด้วยพลังเวทย์ก็ตาม นี้มันคือโชคชะตา"

"เธอเรียกมันว่าโชคชะตางั้นหรอ"

"นี้คือรางวัลที่ฉันรอมาหลายต่อหลายปี มีครั้งหนึ่งที่ฉันคิดว่าฉันจะต้องแก่ตายในปราสาทที่น่าเบื่อนี้ด้วยซ้ำ แต่ดูสนิ ฉันได้มาพบนาย"

"ใครบอกกันว่าฉันยอมรับเธอ"

"ถ้างั้นนายจะฆ่าฉันงั้นหรอ สาวสวยที่น่าสงสารแบบฉันเนี่ยนะ นายกำลังจะฆ่าคนที่มีชะตาต้องกันหรอ อื้อ นายจะสังหารคนในตระกูลของฉันที่จะต้องเผชิญหน้ากับการสูญพันธุ์เพียงแค่เพราะเกิดในอิเนซิสหรอ"

"อึก...."

เธอคนนี้ได้วางแผนที่จะเปิดเผยทุกอย่างเพราะสิ่งนี้ เธอได้เงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา เธอได้ยื่นหน้าเข้ามาหาฉันพร้อมด้วยเสน่ห์ที่เหมาะกับตัวเธอซึ่งมัน.... แต่ก่อนอื่นฉันได้ดึดหน้าผากของเธอ

"โอ๊ย นายตีฉันอีกแล้ว"

"ฉันจะพาเธอไป"

ฉันได้พูดไปสั้นๆท่าทางของเธอได้สดใสยิ่งขึ้น

"จริงนะ ฉันรักนาย"

"สิ่งแรกที่เราทำเมื่อเจอกันคือสู้นะ รักตูดฉันสิ ฉันแค่ไม่อยากจะฆ่าคนที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับฉันเท่านั้นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันยังมีหนทางรอดให้กับเธอ"

"โอ้มันดูเหมือนว่าสามีที่รักจะเป็นมือใหม่ด้านความรักนะ ความรักไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะเข้าใจและอธิบายออกมาได้ หากมีคนที่พยายามจะอธิบายมันคุณค่าของความรักจะลดลง"

แล้วเธอรู้ไอเรื่องความรักหรือยังไง ฉันอยากจะถามเธอกลับไปแต่ว่าเมื่อคิดได้ว่าเธอคือราชินีซัคคิวบัส ฉันจึงเงียบลงไปเพราะอย่างน้ยเธอก็คงรู้ในเรื่องความรักมากกว่าฉัน

เธอได้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งและจากนั้นก็เดินเข้ามาจับมือของฉัน ต่กรั้รเธอก็ได้ดึงมือของฉันไปและจูบเข้าที่หลังมือของฉันพร้อมมองขึ้นมาด้วยดวงตาที่่ส่องแสงสีชมพู

"สามีที่รักให้ชื่อของเราได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน"

"...."

ในตอนนั้นเอง

[คุณได้ประสบความสำเร็จในการฝึกบอสมอนสเตอร์ระดับ SSS+ 'ราชินีซัคคิวบัส' คุณได้แต้มทักษะ 3 แต้ม แต้มทักษะในปัจจุบัน 5]

[ฝึกมอนสเตอร์ได้กลายเป็นเลเวล 5 แม้ว่าจะไม่ถูกฝึก แต่เป้าหมายทั้งหมดจะชื่นชอบคุณและเชื่อฟังคำสั่งของคุณได้ง่ายขึ้น]

[จิตวิญญาณผู้ฝึกมอนสเตอร์ได้กลายเป็นเลเวล 5 ค่าสเตตัสสเน่ห์ของคุณจะเพิ่มความสามารถในตอนที่คุณฝึกมอนสเตอร์ทำให้ทั้งความภักดีและความรักเพิ่มขึ้นอย่างมาก มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกในปัจจุบัน 3/3]

[เหตุการดันเจี้ยนได้ถูกเคลียร์ คุณได้รับการยอมรับจากราชินีซัคคิวบัสและประสบความสำเร็จในการเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนโดยไม่ฆ่า คุณได้รับโบนัสสเตตัส 10 แต้ม]

[คุณกลายเป็นเลเวล 66 คุณมีคุณสมบัติที่จะท้าทายชั้นที่ 15 ของบียอน]

เดี๋ยวก่อนนะ อะไรนะ ฉันได้ยินอะไรผิดหรือป่าว

"ถ้างั้นสามีที่รักได้โปรดดูแลพวกเราอย่างดีด้วย ซัคคิวบิในตระกูลของฉันทั้ง 214 คนจะรับใช้คุณในฐานะสามีไปตลอดกาล"

"อะไรนะ!?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด