AtW ตอนที่ 23 รูน
AtW ตอนที่ 23 รูน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
"ฉันมีวัสดุอุปกรณ์ในการทำอาวุธเวทย์มนตร์ทั้งหมดแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะรวบรวมของพวกนี้ครบเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้เองฉันได้พบกับอัญมณีเวทย์มตร์แห่งเปลวเพลิงและอัญมณีเวทย์มนตร์แห่งน้ำแข็งที่สมบูรณ์แบบมา" เบธแฮมได้พูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั่นเองเบธแฮมก็ได้เปิดกล่องกล่องหนึ่ง ภายในกล่องนั้นมีอัญมณีและของที่เบธแฮมได้พูดถึงทั้งหมด
"นี่เองหรอ?"
ภายในกล่องนั้นมีวัสดุอุปกรณ์ที่คุ้นตาอาเบลมาก ภายในกล่องนั้นมีอัญมณีสีแดง 3 ชิ้นและอัญมณีสีฟ้าอีก 3 ชิ้น เบธแฮมได้หยิบอัญมณีทั้ง 6 ชิ้นออกมาจากกล่องของเขาอย่างระมัดระวัง อัญมณีพวกนี้เหมือนกับอัญมณีที่อาเบลขายที่เมืองฮาเวสแบบไม่มีผิดเพี้ยน
"นี่คืออัญมณีแห่งเปลวไฟและอัญมณีแห่งน้ำแข็งที่ทุกคนล้วนแต่พูดถึงกัน การจะหาอัญมณีทั้งสองแบบสมบูรณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่เมื่อเร็วๆ มานี้ฉันได้ไปเจอมันอยู่ที่เมืองฮาเวส" สิ่งที่อาเบลเห็นในตอนนี้มีเพียงความตื่นเต้นของเบธแฮมเท่านั้น แต่ถึงเบธแฮมจะตื่นเต้นแค่ไหนอาเบลก็ไม่ได้ตื่นเต้นตามเขาเลย อัญมณีทั้งหมดนี้อาเบลเป็นคนขายเอง อาเบลสงสัยว่าอาจารย์ของเขาอย่างเบธแฮมซื้อมาเท่าไรกันแน่ มันแพงกว่าราคาที่อาเบลขายมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากอัญมณีที่อาเบลขายไปเป็นอัญมณีเวทย์มนตร์ แล้วอัญมณีเวทย์มนตร์ต่างจากอัญมณีธรรมดายังไง?... อาเบลสงสัยในเรื่องนี้มากแต่เขาก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะถามเบธแฮมออกไป ในตอนนี้อาเบลยังรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยนั่นเอง
"ในอนาคตนายจะต้องร่างอักษรรูน ควบคุมทั้งแรง,มุมในการตี และจังหวะในการตีดาบในเวลาพร้อมๆ กัน" เบธแฮมพูดย้ำกับอาเบลก่อนที่จะหยิบพู่กันอันหนึ่่งออกมาจากกล่อง
"นี่คือพู่กันเขียนหมึกหรอครับ?" อาเบลตกตะลึงก่อนที่จะถามเบธแฮมไป พู่กันเขียนหมึกนี้เองเป็นสิ่งที่อาเบลคุ้นเคยเป็นอย่างดี ตั้งแต่ปลายพู่กันจนไปถึงหัวพู่กันอาเบลเคยเห็นมาก่อนแล้ว พู่กันที่เบธแฮมถืออยู่ดูเหมือนกับพู่กันในโลกเดิมที่อาเบลเคยอยู่มาก
เบธแฮมที่ถือพู่กันอยู่นั้นหลังจากที่ได้ยินอาเบลพูดเขาก็มองไปที่อาเบล "พู่กันหมึกอย่างงั้นหรอ อืม เป็นชื่อที่ดีทีเดียวนะ แต่ฉันจะเรียกมันว่าพู่กันเขียนอักษรรูน ด้ามไม้ของพู่กันนั้นทำมาจากไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ไม้ชนิดนี้สามารถต้านทานเวทย์มนตร์ได้นั่นเอง ด้วยคุณสมบัติไม้นี้เองจะทำให้ป้องกันการแทรกแซงเวทย์มนตร์ภายนอกได้ หัวพู่กันเองทำมาจากขนอันอ่อนนุ่มจากแผงคอของหมาป่าวายุ คุณสมบัติประเภทลมจากขนของหมาป่าวายุเองจะทำให้หัวพู่กันนั้นเขียนอักษรรูนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง"
"การที่จะใช้พู่กันแห่งอักษรรูนนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ คนที่จะเรียนรู้ที่จะใช้พู่กันนี้จะต้องฝึกฝนและเรียนรู้อีกมากมายจนกว่าจะสามารถวาดเส้นสักเส้นหนึ่งของอักษรรูนให้ถูกต้องได้ อาเบล นายลองดูสิ" เบธแฮมพูดกับอาเบลในขณะที่เขาเองก็หยิบขวดหมึกธรรมดาๆ ออกมา เบธแฮมไม่รอช้าเขารีบเปิดฝาขวดหมึกก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ เบธแฮมได้ก้มลงไปหยิบหนังลูกแกะออกมาผืนหนึ่งเพื่อที่จะให้อาเบลลองใช้พู่กันนั่นเอง
อาเบลจับพู่กันเขียนอักษรรูนทันที โดยที่อาเบลจับพู่กันอันนี้ไว้ที่ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนางของตัวเขา จากนั้นอาเบลก็ได้ใช้นิ้วโป้งกดทับไปที่ด้ามของพู่กันเพื่อเป็นการลงน้ำหนักให้พู่กันนั่นเอง อาเบลไม่รอช้าเขาจุ่มพู่กันอันนี้ลงไปในขวดหมึก จากนั้นเขาก็เคาะหมึกส่วนเกินที่ติดอยู่บนหัวพู่กันออกทันที หลังจากที่จุ่มหมึกเสร็จแล้วอาเบลก็มองไปที่หนังสืออักษรรูนก่อนที่จะลงมือเขียนในหน้าแรกทันที
เบธแฮมได้ตกตะลึงทันทีที่เห็นอาเบลลงมือเขียนอักษรรูน เบธแฮมได้ฝึกใช้พู่กันเขียนอักษรรูนนี้มามากกว่า 20 ปีแล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นการควบคุมน้ำหนักพู่กันของเบธแฮมเองก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรถ้าจะเทียบเท่ากับความพยายามครั้งแรกของอาเบลเลย แม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างเช่นการจัดพู่กัน การกะปริมาณหมึกที่เหมาะสมอาเบลก็ทำได้ดีกว่าเบธแฮมเป็นอย่างมาก เบธแฮมได้ลองผิดลองถูกมานับไม่ถ้วนกว่าจะฝึกฝนจนเขียนได้แบบที่อาเบลเขียนในตอนนี้ อาเบลยังรู้อีกว่าเวลาไหนในการเขียนควรจะใช้เส้นโค้งงอ เวลาไหนในการเขียนควรจะใช้เส้นแบบตรง อักษรรูนที่อาเบลเขียนขึ้นในครั้งแรกไม่ได้ดูแย่เลย อักษรรูนที่เบธแฮมได้ลองเขียนในครั้งแรกนั้นดูแย่กว่าของอาเบลเยอะ ถ้าหากอาเบลฝึกเขียนต่อไปในไม่ช้านี้เขาจะต้องเขียนอักษรรูนได้ดีกว่าอาจารย์อย่างเบธแฮมของอาเบลอย่างแน่นอน
ตอนนี้ตัวเบธแฮมเองรู้สึกถึงความอิจฉาริษยาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เบธแฮมทำอะไรไม่ได้เขาได้แต่คร่ำครวญและโทษในความลำเอียงของผู้เป็นพระเจ้า เบธแฮมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนอายุน้อยแบบอาเบลจะสามารถฝึกฝนตนจนมาเป็นอัศวินฝึกหัดระดับ 5 แบบนี้ได้ นอกจากนี้เบธแฮมยังไม่เคยเห็นใครที่ฝึกตีดาบเพียงเดือนเดียวและสามารถสร้างดาบแห่งร้อยทักษะแบบอาเบลได้ ดูเหมือนว่าพลังแห่งความมุ่งมั่นในตัวอาเบลจะรุนแรงและทรงพลังจนทำให้อาเบลสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้การเขียนอักษรรูนเองอาเบลก็ยังทำได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ดูเหมือนว่าความพยายามครั้งแรกของอาเบลนั้นจะมีผลเท่ากับความพยายามเป็นสิบปีของเบธแฮม เบธแฮมไม่อยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เบธแฮมจึงได้พูดกับอาเบลออกไปว่า "โอเค ฉันว่านายสามารถฝึกฝนด้วยตัวเองได้แล้วนะ"
หลังจากที่เบธแฮมได้พูดเช่นนั้น อาเบลก็ได้ออกจากห้องของเบธแฮมไป ตอนนี้เบธแฮมต้องการที่จะอยู่คนเดียว เขาต้องการที่รักษาเยียวยาจิตวิญญาณที่บอบช้ำของเขาต่อไป
หลังจากที่อาเบลออกจากห้องมาเขาก็รู้สึกได้ว่าอาจารย์ของเขาอย่างเบธแฮมนั้นไม่พอใจอะไรอยู่ อาเบลเก็บข้าวของทั้งหมดที่ได้มาก่อนที่จะกลับไปที่ห้องของเขาเองในปราสาทแฮรี่ ภายในโรงตีเหล็กนี้ไม่มีที่สงบเพียงพอที่อาเบลจะสามารถฝึกเขียนอักษรรูนได้
ถ้าอาเบลรู้ว่าอาจารย์ของเขาอย่างเบธแฮมนั้นกำลังคิดอะไรอยู่อาเบลคงจะบอกกับเขาไปว่า "ไม่นะ ท่านอาจารย์คิดมากไปแล้ว ผมก็แค่เคยใช้พู่กันแบบนี้มาแล้วก็เท่านั้นเอง" ในโลกเดิมของอาเบล อาเบลได้ฝึกเขียนและเรียนรู้การใช้พู่กันหมึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่อาเบลยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนประถม แม้อาเบลจะโตขึ้นและทำงานในโลกนั้น อาเบลก็ยังคงฝึกเขียนด้วยพู่กันแบบนี้อยู่เสมอ การฝึกเขียนด้วยพู่กันจะเป็นเหมือนกับการเพิ่มสมาธิและเป็นการผ่อนคลายให้กับอาเบลนั่นเอง
หลังจากที่ฝึกเขียนอักษรรูนไปแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาเบลก็ฝึกฝนเขียนอักษรรูนเวทย์มนตร์ทั้ง 4 ตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขนาดและสัดส่วนของตัวอักษรรูนที่อาเบลเขียนนั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เมื่ออาเบลฝึกเขียนได้สำเร็จแล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าอักษรรูนของเวทย์ไฟนั้นดูคุ้นตากับตัวอาเบลเองเป็นอย่างมาก
อักษรรูนที่อาเบลฝึกวาดนี้เหมือนกับรูนในเกมเดียโบ 2 นั่นเอง อาเบลจำได้ดีมันมีชื่อว่า รอล์รูน#8 มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกับรูนเวทย์มนตร์แห่งไฟที่อาเบลได้ฝึกเขียน ทั้งโครงสร้างและเส้นพื้นฐานโดยรวมของรูนทั้งสองอันนี้คล้ายกันมาก รอล์รูน#8 เป็นรูนที่เพิ่มความเสียหายจากการใช้ไฟ +5 และสามารถต้านทานไฟได้ถึง 30
เป็นไปได้ไหมที่ตัวอักษรรูนในโลกนี้จะเกี่ยวข้องกับโลกของเดียโบ 2 เคยมีตำนานเล่าเอาไว้ว่า ณ โลกแห่งความมืดเองระบบรูนนั้นได้หายสาบสูญไปจากโลกเมื่อนานมาแล้ว เพื่อที่จะสร้างระบบรูนขึ้นมาทดแทนดังนั้นจึงมีการคิดค้นประดิษฐ์อักษรรูนจากหินรูนโบราณ หินรูนโบราณพวกนี้เองเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในโลกแห่งนี้ ถ้าหากอาเบลต้องการที่จะเชี่ยวชาญในการสร้างรูนมากยิ่งขึ้นในอนาคต บางทีอาเบลจะต้องลองสร้างรูนจากรูนในเกมเดียโบ 2 ให้เป็นจริงขึ้นนั่นเอง
แต่สำหรับตอนนี้มันยังคงเร็วเกินไปสำหรับอาเบล อาเบลสามารถเขียนอักษรรูนได้เพียง 4 รูปแบบเท่านั้น อักษรรูนในรูนเกมเดียโบ 2 นั้นมีถึง 33 ตัว
สำหรับรูนที่อาเบลเชี่ยวชาญนั้นหลังจากที่อาเบลได้วิเคราะห์ลักษณะอย่างละเอียดแล้วทำให้อาเบลเชื่อมต่อรูนที่ฝึกเขียนกับรูนในเกมเดียโบ 2 ได้ รูนแห่งเวทย์มนตร์เพลิงคือรูนไฟหมายเลข 8 นั่นเอง ส่วนรูนน้ำแข็งเป็นรูนหมายเลข 10 รูนสายฟ้าเป็นหมายรูนหมายเลข 9 และรูนแห่งพิษหมายเป็นรูนหมายเลข 7
แต่มีระบบรูนรูปแบบหนึ่งที่อาเบลจำได้ดี หากระบบรูนอันนี้ไม่ได้ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเกมอาเบลก็คงจะจำมันไม่ได้เลย จริงๆ แล้วมีระบบรูนอีกมากมายที่ไม่สำคัญเท่าไรนักซึ่งอาเบลเองก็จำไม่ได้นั่นเอง ระบบรูนส่วนมากในเกมเดียโบ 2 นั้นไม่ได้ดีไปหมด ระบบรูนที่อาเบลจำได้ดีนั่นคือดิเอนเชี่ยนวาร์ว
ดิเอนเชี่ยนวาร์ว
ต้องการ: โล่ห์แห่งความว่างเปล่า
รูนที่ต้องการ: รูนหมายเลข 7, 8, 9
ความสามารถที่ได้
การป้องกันทั่วไป +50%
การป้องกันน้ำแข็ง +43%
การป้องกันไวรัส +48%
การป้องกันไฟ +48%
การป้องกันไฟฟ้า +48%
สามารถเปลี่ยนพลังที่ได้รับ 10 % ให้กลายเป็นพลังเวทย์มนตร์ได้
อาเบลคิดว่าสิ่งนี้อาจจะทำได้จริงในโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าคุณสมบัติต่างๆ ของมันจะไม่ดีเท่าไหร่ในเกมแต่มันจะเป็นเกราะป้องกันที่ทรงพลังมากในโลกแห่งความเป็นจริงที่อาเบลอยู่นี้ ดังนั้นอาเบลจึงตัดสินใจที่จะฝึกฝนการเขียนอักษรรูนของอาวุธต่อไปให้เชี่ยวชาญให้ได้ จากนั้นอาเบลก็จะฝึกฝนการเขียนอักษรรูนของโล่ต่อไป
ในวันถัดไปเอง อาเบลได้กลับไปที่โรงตีเหล็กพร้อมกับพู่กันแห่งอักษรรูนและขวดหมึกที่ได้จากเบธแฮม เมื่ออาเบลได้พบกับอาจารย์เบธแฮมแล้วเขาจึงพูดทันทีว่า "ท่านอาจารย์เบธแฮม ผมได้ฝึกฝนจนเขียนรูนทั้ง 4 แบบจนเชี่ยวชาญแล้ว ผมต้องการที่จะสร้างอาวุธเวทย์มนตร์ในวันนี้เลย"
ตอนนี้เบธแฮมผู้เป็นอาจารย์ของอาเบลกำลังตกใจในความเร็วของการเรียนรู้อาเบลมากกว่าครั้งไหนๆ แต่ยังไงเบธแฮมเองก็เริ่มที่จะชินชากับอาเบลแล้ว ในใจลึกๆ ของเบธแฮมรู้ดีว่าอาเบลนั้นจะเชี่ยวชาญการเขียนอักษรรูนในอีกไม่กี่วันเร็วๆ นี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วเบธแฮมจึงไม่แปลกใจอะไรอีกต่อไป
เบธแฮมหยิบดาบแห่งร้อยทักษะที่อาเบลได้ตีออกมา อัศวินมาแชลได้กำหนดเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว อาวุธที่อาเบลได้สร้างทั้งหมดนั้นถือว่าเป็นสิทธิ์ในการครอบครองของอาเบล ดังนั้นแล้วอาเบลมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรหรือปรับแต่งอะไรก็ได้นั่นเอง สุดท้ายแล้วในอนาคตอาเบลก็ได้จะรับมรดกปราสาทแฮรี่จากอัศวินมาแชล เพราะงั้นแล้วอาเบลก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เหล็กเท่าไรก็ได้ตามไปด้วย
ในตอนที่อาเบลฝึกตีดาบแห่งร้อยทักษะเอง เมื่ออาเบลตีดาบเล่มใดก็ตามสำเร็จแล้วเขาจะทิ้งดาบเล่มนั้นไว้ในห้องตีเหล็กอย่างไร้เยื่อใย อาเบลได้วางดาบแห่งร้อยทักษะทั้งหมดที่เขาได้ตีขึ้นไว้ในห้องส่วนตัวที่อาจารย์เบธแฮมได้ยกให้เขานั่นเอง หากคนธรรมดาๆ เข้ามาเห็นห้องที่อาเบลวางดาบ คนธรรมดาเหล่านั้นจะต้องเสียสติไปอย่างแน่นอน ที่ห้องตีเหล็กที่อาเบลทำงานเต็มไปด้วยดาบแห่งร้อยทักษะที่ถูกวางทิ้งไว้ จำนวนดาบนั้นมีมากกว่าร้านขายอาวุธภายในเมืองฮาเวสซะอีก มีเพียงช่างตีเหล็กแค่สามคนเท่านั้นที่มีความสามารถเท่ากับเบธแฮม แต่มีเพียงดาบของเบธแฮมเท่านั้นที่ถูกส่งขายในร้านขายอาวุธของเมืองฮาเวส ในหนึ่งเดือนเบธแฮมสามารถสร้างดาบแห่งร้อยทักษะได้เพียงแค่หนึ่งเล่มเพียงเท่านั้น ผู้ที่ตีดาบหลายคนนั้นมีขีดจำกัดอยู่นั่นเอง ถ้าหากปราศจากพลังแห่งความมุ่งมั่นแล้ววิธีเดียวที่จะพัฒนาตนเองได้นั้นก็คือการตีดาบต่อไปโดยอาศัยประสบการณ์และความพยายามมากกว่าคนที่มีพลังนั่นเอง
มีเพียงช่างตีเหล็กที่มีพลังแห่งความมุ่งมั่นแบบอาเบลเท่านั้นที่จะสามารถทำดาบแห่งร้อยทักษะสมบูรณ์แบบได้ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ในการตีเพียงครั้งเดียว
ในตอนนี้เบธแฮมไม่จำเป็นที่จะต้องส่งอาวุธที่เขาสร้างขึ้นไปขายในร้านขายอาวุธในเมืองอีกต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าการแลกเปลี่ยนตัวโจชัวนั่นเอง ลอร์ดโจเอลได้ยกร้านขายอาวุธในส่วนที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองฮาเวสให้กับอัศวินมาแชลไปเพื่อแลกกับชีวิตของโจชัว ส่วนคนรับใช้ทั้ง 5 ที่เหลืออัศวินมาแชลได้ปล่อยพวกเขากลับไปโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไร
ร้านขายอาวุธที่ลอร์ดโจเอลมอบให้นั้นมีมูลค่ามากกว่า 10,000 เหรียญทอง ร้านขายอาวุธนั่นสามารถทำกำไรได้มากถึงเดือนละ 500 เหรียญทองให้กับปราสาทแฮรี่นั่นเอง
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย