ตอนที่แล้วGE422 หนึ่งในโลกหล้า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE424 ล่าสังหาร (1) [ฟรี]

GE423 เจ้ามัน [ฟรี]


หนิงฝานอาศัยหนึ่งในโลกหล้าเพื่อยกระดับวิชาหอกตะวันจนบรรลุระดับเซียน ซึ่งระดับของมันนั้นไม่สามารถเพิ่มพูนไปมากกว่านี้แล้ว

หากใช้วิชานี้ในการต่อสู้กับจักรพรรดิเซียน ยังถือว่าเป็นวิชาที่ด้อยเกินไป แต่หากใช้กับเซียนแห่งชีวิตหรือเซียนแห่งความจริงนับว่ายังสูสี

แม้การที่เพิ่มจำนวนของหอกแยกตะวันจะทำให้อานุภาพของมันรุนแรงขึ้น แม้การที่ผสานพลังแห่งชีวิตเข้าไปจะทำให้มันทรงอานุภาพขึ้น แต่หนิงฝานในยามนี้ยังไร้หนทางที่จะยกระดับของมันต่อ

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาต้องหาวิชาที่ทรงพลังมากกว่านี้ ทำความเข้าใจ และยกระดับมัน

ในที่สุดหนิงฝานก็ได้สิ่งที่เขาตามมาหา

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า แต่ละก้าวที่เยื้องย่าง แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท้องนภาราวกับล่มสลาย

เมื่อก้าวย่างไปได้ 9 ก้าว ปราณกระบี่ที่ทรงอานุภาพปรากฏ!

หนิงฝานตกตะลึงกับอานุภาะพของวิชา 9 ย่างเหยียบสวรรค์ของตน คาดไม่ถึงว่าการทำความเข้าใจด้วยเต๋าอันสูงส่งจะทำให้วิชาบรรลุถึงระดับนี้

ปราณกษัตริย์แผ่ออกจากร่างหนิงฝาน ก่อนตัวเป็นปราณกระบี่สีทองนับล้าน

ไท่ซูและโม๋หลัวที่เห็นหนิงฝานบรรลุปราณกษัตริย์ล้วนตกตะลึง เพราะผู้ที่เข้าถึงปราณกษัตริย์ได้นั้นล้วนมีแต่ขอบเขตไร้แบ่งแยก

แต่หนิงฝานกลับบรรลุมันตั้งแต่ยังอยู่ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่เหตุที่หนิงฝานไม่ยอมใช้ เพราะเขาไม่อยากสร้างปัญหากับวิหารพิรุณ

แต่ยามนี้หนิงฝานอยู่ในโลกแห่งความฝันของตน ต่อให้ใช้ไปก็ไม่มีใครทราบ

หากเทียบกันแล้ว โม๋หลัวอันตรายกว่ากษัตริย์พิรุณนับพันล้านเท่า อีกอย่างการใช้ 9 ย่างเหยียบสวรรค์ด้วยปราณกษัตริย์นั้น จะทำให้มันทรงอานุภาพขึ้นมาก

โม๋หลัวขมวดคิ้ว มันคิดผิดที่ให้หนิงฝานยกระดับวิชา!

แต่ด้วยศักดิ์ศรีของมัน มันไม่ยอมให้หนิงฝานเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน

ต่อให้ผู้เยาว์ขอบเขตตัดวิญญาณจะยกระดับกลายเป็นจักรพรรดิเซียนด้วยวิชาลับ แต่ยังไงจักรพรรดิเซียนที่ยกระดับด้วยตนเองย่อมแข็งแกร่งกว่า

โม๋หลัวโบกมือ ดวงตาปีศาจนับพันล้านดวงเข้าแผดเผาทำลายปราณกระบี่ทองคำของหนิงฝานไปทีละปราณ

“หากเจ้าไม่ใช้วิชาที่ทรงพลังกว่านี้ วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!” โม๋หลัวกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”

หนิงฝานสั่งให้ปราณกระบี่ทั้งหมดเข้าจู่โจมดวงตาปีศาจ

ไอปราณสีดำค่อยๆแผ่ออกจากทั่วร่างหนิงฝาน ปราณเหล่านั้นคล้ายปราณปีศาจ แต่มันคือสัมผัสเทพ

ผมของหนิงฝานยาวขึ้น แววตาเย็นชา ใบหน้าด้านซ้ายปรากฏรอยสัก

เมื่ออาภรณ์สีขาวถูกอาบย้อมจนกลายเป็นสีดำ แรงกดดันของหนิงฝานเปลี่ยนไป ดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง

“ร่างวิญญาณ? แต่ทำไมมันถึงดูคุ้นๆ… นี่มัน วิชาอ่านวิญญาณของจักรพรรดิเซียนไท่เฉิง!”

โม๋หลัวคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะยังมีวิชาที่ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

“อย่างแรกก็ปราณกษัตริย์! ต่อมาก็ร่างวิญญาณ เด็กนี่อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่กลับบรรลุวิชาของขอบเขตไร้แบ่งแยก! พรสวรรค์เช่นนี้คงไม่มีใครทัดเทียมแล้ว… ต่อให้เป็นวิชาร่างวิญญาณของจักรพรรดิเซียนไท่เฉิง ก็ยังไม่อาจเอาชนะโม๋หลัวได้อยู่ดี เพราะวิชาร่างวิญญาณนั้น เหมาะกับการป้องกัน ไม่ได้เหมาะกับการจู่โจม!” ไท่ซูกล่าวกับตนเอง

แต่แล้วชายชรากลับต้องคืนคำเพราะชั่วพริบตาถัดมา ร่างวิญญาณของหนิงฝานกลายเป็นเส้นสายสีดำมากมายนับไม่ถ้วน

เต๋าและความเข้าใจในวิชากระบี่วารีผันแปรเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิชาทรงพลังเป็นอย่างมาก

“หนึ่งสลายหนึ่งก่อเป็นวัฏจักร… ความว่างเปล่าหวนคืนสู่ความจริง ข้าไม่รู้ว่าความจริงคือสิ่งใด ไม่อาจเข้าใจในความจริง แต่ข้ารู้ว่ากึ่งกลางระหว่างความจริงและสิ่งลวงเป็นเช่นใด...”

เส้นสายสีดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มุ่งตรงเข้าหาโม๋หลัว เส้นสายแต่ละเส้น ทรงอานุภาพราวกับปราณกระบี่ที่ทรงพลังเล่มหนึ่ง

โม๋หลัวตกตะลึง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะครอบครองสัมผัสกระบี่ แต่สัมผัสกระบี่ระดับนี้ใช่ว่าจะทำอันตรายมันได้

มันจุดเพลิงจากดวงตาปีศาจ แผดเผาเงากระบี่จำนวนมากที่กำลังตรงเข้ามา

“อ่อนแอ… ช่างอ่อนแอยิ่งนัก การจู่โจมระดับนี้ทำอะไรข้าไม่ได้!”

แต่ทันทีที่มันกล่าวจบ สีหน้ามันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

โม๋หลัวเห็นเงากระบี่ 1 สาย เพิ่มพูนเป็น 2 สาย…. จาก 2 สายเพิ่มพูนเป็น 4 สาย เป็นเช่นนั้นอย่างต่อเนื่องกระทั่งพวกมันทวีจำนวนไปจนถึงหมื่นล้านเล่ม

ที่สำคัญ เงากระบี่แต่ละเล่มทรงพลังยิ่งกว่าดวงตาปีศาจในแต่ละดวงของโม๋หลัว

เงากระบี่หมื่นล้านเข้าทำลายดวงตาปีศาจ เมื่อพวกมันถูกแผดเผา พวกมันกลับก่อตัวขึ้นใหม่ราวกับฟื้นคืนชีพ ที่สำคัญ ผลกระทบของมันยังทำให้โม๋หลัวบาดเจ็บ

“วิชานี้มัน...” โม๋หลัวสั่นสะท้าน แต่ในชั่วพริบตาต่อมา เงากระบี่ของหนิงฝานกลับสลายไปราวกับเกิดความผิดพลาดบางอย่าง

เหตุผลที่วิชาล้มเหลวไม่ใช่เพราะหนิงฝานฝืนใช้มันเกินไป แต่เป็นเพราะความเข้มข้นของสัมผัสเทพที่ได้มาจากไท่ซู ทรงพลังไม่พอ

การจะใช้วิชาวารีผันแปรสร้างกระบี่หมื่นล้านเล่มได้ ระดับของสัมผัสเทพย่อต้องสูงส่งจนน่าสะพรึงกลัว หากหนิงฝานมีระดับสัมผัสเทพที่สูงกว่านี้ เขามั่นใจว่าจะสังหารโม๋หลัวได้

“ล้มเหลว…” แม้จะกล่าวว่าล้มเหลว แต่หนิงฝานก็ยังพอใจกับผลลัพธ์มที่ได้

ยามนี้วิชาลับของไท่ซูอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง ระดับพลังของหนิงฝานก็กำลังลดลงอย่างช้าๆ

ยามนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนิงฝานจะได้ใช้วิชา เขาต้องเลือกวิชาที่รุนแรงกว่านี้ ต้องทำให้มันทรงพลังมากกว่านี้

และวิชาที่หนิงฝานคิดจะใช้ต่อไปคือ วิชาดึงวิญญาณ

เขามีโอกาสได้เห็นโม๋หลัวและไท่ซูใช้วิชาดึงวิญญาณในการดึงเอาพลังจากมิติ และเต๋าแห่งสวรรค์

เต๋าแห่งสวรรค์มีจิตวิญญาณเพียงดวงเดียว แต่ยามนี้มันได้ถูกโม๋หลัวดึงไปแล้ว เพียงแต่ หนิงฝานยังสัมผัสได้อย่างเบาบางว่า จิตวิญญาณแห่งเต๋าที่แท้จริงยังไม่ได้ถูกโม๋หลังดึงไป

เมื่อจดจ่ออยู่กับการดึงวิญญาณ หนิงฝานก็เข้าใจวิชาดึงวิญญาณมากขึ้น ซึ่งยามนี้ วิชาดึงวิญญาณของเหนือล้ำกว่าเดิมมาก

แต่ถึงความเข้าใจจะเพิ่มขึ้น กลับยังมีบางสิ่งที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ชัดเจน เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะเขายังทำความเข้าใจกับคำว่ามิติไม่พอ

“เต๋าแห่งสวรรค์ประกอบไปด้วยเต๋าพื้นฐานทั้ง 6… แต่ด้วยที่ข้ายังไม่เข้าใจมันมากนัก ต่อให้ดึงพลังของพวกมันมาได้ ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ข้าทรงพลังขึ้น… หากจะให้บรรลุถึงจุดนั้น ข้าต้องบรรลุวิชาดึงวิญญาณให้ได้ และชักนำพลังของเต๋าทั้งหมดให้ได้!”

หนิงฝานเอื้อมมือคว้าจับไปเบื้องหน้า อาศัยความเข้าใจเพียงน้อยนิดในเต๋า พยายามดึงพลังของเต๋าแห่งสวรรค์พื้นฐานทั้ง 6 แม้ว่าตนเองจะยังไม่เข้าใจในวิชาดึงวิญญาณมากนัก แต่มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขาเอาชนะโม๋หลัวได้

เมื่อเต๋าแห่งพื้นฐานทั้ง 6 ผสานรวมเป็นหนึ่ง เต๋าแห่งสวรรค์ปั่นป่วนราวกับจะพังทลาย

พลังที่ก่อตัวจากเต๋าแห่งพื้นฐานทั้ง 6 กระแทกเข้ากลางหน้าอกของโม๋หลัวออย่างรุนแรง ผลักให้มันถอยไป 3 ก้าว โลหิตปรากฏที่มุมปาก

มันประมาทจนถูกหนิงฝานจู่โจม

“ดึงพลังเต๋าแห่งพื้นฐานทั้ง 6 ไม่เลว! แต่เจ้าไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นอีก เพราะตอนนี้ข้าโกรธจริงๆแล้ว!”

แววตาโม๋หลัวแปรเปลี่ยนเย็นชา ปราณปีศาจที่ทรงพลังแผ่ปกคลุม

ดวงตาปีศาจที่ลุกโหมด้วยเพลิงทมิฬหมื่นล้านดวงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

โม๋หลัวควบคุมดวงตาปีศาจเหล่านั้น พุ่งเข้าหนิงฝานราวกับดาวตก กระแทกเข้าที่กลางอกกของเขาอย่างรุนแรงจนกระอักโลหิต ยิ่งจำนวนของดวงตาปีศาจสัมผัสร่างมากเท่าไหร่ อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูน

อาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ได้รับ เกินกว่าขอบเขตที่วิชาดาราทมิฬจะรักษาได้ ดังนั้นหนิงฝานจึงอาศัยเพียงปราณจักรพรรดิเซียนในการฟื้นฟูร่างกาย

แต่ยิ่งฟื้นฟูร่างกาย ก็ยิ่งสูญเสียปราณมากขึ้น เมื่อถูกผลักให้ถอยไปถึง 100 ก้าว ปราณที่ไท่ซูมอบให้ก็หมดลง

“ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่! รีบลงมือเถอะ” ไท่ซูกล่าว

“อืม” แม้จะถูกจู่โจมจนบาดเจ็บอย่างหนัก แต่หนิงฝานยังคงสงบใจ ทำความเข้าใจกับวิชาที่ใช้ต่อไปได้

หนิงฝานขบคิดทำความเข้าใจกับวิชาฝ่ามือที่ได้มาในแผ่นหยก หลังจากใช้วิชาที่ยกตนเองระดับไปเมื่อครู่ ความเข้าใจในวิชาฝ่ามือก็เพิ่มพูน

ชายชราผู้นั้นเป็นใคร… เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคย… เขาเคยเห็น...หรือไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อความเข้าใจแล้วความรู้สึกเริ่มเด่นชัด หนิงฝานก็เริ่มเข้าใจในวิชามากขึ้น

เขายื่นมือไปเบื้องหน้า นิ้วทั้ง 5 ออกจากกัน แต่ละนิ้วโคจรดรรชนีกระบี่ทะลลายสวรรค์

“ทะลายที่ 1… ทะลายภูเขาและสายน้ำ...”

พื้นดินทั่วทั้งโลกแห่งความฝันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ทะลายที่ 2… ตะวันทมิฬ!”

นิ้วชี้แล้วนิ้วโป้งประกบเข้าด้วยกัน ดวงตะวันทมิฬปรากฏ

“ทะลายที่ 3… มิติ!”

นิ้วกลางประกบเข้ากับนิ้วชี้และนิ้วโป้ง มิติรอบข้างผันผวนราวกับจะพังทะลาย ปราณแห่งความตายไหลซึมออกมาจากมิติ ผสานเข้ากับดรรชนีกระบี่ของหนิงฝาน

“ทะลายที่ 4… เงาสุสานกษัตริย์!”

นิ้วนางประกับเข้ากับ 3 นิ้วก่อนหน้า ป้ายสุสานขนาดใหญ่ปรากฏบนท้องนภา รอยร้ายราวกับท้องนภาแตกสลายลุกลามไปทั่วผืนฟ้า

“ทะลายที่ 5… หนทางแห่งนักโทษสวรรค์”

นิ้วทั้ง 5 เรียงชิดติดกันเป็นฝ่ามือ เส้นทางที่ทอดยาวราวกับไปถึงแดนสวรรค์ปรากฏ แต่ไม่นานเส้นทางแห่งนั้นก็เริ่มพังทะลาย อานุภาพของดรรชนีกระบี่หนิงฝานเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง

เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานผสานดรรชนีกระบี่ 5 เข้าด้วยกัน เมื่อเร่งอานุภาพของมันจนถึงจุดสูงสุด หนิงฝานได้ผสานหมอกเมฆาม่วงเข้า ทำให้เบื้องหน้าของเขาเริ่มปรากฏฝ่ามือสีม่วงทองก่อตัวขึ้น

อานุภาพของดรรชนีกระบี่ทั้ง 5 มากพอที่จะสังหารเซียนได้ในพริบตา

แต่เมื่อผสานกับหมอกเมฆาม่วง กลับทำให้ดรรชนกระบี่กลายเป็นพลังแห่งชีวิต ที่สามารถแปรเปลี่ยนให้สรรพสิ่งหวนคืนสู่ธุลี หวนคืนสู่จุดเริ่มต้นของเต๋าอันยิ่งใหญ่

เมื่อฝ่ามือม่วงทองปรากฏสมบูรณ์ สายลมเริ่มพัดพากรรโชก หิมะขาวโปรยปราย ราวกับพวกมันเป็นพลังแห่งชีวิตที่สยบได้ทุกสรรพสิ่ง

“ฝ่ามือนั่น...ผสานกับเต๋าของเด็กนั่นเข้าไปด้วย”

“เขาสร้างฝ่ามือที่ควบคุมพลังแห่งชีวิตได้!”

“วิชาเซียน… ฝ่ามือกุมสวรรค์”

แผ่นหยกที่ไท่ซูมอบให้หนิงฝานแตกสลาย เงาร่างสีม่วงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลังหนิงฝาน ให้ตัวเขา โม๋หลัว และไท่ซูได้เห็น

เจ้าของเงาร่างคือผู้ที่คิดค้นวิชาฝ่ามือกุมสวรรค์ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถควบคุมพลังแห่งชีวิต

ไท่ซูป้องมือให้กับเจ้าของเงาร่าง โม๋หลัวที่มั่นใจในพลังของตนกลับหวาดกลัว

“แผ่นหยกนั่นกักเก็บสัมผัสเทพของคนผู้นั้นเอาไว้… คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมัน… แต่เป็นไปไม่ได้ มันสมควรตายไปแล้ว! บัดซบเอ้ย! ไว้วันใดที่สัมผัสเทพของข้าฟื้นฟูถึง 7 ใน 10 ส่วนเมื่อไหร่ ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า!”

โม๋หลัวหวาดกลัว… มันพร้อมที่จะสู้กับจักรพรรดิเซียน มันเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปีศาจทั้ง 9

แต่กับเจ้าของเงาร่างนั้น มันไม่กล้ายั่วยุ เพราะคนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่ใครก็จะยั่วยุได้

หนิงฝานพยายามจะหันหน้ากลับไปมอง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายผู้นั้น จู่ๆเขากลับรู้สึกเจ็บที่ทะเลสติ ก่อนที่ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเจ้าของเงาร่างจะหายไป

เขาจำได้เพียงรอยยิ้มของคนผู้นั้น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

“เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่ง แม้จะสามารถทำความเข้าใจกับวิชาฝ่ามือได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้เอาชนะโม๋หลัว แต่ยังไงซะก็อย่าปล่อยให้มันหนีไป... เมื่อในอดีต ข้าได้ทำนยายไว้ว่าเจ้าจะเป็นผู้ช่วยปัดเป่าภัยร้าย จึงได้ทิ้งแผ่นหยกนั่นไว้ให้ เพียงแต่ข้าจะช่วยเจ้าก็ได้แค่เพียงครั้งนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้น...”

“ช่างเถอะ พูดไปก็ไร้ประโยขน์ สิ่งที่สำคัญคือจัดการเจ้านั่นให้ได้ ส่วนเรื่องพลังแห่งชีวิต วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจเอง”

เมื่อกล่าวจบ เงาร่างของชายชราผู้นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ที่ชายชราปรากฏตัวก็เพื่อจะช่วยเหลือหนิงฝาน แต่ชายชราช่วยได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะการช่วยเหลือต้องแลกกับการที่สัมผัสเทพสุดท้ายต้องสูญหายไป ชายชราไม่มีวันกลับมาเกิดใหม่ได้อีก

หนิงฝานไม่รู้ว่าชายชราผู้นั้นคือสื่อเซ่าหรือไม่ แต่ที่เขารู้ คือชายชราได้ช่วยรั้งโม๋หลัวเอาไว้

“ข้าจะช่วยเจ้าสะกดพลังมันไว้ หากเจ้าบรรลุระดับพลังที่มากพอเมื่อไร่ ให้เดินทางไปยังโลกปีศาจเพื่อสังหารมัน”

เงาร่างของชายชราที่หายไป ผสานเข้าไปอยู่ในฝ่ามือกุมสวรรค์ของหนิงฝาน แรงกดดันจากฝ่ามือยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้โม๋หลัวจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้ มันย่อมไม่นับเป็นอันใด

“เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้! ตราบใดที่เหล่าทาสของข้ายังอยู่ ข้าจะกลับมาล้างแค้นเจ้าแน่นอน!”

ฝ่ามือเคลื่อนเข้าหาโม๋หลัวที่พยายามหลบหนีสุดชีวิต แต่ไม่ว่ามันจะหลบหนไปที่ใดฝ่ามือก็ตามไป ไม่ว่ามันจะขยายร่างขนาดไหนฝ่ามือก็ขยายตาม ไม่ว่ามันจะหดร่างเล็กขนาดไหน ฝ่ามือก็ยังหดเล็กตาม นั่นหมายความว่า มันไม่มีทางหลบหนีจากฝ่ามือกุมสวรรค์พ้น

เมื่อมันสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่เข้าใกล้มันอย่างต่อเนื่อง ความกลัวได้ปกคลุมจิตใจของมัน

*เปรี้ยง!*

ฝ่ามือประทับเข้าที่ร่างของมันอย่างรุนแรง มันเปล่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว และทิ้งคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังให้กับหนิงฝาน

“เจ้าจงจำไว้ให้ดี อีกล้านปีข้างหน้า ยามที่ทาสคนใหม่ของข้าถือกำเนิด เมื่อนั้นข้าจะทำลายผนึกและกลับมาแก้แค้นเจ้า! เจ้าจะไม่มีไท่ซูคอยช่วยอีกต่อไปแล้ว ถึงดวงจิตนี้ของข้าจะถูกทำลาย แต่มันเทียบไม่ได้กับดวงจิตอีกดวงที่ทรงพลังยิ่งกว่าของข้า!”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

แล้วเสียงของโม๋หลัวก็หายไป...

หยดโลหิตสีดำร่วงหล่นจากท้องนภา เงาร่างของชายชราในอาภรณ์ม่วงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ชายถอนหายใจพลางจ้องมองโลหิตหยดนั้นราวกับหวนนึกถึงบางสิ่ง

“โลหิตของโม๋หลัว...” ชายชราขยับมือเป็นท่าทาง ส่งโลหิตหยดนั้นเข้าไปในร่างหนิงฝาน

การเสริมกำลังให้กับฝ่ามือกุมสวรรค์ของหนิงฝาน ทำให้ชายชราต้องเสียพลังไปไม่น้อย และภาพร่างของชายชราที่ปรากฏเป็นเพียงสัมผัสเทพส่วนหนึ่งที่เหลืออยู่เท่านั้น

ชายชราหันมองไท่ซูที่อยู่ในร่างหนิงฝาน พลางกล่าวถ้อยคำที่หนิงฝานไม่อาจได้ยิน ส่วนไท่ซูเองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจพลางพูดคุยกับชายชราเช่นกัน

“ตั้งแต่ข้าบอกกล่าวกับเจ้าในคราวนั้น เจ้าพอใจกับผลที่ประสบหรือเปล่า?” ชายชรายิ้มพลางกล่าวถาม

“ข้า...ข้าพอใจมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นอย่างท่านว่าจริงๆ” ไท่ซูกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดูเหมือนโม๋หลัว ชายชรา และไท่ซูและเคยเกี่ยวข้องกันในอดีตเมื่อนานมาแล้ว

จริงๆแล้วชายชราผู้นั้นคือจักรพรรดิเซียนสื่อเซ่า แต่เหตุที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวกับหนิงฝานนั้น ยังคงเป็นความลับ

ดวงจิตของโม๋หลัวที่ปรากฏ คือสัมผัสเทพ 3 ใน 10 ส่วนของมัน แฝงมากับตราประทับปีศาจที่หนิงฝานโดนในอดีต แต่อีก 7 ส่วนที่เหลือถูกผนึกเอาไว้ในภูเขาปีศาจลูกหนึ่ง

“เมื่อครู่คือโลหิตปีศาจของโม๋หลัว ถึงจะเป็นแค่โลหิตหยดเดียว แต่ก็เป็นประโยชน์กับเจ้าอย่างมาก จงดูดซับมันซะ ในอนาคตข้างหน้า เจ้าจะต้องได้ต่อสู้กับมันอีกอย่างแน่นอน”

สื่อเซ่าหัวเราะก่อนที่เงาร่างจะเลือนหายไป

หลังจากชายชราหายไป เส้นแสงสีแดงก็ลอยออกมาจากร่างหนิงฝาน คืนร่างเป็นไท่ซู

เมื่อชายชราออกจากร่าง หนิงฝานรู้สึกราวกับตนเองไร้เรี่ยวแรง

“ขอบคุณจักรพรรดิเซียนไท่ซูที่ช่วยชีวิตข้า!” หนิงฝานป้องมือพลางกล่าว

“เป็นข้าที่ควรจะขอบคุณเจ้ามากกว่า…”

“ผู้อาวุโสมีอะไรอยากข้าช่วยก็บอกมาเถอะ หากข้าทำได้ข้าจะช่วยท่านอย่างแน่นอน!” ที่หนิงฝานผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในวันนี้มาได้ ก็เป็นเพราะไท่ซู เพราะฉะนั้นเขาต้องหาทางตอบแทนบุญคุณ

แม้หนิงฝานจะไม่ใช่คนดี แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ลืมบุญคุณคน

“อืม...” ชายชราขมวดคิ้วพลางกล่าว

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าข้าจะมอบหยกให้เจ้าแผ่นหนึ่ง เจ้าไปดูเอาเองแล้วกันว่าสิ่งที่ข้าขอคือสิ่งใด”

ไท่ซูโคจรพลังที่เหลืออยู่ สร้างแผ่นหยกขึ้นมาแล้วส่งให้หนิงฝาน

แววตาของชายชราเหม่อลอย หวนนึกหญิงชายผมขาวผู้หนึ่ง ราวกับไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน

“เจ้าคงกำลังมีความสุข อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ได้ชดใช้ให้เจ้าแล้ว… วิชาล้างดวงจิตทำให้เจ้าได้รับผลกระทบไม่น้อย...”

“ผู้อาวุโสพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ?” หนิงฝานสงสัย

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก… สำหรับบุรุษอย่างเรา บุบผาย่อมมีไว้เชยชม สตรีที่ดีย่อมเป็นสมบัติที่ควรเก็บรักษา”

เมื่อกล่าวจบ ชายชราก็หลับตา เงาร่างค่อยๆเลือนหายไป

“เฟ่ยเฟิง...” คำกล่าวสุดท้ายที่ชายชราทิ้งไว้

เมื่อชายชราจากไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลือนหาย กลับคืนสู่ความว่างเปล่า

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความฝันของหนิงฝานไม่มีผู้ใดล่วงรู้ หากไม่เพราะยังมีความรู้สึกที่ได้ผสานพลังกับจักรพรรดิอัสนีไท่ซูหลงเหลืออยู่ภายในร่าง หนิงฝานคงคิดว่ามันคือความฝันจริงๆ

และยามนี้ ก็ได้เวลาที่เขาต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ดวงจิตทมิฬคิดจะให้ข้ากลายเป็นทาสของโม๋หลัว ถ้าเกิดมันรู้ว่าดวงจิตโม๋หลัวตาย มันจะทำหน้ายังไง!”

หนิงฝานกล่าวเย้ยหยันในใจ โลหิตของโม๋หลัวที่ได้มา กลายเป็นแหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงดวงจิตของเขาให้ทรงพลังขึ้น

ที่โลกภายนอก… ดวงจิตของหนิงฝานที่หลับไหลอยู่ภายในภายในร่างปีศาจหกปีกได้แผ่ปราณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว พร้อมกับตื่นจากหลับไหล!

“เจ้าตื่นขึ้นมาได้ยังไง!” ดวงจิตทมิฬยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อต้านพลังที่แผ่ออกมาจากกระดูกนิ้วของจักรพรรดิไท่ซู เพื่อพยายามจะควบคุมร่างของหนิงฝาน ให้กลายเป็นทาสของโม๋หลัว

มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับปราณปีศาจที่ทรงพลัง จนทำให้มันวิตก

“เจ้าคงคาดไม่ถึงว่าว่าคนที่เจ้าพยายามทำให้กลายเป็นทาสของโม๋หลัว จะเป็นผู้ที่ได้ดูดซับโลหิตของมัน!” หนิงฝานเย้ยหยัน ก่อนจะกลับมาคุมร่างของตนได้อีกครั้ง

ร่างยักษ์ของเขาค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างปกติ ดวงจิตของเขายามนี้สวมทับดวงเกราะทองคำทั่วร่าง พลางก้าวเดินหาดวงจิตทมิฬด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร

“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงได้ครอบครองโลหิตของนายท่าน! นอกจากนายท่านจะตายแล้ว โลหิตของท่านคง...”

“อา… มันตายแล้ว!” หนิงฝานเย้ยหยัน

“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด เจ้าโกหก!”

ดวงจิตทิฬเป็นทาสของโม๋หลัวทั้งกายและใจ สำหรับมันโม๋หลัวคือผุู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

แต่หนิงฝานรู้ว่าโม๋หลัวไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ไท่ซูเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ชายชราอาภรณ์ม่วงผู้นั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด

ในโลกนี้ไม่มีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้คืออะไร

บางทีอาจมีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน และอาจจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไปอีก

อีกล้านปีข้างหน้า หนิงฝานจะได้ต่อสู้กับโม๋หลัวอีกครั้ง แต่เขากลับรู้สึกว่า เหตุการณ์นั้นอาจใกล้เข้ามาเร็วยิ่งกว่า

หากถึงยามนั้นแล้วหนิงฝานสามารถสามารถจักรพรรดิเซียนได้ เขาจะทำให้โม๋หลัวรู้ว่ามันผิดที่มาดูแคลนเขา

“หนทางของข้ายังอีกยาวไกล… แต่ตอนนี้ ผู้ที่ต้องตายคนต่อไปคือราชามังกร!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลีย่นเย็นชา อ้าปากดูดกลืนเอาดวงจิตทมิฬเข้ามา เสริมให้ปราณปีศาจของเขาทรงพลังยิ่งขึ้น

ยามนี้โลหิตของโม๋หลัว กระดูกของไท่ซู และวิชาของสื่อเซ่าได้กลายเป็นของหนิงฝานทั้งหมด

แม้จะรอดพ้นจากภัยพิบัติของโม๋หลัว แต่ตราประทับปีศาจในร่างหนิงฝานยังอยู่ เขาต้องไปเผ่าปีศาจยักษ์เพื่อทำลายมัน

เผ่าปีศาจยักษ์ เผ่าหกปีก เผ่าเขาคู่ และเผ่าเนตรปีศาจ คือทาสของโม๋หลัว

เพราะฉนั้นพวกมันย่อมมีความเข้าใจในตราประทับของโม๋หลัวเป็นอย่างดี

หนิงฝานยังไม่ได้ดูดซับโลหิตของโม๋หลัวโดยสมบูรณ์ เพราะระดับพลังของเขายังไม่ถึงขั้น บางทีหากบรรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง ก็อาจทำให้เขาดูดซับได้

ส่วนชิ้นกระดูกของจักรพรรดิไท่ซูทรงพลังมหาศาล การดูดซับย่อมเต็มไปด้วยอันตราย แต่ยังไงซะไท่ซูได้ทำบางสิ่งเพื่อให้หนิงฝานดูดซับพลังจากชิ้นกระดูกได้

การดูดซับกระดูกเป็นไปอย่างราบลื่น จนยามนี้ หนิงฝานได้ปราณเพิ่มมาเป็น 650,000 เกราะ ร่างกายบรรลุขอบเขตกระดูกหยกขั้นสูงสุด อีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุกายทองคำ

หนิงฝานรู้ว่าการจะบรรลุขอบเขตกายทองคำไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่การที่ร่างกายของเขาบรรลุขอบเขตกระดูกหยกขั้นสูงสุด ผสานกับร่างกายที่ยกระดับด้วยวิชากายปีศาจ ทำให้เขาแข็งแกร่งไม่แพ้ขอบเขตกายทองคำ

หลังจากดูดกลืนดวงจิตของดวงจิตทมิฬเข้ามา หนิงฝานก็ได้วิชาของเผ่าปีศาจยักษ์ เผ่าหกปีก และเผ่าเนตรปีศาจมาครอง หากใช้วิชาของพวกมันผสานกันสมควรรับมือได้

หากรวมผสานทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้

ดังนั้นยามนี้หนิงฝานสมควรต่อกรกับราชามังกรได้ เพียงแต่คงต่อสู้เป็นเวลานานไม่ได้ เขาต้องรีบตัดสินกับมัน

“ตอนนี้ข้าสมควรสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ไม่ยาก...”

ยามนี้ถึงเวลา 3 วันตามที่ได้ตกลงกับเหลยฉียี่แล้ว เขาจึงคลายพลังปีศาจที่ตนได้รับแต่ยังไม่กลับออกจากโลกหยินทันทีเพราะเหลือบไปเห็นสตรีในอาภรณ์ขาวนางหนึ่ง ใบหน้าซีดขาว กำลังถ่ายปราณเข้ามาในร่างของเขาเพื่อเสริมให้ดวงจิตของเขาฟื้นฟู

นางผสานมือเป็นท่าทาง แสงสีขาวบริสุทธิ์ฉายอาบ ลบล้างปราณปีศาจที่รุนแรงของเขา

นี่คือปราณเย็นๆสายหนึ่งที่หนิงฝานสัมผัสได้ ปราณเย็นๆสายหนึ่งที่ปลุกให้เขามีสติขึ้นมาได้

“ที่แท้คนที่ช่วยข้าก็คือโยว่เอ๋อร์… นางตื่นตั้งแต่ไหนกัน!”

หนิงฝานเพิ่งได้รู้ว่าผู้ที่ช่วยทำให้เขารอดมาจนถึงตอนนี้อีกคนคือหลั่วโยว่

แต่นางในยามนี้ไม่ได้ทรงพลังเหมือนก่อน ระดับพลังของนางลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งยังเริ่มอ่อนกำลังอย่างต่อเนื่อง

“เจ้า… ปลอยภัย...” เมื่อเห็นว่าหนิงฝานได้สติ นางก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ้มให้เขาอย่างงดงามก่อนที่นางจะหมดสติในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

หนิงฝานขมวดคิ้วพลางกอดนางไว้แน่น เขารู้ว่าเหตุผลที่นางช่วยเขาตอนนี้ และเหตุผลที่นางช่วยเขาก่อนหน้านี้นั้นต่างกัน

มันทำให้เขานึกถึงคำกล่าวของไท่ซูก่อนจะจาก ว่าสตรีที่ดีคือสมบัติที่ควรเก็บรักษา ซึ่งหลั่วโยว่คือสตรีที่ดีคนนั้นสำหรับเขา

“เจ้าตื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นหลับ… ครั้งหน้าหากเจ้าตื่น ก็ขออย่าได้ปิดบังข้าอีกเลย… เจ้าพักผ่อนเถอะ”

หนิงฝานอุ้มนางกลับไปที่บ้าน วางร่างของนางลงบนที่นอนเพื่อให้นางได้พัก

หนิงฝานขบคิดว่าหากช่วยหงยี่สำเร็จ เขาอาจจะขอสมุนไพรแสนปีจากนาง เพื่อนำมารักษาหลั่วโยว่พร้อมกับใบไผ่อัสนีทองคำดำ

ต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ให้นางต้องเผชิญอันตรายอีก...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด