38 สังหารเพื่อเปิดทางสู่เกาะมังกรปีศาจ
38 สังหารเพื่อเปิดทางสู่เกาะมังกรปีศาจ
นักเรียนทั้งสามจากคลาสพิเศษต่างก็ไม่มีใครคิดว่า หลี่เย้าจะเป็นฝ่ายลงมือโจมตีก่อน และมากไปกว่านั้น การจู่โจมนี้จะรุนแรงและร้ายกาจได้ขนาดนี้ เพียงแค่พริบตาเดียว ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดเพราะความกลัว!
แต่เมื่อเทียบกับจ้าวเหลียงแล้ว ปฏิกิริยาการตอบสนองของพวกเขานั้นรวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด นักเรียนคนที่ต้องเผชิญหน้ากับหลี่เย้า ได้ไขว้แขนของเขาเพื่อรับการโจมตี แล้วงอตัวในรูปแบบที่ดูแปลกตา เกิดเสียง “ปัง!” ดังขึ้น เขาแทบจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากเข่าของหลี่เย้าได้เลย เขาปิดปากเพื่อไม่ให้มีเสียงครางดังออกมา และได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวออกมา...กระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาหัก จากการโจมตีด้วยเข่าของหลี่เย้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
นักเรียนอีกสองคนจากคลาสพิเศษได้พุ่งเข้าไปจู่โจมจากทางด้านหลัง ด้วยการตรึงหลี่เย้าเอาไว้ด้วยความพยายามที่สูญเปล่า
“ปัง!ปัง!”
หลี่เย้าไม่ได้หลบหรือกระโดดหนีไปไหน และยืนรับการโจมตีจากทั้งสองอยู่ตรงนั้น นักเรียนจากคลาสพิเศษทั้งสอง ได้เตะเข้าไปที่ด้านหลังของหลี่เย้าอย่างรุนแรง แต่มันก็คล้ายกับว่า พวกเขากำลังเตะถุงทรายที่ใส่เศษเหล็กเอาไว้ อยู่ๆกล้ามเนื้อในร่างกายของหลี่เย้า ก็ได้สั่นกระเพื่อมขึ้นอย่างน่าประหลาด พลังงานจากลูกเตะได้กระจายและถูกหักล้างให้หายไป!
“ร่างกายของเขามีความสามารถในการต้านทานสูงมาก!?”
เลือดในกายของนักเรียนคลาสพิเศษทั้งสองเย็นเฉียบ พวกเขาสังเกตเห็นได้ถึงการเคลื่อนไหวในส่วนกล้ามเนื้อของหลี่เย้า และได้รู้ว่า มันคือเทคนิคขั้นสูงที่มีชื่อว่า เทคนิคการกระจายพลังงาน ภายใต้คำแนะนำการฝึกของทางกองทัพนั้น เพื่อที่จะสามารถใช้เทคนิคนี้ได้ ร่างกายของผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องได้รับลูกเตะซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง
“พวกเราพลาดแล้วรึเปล่า? คนคนนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ! ความแข็งแกร่งระหว่างเขาและเฮ่อเหลียนเลี่ย แทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเขาถึงไปอยู่คลาสสามัญได้? หรือครูทั้งโรงเรียนตาบอดกันไปหมดแล้ว?!”
นักเรียนทั้งสามจากคลาสพิเศษต่างมองหน้ากัน และต่างก็มองเห็นความหวาดกลัวที่แสดงออกมาในแววตาของกันและกันได้
หลี่เย้าไม่ได้สนใจการโจมตีของคนทั้งสองเลย เข่าทั้งสองข้างของเขาได้ระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง ราวกับเสือร้ายที่หลุดออกมาจากภูเขา! ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เขาก็ได้ระเบิดพลังกระแทกเข่าออกไปติดต่อกันถึง 11 ครั้ง ราวกับเวทมนต์!
นักเรียนคลาสพิเศษที่รับการโจมตีจากหลี่เย้าในตอนแรก ไม่สามารถทนรับการโจมตีได้อีกต่อไป เขาทรุดลงไปกับพื้นและกรีดร้องออกมาอย่างน่าหวาดกลัว
มันเป็นภาพที่ไม่สามารถจินตนาการถึงได้ เกิดเสียงอุทานออกมาและเกิดคลื่นความประหลาดใจไปทั่วทั้งห้องรับรองแขกวีไอพีทั้งสามห้อง ไม่มีใครในเหล่าผู้เฝ้าสังเกตการณ์จะคิดว่า รูปแบบการโจมตีแบบล้อมกรอบของนักเรียนคลาสพิเศษทั้งสามคน จะถูกทำลายลงไปด้วยน้ำมือของนักเรียนจากคลาสสามัญ ด้วยการใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งและพละกำลัง เพื่อเปิดช่องว่างของรูปแบบการโจมตีนี้ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว!
หลี่เย้าส่งเสียงหึออกมา เขาก้าวขายาวๆตรงเข้าไปราวกับเสือที่กำลังจะกระโจนเข้าใส่แกะ เขาไล่ตามนักเรียนคลาสพิเศษที่แขนหักไป แล้วจัดการโจมตีเขาอย่างไร้ความปรานี!
รูปแบบในการโจมตีของเขานั้นโหดร้ายอย่างถึงที่สุด ทุกการโจมตีที่กระหน่ำออกไปนั้นส่งไปถึงเป้าหมายทุกครั้ง โดยที่ไม่มีการสร้างภาพลวงตาหรือรูปแบบที่ซับซ้อน ทำให้นักเรียนทั้งสามจากคลาสพิเศษสามารถคาดเดาการโจมตีต่อไปของเขาได้
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาวิธีทำลายเทคนิคการโจมตีของเขาได้เลย นั่นเป็นเพราะพละกำลังมหาศาลและความสามารถในการต้านทานการโจมตีของร่างกายของหลี่เย้านั้นแข็งแกร่งจนเกินไป
หลี่เย้าถูกทุบจนทั่วร่างกาย มันเป็นการดวลสามต่อหนึ่ง แกอาจจะชกฉันได้สามครั้ง แต่ฉันจะชกแกคืนครั้งหนึ่ง และนั่นคือภาพที่เกิดขึ้น!
...หลี่เย้าต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญสุดโหดอย่างดาบปีเผิงห่ายอยู่เป็นประจำ ดังนั้น สำหรับหลี่เย้าแล้ว การโจมตีจากนักเรียนคลาสพิเศษทั้งสามคนนั้น ไม่ได้ต่างไปจากการจั๊กจี้เลย และกำปั้นของหลี่เย้า ที่ถึงแม้ว่ามันอาจจะปัดโดนแค่แก้มของพวกเขา แต่มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาเจ็บปวดจนต้องร้องไห้ออกมา!
หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน นักเรียนทั้งสามจากคลาสพิเศษได้มองหน้ากัน แล้วอยู่ๆก็ผิวปากออกมา ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้แยกย้ายกันวิ่งหนีออกไปสามทิศทาง!
นักเรียนจากคลาสพิเศษกลับเลือกที่จะหนีไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กนักเรียนจากคลาสสามัญ
“พวกเขาใช้เวลาเรียนรู้เทคนิคนี้โดยเฉพาะ มาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งเป็นเทคนิคที่พวกเขาตั้งใจที่จะใช้กับเฮ่อเหลียนเลี่ย แต่พวกเขากลับต้องเอามาใช้กับเด็กนักเรียนจากคลาสพิเศษเพียงคนเดียวแทน เรื่องนี้มันช่าง...”
ภายในห้องรับรองแขกวีไอพี โค้ชที่ทำการฝึกนักเรียนทั้งสามได้แสดงสีหน้าอันซับซ้อนออกมา นักเรียนทั้งสามได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ออกมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันทำให้โค้ชรู้สึกยินดีอยู่บ้าง แต่เขากลับรู้สึกอับอายและตกใจมากกว่า
หลี่เย้าได้วิ่งไล่ตามเด็กนักเรียนคลาสพิเศษที่แขนหักไปอย่างไม่มีความลังเลใจ ทุกฝีเท้าที่เขาย่างออกไป สามารถย่นระยะห่างระหว่างพวกเขาเกือบครึ่งเมตร ไม่นาน พวกเขาก็ห่างกันเพียงแค่เส้นเชือกกั้นบางๆเท่านั้น นักเรียนคลาสพิเศษที่กำลังวิ่งหนีอยู่ด้านหน้าเขา แทบอยากจะร่ำไห้ออกมา
นักเรียนจากคลาสพิเศษอีกสองคนที่เหลือได้หมุนตัวกลับ แล้วพุ่งตัวเข้าไปโจมตีด้านหลังของหลี่เย้าโดยไม่ลังเล
ในครั้งนี้ รูปแบบการโจมตีของพวกเขาได้แตกต่างออกไป พวกเขาไม่ได้โจมตีเข้าใส่จุดสำคัญของหลี่เย้าอีก แต่กลับเน้นไปที่การตรึงหลี่เย้าเอาไว้ด้วยการโจมตีที่น่ารำคาญ พวกเขาต้องการที่จะยื้อเวลาออกไป และจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือการเพิ่มระยะห่างให้กับนักเรียนคนที่กำลังวิ่งหนีอยู่
เมื่อความอดทนของหลี่เย้าลดลง และเมื่อเขาหันไปโจมตีใส่อีกคนหนึ่ง คนที่ถูกโจมตีก็จะวิ่งหนีออกไปโดยไม่ลังเล
และเมื่อหลี่เย้าวิ่งไล่ตาม เพราะไม่ต้องการปล่อยเป้าหมายของเขาไป นักเรียนจากคลาสพิเศษที่เหลืออีกสองคน ก็จะเปลี่ยนหน้าที่ แล้วทำการโจมตีก่อกวนหลี่เย้าแทน!
“พวกเราสามคนอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในคลาสพิเศษ แต่สมองของพวกเรานั้นชาญฉลาดและกระจ่างใสที่สุดในคลาสพิเศษแล้ว ชุดเทคนิคการต่อสู้ ‘หลบหนี-ก่อกวน’ เมื่อถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่แล้ว มันร้ายกาจมากถึงขนาดที่แม้แต่เฮ่อเหลียนก็สู้ไม่ได้ แล้วคนอย่างแก จะหาวิธีทำลายมันได้ยังไง?”
โค้ชที่ฝึกนักเรียนทั้งสามจากคลาสพิเศษ จับจ้องไปที่หน้าจอโฮโลแกรม และพึมพำกับตัวเอง เขายังคอยดูเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอโฮโลแกรมไปด้วย ลำคอของเขาแห้งผาก เพราะพูดอยู่กับตัวเองมากจนเกินไป
“แกเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เพื่อนนักเรียนหลี่เย้า!”
ในเวลานี้ เวลาอยู่ที่ 14:59:30 น. เหลือเวลาอีกเพียงแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น การแข่งขันในครั้งนี้ก็จะจบลง!
จะเกิด...ปาฏิหาริย์ขึ้นหรือไม่?
แขกวีไอพี่ที่อยู่ภายในห้องรับรองต่างเฝ้ามองภาพเหตุการณ์นี้อย่างพร้องเพรียงกัน สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปที่การต่อสู้ 1ต่อ3 ของหลี่เย้าที่หน้าจอโฮโลแกรม พวกเขาต่างพยายามใช้สมองคิดหาวิธีที่หลี่เย้าจะสามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ให้ดีขึ้นได้ แต่พวกเขาก็คิดอะไรไม่ออก พวกเขาต่างเฝ้าคอยดูผลลัพธ์ที่จะออกมาอย่างตื่นเต้น พวกเขากำลังเฝ้ารอปาฏิหาริย์!
27วินาที...26วินาที...25วินาที...
ความเร็วของนักเรียนทั้งสามพุ่งจนถึงจุดสูงสุดของพวกเขา พวกเขาพยายามวิ่งหนีจนหน้าแดงริมฝีปากและดวงตาของพวกเขาต่างบิดเบี้ยว พวกเขาสูญเสียกลิ่นอายและความวง่างามของผู้ถูกเลือกไปจนหมด และดูไม่ต่างไปจากสุนัขจรจัดสามตัวเลย
13วินาที...12วินาที...11วินาที...
ทั้งสามถูกบังคับให้ต้องขุดพลังทั้งหมดออกมาจากลึกสุดในกระดูก! พวกเขาเร่งความเร็วสูงสุดและวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง! หลี่เย้าก็ยังคงไล่ตามพวกเขาไม่หยุด จนทำให้พวกเขาต้องน้ำลายฟูมอย่างน่าเวทนา พวกเขาวิ่งหนีสุดชีวิต พร้อมกับลิ้นที่ห้อยออกมาจากปาก มันคล้ายกับว่า มีสัตว์อสูรที่ดุร้าย, ชั่วร้าย, และกัดไม่ปล่อย กำลังไล่ตามหลังพวกเขาอยู่
7วินาที...6วินาที...5วินาที...
หนึ่งในสามคนที่หลี่เย้าไล่ตามอยู่ จู่ๆขาของเขาก็ไร้เรี่ยวแรงและล้มลงไปกับพื้น เขากลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับเกาขาทั้งสองข้างเอาไว้...เขาวิ่งมากจนเกินไปและใช้งานร่างกายของเขาจนเกินขีดจำกัด จึงทำให้ขาของเขาเป็นตะคริว!
อีกสองคนที่เหลือได้ร้องตะโกนออกมาพร้อมๆกัน แล้วโยนตัวเองเข้าไปยึดร่างของหลี่เย้าเอาไว้อย่างเหนียวแน่น!
3วินาที...2วินาที...1วินาที...
หลี่เย้าคำรามออกมา พร้อมกับเบ่งกล้ามให้ขยายใหญ่ขึ้น แล้วส่งนักเรียนทั้งสองจากคลาสพิเศษให้กระเด็นออกไป จนทำให้พวกเขาต้องหงายท้องลงไปนอนกองกับพื้น
เวลานี้คือ 15.00 น. การแข่งขันได้จบลงแล้ว เสียงกระดิ่งอันไพเราะดังกังวานไปทั่วทั้งโรงเรียน
“เราชนะ!”
“เรายื้อไว้ได้จนถึงตอนจบ!”
ในตอนแรก นักเรียนทั้งสามต่างรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่นาน พวกเขาก็กระโดดไปมาด้วยความยินดี พวกเขากอดกันพร้อมกับร้องไห้และหัวเราะไปด้วย มันราวกับว่า คู่ต่อสู้ที่พวกเขาเพิ่งจะเผชิญหน้าด้วยไม่ใช่นักเรียนจากคลาสสามัญ แต่เป็นราชาของโรงเรียนซือเจียเสวี่ยหรือไม่ก็เฮ่อเหลียนเลี่ย!
“ฉันได้บัตรมาแล้ว!”
นักเรียนคนแรกได้นำเอากล่องที่เต็มไปด้วยลวดลายของอักขระ ออกมาจากหน้าอกเสื้อของเขา เขาโบกมันอย่างร่าเริงและคำรามออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ฉันได้บัตรมาแล้ว!”
นักเรียนคนที่สองก็ได้นำบัตรออกมาด้วยเช่นกัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวัง หลังจากผ่านพ้นมรสุมมาได้ ซึ่งมันเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข
“ฉัน...บัตรของฉันอยู่ไหนกัน?”
นักเรียนคนที่สามมองหาตามเสื้อผ้าของเขาด้วยความสับสน เขาสัมผัสไม่เจออะไรเลย เขาพยายามคิด ทั้งสับสนงุนงง และดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขาหันไปมองหลี่เย้า พร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวราวกับศพ
หลี่เย้านั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น เขาก้มหน้าลง พร้อมกับสำรวจกล่องอาร์ติเฟ็กซ์ที่ถืออยู่ในมืออย่างละเอียด และเขาก็พบว่า มีการ์ดคริสตัลโปร่งแสงที่บางราวกับปีกจักจั่นนอนอยู่ภายในนั้น
เกาะมังกรปีศาจ คือหนึ่งในสนามแข่งสำหรับการแข่งขันท้าทายขีดจำกัดรุ่นเยาว์ของปีนี้
หลี่เย้าผิวปากออกมา พร้อมกับดึงบัตรออกมาจากกล่อง และถือมันเอาไว้ตรงหน้าอก ตัวปุจิได้บินผ่านอากาศไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่สดใสออกมา
ภายในห้องรับรองแขกวีไอพี ได้เกิดคลื่นของความสับสนอลหม่านขึ้น!
“เขา...เขาคว้าบัตรมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ฉันพลาดตอนนั้นไปได้ยังไง?” ผู้นำตระกูลหลายๆคนต่างมองหน้ากัน และต่างก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ภายในห้องรับรองแขกวีไอพีห้องที่หนึ่ง โยวหยินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาพยักหน้า “ไม่เลว ร่างกายของเด็กคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง คล้ายกับร่างกายของคนที่มาจากทวีปตะวันตกเฉียงเหนือ ที่เน้นไปที่การกลั่นร่างกายให้บริสุทธิ์ และการใช้นิ้วมือของเขาก็ชำนาญมาก ถึงสามารถคว้าบัตรเชิญมาได้ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกต นิ้วมือแบบนั้นเหมาะสำหรับการสร้างและซ่อมแซมอาร์ติเฟ็กซ์มาก พวกมันคือมือของผู้สร้าง! ในเวลานี้ สิ่งที่แวดวงของผู้ฝึกตนขาดแคลนมากที่สุดก็คือ อัจฉริยะที่เก่งรอบด้าน เด็กคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!”
ในเวลานั้นเอง เลขาของเขาก็ได้เดินเข้ามา และก้มกระซิบไปที่หูของเขาสองสามประโยค
“โอ้ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยอย่างนั้นเหรอเนี่ย?”
โจวหยินเบนสายตาที่เต็มไปด้วยแสงของความอ่อนโยน ไปยังเฮ่อเหลียนป้า “มีข่าวลือว่า ลูกชายที่น่าภูมิใจของคุณ และนักเรียนหลี่เย้าคนนี้มีเรื่องเข้าใจผิดอยู่เหรอครับ?”
เฮ่อเหลียนป้ายกคิ้วสูง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “มันจะเป็นไปได้ยังไง จริงไหมครับ? ผมไม่เคยได้ยินเสี่ยวเลี่ยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ? ถึงพวกเด็กๆจะเลือดร้อนกันไปบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะทะเลาะกันบ้าง และมิตรภาพก็มักจะเกิดขึ้นจากการแลกกำปั้นกัน ไม่ใช่ว่า เพื่อนตายมักจะเกิดขึ้นจากการที่พวกเขาเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อนเหรอครับ? หรือมันอาจจะเป็นไปได้ที่ทั้งสองมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ครับ ใครจะเก็บเรื่องแบบนี้มาใส่ใจกันล่ะครับ?”
โจวหยินค่อยๆพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ ลูกชายที่น่าภูมิใจของคุณ ก็ถือเป็นอัจฉริยะที่ยากจะพบเจอได้เช่นกัน ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าหลี่เย้าในหลายๆด้าน ทั้งสองต่างก็มีอนาคตที่รุ่งโรจน์ การคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเล็กๆแบบนี้ มันไม่คุ้มกันเลย!”
เฮ่อเหลียนป้าผงกหัวซ้ำๆหลายครั้ง เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ใช่ครับ ใช่ครับ สิ่งที่ผู้อาวุโสโจวหยินพูดมา ถูกต้องที่สุด! โอ้ ใช่แล้ว ผู้อำนวยการจ้าว ผมบังเอิญได้ยินมาว่า สถานการณ์ครอบครัวของนักเรียนหลี่เย้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ไม่ใช่ว่า ทางโรงเรียนของเรามีกองทุนสำหรับสนับสนุนนักเรียนที่ยากจนอยู่เหรอครับ? ผมต้องการที่จะถอนเงินจำนวน 100,000 เหรียญจากกองทุน แล้วผมก็จะสมทบทุนของตัวเองไปอีก 100,000 เหรียญ รวมเป็น 200,000 เหรียญ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนหลี่เย้า สำหรับการแสดงความสามารถอันน่าประทับใจในการแข่งขันในครั้งนี้...คุณคิดว่ายังไงครับ ท่านผู้อาวุโสโจว?”
โจวหยินหัวเราะออกมาเบาๆ “เรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องของทางโรงเรียน ผมไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอกครับ แต่ศักยภาพของเด็กคนนี้ถือว่าไม่เลวเลย ผมค่อนข้างพอใจมาก ผู้อำนวยการจ้าว สมาชิกฝ่ายบริหารเฮ่อเหลียน และแขกที่เข้าร่วมรับชมกับผมในวันนี้ ทุกคนต่างทำได้ดีมาก”
เมื่อคำพูดถูกสรุปออกมาแล้ว หัวใจของเฮ่อเหลี่ยนป้าที่หยุดชะงักไป ก็กลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับเพิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ เพราะหลังที่เปียกชุ่มของเขา
“หลี่!เย้า!” ประกายที่น่าหวาดกลัวส่องออกมาจากส่วนลึกในดวงตาของเฮ่อเหลียนป้า พร้อมกับการที่เขาได้จดจำชื่อนี้เอาไว้ในใจ
......
บริเวณเวทีใหญ่ของตึกเรียนแรก เฮ่อเหลียนเลี่ยและซือเจียเสวี่ยได้ยืนอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขาได้เปิดหน้าจอไมโครโพรเซสเซอร์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อตรวจดูรายชื่อของคนที่ได้บัตรเชิญทั้ง 10 คน
“เราได้จัดการนักเรียนที่แข็งแกร่งกว่านักเรียนคนอื่นๆในห้องจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องออกไปจากการแข่งขันหลายคน ไม่รู้ว่า 8 ผู้โชคดีที่จะได้เดินทางไปเกาะมังกรปีศาจกับเราเป็นใครบ้าง” เฮ่อเหลียนเลี่ยหัวเราะออกมา พร้อมกับก้มหน้าดูหน้าจอโฮโลแกรม
เพียงพริบตาเดียว รอยยิ้มที่อยู่บนในหน้าของเขาก็ชะงักค้างไป ราวกับว่าถูกสวมด้วยหน้ากากใบหน้ามนุษย์ที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ และคล้ายกับถูกแมลงรุมกัดต่อยไปทั่วใบหน้า
ใบหน้าของซือเจียเสวี่ย ได้ปรากฏความสงสัยขึ้นมาจางๆ ภายในแววตาที่กระจ่างใสของเธอ ได้แสดงเป็นเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่
“หลี่เย้า?” ทั้งสองอ่านชื่อนี้ออกมาเบาๆ น้ำเสียงและความหมายที่สื่อออกมานั้นต่างกันราวขาวกับดำ