ตอนที่แล้วบทที่ 18 ไวส์เคานท์แอนดรูว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 การลงทุนอันคุ้มค่า

บทที่ 19 หนี้


กาเว่นไม่รู้ถึงความคิดอันหาญกล้าของรีเบคก้า แต่แม้เขาจะรู้ว่าการช่วยเหลือของลอร์ดแอนดรูวนั้นมีราคาที่จะต้องจ่าย เขาก็อดคิดถึงเวลาที่ผู้นำสาบานจะช่วยเหลือและปกป้องประชาชน ทุกคนต่างทุ่มเทอย่างไม่ลดละเพื่อฟื้นฟูอารยธรรม แม้ว่าอันซุอาจจะไม่กลับไปรุ่งเรืองเท่ากอนดอร์ก็ตาม แต่หลังผ่านไปเจ็ดร้อยปีเหล่าขุนนางก็มาถึงระดับสูงสุดของความเห็นแก่ตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตั้งแต่ที่ผู้ลี้ภัยเดินทางมาถึงแทนซาน รีเบคก้าก็ได้รับหนี้แล้ว

แต่การมีหนี้ดังกล่าวก็ดีกว่าปล่อยให้คนของนางตาย

"ตระกูลเซซิลจะต้องขอบคุณกับความช่วยเหลือของท่านแน่นอน" กาเว่นทำลายความเงียบ "แต่ภัยพิบัตที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสำคัญกว่า"

ลอร์ดแอนดรูวเห็นกาเว่นนั่งอยู่ระหว่างรีเบคก้าและเฮอร์ตี้แต่แรก เขารู้สึกทึ่งกับชายคนนี้เล็กน้อย สวมชุดขุนนางโบราณ พกดาบใหญ่อยู่ข้างๆ? ไม่มีใครที่เขารู้จักเป็นแบบนี้ แต่จากท่าทีแสดงความเคารพของรีเบคก้าและเฮอร์ตี้ เขาสามารถบอกได้ว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

"ขออภัยด้วย แต่ท่านคือ?"

"ข้าคือบรรพบุรุษตระกูลเซซิล หนึ่งในเจ็ดผู้บุกเบิกอาณาจักรอันซุ แกรนด์ดยุกแห่งชายแดนใต้ กาเว่น เซซิล" เฮอร์ตี้รอให้เขาตอบคำถาม จากนั้นนางก็ลุกขึ้นทันที "ท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขาตั้งแต่เด็ก เขาคือแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ"

กาเว่นพยายามทำท่าทีขึงขังเพื่อสร้างความประทับใจ ขณะที่พยักหน้าเพื่อชื่นชมเฮอร์ตี้ แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็ตกตะลึงและถามรีเบคก้าอย่างลับๆล่อๆ "ประโยคสุดท้ายนั่นคืออะไรงั้นรึ?"

รีเบคก้ารีบอธิบายทันที "หลังจากที่ท่านเสียชีวิตองค์ราชาผู้ก่อตั้งได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่..."

กาเว่นตกใจ "...เจ้าโง่นั่น ไม่มีชื่อที่ดูดีกว่านี้แล้วงั้นรึ!"

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินการแนะนำของเฮอร์ตี้ ใบหน้าของลอร์ดแอนดรูวเต็มไปด้วยความงงงวยทันที

นางอาจจะเป็นบ้าเพราะได้รับบาดเจ็บจากพวกอสูรและถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวจากภัยพิบัตหรือเปล่า?

อย่างที่กาเว่นคาดคิด ใครจะเชื่อว่าบรรพบุรุษตระกูลเซซิลจะปีนออกมาจากโลงศพถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง? แม้จะเป็นขุนนางที่มีความรู้และประสบการณ์ หรือแม้แต่เหล่านักเวทย์ก็ไม่มีทางจินตนาการเรื่องแบบนั้นออก ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ว่าไปอย่าง

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฮอร์ตี้พูด เขาพยายามอย่างยิ่งที่ไม่ออกคำสั่งให้แพทย์ไปตรวจดูอาการหญิงสาวตรงหน้า

"ท่านหญิงอนุญาติให้ข้า....เอ่อ...ข้าขอเวลาคิดสักครู่" ลอร์ดแอนดรูวพยายามปรับสีหน้า เขาพยายามหาวิธีที่ไม่หยาบคายเกินไป สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูดอย่างตรงไปตรงมา "ข้ารู้ว่าท่านผ่านเรื่องที่เป็นดังฝันร้ายมาก่อน...แต่เรื่องแบบนั้นมันจะไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือ?"

ท่าทีของเฮอร์ตี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "ข้าคาดไว้แล้วว่าท่านจะมีปฎิกริยาเช่นนี้ ในความเป็นจริงแม้แต่พวกเราก็ไม่สามารถเชื่อเรื่องนี้ได้ง่ายๆเช่นกัน ยังไงก็ตามบรรพบุรุษของตระกูลเซซิลได้ตื่นขึ้นจากการกลับไหลอย่างแท้จริง เราเห็นเขาออกมาจากโลงศพพร้อมกับดาบแห่งการบุกเบิก เราได้ตรวจสอบแล้วเขาไม่ได้ถูกครอบงำด้วยพวกอันเดด..."

แอนดรูวไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "หากท่านคิดจะขออะไร ให้พูดกับข้าอย่างตรงไปตรงมา..."

กาเว่นโบกมือให้เฮอร์ตี้นั่งลง เขาวางดาบแห่งการบุกเบิกลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองลอร์ดแอนดรูว "ลอร์ดแอนดรูว เฮอร์ตี้จะโกหกไปทำไม? ดินแดนของนางถูกอสูรบุกทำลาย จากนั้นมังกรได้ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า เหตุการณ์ระดับนี้เพียงพอให้ราชาในเมืองหลวงตื่นตัว ที่สำคัญคิดว่าพวกเราเดินทางมาที่นี่เพื่อเล่านิทานสนุกๆให้ฟังงั้นรึ?"

ขณะที่พูดกาเว่นก็รวบรวมพลังเวทย์เข้าไปที่ดาบ จากนั้นลวดลายสีแดงเข้มก็ปรากฎขึ้น ใกล้ด้ามดาบมีตรารูปดาบไขว้และคันไถเหล็ก มันเป็นตราประจำตระกูลเซซิลในยุคบุกเบิก มันถูกสร้างขึ้นในวันที่อาณาจักรอันซุถูกก่อตั้ง

อัศวินก็มีพลังเวทย์เช่นกัน แต่การใช้ประโยชน์นั้นต่างจากเหล่าจอมเวทย์

แม้ดาบแห่งการบุกเบิกสูญเสียพลังเวทย์ไปเกือบหมดแล้ว แต่มันก็ยังมีความสามารถพื้นฐานอยู่ทำให้มันโดดเด่นต่างจากดาบอื่นๆ แอนดรูวรู้สึกโง่งมเล็กน้อยเมื่อเห็นดาบเล่มนั้น เขาไม่เคยเห็นดาบแห่งการบุกเบิกของจริงมาก่อน แต่เมื่อหลายปีก่อนเขามีโอกาสได้เห็นแบบจำลองที่ตั้งอยู่ในวังของเมืองหลวง ดังนั้นเขาไม่มีทางเข้าใจผิด

เช่นนั้นถ้าตระกูลเซซิลไม่กล้าเล่นตลกกับเขา ดาบที่อยู่บนโต๊ะก็เป็นดาบของจริงที่ถูกผนึกไว้ในสุสานบรรพบุรุษ ไม่มีใครกล้าที่จะขโมยมันต่อให้ตระกูลเซซิลจะตกต่ำแค่ไหนก็ตาม

ตระกูลเซซิลจะขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตัวเองเพื่อเอาดาบเล่มนี้ออกมาโกหกคนอื่นงั้นหรือ?

แอนดรูวลังเล มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อจริงๆ แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องตลก...

ใครจะเชื่อว่าบรรพบุรุษของตระกูลเซซิลจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ!!

"เจ้าสามารถหาช่างฝีมือเอล์ฟเพื่อประเมิณดาบนี้ได้ พวกเขาเป็นคนหลอมดาบเล่นนี้ พวกเขารู้วิธีการตรวจสอบตราประทับเอล์ฟ หรือเจ้าจะให้นำรูปผู้ก่อตั้งออกมาเปรียบเทียบก็ได้ แม้ว่าข้าจะนอนหลับไปเจ็ดร้อยปี โชคดีที่หน้าตาของข้ายังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก" กาเว่นยิ้มและกล่าวออกมา "หากเจ้าสามารถทำได้ เจ้าจะลองหาทหารรับจ้างเอล์ฟที่เข้าร่วมกับการตั้งถิ่นฐานครั้งที่สองซึ่งตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาอย่างเงียบสงบ บางทีอาจจะมีบางคนที่รู้จักข้า"

"ไม่นั่นไม่จำเป็นเลย" ลอร์ดแอนดรูวยกมือขึ้นมานวดหัวคิ้วของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะจัดการได้ "ถ้าท่านเป็นวีรบุรุษในตำนาน...การกลับมามีชีวิตอีกครั้งอาจเป็นไปได้"

ใครที่ฉลาดพอจะสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าลอร์ดคนนี้ยังไม่ได้เชื่อกาเว่น เขาแค่ต้องการหยุดการสนทนาไว้ชั่วคราวเท่านั้น

เขาคิดออกว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาตรงไหน? ทำไมเขาต้องเปลืองสมองคิดด้วยว่ามันจริงหรือเปล่า? ในเมื่อตระกูลเซซิลบอกว่าจริง เขาก็แค่ทำเหมือนว่ามันจริงไปแค่นั้น

ยังไงก็ตามเขาเป็นบรรพบุรุษที่ตายไปกว่าเจ็ดร้อยปี

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แอนดรูวก็นึกถึงเรื่องบางอย่างที่กาเว่นพูดถึงก่อนหน้านี้ได้ "เดี๋ยวนะ ท่านบอกว่า...มังกรปรากฎตัวขึ้นบนท้องฟ้างั้นหรือ?!"

"ใช่มังกรสีน้ำเงิน ข้าไม่รู้มันมาจากไหน แต่เห็นมันมุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ..." กาเว่นพยักหน้า จากนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในดินแดนเซซิล "...นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด"

"อสูรจากยุคคลื่นแห่งความมืด...มังกร...พระเจ้าช่วย..."แอนดรูวคิ้วขมวดแน่นอีกครั้ง "เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กันแน่"

"สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้คือเรื่องที่เหล่านักปราชญ์และราชาต้องคิด สิ่งที่พวกเราต้องทำคือส่งข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังเมืองเซนต์ โซนิเอล ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เฮอร์ตี้พูดขัดขึ้นมา "สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก"

"ข้าได้ส่งข่าวเรื่องดินแดนเซซิลถูกโจมตีไปแล้ว" แอนดรูวกล่าว "ข่าวถูกนำไปโดยม้าเร็ว ตอนนี้น่าจะไปได้ครึ่งทางแล้ว"

ดูเหมือนลอร์ดแอนดรูวจะเป็นขุนนางที่โดดเด่น เขาพิจารณาทำสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเฮอร์ตี้ร้องขอเพิ่มเติม "ลอร์ดแอนดรูวมันยังไม่เพียงพอ สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก รีเบคก้าต้องการพบองค์ราชาด้วยตัวเอง และเนื่องจากแกรนด์ดยุกแห่งเซซิลได้ตื่นขึ้นจากการหลับไป เขาจึงต้องไปที่เมืองหลวงเช่นกัน พวกเราขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน แต่พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม"

เมื่อได้ยินเปลือกตาของแอนดรูวปิดลงราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและเดินไปรอบๆโต๊ะพร้อมเอามือไขว้หลัง

"อะไรที่ท่านต้องการ ม้า? เสบียง? ทหาร?"

"ทุกอย่าง" รีเบคก้าพูดออกมาอย่างกล้าหาญ "และพวกเราร้องขอให้ท่านดูแลประชาชนของเซซิลจนกว่าพวกเราจะกลับมาจากเมืองหลวงและหาที่ที่เหมาะสมสำหรับคนเหล่านั้นได้..."

"นั่นแหละปัญหา" แอนดรูวยกมือขัดรีเบคก้า "จริงๆแล้วข้าเองก็จะพูดถึงเรื่องนี้ ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือเพื่อนบ้านซึ่งข้าก็เต็มใจ อย่างไรก็ตามท่านหญิงเซซิล ข้าเป็นเพียงไวส์เคานต์จะเลี้ยงดูคนทั้งหมดนั่นได้ยังไง?"

กาเว่นหยิบชาดำขึ้นมาจิบเล็กน้อย ในที่สุดลอร์ดแอนดรูวก็เข้าเรื่อง 'ธุรกิจ' เสียที

รีเบคก้าพูดอย่างร้อนรน "อัศวินฟิลิปนำเงินและทองบางส่วนมาด้วย มันน่าจะเพียงพอ..."

"แน่นอนว่าข้ารู้เรื่องเงินและทอง" แอนดรูวขัดรีเบคก้าอีกครั้ง "วางใจได้ ข้าไม่ใช่ชายที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิง อย่างไรก็ตามข้าได้พูดเรื่องค่ายาและอาหารไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อทหารที่กล้าหาญมาถึงแทนซาน รวมถึงประชาชนที่บาดเจ็บ การที่จะรักษาพวกเขาข้าต้องใช้ยาที่ดีที่สุดซึ่งพวกมันมีราคาแพงมาก ทองคำและเงินเหล่านั้นแทบจะไม่เพียงพอสำหรับสิ่งเหล่านี้"

ดวงตาของรีเบคก้าเบิกกว้าง

"แน่นอว่าข้ายังคงยืนยันว่าข้าไม่ใช่คนฉวยโอกาสจากคนอ่อนแอ" แอนดรูวกล่าวอีกครั้ง "ดังนั้นข้าจะให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยต่อไป ข้าแค่ต้องการมั่นใจว่าหลังจากข้าทำทุกอย่างแล้ว ตระกูลเซซิลสามารถชำระหนี้ให้ข้าได้หรือไม่?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด