ตอนที่ 33: บันทึกผนึกโชคชะตา! [ฟรี 13 มิ.ย. 63]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 33: บันทึกผนึกโชคชะตา!
นับตั้งแต่คดีของเก้าใหญ่เมื่อปีที่แล้ว วันที่เก้าของเดือนสาม จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันกลายเป็นพวกนอนไม่หลับ ทุกคืน ความคิดของเขาจะพลุ่งพล่านขณะชะล้างไปมาราวน้ำขึ้น เขาทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเศร้าโศกเสียใจ ความตายของเก้าใหญ่คือแผนของผู้สั่งการสูงสุด มันยิ่งใหญ่จนหัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความวิตกทุกครั้งที่คิดถึงมัน การสืบสวนนานนับปี ทั้งที่แจ้งหรือที่ลับ พบเพียงปลาตัวเล็กบางส่วนที่เรียกได้ว่าเป็นของว่างเท่านั้น
“ต้องมีคนทรยศ บุคคลทรงอำนาจในกองทัพ คนเดียวกับที่กุมการปกครองจักรวรรดิเอาไว้ ส่วนขุนนาง…” ทุกครั้งที่จอมพลเฒ่าครุ่นคิดถึงสถานการณ์ ศีรษะให้ความรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา “ข้ามั่นใจว่าจะต้องมีผู้สมคบคิดจากจักรวรรดิอื่นด้วยเช่นกัน!”
“ท่านจอมพล ยังไม่หลับอีกหรือ?” ท่านหวังปรากฏตัวขึ้นจากใต้แสงจันทร์
“ด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อน ด้วยปัญหาภายในที่ก่อเกิดกับกองกำลังภายนอกที่เคลื่อนไหว ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร?” ชิวเจี้ยนหันถอนหายใจหนักขณะถามว่า “เจ้าหาทางติดต่อพวกเขาได้หรือยัง?”
“ยัง” ท่านหวังขมวดคิ้วอย่างกังวล “คนพวกนั้นปฏิเสธที่จะติดต่ออีกในอนาคต นับตั้งแต่ปฏิเสธการติดต่อของพวกเราในคราวที่แล้ว จู่ ๆ พวกเขาก็หายตัวไป หายไปจากผิวปฐพีผืนนี้”
จอมพลเฒ่าครวญคราง “ถ้าพวกเราไม่ได้แก้แค้นให้เก้าใหญ่ คนเหล่านี้ย่อมไม่ออกมาที่แจ้งแน่นอน”
ท่านหวังยังคงเงียบอยู่หลายอึดใจก่อนกล่าวว่า “ถึงกระนั้น มีเบาะแสบางส่วนเปิดเผยว่าคนเหล่านี้ยังเคลื่อนไหวด้วยจุดประสงค์บางอย่างอยู่”
“แต่ก็นั่นแหละ พวกเขาจะไม่แสวงหาการแก้แค้นตราบที่ความตายของเก้าใหญ่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย” จอมพลเฒ่าไม่ประหลาดใจขณะกล่าวต่อว่า “เขาวงกตแห่งปัญญาสวรรค์ทั้งเก้า เดิมพวกมันแบ่งอาณาเขตออกเป็นเก้าส่วน แต่ละส่วนต่างมีผู้ถือครอง แต่ความตายของเก้าใหญ่ทำให้สวรรค์ทั้งเก้านี้หลอมรวมเป็นแผ่นเหล็กหนึ่งเดียว!”
“พวกเขาจะไม่ฟังใครนอกจากเก้าใหญ่!” จอมพลเฒ่ากล่าวต่อ “พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในตอนนี้และประกาศว่าจะทยอยออกจากราชสำนัก อีกไม่นาน พวกเขาจะกลายเป็นกองกำลังใต้ดินในโลกวิชายุทธ ได้รับการยกย่องอย่างสูงส่งในทวีปเทียนเสวียน ข้าพูดไม่ได้จริง ๆ ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”
ท่านหวังดูเหมือนกับกำลังจะพูดสิ่งที่คิดออกมา แต่ในนาทีสุดท้ายเขากลับไม่บอกกล่าว
“พี่หวังอยากพูดอะไรหรือ?” จอมพลเฒ่าชิวถาม
“ข้าอาจจะคิดผิดก็ได้” ท่านหวังกล่าวต่อ “ทว่า ข้าอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าเขาวงกตแห่งปัญญาสวรรค์ทั้งเก้ายังรับคำสั่งจากใครบางคนอยู่… ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังแข็งแกร่งและทรงพลัง”
“ว่าไงนะ?” จอมพลเฒ่าลุกขึ้นทันที “เจ้ามีหลักฐานอะไร?”
“ให้ข้าอธิบายก่อน ตอนพวกเขามีชีวิต เก้าใหญ่แต่ละคนมีทีมเป็นของตัวเอง ทีมเหล่านี้เป็นของคนหนึ่งคนใดเสมอ กระบวนการอันซับซ้อนของพวกเขาทำให้เกิดเขาวงกตแห่งปัญญาสวรรค์ทั้งเก้าขึ้นมา” ท่านหวังกล่าวต่อช้า ๆ “แต่เขาวงกตแห่งปัญญาสวรรค์ทั้งเก้านี้เลือกผู้นำภายในแต่ละทีมเช่นกัน นั่นยังหมายความว่ามีผู้สืบทอดหลังจากเก้าใหญ่”
“ถ้าพวกเขาไม่มีหัวหน้าในนาม เก้าทีมนี้จะต้องป่นปี้และไม่มีวันรวมเป็นเหล็กแผ่นเดียวได้อย่างแน่นอน” ท่านหวังพูด “มันเหมือนกับเก้ากลุ่มที่ต่างกันออกไป ผู้นำกลุ่มจะออกคำสั่งให้กับผู้นำอีกกลุ่มได้หรือ? ถึงอย่างนั้น ไม่มีใครในเก้าทีมนี้ทำอะไรโง่เขลาหรือบุ่มบ่ามเลย นี่หมายความว่าจะต้องมีอำนาจที่เหนือกว่าพวกเขาคอยควบคุมอยู่แน่ ๆ!” ดวงตาของท่านหวังทอประกายด้วยความตื่นเต้น “ไม่งั้นพวกเขาจะไม่หลบเลี่ยงความพยายามในการติดต่อของพวกเราหรอก”
ดวงตาของจอมพลเฒ่าเริ่มสดใสมีชีวิตชีวาขณะร่างกายสั่นไหว “หรือว่าเก้าใหญ่ยังไม่ตาย?”
“ท่าน นั่นเป็นไปไม่ได้” คำพูดของท่านหวังช่วงชิงความหวังชั่วครู่ของจอมพลไปก่อนอีกฝ่ายล้มลงกับเก้าอี้ราวบอลลูนแฟบ “แต่ต้องมีการเตรียมการอื่นแน่นอน ข้ามั่นใจในเรื่องนี้มาก”
ท่านหวังพูดต่อ “คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือองค์จักรพรรดิเป็นผู้ควบคุมเอง ถึงอย่างนั้นอีกความเป็นได้คือพวกเขาแต่งตั้งผู้นำทั่วไปหลังจากเก้าใหญ่ ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคำอธิบายอื่นนอกเหนือจากสองทางนี้”
“องค์จักรพรรดิ…” จอมพลเฒ่าถอนหายใจ “องค์จักรพรรดิกระอักเลือดจนหมดสติสามเวลาเมื่อพูดถึงเก้าใหญ่ ช่างเถอะ ข้าจะหาโอกาสสนทนากับองค์จักรพรรดิเอง”
เมื่อท่านหวังกำลังจะตอบ เสียงชุดคลุมปลิวไสวพลันกระซิบในอากาศ
ฟิ่ว!
เงาหนึ่งวูบบไหวข้ามท้องฟ้าเหนือที่พักของจอมพล
“นั่นใครน่ะ?”
“เจ้ากล้าดียังไง!”
ทหารยามตอบสนองด้วยความเร็วปานสายฟ้า พวกเขาพุ่งขึ้นท้องฟ้าเพื่อไล่ตามผู้บุกรุก เพียงพริบตา กลุ่มคนขนาดใหญ่รวมตัวบนหลังคา
“สายไปแล้ว” สีหน้าของท่านหวังมืดมน “ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาหนีไปแล้ว”
“ท่านจอมพล มีใครบางคนส่งห่อนี้มา” ทหารยามร่างกำยำคนหนึ่งผู้มีไหล่กว้างเอวหนาเดินก้าวใหญ่เข้ามา “ดูเหมือนจะมีกระดาษอยู่ข้างใน”
“ชิวเตา เปิด” ท่านหวังสั่งทันที
“ขอรับ” ชิวเตาเปิดอย่างไม่ลังเลก่อนบันทึกเล่มหนาหล่นลงมา
“ห่อไม่มีพิษ ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน” ชิวเตาส่งให้อย่างรวดเร็ว
“เอามันมาให้ข้า” จอมพลเฒ่ากล่าว
บนบันทึกมีสัญลักษณ์ขนาดเล็ก ความสั่นไหวแล่นผ่านทั่วร่างของจอมพลเฒ่าขณะเอามาถือไว้ สัญลักษณ์ประกอบไปด้วยดวงดาวเก้าดวงแต่งแต้มด้วยหมึกจนก่อตัวเป็นวงกลม ตรงกลางของพวกมันประทับด้วยสัญลักษณ์แปลกประหลาดที่ดูเหมือนกับเปลวเพลิงกำลังเผาไหม้
“เก้าประกาศิตสวรรค์!” ท่านหวังแทบจะตะโกนออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
“มันคือประกาศิตเพลิงของเก้าประกาศิตสวรรค์” จอมพลเฒ่าชิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ “น่าเสียดายที่มันไม่ได้ถูกส่งมาโดยเปลวเพลิงยิ่งใหญ่ หากเป็นเช่นนั้น เปลวเพลิงจะเป็นสีแดง” สีหน้ามีอายุของเขาพลันคมปลาบดุจใบมีดโกน “ในเมื่อสวรรค์ทั้งเก้าส่งประกาศิตมา ต้องมีสิ่งสำคัญอยู่ข้างในแน่ ๆ ข้าจะดูเอง”
บันทึกเรียบง่าย มันคือชีวประวัติของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง จอมพลเฒ่าอ่านเอกสารได้เพียงครึ่งเดียวก่อนจะเริ่มมีควันออกมาด้วยความโกรธ
“เซี่ยอู่เยวียน! ต่อให้คนชั่วคนนี้ถูกสับเป็นพันชิ้น ยังไม่มากพอที่จะทำให้ผู้คนสงบลงได้!”
สิ่งที่อยู่ข้างในล้วนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับรัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงคราม เซี่ยอู่เยวียน มันบันทึกรายละเอียดจำนวนมากว่าเขาผ่านการทดสอบของจักรวรรดิได้อย่างไร เขาสังหารภรรยาและลูกชายหลังจากแต่งงานกับลูกสาวราชครูอย่างไร เขาตีกรอบเป็นผู้บริสุทธิ์ใสซื่ออย่างไร เขากดขี่คุกคามชายหญิงอย่างไรและเขากดขี่เมืองหลวงอย่างไรด้วย มีคดีฆาตกรรมนับร้อยอยู่ในเอกสารเล่มนี้
ยิ่งกว่านั้นมันยังอธิบายอีกว่าเขาจัดสรรและขายต่อทรัพยากรที่เป็นของกองทัพจักรวรรดิยวี่ถังเพื่อให้คนของตัวเองได้รับผลประโยชน์มากขึ้นอย่างไร ยังมีข้อพิสูจน์หลักฐานอีกมากมาย รวมถึงพยานและคำให้การ ทั้งหมดนี้ละเอียดมากพอที่จะระบุได้ว่าคนที่ตระเตรียมของเหล่านี้เป็นใคร
สุดท้าย มีชุดคดีทหารผ่านศึกถูกทำร้ายทารุณกรรมอย่างต่ำหลายสิบคดีอยู่ในนั้นด้วย
“มีคนไร้หัวใจและคุณธรรมรับใช้ราชสำนักได้ยังไง?” จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันสิ้นหวัง “พรุ่งนี้ ข้าต้องเอาตัวคนชั่วคนนี้มาที่นี่!”
ท่านหวังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองเห็นความปีติในดวงตาของจอมพลเฒ่า การติดต่อครั้งแรกด้วยประกาศิตเก้าสวรรค์ทำให้จอมพลเฒ่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ด้วยความชอบธรรมของประกาศิตเก้าสวรรค์ที่คอยหนุนหลัง เขาย่อมพร้อมเผชิญหน้ากับอาชญากรรมชั่วร้ายทั้งหมด ต่อให้เป็นอัครมหาเสนาบดีก็ไม่หวั่น ยิ่งเป็นแค่รัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงครามยิ่งแล้วใหญ่!
…
ในช่วงเช้าวันต่อมาของราชสำนัก ราชครูหลิวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าครุ่นคิด น้ำเสียงและสีหน้าดูหดหู่ยิ่งขณะบ่นว่า “องค์จักรพรรดิ โปรดทวงความยุติธรรมให้เจ้าหน้าที่เฒ่าผู้นี้ด้วย”
องค์จักรพรรดิงงงัน “มีเรื่องอะไรหรือ ราชครู?”
ราชครูหลิวกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “ลูกชายของขุนนางชั้นสูงยวิน ยวินหยาง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขาทำร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนักอย่างโจ่งแจ้งจนทำให้ลูกเขยของข้า ครอบครัวของเซี่ยอู่เยวียน เจ็บตัว เขาถึงขั้นบุกเข้าไปในที่พักและสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว! สภาพของที่พักอู่เยวียนหลังจากนั้นน่าเวทนายิ่ง”
“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?” องค์จักรพรรดิตกตะลึง “นายน้อยของขุนนางชั้นสูงยวินป่าเถื่อนได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ด้านข้าง จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันไม่เงียบอีกต่อไปขณะก้าวออกมา “องค์จักรพรรดิ เจ้าหน้าที่ผู้นี้มีบางสิ่งจะรายงาน”
ราชครูหลิวชำเลืองมองชายชราขณะพูดด้วยสีหน้ามุ่นคิ้วว่า “เหล่าชิว เจ้าควรรอให้ข้าพูดเรื่องนี้จบก่อนนะ…”
จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันชำเลืองมองกลับไปที่อีกฝ่ายขณะตอบว่า “ที่จริง ข้าตั้งใจจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน!”
ขณะตีเจตนาอีกฝ่ายผิดเพี้ยน ราชครูหลิวยินดียิ่ง “เหล่วชิว เจ้าไม่สามารถทนต่อการกระทำป่าเถื่อนของยวินหยางได้แล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าทนกับความดีจอมปลอมของลูกเขยเจ้าไม่ได้ต่างหาก!” ชิวเจี้ยนหันจ้องเขม็งไปที่ราชครู “บอกข้ามา ลูกเขยของเจ้าทำเรื่องชั่วช้าอะไรมาบ้าง? ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวของเจ้าแต่งงานหรอก ถึงแม้นางจะรูปร่างหน้าตาไม่ดีและอ้วนจ้ำม่ำเล็กน้อย แต่ผู้ชายจำนวนมากในกองทัพของพวกเรายินดีที่จะชายตามอง…”
“เจ้าเฒ่าหน้าโง่!” ราชครูหลิวระเบิดด้วยความโกรธ “ระวังปากไว้บ้าง!”
ชิวเจี้ยนหันกล่าวต่ออย่างเย็นชาว่า “เจ้าหน้าที่ผู้นี้อยากส่งมอบรายงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงคราม เซี่ยอู่เยวียน คนชั่วคนนี้แต่งงานใหม่หลังจากฆ่าภรรยาและลูกชาย มีแต่ความลุ่มหลงในความมั่งคั่งและความฟุ่มเฟือย ปราศจากหัวใจและคุณธรรม เขายังกดขี่ชายหญิง สังหารคนดีบริสุทธิ์ จัดสรรทรัพยากรของกองทัพและคนของตัวเองเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งและหล่อหลอมสายสัมพันธ์เชิงขายชาติกับกองกำลังภายนอก เขาก่ออาชญากรรมรวมทั้งหมดเก้าสิบแปดคดี! องค์จักรพรรดิ ข้าขอให้ท่านพิพากษาคนชั่วคนนี้ด้วย”
ขณะพูด เขาส่งบันทึกให้ เจ้าหน้าที่กองทัพและพลเรือนในราชสำนักพูดจากระซิบกระซาบไปมา ตกตะลึงกับการเปิดเผยในครั้งนี้
มุมปากของราชครูหลิวกระตุกด้วยความโกรธและความไม่อยากเชื่อ “เจ้าเฒ่าหน้าโง่ ที่เจ้าทำก็แค่พูดจาส่งเดช ลูกเขยข้าไม่มีวัน…”
ชิวเจี้ยนหันขัดอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “อาชญากรรมของลูกเขยเจ้าล้วนถูกบันทึกในเอกสารเล่มนี้ ครบถ้วนด้วยพยาน หลักฐานและข้อพิสูจน์ เจ้าสามารถอ่านได้หลังจากองค์จักรพรรดิอ่านเสร็จแล้ว ถ้ายังคิดว่าลูกเขยของเจ้าถูกอีกล่ะก็…”
สายตาของจอมพลเฒ่าทิ่มแทงราชครูหลิวราวศรคมปลาบ ความหมายโดยนัยนั้นชัดเจน “ถ้าเจ้ายังกล้าพูดกับเขาอีก ข้าจะเล่นงานเจ้าด้วย!” เขาไม่ต้องพูดสิ่งที่คิดออกมา บนบัลลังก์ องค์จักรพรรดิอ่านบันทึกไปได้กว่าครึ่งก่อนสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “อ่านให้ฟัง ดูว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงครามทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน!”
เจ้าหน้าที่ทุกคนฟังด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขณะขันทีร่ายความป่าเถื่อนของเซี่ยอู่เยวียนให้ฟัง ราชครูหลิวถึงกับหมดสติเมื่อได้ยินคดีแรก “เซี่ยอู่เยวียนเคยมีภรรยาและลูกชายอยู่ในบ้านเกิด เมื่อผ่านการทดสอบของจักรพรรดิ เขาลอบส่งคนมาที่บ้านเพื่อฆ่าภรรยาและลูก ศพถูกฝัง… นายหน้าคือ… พยานคือ… ดังนั้น เขาจึงเข้าหาลูกสาวของราชครู…”
ราชครูหลิวถูกตัวตลกคนนี้หลอกมาหลายปี แม้กระทั่งลูกสาวก็ยังถูกหลอกไปด้วย! คนที่เขาช่วยและสนับสนุนด้วยทั้งหมดที่มีกลับเป็นเจ้าคนสารเลวเนรคุณ
องค์จักรพรรดิพูดสองคำเพื่อตอบรับหน้าที่อันหนักอึ้ง
“ประหารทั้งครอบครัว!”
เขามีความเห็นเดียวกับจอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหัน เขามั่นใจว่าโชคชะตาของเซี่ยอู่เยวียนถูกผนึกทันทีที่เห็นสัญลักษณ์ของประกาศิตเก้าสวรรค์บนบันทึก!
นับตั้งแต่ความตายของเก้าใหญ่ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ประกาศิตเก้าสวรรค์เริ่มติดต่อกับราชสำนัก หากไม่มีเรื่องนี้ ประกาศิตเก้าสวรรค์ย่อมหายไปอีกครั้งอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้น ถึงแม้จะต้องรอบคอบกับการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร แต่มันไม่ใช่สิ่งที่มากวนใจขององค์จักรพรรดิได้เลย!
หลังจากยกเลิกการประชุมในราชสำนัก องค์จักรดิพรรดิเรียกจอมพลเฒ่าเข้ามา “จอมพลเฒ่า” องค์จักรพรรดิชำเลืองมองชิวเจี้ยนหันคล้ายเหยี่ยว“ไปพบลูกชายขุนนางชั้นสูงยวิน”
“ขอรับ เจ้าหน้าที่ชราผู้นี้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว” ชิวเจี้ยนหันเห็นด้วยทันที
“พาไปที่พักของเจ้า” องค์จักรพรรดิพูดอีกครั้ง “ข้าอยากพบด้วย”
จอมพลเฒ่าขมวดคิ้วด้วยความตกตะลึง