เซียนเหนือวิถี ภาคมนุษย์ ปฐมบท หมอเทวดา
ภาคมนุษย์ ปฐมบท หมอเทวดา
คืนนี้ก็เป็นเหมือนเช่นคืนก่อนที่เขาศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรทั่วโลกต้องอยู่คนเดียวในห้องแลปอันเงียบสงัดนี้อีกครั้ง
เขาจบที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงด้านสมุนไพรและการฝังเข็มจากจีน จากนั้นศึกษาค้นคว้าเรื่องสมุนไพรต่างๆจากทั่วโลกอย่างกว้างขวางจนอายุได้แปดสิบสองปีในปีนี้ นับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่สุดของโลก
และด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องมาเป็นหัวหน้าคณะทำงานงานค้นคว้าวิจัยนี้
งานวิจัยนี้เป็นอะไรที่ยิ่งยวด เพราะว่านี่เป็นเม็ดยาจากสมัยโบราณในประเทศจีนที่ขุดพบในซากอารยะธรรมที่ไม่ทราบยุคสมัยที่แม้นักโบราณคดีก็ยังสงสัยเดาไปต่างๆนาๆว่าสิ่งปลูกสร้างที่พวกเขาค้นพบนั้นควรจัดอยู่ในยุคสมัยใดกันแน่
เม็ดยานี้ถูกบรรจุอยู่ในขวดหยกที่ได้พยายามหาวิธีเปิดมากว่าสิบปีโดยไม่สำเร็จ พวกเขาพบว่ามีของอยู่ภายในขวดแต่ว่าไม่สามารถที่จะเปิดจุกขวดออกได้ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม พวกเขาได้ใช้ความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแต่ที่สร้างความแปลกใจก็คือขวดนี้แข็งแกร่งราวกับเพชรหรืออาจจะแกร่งกว่า มันไม่มีแม้ริ้วรอยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเมื่อปีก่อนพวกเขาได้คิดแหกคอกตามนิยายแฟนตาซี ได้ให้ผู้ที่อ้างตัวว่ามีพลังปราณจากทั่วโลกได้มาลองเปิด คนแล้วคนเล่าที่ล้มเหลวจนกระทั่งอาจารย์ผู้เฒ่าจากสำนักแห่งหนึ่งได้ใส่พลังปราณลงไป จุกนั้นก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย
สำนักนั้นดังชั่วข้ามคืนในโลกของผู้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้
เมื่อทีมนักวิจัยได้รับขวดยาที่เปิดจุกขวดออกมาแล้ว พวกเขาก็ทำการตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น และก็พบว่ามีเม็ดยาขนาดเท่ากับกำปั้นเด็กอยู่เม็ดหนึ่ง มันมีกลิ่นหอมตลบอบอวล นี่สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก นี่แสดงว่าเม็ดยานี้มีความสำคัญอย่างสูงจึงถูกเก็บไว้ในขวดที่แข็งแกร่งกว่าเพชรแบบนี้
แน่นอนว่าขวดนั้นย่อมถูกวิจัยค้นคว้า โดยมีอาจารย์ผู้เฒ่าจากสำนักนั้นเป็นหัวหน้าผู้ทำการทดสอบ
ส่วนเม็ดยานั้นมีเขาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและการฝังเข็มเป็นหัวหน้าผู้ทำการทดสอบ แน่นอนว่าพวกเขาห้ามทำลายสภาพของเม็ดยานั้นโดยเด็ดขาด เพราะนี่เป็นหลักฐานด้านประวัติศาสตร์การแพทย์ชิ้นสำคัญ แต่ก็ต้องสามารถจำแนกออกมาให้ได้ว่าเม็ดยานั้นเป็นอะไร
พวกเขาได้ขูดเนื้อยาออกมาเล็กน้อยเพื่อทำการทดสอบและก็พบกับสิ่งที่น่าทึ่งหลายอย่าง อาทิเช่น เม็ดยานี้ไม่สามารถจำแนกออกมาได้ว่าถูกจัดสร้างด้วยอะไร เมื่อโครงสร้างโมเลกุลของมันไม่เหมือนกับอะไรทั้งสิ้นในโลกนี้ หรือเนื้อยานี้เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างเคลือบอยู่ซึ่งสามารถสร้างความผิดพลาดให้กับเครื่องมือวัดหลายอย่างได้อย่างง่ายดาย
นี่ก็เป็นอีกวันที่เขาได้ทำงานอยู่ดึกดื่นทั้งที่คนอื่นล้วนกลับไปแล้ว
“เพล้ง” เสียงเหมือนกระจกแตก เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเงาร่างคนเดินเข้ามาในห้องแลป แม้ว่าจะชราแต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นแค่ตาแก่หงำเหงือก เขาลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่วเปิดประตูห้องทำงานของตนเองออกไปทันทีเพื่อดูว่าใครมาทำอะไรในเวลานี้
“เฮ้” เขาทัก ชายคนนั้นกำลังจะเอื้อมมือเข้าไปหยิบเม็ดยาที่เก็บไว้ในขวดแก้วจัดสร้างพิเศษที่ถูกเก็บไว้ในตู้กระจกนิรภัย แต่ตู้ตอนนี้ดูเหมือนแหลกละเอียดไปแล้ว
ชายคนนั้นชะงัก หันตัวมาหาเขา ชายคนนั้นไม่ได้สวมหน้ากากโม่งหรืออะไรที่ปิดบังใบหน้า สวมใส่ชุดที่ดูเหมือนมีแต่ในนิยายแฟนตาซี กล่าวว่า “ขอบใจเจ้าที่เก็บรักษาเม็ดยานี้ไว้เป็นอย่างดี ตอนนี้ข้าขอรับมันไปละ”
กล่าวจบชายคนนั้นก็หยิบขวดแก้วขึ้นมา พร้อมกับหันกายไป
“ด-เดี๋ยวก่อน คุณจะเอามันไปไม่ได้นะ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับวงการแพทย์ หากพวกเราค้นคว้าสำเร็จ พวกเราต้องรู้ความลับเกี่ยวกับยาอีกมากทีเดียว” เขาพูดหว่านล้อม
“หึ อย่างนั้นรึ” ชายคนนั้นหันกายมาหาเขาอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้ามิไปศึกษาการแพทย์พวกนี้โดยตรงเลยล่ะ เม็ดยาแค่เม็ดเดียวเจ้าจะรู้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว”
กล่าวจบชายคนนั้นก็สะบัดมือวูบ เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกระชากเขาไปข้างหน้าก่อนที่จะสิ้นสติไปทันที
………….
เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ปวดจุกที่ลิ้นปี่ เจ็บชายโครง และเจ็บที่ขาซ้ายทั้งข้างด้วย
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบเห็นว่าตนเองนอนหงายอยู่ ด้านบนเป็นขื่อโครงไม้หลังคงมุงจาก ด้วยความมึนงงและปวดหัวจัดจนเบลอ เขาจึงสลบไปอีกครั้ง
เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความปวดหัวได้ลดทอนลงไปบ้างแล้วเช่นเดียวกับที่จุดอื่นๆ เขาพบว่าตนเองมีความคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้มาก รู้สิ่งต่างๆราวกับว่าตัวเขาเองอยู่ในยุคสมัยนี้
เขาพบว่าตนเองเมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า หมายเลขแปดร้อยแปด สถานที่ที่เขานอนอยู่นี้เป็นที่ที่เขามาเป็นประจำ เรือนพยาบาล
เขาเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตายไปจากลูกหลงจากการฆ่าฟันในสนามรบของกองกำลังที่เขาไม่รู้จักเนื่องจากความเป็นเด็ก และหลังจากติดตามผู้ที่รอดชีวิตเข้าไปในเมืองเพื่อดำรงชีวิตแบบขอทานได้ไม่กี่วัน เขาก็ถูกอุ้มมาที่ค่ายแห่งนี้ และก็เริ่มถูกปลูกฝังและฝึกฝนวิชา
เพราะเขามาทีหลังจึงมักจะถูกข่มเหงด้วยเด็กที่โตกว่ามีวิชาแก่กล้ากว่า และแน่นอนว่าทุกครั้งจบลงด้วยการที่เขาต้องมาอยู่ที่เรือนพยาบาล
ครั้งนี้เขาได้ต่อสู้กับหมายเลขเจ็ดสิบเอ็ดในสนามต่อสู้ คนคนนี้เกลียดเขามากมาย ดังนั้นอีกฝ่ายจึงใช้วิชาลับทำลายกระดูกเข่าของเขายับเยิน ทั้งยังใช้วิชาลับทำลายไต กระบังลม และสมองของเขาด้วย ซึ่งผลควรจะเป็นความตายอย่างแน่นอน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงยังคงอยู่ที่เรือนพยาบาล
ขณะที่นอนครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีเสียงพูดดังขึ้น “อาจารย์ แปดศูนย์แปดฟื้นแล้ว”
เขาหันไปมองยังทิศทางนั้นก็พบว่าเป็นเด็กพิการคนหนึ่ง แขนขวาขาดเสมอไหล่ อายุประมาณสิบหกปี อีกฝ่ายยิ้มและตะโกนอย่างตื่นเต้นที่เห็นเขาฟื้นขึ้นมา เขารู้จักเด็กคนนี้ซึ่งมีชื่อเรียกว่า อาเฟย เป็นผู้ช่วยของอาจารย์ผู้ดูแลเรือนพยาบาลแห่งนี้
“ยินดีต้อนรับเจ้าเป็นสมาชิกของเรือนพยาบาล” อาเฟยเดินมาทักทายเขา สร้างความประหลาดใจให้กับเขา แปดศูนย์แปดเป็นอันมาก
“ข้า… สมาชิกเรือนพยาบาล… คืออะไรกัน” เขาถามด้วยความงุนงง
“เจ้าคงยังมิรู้ว่าตัวเจ้านั้นถูกจำหน่ายออกจากค่ายแล้ว อาการบาดเจ็บที่หัว กระบังลม และที่ไตของเจ้าสามารถรักษาได้ แต่ขาซ้ายของเจ้านั้นต้องตัดทิ้งเพราะกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดแหลกเละ มิเช่นนั้นจะเกิดอาการเลือดเป็นพิษและเจ้าจะตายในไม่ช้า” อาเฟยให้ข้อมูล
“...” เขายกตัวขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นขาของตนเองที่ถูกตัดขาดไป แม้ว่าจะยังเจ็บที่หน้าอกและแถวบั้นเอวอยู่บ้างแต่ก็ฝืนทนยกตัวขึ้นมาได้
“ต่อไปนี้ เจ้าก็มาเป็นสมาชิกของเรือนพยาบาลแห่งนี้ พวกเราล้วนยินดีต้อนรับเจ้า” อาเฟยกล่าว
ศาสตราจารย์ผู้มีอายุมากกว่าแปดสิบปีย่อมทำใจได้ไม่ยากนัก แต่จากคำพูดของอาเฟย เขาก็พอที่จะคาดเดาถึงความร้ายแรงของบาดแผลที่เข่าของตนเองได้ว่าหนักหนาเพียงใดจึงต้องถึงขนาดต้องตัดทิ้ง
จากความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง เขามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงกับการแพทย์ที่เรือนพยาบาลใช้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บ เมื่อศาสตราจารย์ไล่เลียงไปยังความทรงจำของเด็ก กระทั่งตัวศาสตราจารย์เองก็ยังทึ่งไปกับการกระทำเหล่านั้น เพราะว่ามีการรักษาทั้งโดยการใช้ ยา การผ่าตัด และการใช้พลังปราณ
ศาสตราจารย์ยังพบว่าตัวเขาเองก็ฝึกพลังปราณและวิชาการต่อสู้ด้วย เขาฝึกวิธีการใช้กรงเล็บและมีดสั้น แต่เพราะว่าเพิ่งเริ่มฝึกได้ไม่นาน พลังปราณของเขายังอ่อนด้อย ทั้งยังขาดประสบการณ์การต่อสู้อีกมาก ทุกครั้งจึงมักจบลงด้วยการเป็นกระสอบทรายให้กับคนที่ฝึกมาก่อนหน้าเขา
“อืม ฟื้นแล้วรึ ไหนขอข้าตรวจสอบดูอีกหน่อย” เสียงชราของผู้มาใหม่ดังขึ้น ศาสตราจารย์หันไปตามเสียงก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าซูบผอมดูใจดีมีเมตตา ชายชราผมขาวทั้งศีรษะนี้เดินมานั่งบนแคร่ไม้ข้างตัวเขาแล้วจับชีพจรตรวจสอบ
ศาสตราจารย์พบว่ามีกระแสพลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางชีพจรข้อมือของเขา วนเวียนอยู่บริเวณนั้นชั่วขณะก่อนที่จะสลายไปพร้อมกับการปล่อยมือของชายชราที่ทุกคนในที่นี้เรียกว่าอาจารย์
“อาการของเจ้าดีขึ้นแล้ว น่าจะหายสนิทภายในหนึ่งเดือน ระหว่างนี้เจ้าก็พักรักษาตัวให้ดี ทำความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้กับคนที่นี่ด้วยนะ ระหว่างนี้อาเฟยจะคอยช่วยเหลือเป็นพี่เลี้ยงเจ้า” อาจารย์พูด
“ขอรับอาจารย์” เขารับคำ ในเมื่อเขาต้องอยู่ในร่างนี้ในสภาพนี้ จะให้เขาพูดอะไรออกไปได้ มีเพียงอย่างเดียวที่เขาจะสามารถทำได้ก็คือการปรับตัว นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของศาสตราจารย์
“นับแต่นี้ต่อไป เจ้ามิต้องใช้ชื่อแปดศูนย์แปดอีกต่อไปแล้ว ข้าขอตั้งชื่อเจ้าว่า ฮุ่ยซิง(彗星 ดาวหาง) เซียวฮุ่ยซิง”