ตอนที่แล้วGE420 ดวงจิตทมิฬ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE422 หนึ่งในโลกหล้า [ฟรี]

GE421 การต่อสู้ของสองจักรพรรดิเซียน [ฟรี]


ในโลกแห่งความฝัน หนิงฝานถูกอำนาจของภูเขาปีศาจสะกด ร่างที่สวมทับด้วยอาภรณ์ขาวอาบโชกไปด้วยโลหิต กระดูกทั่วร่างแตกหัก แต่เขายังไม่ยอมคุกเข่า

แววตาหนิงฝานจับจ้องมองผู้ที่ยืนอยู่ยอดเขาด้วยสายตาเย็นชา

โลกแห่งความฝันแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะสีดำ ให้ความรู้สึกหม่นหมอง

คนผู้นั้นคือปีศาจ หิมะที่โปรยปรายคือหิมะแห่งปีศาจ ให้ความรู้สึกที่ขัดกับเต๋าอันยิ่งใหญ่ราวกับเป็นคนละขั้ว

คนผู้นั้นยืนตระหง่าน ใบหน้าเคร่งขรึม ผมเผ้ารุงรัง บนหน้าผากมีดวงตาที่ 3... บนศีรษะมีสองเขางอก... ที่แผ่นหลังมี 6 ปีก

มันจ้องมองราวกับหนิงฝานเป็นมดปลวก ไร้ค่าให้ชายตามอง

“คุกเข่าแล้วยอมเป็นทาสซะ ข้าในยามนี้ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะต่อกรได้!”

“ถ้าข้าไม่คุกเข่าแล้วเจ้าจะทำไม?” หนิงฝานกล่าวถาม

คนผู้นั้นไม่ตอบ มันต้องการเพียงคำตอบที่ว่า ยอม หรือ ไม่ยอม เท่านั้น แต่หนิงฝานเป็นผู้แรกที่กล้ากล่าวถามมัน

“หากคุกเข่ายอมเป็นทาสข้า เจ้าจะได้รับพลังมหาศาล ยิ่งเข่นฆ่าผู้คนไปเรื่อยๆ เจ้าก็จะได้กลายเป็นเซียนปีศาจที่ทรงพลัง!”

“ถ้างั้นข้าไม่คุกเข่า!” หนิงฝานเย้ยหยัน ยามนี้เขาเข้าใจในตัวตนของดวงจิตทมิฬแล้ว

ดวงจิตทมิฬคือหนิงฝานจริงๆ แต่เป็นอารมณ์ด้านลบของเขา

เขารักจื่อเฮ่อและเป็นห่วงนาง แต่ดวงจิตทมิฬเกลียดนาง

เหตุที่หนิงฝานจะปล่อยให้มันยึดร่างไม่ได้ เพราะสิ่งแรกที่มันจะทำคือการเข่นฆ่าสังหาร!

หนิงฝานไม่ยอมคุกเข่าเพราะไม่อยากเป็นทาสใคร อีกอย่าง เส้นทางปีศาจที่เขาก้าวเดิน เป็นเส้นทางที่เขาถากถางเอง ไม่ใช่ปีศาจอย่างที่ทุกคนเข้าใจซึ่งจบด้วยการสังหารคนใกล้ชิด

“น่าสนใจ...แต่ยังไงเจ้าก็ต้องคุกเข่า เชื่อข้าเถอะ!”

คนผู้นั้นก้าวเท้าไปเบื้องหน้า เมื่อเท้าสัมผัสพื้น ร่างกายของมันแผ่หิมะสีดำทมิฬโปรยปราย โลกแห่งความฝันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังแห่งความชั่วร้ายปะทุราวกับจะทำลายโลกใบนี้ทิ้ง

หิมะทมิฬที่ร่วงหล่น แทรกผ่านเข้าไปในร่างของหนิงฝาน แผนภาพขนาดยักษ์ปรากฏใต้ฝ่าเท้า

การปรากฏขึ้นของแผนภาพทำให้หนิงฝานไม่อาจควมคุมร่าง สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ยึดร่าง! เป็นไปไม่ได้!” หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะใช้ระดับนี้ได้

แรกเริ่มเดิมทีมันน่าจะหาวิธีทำให้หนิงฝานยอมคุกเข่าเพื่อเป็นทาส เป็นไปไม่ได้ที่มันจะคิดครอบครองร่างของเขา

“อา… ข้าเปลี่ยนแผน เจ้าและข้าแตกต่างกันมากเกินไป เจ้าคิดจะต่อต้านข้า!”

ดวงจิตทมิฬในร่างกายของหนิงฝานทรงอำนาจขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรูปลักษณ์ของผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาก็เด่นชัดมากขึ้น มันคือโม๋หลัว!

เดิมทีมันคิดจะรอให้หนิงฝานบรรลุเซียน และยึดครองร่างเพื่อคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันต้องการจะครองร่างของหนิงฝานเสียตั้งแต่ตอนนี้

หนิงฝานสามารถต้านการควบคุมของดวงจิตทมิฬได้ แต่ในเมื่อเศษเสี้ยวดวงจิตของโม๋หลัวลงมือด้วยตนเอง หนิงฝานจะต้านทานได้อย่างไร?

อาภรณ์ขาวที่อาบโชกไปด้วยโลหิตเริ่มถูกย้อมเป็นอาภรณ์สีดำ สติเริ่มเลือนลาง เขาเห็นภาพสตรีของตนกำลังเดินจากไปทีละคน

หนิงฝานรู้สึกราวกับว่า หากปล่อยให้มันยึดร่างสำเร็จ จะเกิดเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดสำหรับเขาขึ้น… นั่นคือเขาจะสังหารคนที่ตนรัก!

“ไม่...มี...ทาง!” หนิงฝานราวกับคลั่ง ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่มีวันทำร้ายคนที่ตนรัก ต่อให้ต้องตายก็ตาม!

เผาดวงจิต!

เผาโลหิตอสูร!

หนิงฝานเผาทุกสิ่งที่ตนมีเพื่อยับยั้งการยึดครองร่าง ต่อให้ต้องตายก็จะไม่มีวันให้โม๋หลัวได้ยึดครองร่างเด็ดขาด!

อย่างน้อยหากเขาโชคดี การฆ่าตัวตายก็อาจทำให้มันบาดเจ็บสาหัส

“ฮึ่ม! คาดไม่ถึงว่าเด็กอย่างเจ้าจะยอมตายมากกว่ายอมให้ข้าฟื้นคืนชีพ!”

การเตรียมใจที่จะตายของหนิงฝานทำให้มันเป็นกังวล และต้องเร่งถอนการยึดร่าง หิมะทมิฬลอยออกจากร่างหนิงฝาน

การไม่ฝืนยึดครองร่างทำให้มันไม่เป็นอันตราย ดังนั้นยามนี้ คงต้องปล่อยให้ดวงจิตของหนิงฝานถูกดูดกลืนอย่างช้าๆ

หากมันทำให้หนิงฝานคุกเข่าได้ มันก็จะยึดร่างของหนิงฝานได้อย่างสมบูรณ์

“ปีศาจในแดนสวรรค์และพิภพ ล้วนฟังคำสั่งข้า! คุกเข่าซะ!” โม๋หลัวแค่นเสียงเย็นชา แรงกดดันที่ยากจะจินตนาการเข้ากดดันหนิงฝาน

หนิงฝานรู้สึกราวกับทุกสิ่งช้าลง ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง ราวกับอยากจะคุกเข่าให้บุรุษเบื้องหน้า

สิ่งที่หนิงฝานกำลังเผชิญคือ ‘คำสั่ง’ แม้จิตใจจะต่อต้าน แต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟัง

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น หนิงฝานกลับรู้สึกราวกับมีปราณเย็นๆสายหนึ่งถ่ายเข้ามาในร่าง ความเย็นของปราณช่วยให้เขาคืนสติและไม่ยอมคุกเข่า

โม๋หลัวตกตะลึงเล็กน้อย มันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วิชาต้องห้ามแห่ตระกูลหลั่ว ‘ล้างดวงจิต’ ฮึ่ม! เจ้ากล้าขัดขวางข้า รนหาที่ตาย!”

ก่อนที่โม๋หลัวจะลงมือ มันถอนพลังออกจากหนิงฝาน แต่แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

เป็นไปไม่ได้! ทำไมที่นี่ถึงมีจักรพรรดิเซียนอยู่!

ในช่วงเวลาวิกฤต จู่ๆโลกแห่งความฝันของหนิงฝานกลับถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน

ครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยหิมะสีดำทมิฬ อีกครั้งปกคลุมด้วยอัสนีโลหิตที่น่าสะพรึงกลัว

บุรุษในอาภรณ์แดงปรากฏกาย เหยียบย่างนภาพลางกล่าวเย้ยหยัน

“จักรพรรดิปีศาจผู้ใหญ่กลับข่มเหงผู้เยาว์ ท่านไม่อายบ้างหรือไง?”

“เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าคือจักรพรรดิอัสนีไท่ซู ที่ข้ามาปรากฏตัวในวันนี้ก็เพื่อจะเป็นคู่มือท่าน ต่อให้ข้าตายข้าก็ไม่เสียใจ! เด็กน้อยเอ๋ย… เจ้าถอยไปก่อน!”

ชายชราในอาภรณ์แดงเปล่งพลังอัสนีโลหิต ปราณปีศาจที่อยู่ในร่างหนิงฝานถูกขับ แรงกดดันของชายชราไม่ได้ด้อยไปกว่าโม๋หลัว

หนิงฝานกลับมาขยับได้อีกครั้ง!

หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น เมื่อครู่ชายชราอาภรณ์แดงกล่าวว่าตนเองมีนามว่าไท่ซู ซึ่งก็คือเจ้าของกระดูกนิ้วมือที่หนิงฝานได้มา

การที่ชายชราปรากฏตัวหมายความว่าชายชรามาช่วยตน แต่การแสดงพลังของชายชราและโม๋หลัวนั้น รุนแรงจนหนิงฝานแทบจะต้านไม่อยู่

จักรพรรดิเซียนผู้หนึ่งหยัดยืนบนขุนเขา อีกผู้เหยียบย่างนภา

หนิงฝานร่นถอยเต็มกำลัง เขาไม่อาจต้านการปะทะของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้

หนิงฝานถอยห่างไปถึงแสนลี้ เฝ้ามองสองจักรพรรดิเซียนที่กำลังจะเปิดฉากต่อสู้

ฟากฝั่งที่โม๋หลัวอยู่นั้น ปกคลุมไปด้วยหิมะทมิฬ ส่วนฟากฝั่งที่ไท่ซูอยู่นั้น ปกคลุมไปด้วยอัสนีแดงฉาน ทั้งสองสำแดงพลังของเต๋าอันสูงสุดของตน และประลองพลังกัน

“หากพลังบรรลุระดับจักรพรรดิเซียน ย่อมพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้!” หนิงฝานอุทาน เขารู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่ม

การต่อสู้ระดับนี้หาชมได้ยาก ซึ่งผู้ที่มีโอกาสได้เห็นคือหนิงฝาน!

หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปพบเห็นจักรพรรดิเซียนต่อสู้กัน ต่อให้พวกมันต้องตายพวกมันก็จะอยู่ชมให้ได้

การวัดระดับเต๋าอันยิ่งใหญ่ของแต่ละฝ่ายเป็นไปอย่างดุเดือด เมื่ออัสนีและหิมะปะทะ พวกมันหักล้างและสลายหายไป

ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอก อัสนีโลหิตหายไป เหลือเพียงหิมะทมิฬที่ยังโปรยปราย แต่ก็เบาบางลงมาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทรงพลังพอที่จะลบโลกพิรุณให้หายไปในพริบตาได้

จักรพรรดิอัสนีไท่ซูร่นถอยไป 10 ก้าว สีหน้าตกตะลึงและกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“สมแล้วที่เป็น 1 ใน 9 ปีศาจโบราณที่ทรงพลัง!”

“ฮึ่ม! เจ้าเองก็ไม่เลว เป็นแค่เพียงจักรพรรดิเซียนรุ่นหลัง แต่กลับทำให้ข้าถอยได้ครึ่งก้าว ตัวเจ้าในยามนี้ทรงพลังเท่าข้า เมื่อตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้าแล้ว!”

โม๋หลัวถอยไปครึ่งก้าว แม้จะถอยเพียงครึ่งก้าวแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับมันเป็นอย่างมาก

ในยุคสมัยที่มันได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 9 ปีศาจ มันคือผู้ที่ทรงพลังที่สุดใน 9 คนนั้น การที่ทำให้มันถอยได้ครึ่งก้าว นับว่าคนผู้นั้นมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก

การปะทะเมื่อครู่ไท่ซูต้องปกป้องหนิงฝานไปด้วย เพราะในระหว่างที่ปะทะกัน โม๋หลัวลอบจู่โจมหนิงฝานอยู่หลายครั้ง ดังนั้นจึงนับว่าไท่ซูไม่ได้ด้อยไปกว่าโม๋หลัวก็ไม่ผิด

“ได้เวลาสู้กันจริงๆแล้ว!” โม๋หลัวก้าวเท้าไปเบื้องหน้า เจตนาสังหารที่บ้าคลั่งปรากฏ ครั้งนี้มันจะพ่ายไม่ได้

แววตาของโม๋หลัวยามนี้เริ่มแปรเปลี่ยน ทุกหนแห่งที่มันจ้องมอง ถูกอาบย้อมด้วยสีดำสนิท!

อัสนีที่ทรงพลังของไท่ซูไม่อาจต้านทานอำนาจ เริ่มแตกสลายไปทีละน้อย

หนิงฝานเองก็ได้รับผลกระทบจากดวงตาของโม๋หลัว เขารู้สึกราวกับดวงจิตของตนเองกำลังถูกดูดกลืน!

การถูกดูดกลืนเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ตาย แต่ทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโม๋หลัว ซึ่งวิธีการเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งความตาย

อัสนีของจักรพรรดิอัสนีไท่ซูเริ่มต้านไม่ไหว ชายชราจึงกล่าวกับหนิงฝาน “ใช้แผนภาพอัสนีช่วย!”

เมื่อกล่าวจบ อัสนีสีแดงฉานฟาดผ่าเข้าใส่ร่างหนิงฝาน ผสานเข้าไปพร้อมกระตุ้นให้ใต้ฝ่าเท้าของหนิงฝานปรากฏแผนภาพอัสนีโลหิตขนาดยักษ์

อานุภาพของมันทรงพลังกว่าแผนภาพอัสนีที่หนิงฝานใช้นับร้อยเท่า แต่จำนวนปราณและสัมผัสเทพที่ผลาญไปนั้นเท่ากัน

คาดไม่ถึงว่าปราณของจักรพรรดิเซียนสามารถทำให้แผนภาพอัสนีทรงพลังขึ้นได้นับ 100 เท่า หากจักรพรรดิอัสนีใช้มันด้วยตนเอง จะทรงพลังขนาดไหน!

หนิงฝานทราบซึ้งที่ไท่ซูยื่นมือช่วย เพราะหากชายชราไม่ช่วย ดวงจิตของหนิงฝานย่อมถูกโม๋หลัวดูดกลืน

หนิงฝานในยามนี้อ่อนแอเกินไป ต่อให้เป็นเพียงสายตาของจักรพรรดิเซียนก็ไม่ต้านทานได้

นอกจากปราณอัสนีของไท่ซูแล้ว หนิงฝานยังสัมผัสได้ถึงปราณเย็นๆสายหนึ่งในร่าง ที่คอยหล่อเลี้ยงดวงจิตของเขาราวกับวารีกระจ่างใส

ความรู้สึกแบบนี้เขาเคยสัมผัสมาก่อน

“นอกจากไท่ซูแล้ว ใครกันที่ช่วยข้า...” หนิงฝานขมวดคิ้ว แต่ในขณะที่เขาขบคิดอยู่นั้น แรงกดดันที่ทรงพลังราวกับจะทำลายสวรรค์กลับปะทุขึ้น

โม๋หลัวยื่นมือขึ้นไปบนฟ้า พลังที่รุนแรงก่อตัวเป็นเกร็ดหิมะทมิฬ ก่อนที่เกร็ดหิมะเหล่านั้นจะก่อตัวเป็นธนูสีดำ!

บนธนูคันนั้นเต็มไปด้วยอักษรนับล้านของเผ่าปีศาจสลักไว้ นอกจากนี้ หนิงฝานยังเห็นพวกมันผสานกันเป็นข่ายอาคม ช่วยยกระดับพลังให้กับธนู

ด้วยเต๋าแห่งข่ายอาคมของหนิงฝาน เขาเข้าใจมันได้ทั้งหมดและจดจำมันไว้ในใจ

เขารู้ว่าวิชาธนูที่โม๋หลัวใช้ คือวิชาธนูดับดาราที่ขึ้นชื่อของเผ่าหกปีก

แต่โม๋หลัวไม่ได้หยิบยืมพลังดารา มันหยิบยืนพลังของเต๋าอันยิ่งใหญ่ สร้างเป็นหิมะทมิฬกระทั่งกลายมาเป็นวิชาธนูดับดารา

หนิงฝานรู้ดีว่าอานุภาพของธนูนั้น ทรงพลังกว่าธนูดับดาราที่เขาใช้นับพันล้านเท่า!

โม๋หลัวเริ่มรั้งสายธนู ทุกสิ่งรอบข้างสั่นไหวราวกับหวาดกลัว ธนูดอกนี้สามารถทำลายโลกพิรุณให้สิ้นซากได้

แต่นี่คือโอกาสล้ำค่าและหาได้ยากของหนิงฝานที่จะได้ทำความเข้าใจ

“ธนูดับดารา!” ไท่ซูขมวดคิ้วแน่น

“วิชาธนูนี้เป็นวิชาของเผ่าหกปีก...ทาสของข้าเป็นผู้สร้างขึ้น… รับลูกธนูซะ!”

โม๋หลัวยิ้มอย่างภาคภูมิก่อนปล่อยสายรั้งธนู

ปราณสีดำทมิฬที่น่าสะพรึงกลัวจนยากจะบรรยายพุ่งออกจากคันธนู ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ราวกับถูกลบหายไร้ตัวตน!

“ตายซะ!” โม๋หลัวเย้ยหยัน หากถูกธนูดอกนี้เข้าไป ไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องสูญสลาย

สีหน้าไท่ซูแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ชายชรารู้ว่าธนูดอกนี้สามารถสังหารตนได้

ชายชราเอื้อมมือไปเบื้องหน้า เส้นสายอัสนีโลหิตจำนวนมหาศาลถักทอเป็นเกราะอัสนีคุ้มกาย

หนิงฝานไม่อาจหยั่งถึงระดับของเกราะอัสนีนั่นได้ จึงไม่รู้ว่าทรงพลังกว่าเกราะอัสนีของเขากี่เท่า

เกราะอัสนีของไท่ซูทรงพลังมากพอที่จะต้านรับการจู่โจมของจักรพรรดิเซียนได้ แต่เมื่อลูกธนูสีดำสัมผัสกับเกราะอัสนี เกราะอัสนีกลับไม่อาจต้านทาน!

แม้เป็นเกราะที่ทรงพลังมากพอที่จะต้านรับการผสานการจู่โจมของจักรพรรดิเซียน แต่กลับไม่อาจต้านรับลูกธนูได้

*อ็อค!*

ไท่ซูกระอักโลหิต แม้ทั้งสองจะเป็นจักรพรรดิเซียนด้วยกันทั้งคู่ กลับไท่ซูกลับไม่อาจรับมือโม๋หลัวได้แม้แต้น้อย

ก่อนที่ธนูจะสัมผัวร่าง ไท่ซูเหยียบย่างนภา ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นรุ้ง 7 สีเบี่ยงหลบวิถีของลูกธนู

ธนูดอกนั้นยังไม่อาจปลิดชีพไท่ซูได้!

เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ไท่ซูปรากฏกายอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาว บนแผ่นอกมีรูโหว่ที่ไม่อาจรักษา

“ขะ… ข้าแพ้...”

“เจ้าเก่งมาก ในช่วงที่คับขันที่สุด เจ้ายังเอาตัวรอดจากธนูของข้าได้… นอกจากปีศาจทั้ง 9 แล้ว ก็มีเพียง 12 คนเท่านั้นที่ทำได้” โม๋หลัวขมวดคิ้วพลางกล่าว มันคาดไม่ถึงว่าธนูไม่อาจปลิดชีพของไท่ซูได้

“แต่ตัวท่านในตอนนี้ก็ไม่ได้ทรงพลังที่สุด...” ไท่ซูยิ้มพลางกล่าว

“เอาเถอะ… อย่างน้อยๆเจ้ารับมือพลัง 3 ใน 10 ส่วนของข้าแล้วยังรอดมาได้ เจ้าก็สมควรภาคภูมิใจแล้ว!”

หนิงฝานตกตะลึง โม๋หลัวยังไม่ได้เอาจริง และดูเหมือนไท่ซูก็น่าจะทรงพลังกว่านี้

โม๋หลัวแทบจะสังหารจักรพรรดิเซียนได้ด้วยพลัง 3 ใน 10 ส่วน นับว่ามันแข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่...จักรพรรดิเซียนไม่ใช่ผู้ที่ทรงพลังที่สุด

“มหาจักรพรรดิเซียนโม๋หลัว ท่านแข็งแกร่งมาก… แต่เด็กผู้นั้นก็นับเป็นศิษย์ของข้าคนหนึ่ง เขาเป็นคนแรกที่ได้ครอบครองดาราอัสนีของข้า ข้าจะให้ท่านทำร้ายเขาไม่ได้!”

“ฮึ่ม! ครั้งนี้เจ้าไม่รอดแน่! ดึงวิญญาณ!”

แววตาโม๋หลัวแปรเปลี่ยนเย็นชา มันเอื้อมมือคว้าจับไปเบื้องหน้า พลังมิติที่อยู่รายล้อมถูกมันดึงดูดไปหมด!

คว้ามิติ คือการดึงพลังจากมิติ

คว้าสวรรค์ คือการดึงเอาพลังของดวงตะวัน จันทรา และดารา

แต่ที่เหนือยิ่งไปกว่านั้น คือการ ‘คว้าเต๋าแห่งสวรรค์’ เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และทรงพลัง

นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานได้เห็นการดึงวิญญาณเช่นนี้ ซึ่งนั่นทำให้เขารู้ว่า ระดับของวิชาดึงวิญญาณจากพื้นดินของเขานั้น อยู่ในระดับต่ำที่สุด

การเพิ่มพูนของพลังที่โม๋หลัวดูดซับมานั้น ทำให้ไท่ซูที่บาดเจ็บไม่อาจต้านทาน

“นี่คือพลัง 5 ใน 10 ส่วนของข้า! เจ้าไม่มีทางรอดแน่” โม๋หลัวกล่าวอย่างแผ่วเบา แต่เสียงของมันกลับดังราวกับสะท้อนไปทั่วทั้งโลกแห่งความฝัน

ฟากฝั่งโลกของไท่ซูเริ่มไม่อาจคงสภาพ โลกทั้งสองฝั่งกลับมาอยู่ในควบคุมของมัน ยามนี้ ต่อให้ไท่ซูเป็นจักรพรรดิเซียน แต่ก็ไม่อาจต่อกรกับโม๋หลัวได้!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด