DTH ตอนที่ 12 ดีจริงๆ
“เจ้าขบถ ข้าจะทำให้เจ้าตายซะ!”
หลิน วานยี่ตะโกนด้วยความโกรธ เขาเหวี่ยงแส้ออกไปทันที เมื่อแส้วาดผ่านอากาศเสียงของมันก็ดังราวกับมังกรคำราม
ถ้าแส้เส้นนี้ฟาดโดนหลิน ฟานเข้าล่ะก็ เขาคงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนบนเตียงแน่
“ลูกพี่ลูกน้อง!” แม้ว่าโจว เชียงเหมาจะรู้สึกหวาดกลัวแต่เขาก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามแส้เส้นนี่มันเหมือนมีตาเป็นของตัวเอง พลังของมันทำให้อากาศสั่นสะเทือน และก่อนที่เขาจะสัมผัสมันเขาก็ได้บินออกไปแล้ว
“นั่นมันอะไรกัน?!”
หลิน ฟานตกตะลึงและคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผล ความจริงแล้วพ่อของเขาควรให้โอกาสเขาพูดอีกสองสามคำเพื่อที่เขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนไม่ใช่รึไง
แต่ว่ามันยังมีโอกาสให้เขาแสดงได้อยู่
อย่างไรก็ตามเขาจะสามารถรับการโจมตีพวกนั้นได้ไหม?
“ข้าต้องหลบมัน”
หลิน ฟานกลิ้งออกไปด้านข้าง และรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่ผิด ท่านต่างหากที่ผิด เพราะถ้าพ่อแย่ มันก็จะเปลี่ยนลูกชายให้แย่ตามเขาไปด้วย”
“ท่านพ่อ ข้าจะเป็นคนทำให้ท่านรู้ว่าท่านผิดตรงไหนเอง”
เขายื่นมือออกมาแล้วตะโกน
“ดาบ!”
มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ดาบที่วางอยู่ด้านข้างมันจะไม่บินมาหาเขาเอง ดังนั้นเขาจึงต้องวิ่งไปหยิบมันและฟันออกไป
ฟุบ!
มันดูรุนแรงเล็กน้อย
แต่ยังอยู่ในระดับที่ดูดี
ในตอนที่เขาหยิบดาบขึ้นมา เขาก็สามารถสัมผัสความสุขจากร่างกายของเขาได้
ดาบในมือมันเปรียบเสมือนมือขวา มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยและผ่อนคลาย
ที่เขาคิดแบบนั้นมันเป็นเพราะมือซ้ายของเขาสามารถหักได้ แต่เขาไม่สามารถสูญเสียมือขวาได้
ความรู้สึกที่เขาได้รับตอนนี้มันมีเพียงแค่คนที่ได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
“ท่านพ่อ เรียนรู้ความผิดพลาดของท่าน และรับดาบของข้าไปซะ” หลิน ฟานตะโกนและใช้กำลังทั้งหมดของเขา จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ ดาบในมือของเขาราวกับเสือดุร้ายที่พึ่งหลุดออกมาจากภูเขา มันดูรุนแรงและให้รู้สึกว่าไม่สามารถป้องกันได้
“หืม?”
ดวงตาของหลิน วานยี่ผู้โกรธเกรี้ยวหดลดเล็กลงทันทีเมื่อเห็นฉากตรงหน้า
ราวกับว่าเขาเห็นบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าแส้ที่เขาเหวี่ยงไปมันจะดูทรงพลัง แต่จริงๆแล้วมันเบามาก หากว่ามีคนถูกตีโดยมัน คนๆนั้นก็จะได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น มันไม่ได้ส่งผลไปถึงภายใน
ที่หลิน วานยี่ไม่กล้าทำอะไรที่มันรุนแรง
เพราะเขากลัวว่ามันจะทำร้ายลูกของเขา
แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าสิ่งต่างๆมันไม่เหมือนกับที่เขาคิด
หัวใจที่ผิดหวังของหลิน วานยี่เต้นแรงขึ้น แม้ว่าเขาจะใจเย็นลงแล้ว แต่มือของเขาก็ไม่ได้หยุด
มันเหมือนวิญญาณงูออกมาจากถ้ำ
แส้ที่อ่อนนุ่มมันเด้งขึ้นจากพื้นและพุ่งไปทางหลิน ฟานอย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ หลิน ฟานก็ตื่นตระหนก
เขาจะไปคุ้นเคยกับการต่อสู้ได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ดาบในมือของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างว่องไวและยืดหยุ่น เขาตอบสนองกลับไปโดยสัญชาตญาณ เขาฟันดาบกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับแส้
เมื่อมันปะทะกัน แส้ก็กระเด็นกลับไป
หลิน ฟานไม่ได้ขยับ มันดูราวกับว่าเขากำลังเตรียมจะฟันกลับไปอีกครั้ง
“หืม นี่ข้าแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นรึ?” หลังจากช่วงเวลาสั้นๆแห่งความตื่นตระหนก หลิน ฟานก็กลับกลายเป็นยินดี เพราะตอนนั้นเขาไม่คิดอะไรมาก และต้องการเพียงแค่จะตอบโต้พ่อของเขากลับไปด้วยดาบเท่านั้น
หลิน วานยี่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“พื้นฐาน”
“ผ่านเข้า”
“รอบรู้”
ในสายตาของเขาวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตที่ลูกชายของเขาใช้ออกมานั้นไม่ปกติ เพราะมันได้มาถึงระดับรอบรู้แล้ว
การเคลื่อนไหวของเขาดูเป็นธรรมชาติและมีจุดอ่อนเล็กน้อยถึงไม่มีเลย
แม้ว่ามันจะมี แต่เขาก็สามารถปรับปรุงได้
หลิน วานยี่ไม่ได้พูดหรือแสดงใบหน้าที่มีความสุขออกมา เขาระงับการเพาะปลูกและพยายามควบคุมพลังของเขา
“เมื่อมองจากสถานการณ์แล้ว ความสามารถของข้ายังไม่พอ ดูเหมือนว่าข้าต้องเพิ่มบางจุดลงไปอีก”
สิ่งที่หลิน ฟานทำข้างนอกวันนี้มันทำให้เขามีความสุข และเขาก็พึ่งค้นพบว่าการเล่นกับดาบมันทำให้เขาสนุกได้นิดหน่อย
วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง)
มันใช้คะแนนความโกรธไป 500 ตอนนี้เขาเหลืออยู่อีก 621 คะแนน
ดูเหมือนว่ามันยังสามารถเพิ่มได้อีก
และทำเขาก็จะทำมัน
วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (จุดสูงสุด)
มันกินไป600คะแนน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเหลืออยู่แค่ 21คะแนนเท่านั้น
ทันใดนั้นหลิน ฟานก็รู้สึกว่าดาบในมือของเขามันเปลี่ยนไป ความคุ้นเคยมันแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก ตอนนี้เขารู้สึกว่าต่อให้เขาหลับตาและฟังแต่เสียง เขาก็สามารถระบุได้เลยว่ามันเป็นวิชาอะไร
เมื่อหลิน วานยี่ขยับขอมือของเขา แส้มันก็เด้งขึ้น และพุ่งไปที่ขาของหลิน ฟาน
จุดอ่อนของวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตคือมันไม่สามารถป้องกันส่วนล่างของร่างกายได้
เขาต้องการที่จะเห็นว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ฝึกวิชาดาบไปถึงไหนแล้ว
ในความคิดของเขา
ระดับรอบรู้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาตกใจแล้ว
หลิน ฟานต้องการจะฟันต่อ แต่เขาไม่คิดเลยว่าแส้มันจะพุ่งมาที่ขาของเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตื่นตระหนก
ดาบในมือของเขาเป็นเหมือนกรงเล็บ ปักแส้ที่เข้ามาลงพื้นได้อย่างแม่นยำ
ดาบฟันต่อเนื่องทำให้แส้มันถูกหั่นครึ่ง
“นี่...” ดวงตาของหลิน วานยี่เบิกกว้าง เขาตกใจยิ่งกว่าเดิม
จุดสูงสุด
การฝึกฝนของเขามันมาถึงดินแดนที่สูงจริงๆ
วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตมันเป็นเพียงเทคนิคการใช้ดาบพื้นฐาน
ตัวเขาเองก็เคยฝึกฝนมันมาแล้วในอดีต
เขาฝึกมันอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงและหยุดลงหลังจากนั้น
อย่างไรเขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าลูกคนนี้จะฝึกมันจนมาถึงระดับจุดสูงสุดแล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตกตะลึง
แม้ว่าหลิน ฟานจะมาถึงตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดมัน
“ท่านพ่อมีความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้งั้นเหรอ?” หลิน ฟานคิดกับตัวเอง เขาไม่สามารถฆ่าพ่อของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเตะหน้าอกของหลิน วานยี่แทน
ปัง!
หลิน วานยี่ลอยไปข้างหลัง
ใบหน้าของเขาหงายขึ้น
เมื่อเขามองไปที่ท้องฟ้า ความโกรธทั้งหมดก็ได้จางหายไป
มันถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
“ท่านพ่อ การยอมรับความผิดพลาดของตนเองเป็นสิ่งที่ดี”
“ท่านเก็บภาษีฟาร์มมากเกินไป ข้าพูดถูกแล้วใช่ไหม?”
ในใจของเขาตอนนี้กำลังตื่นตระหนก
หัวหน้าตระกูลพ่ายแพ้
ถ้าพ่อของเขาโกรธจนตัดความสัมพันธ์พ่อ-ลูกกับเขา แล้วหลังจากนี้เขาจะเรียกตัวเองว่านายน้อยที่ร่ำรวยได้อย่างไร?
ปัง!
หลิน วานยี่ตกลงบนพื้นและนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
มันเงียบจริงๆ
ผู้จัดการเฉินที่นั่งอยู่บนพื้นแข็งค้าง เมื่อเขามองไปที่หลิน ฟานดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา
นี่คือนายน้อยที่เขารู้จักจริงๆใช่หรือไม่?
โกวชิลูบตาของเขา ราวกับว่ากลัวจะมองผิดคน
“ลูก....ลูกพี่ลูกน้อง...” โจว เชียงเหมาพูดตะกุกตะกัก เขาเอาแต่พูดคำว่าลูกพี่ลูกน้องเพราะเขาลืมไปหมดแล้วว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
ที่ทางเข้า เมื่ออาวุโสวูรู้ว่าหัวหน้าตระกูลกำลังจะไปสั่งสอนนายน้อยเขาจึงรับมาที่นี่เพื่อหยุดมัน อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงทั้งสองก็ได้ต่อสู้กันไปแล้ว
เขาต้องการจะที่หยุดการต่อสู้นี้
เพราะเขาไม่ต้องการให้หัวหน้าตระกูลทำร้ายนายน้อย
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นว่าสิ่งต่างๆมันไม่ถูกต้อง
นายน้อยได้ฝึกวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตมาจนถึงจุดสูงสุด
สวรรค์มีตาจริงๆ
ในที่สุดความกังวลสุดท้ายของหัวหน้าตระกูลก็ได้ถูกวางลง
ตอนนั้นเองหลิน วานยี่ก็ได้ยืนขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่หลิน ฟาน “เจ้าเด็กไม่เอาไหน เจ้าทำได้ดีมาก ดีมากจริงๆ!”
เสียงของเขาค่อนข้างสงบ แต่มันก็ค่อยๆดังขึ้นในตอนท้าย
หลิน วานยี่กล่าวก่อนที่จะหันหลังกลับ เขาไม่พูดอะไรอีกและเดินออกจากลานไป
ผู้จัดการเฉินและอาวุโสวูเดินตามเขาออกไป
ดังนั้นที่นี่จึงเหลือเพียงหลิน ฟาน โกวชิและโจว เชียงเหมาเท่านั้น
หลิน ฟานยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและโบกมืออย่างรวดเร็ว “โกวชิ มานี่”
“ขอรับ นายน้อย” ใบหน้าของโกวชิแดงเพราะความตื่นเต้น
“โกวชิที่พ่อข้าพูดมันหมายความว่ายังไง? ทำได้ดีหรือว่าไม่ดีกันแน่? ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีทำไมเขาถึงต้องพูดว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนด้วยละ?” หลิน ฟานสบสนเล็กน้อย
ใครมันจะไปสามารถเข้าใจเขาได้?
แล้วสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไงกันแน่?
แต่ที่รู้ๆเลยก็คือตอนนี้เขาเหนื่อยมาก เพราะวิชาดาบมันใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ
การเพาะปลูกมันไม่น่าไว้ใจจริงๆด้วย
มันคงจะดีกว่าถ้าข้าจะสนุกไปกับชีวิตจากนั้นก็รอความตาย
ไกลออกไป
หลิน วานยี่กำลังเอามือไพล่หลังและเดินอย่างมั่นใจ เมื่อเขาคิดว่ามาไกลพอแล้วเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮาฮาฮา....ดี ดีมาก”
“น้องวู เราไปดื่มกันเถอะ”
ร่างกายของอาวุโสวูสั่น ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “นายท่าน....”
“นายท่านอะไรกัน? ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าเหมือนที่เคยเรียกในครั้งอดีต” หลิน วานยี่ยิ้ม
“พี่ชาย” อาวุโสวูหัวเราะ ตั่งแต่ภรรยาของหัวหน้าตระกูลเสียชีวิต เขาก็ไม่เคยเห็นท่านมีความสุขขนาดนี้
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ! เราจะไม่กลับจนกว่าเราจะเมา! ลูกชายของข้ามันจะกลายเป็นขยะไปได้อย่างไร? แล้วใครมันจะไปสนใจตระกูลเหลียงและหยวนกัน?” หลิน วานยี่หัวเราะ มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก