36 หลี่เย้าเข้าสู่สนามแข่ง!
36 หลี่เย้าเข้าสู่สนามแข่ง!
เที่ยงวัน 12 นาฬิกา
คนกลุ่มที่สอง ซึ่งมีความในระดับทั่วไป ได้ใช้กำลังทั้งหมดลงไปในการต่อสู้ของพวกเขา โดยปกติแล้ว ครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้มักจะหลุดออกจากการแข่งขัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้อีก
ในเวลานี้เอง ที่เหล่านักเรียนจากคลาสพิเศษได้ออกมาจากห้องเรียนของพวกเขา พวกเขาวอร์มร่างกายและเริ่มเข้าสู่สังเวียนการต่อสู้
การเข้าสู่สนามแข่งของพวกเขา ได้ทำให้การต่อสู้ดุเดือดขึ้นจากหลายๆปัจจัยรวมกัน บัตรเชิญทั้ง 10 ใบได้ตกไปอยู่ในมือของนักเรียนคลาสพิเศษ สนามแข่งได้กลายมาเป็นสนามรบของเหล่านักเรียนคลาสพิเศษด้วยกันเอง
13.30 น. นอกจากเฮ่อเหลียนเลี่ยและซือเจียเสวี่ยแล้ว นักเรียนในคลาสพิเศษคนอื่นๆ ต่างก็กำลังต่อสู้กันอยู่
14.10 น. ซือเจียเสวี่ยค่อยๆเปิดดวงตาที่งดงามของเธอ และเข้าร่วมการต่อสู้!
14.15 น. ราชาแห่งโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง เฮ่อเหลียนเลี่ย ได้ออกมาจากห้องเรียน พร้อมกับพลังอำนาจที่ปลดปล่อยออกมา ราวกับสวมชุดเกราะเอาไว้ สงครามได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
พลังที่แท้จริงของทั้งเฮ่อเหลียนเลี่ยและซือเจียเสวี่ยนั้น อยู่เหนือชั้นไปกว่านักเรียนคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกออกมาเป็นตัวเลขได้
ภายใต้ช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งนาที ทั้งสองก็คว้าบัตรเชิญเอาไว้ได้เรียบร้อย หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็จัดการจับกลุ่มนักเรียน 7-8 คนที่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ และส่งพวกเขาทั้งหมดไปยังสถานีรักษาบนยานบินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปแย่งชิงบัตรเชิญออกมาจากอ้อมอกของพวกเขาอีก...สุดท้าย จึงเหลือนักเรียนเพียง 8 คนที่ถือบัตรเชิญเอาไว้ และไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเดินเข้าไปหาความตาย จากสัตว์ประหลาดทั้งสองคนนั้น
“เฮ่อเหลียนเลี่ย ซือเจียนเสวี่ย..ครั้งสุดท้ายที่โรงเรียนซื่อเซียวผลิตต้นกล้าชั้นดีแบบนี้ออกมาได้ ก็ผ่านมาแล้ว3-5ปี!” ใบหน้าที่เคร่งขรึมมานานกว่าครึ่งวันของผู้อาวุโสแห่งนิกายซื่อเซียว ก็ได้เผยรอยยิ้มบางออกมาให้เห็นได้ในที่สุด
“น่าเบื่อจริงๆเลย ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะออกมาเวลานี้ มันทำให้ฉันต้องเสียเวลาตลอดทั้งเช้าของฉันไปเปล่าๆ!” ภายในห้องรับรองแขกวีไอพี เจิ้งตงหมิงกำลังนอนอยู่บนตักที่กระชับแน่นของครูสาว และยกหัวขึ้นไปมองดูหน้าจอโฮโลแกรมเป็นครั้งราว เขายิ้มเยาะออกมา แล้วก็วางหัวลงไปที่ตัก แล้วหลับไปอีกครั้ง
14.30 น. โรงเก็บของที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของโรงเรียนซื่อเซียว บริเวณกลางลานสนามฝึกที่เก่าแก่
นิ้วชี้ทั้งสองของหลี่เย้าได้ฝังลึกลงไปในพื้นไม้ ศีรษะของเขาอยู่ใกล้กับพื้นและเท้าชูขึ้นไปบนฟ้า เขาได้ใช้เพียงแค่พลังจากนิ้วชี้ทั้งสองนิ้ว เพื่อตีลังกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เท้าทั้งสองได้แยกออกจากกันจนสุด และไม่มีรองเท้าใส่เอาไว้ เขาได้ใช้นิ้วเท้าที่ยืดหยุนไม่ต่างไปจากนิ้วมือของเขา ยกดัมเบลล์ข้างละอันโดยไร้อาการสั่นไหว และน้ำหนักของแต่ดัมเบลล์แต่ละอันก็หนักถึง 100 กิโล!
“ซิสสสสสสส...ซิสสสสสสส...”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จมูกของหลี่เย้าก็ได้ส่งเสียงที่ฟังดูแปลกประหลาดออกมา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดอยู่ และมีน้ำลายไหลออกมาจากมุมปากของเขาเล็กน้อย—ความจริงแล้ว เขากำลังหลับอยู่!
แล้วอยู่ๆ...
“ปี๊บ!ปี๊บ!ปี๊บ!ปี๊บ!” เครื่องไมโครคริสตัลโพลเซสเซอร์ที่อยู่บนข้อมือของเขาก็ส่งเสียงเตือนและสั่นอย่างรุนแรง
เพียงสะบัดตัวเล็กน้อย “ปัง! ปัง!” ก็เกิดเป็นเสียงดังขึ้นมา ราวกับว่ามีก้อนหินที่ลุกไปด้วยเปลวไฟบินผ่านไปในความมืด มีบางสิ่งได้ลอยพุ่งไปติดเข้ากับกำแพงที่อยู่ไกลออกไป 30 เมตร จนเกิดเสียงดัง “บูม!”
ความจริงแล้วมันคือ ดัมเบลล์หนัก 100 กิโลทั้งสองที่ถูกส่งให้บินพุ่งออกไปไกลกว่า 30 เมตร โดยลูกเตะของหลี่เย้า แล้วฝังลึกเข้าไปในตัวกำแพง
กำแพงบริเวณนั้นได้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากกระพุ่งชนของดัมเบลล์ พื้นผิวของตัวกำแพง ราวมีดากตกพุ่งลงมาทำลายล้างบริเวณนั้นจนราบเป็นหน้ากอง
“เสี่ยวเย้า ฉันยกเลิกการควบคุมของ ‘กิฟอัพ’ ให้แล้วนะ รีบถอดมันออก แล้วไปเข้าร่วมการต่อสู้ได้แล้ว เธอยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมงนะ!” ซุนเปียวหัวเราะออกมา
“คุณไม่ต้องเตือนผมหรอกน่า น่ารำคาญจริงๆ” หลี่เย้าหาวออกมา เขาเกาหัวที่กระเซิงราวกับรังนกของเขา และเดินออกไปอย่างเฉยเมย
14.32 น. หลี่เย้าได้โผล่เข้าไปในสนามแข่ง เขาเดินเข้าไปยังพื้นที่ต่อสู้ของเหล่านักเรียน ด้วยท่าทีครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วภาพของเขาก็ถูกฉายขึ้นไปบนหน้าจอโฮโลแกรมในห้องรับรองแขกวีไอพี
ทุกคนต่างรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเด็กนักเรียนที่เข้าสู่สนามแข่งเป็นคนสุดท้าย
โดยปกติแล้ว นักเรียนประเภทที่เข้าสู่สนามแข่งในช่วงท้าย มักจะมีความมั่นใจในพลังของตนเองสูงมาก แต่เหล่าอัจฉริยะทุกคนในโรงเรียนซื่อเซียวที่สองก็ได้ออกมาจนหมดแล้ว แล้วไอบ้านี่มันเป็นใครกัน? หรือเขาจะเป็นนักเรียนที่อ่อนแอ และยอมแพ้ให้กับการแข่งขันนี้ไปแล้ว?
ภายในห้องรับรองแขกวีไอพี ห้องที่สอง
อยู่ๆ เจิ้งตงหมิงก็ได้ผลุนผลันลุกขึ้นมาจากตักของครูสาว ทั่วทั้งร่างกายเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นคมกริบขึ้น ราวกับนักดาบที่ออกมาจากร้านเหล้า กลิ่นของแอลกอฮอลได้หายไป และปลดปล่อยกลิ่นอายของการฆ่าฟันออกมา
“เขาคือคนที่เธออยากจะมาดูเหรอ? หรือเขาจะร้ายกาจยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเลี่ย?” ครูสาวรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก มันนานมากแล้ว ที่เจิ้งตงหมิงไม่ได้แสดงท่าทีเคร่งเครียดแบบนี้ออกมา
“เฮ่อเหลียนเลี่ยแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าฉันต้องเลือกคู่ต่อสู้ ฉันขอเลือกสู้กับเฮ่อเหลียนเลี่ย และไม่ขอเลือกสู้กับคนคนนี้” เจิ้งตงหมิงจับจ้องไปที่หลี่เย้า
“ทำไมล่ะ?” ครูสาวไม่เข้าใจ
“ก็เพราะฉันกับเขาเป็นคนประเภทเดียวกันน่ะสิ” เจิ้งตงหมิงหัวเราะออกมา จนเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มสองข้างแก้มของเขา
14.34 น. หลี่เย้าเดินเข้าไปด้านใน...โรงอาหารหมายเลข 2!
“เขาไปทำบ้าอะไรที่นั่นกัน? ข้างในนั้นไม่มีใครอยู่สักคน!” แขกวีไอพีหลายคน ต่างพากันวิจารณ์และส่งเสียงอื้ออึงออกมา
ในเวลานี้ การต่อสู้ส่วนใหญ่ได้จบลงไปแล้ว มีนักเรียนบางคนที่นั่งหายใจหอบอยู่ที่พื้น คนที่คู่ควรแก่การเฝ้าดูนั้นมีเพียงน้อยนิด การกระทำที่แปลกประหลาดของหลี่เย้า ได้ทำให้คนอื่นๆพากันหันมาสนใจเขา
14.35 น. หลี่เย้าได้อุ้มถาดใส่ซาลาเปาทั้งถาดออกมาจากโรงอาหารหมายเลข 2 เขาเดินพร้อมกับกินไปด้วย แล้วจัดกันเขมือบซาลาเปาไส้เนื้อขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่ง หมดได้ภายในไม่กี่วินาที
“เขามาที่นี่เพื่อต่อสู้ หรือมากินกันแน่!?” แขกวีไอพีพากันเหม่อมองไปที่หน้าจอโฮโลแกรม หลังจากที่ยืนยันแล้วว่า สายตาของพวกเขายังปกติดีอยู่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจนน้ำตาเล็ด
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน พวกเขาต่างพากันคิดว่า ไอ้บ้าคนนี้คืออาวุธลับของโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ พวกเขาไม่คิดเลยว่า ไอ้บ้าคนนี้จะกลายเป็นถังข้าว ที่สามารถยัดอาหารจำนวนมากเข้าปากได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!
และภายในบริเวณโรงเรียน มีนักเรียนบางส่วนที่ได้เห็นหลี่เย้า
“พวกนายดูสิ ดูสิ! แม้แต่คนอับโชคหลี่เย้าก็ยังมา!”
“หืม? เขาดูไม่มีร่องรอยบาดเจ็บอะไรเลยนี่ ทำไมเขาถึงยังแข็งแรงและมีแรงอยู่ได้ล่ะ?”
“เขาจะต้องแอบซ่อนตัวมาจนถึงตอนนี้ และไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เลย เพราะแบบนั้น เขาเลยยังดูมีพลังราวกับมังกรและเสือ”
“นี่ หลี่เย้า อย่าเดินไปไกลกว่านี้เลยนะ พวกนักเรียนคลาสพิเศษรวมตัวกันอยู่ข้างหน้านั้น แล้วพวกเขาก็ยังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ ระวังตัวด้วยล่ะ เดี๋ยวพวกเขาจะเผลอทำร้ายนายได้!”
ในตอนที่หลี่เย้ากำลังกัดซาลาเปาอยู่นั้น เขาก็ก้มลงมองหน้าจอไมโครคริสตัลโพรเซสเซอร์ของเขาอยู่ และไม่ได้ใส่ใจคำวิจารณ์ของคนอื่นๆ ต่อเมื่อมีนักเรียนคนหนึ่ง ที่เตือนเขาด้วยความหวังดี เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มขอบคุณไปให้ หลังจากนั้น เขาก็เดินตรงไปข้างหน้าต่อ
“คงไม่ใช่ว่า หัวของเขาถูกทุบตีจนเสื่อมไปแล้วหรอกนะ?” นักเรียนที่พูดเตือนหลี่เย้า ได้พูดกับเพื่อนของเขาด้วยความสงสาร
บัตรเชิญทั้ง 10 ใบ ได้แสดงที่อยู่ของพวกมันผ่านทางคลื่นพลังวิญญาณในทุกๆครึ่งนาที และไปปรากฏอยู่บนแผนที่เสมือนจริง ไม่นาน หลี่เย้าก็หาจุดที่อยู่ของบัตรเชิญเจอ!
......
น่าหลานยิงกำลังพิงหลังกับต้นไม้ต้นหนึ่ง เธอกำลังอยู่ในสภาพหายใจหอบ ดวงตาที่คมกริบของเธอแสดงความตื่นตัวตลอดเวลา และจ้องมองไปรอบทิศทาง
เธอไม่ได้สนใจเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของตัวเอง แม้แต่ความคิดที่จะเลียมัน ก็ไม่มีอยู่ในหัวของเธอเลย
เธอได้พยายามสูดหายใจเข้าลึก เพื่อคงสภาพจิตใจเอาไว้ให้ชัดเจนให้ได้นานที่สุด เพื่อที่เธอจะสามารถฟื้นคืนกำลังสำหรับการต่อสู้ของเธอได้
ซึ่งเป็นเพราะบนร่างกายของเธอนั้น...มีบัตรเชิญอยู่หนึ่งใบ!
น่าหลานยิงนั้นอยู่ในระดับ 21 ของนักเรียนทั้งหมดในคลาสพิเศษ อัตราการตื่นของรากวิญญาณอยู่ที่ 65% การที่เธอสามารถคว้าเอาบัตรเชิญมาได้ ถือเป็นโชคครั้งใหญ่สำหรับเธอ เธอไม่มีความมั่นใจเลยว่า ตัวเองจะสามารถถือบัตรเชิญนี้เอาไว้ได้จนกระทั่งถึงเวลาบ่าย 3 โมง
โชคดีที่ ดาวแห่งโชคของเธอเปล่งประกายในวันนี้ นักเรียนบางคนจากคลาสพิเศษ ได้เข้าร่วมการต่อสู้กับเฮ่อเหลียนเลี่ยและซือเจียเสวี่ย และได้รับบาดเจ็บ จนทำให้พวกเขาต้องออกไปจากการแข่งขัน
นักเรียนคลาสพิเศษที่อยู่จึงได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบัตรเชิญมา รอบตัวเธอจึงยังไม่มีผู้ที่แข็งแกร่งบุกเข้ามา อย่างน้อยก็ในเวลานี้
น่าหลานยิงที่กำลังปล่อยใจให้ลอยไปกับความคิด ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหน้าอกของเธอ มันราวกับว่า มีใครบางคนได้ใช้แท่งน้ำแข่งแทงเข้าไปที่หัวใจของเธออย่างรุนแรง!
เด็กสาวส่งเสียงร้องดัง “อั๊ก!” เธอรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งกาย ราวกับกระต่ายที่ตื่นตูม ร่างกายของเธอได้ตอบสนองขึ้นมาในทันที โดยการกระโดดลอยออกไปไกลกว่า 7-8 เมตรโดยอัตโนมัติ
น่าหลานยิงรู้สึกว่า ถ้าเธอยังคงอยู่ตรงจุดนั้น เธอก็อาจจะถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆได้!
ห่างออกไปจากด้านหลังงของตัวเธอ 7-8 เมตร เด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาในเสื้อผ้าที่ยับยุ่ง ได้ยืนอยู่ตรงนั้น หากจะพูดถึงความแปลกในตัวเขา มันก็คงจะเป็นแก้มของเขา ที่ถูกอัดแน่นไปด้วยซาลาเปาเนื้อ เขายังคงเคี้ยวไม่หยุด และเคี้ยว...และเคี้ยว...
“หลี่เย้า?”
น่าหลานยิงแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง...หลี่เย้าผู้อับโชคที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง คือชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอไม่ได้เข้าใจผิดไปอย่างแน่นอน
“มันเป็นเขาเหรอเนี่ย? ทำไมตอนที่ฉันหันหลังให้กับเขา ฉันถึงได้รู้สึกขนลุกขึ้นมาได้? มันราวกับว่า ฉันกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายอยู่ ฉันไม่สามารถแม้แต่คิดจะขัดขืนได้เลย มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของฉันก็คือ การหลบหนีที่สิ้นหวัง! หัวใจของน่าหลานยิงเต้นรัวแรงราวกับกลอง หน้าอกของเธอขึ้นลงไม่หยุด เธอไม่สามารถสงบใจลงได้เลย
หลี่เย้าที่เดินตรงเข้าไปหาเธอ ก็ยังคงเคี้ยงซาลาเปาด้วยท่าทีที่เฉยเมย
น่าหลายยิงรู้สึกขนหัวลุกซู่ เธอรู้สึกได้ถึงวิกฤตที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้สั่นได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามสูดหายใจเข้าลึกมากเท่าไหร่ มันก็ไร้ประโยชน์! “ฉันขยับเขยื้อนไม่ได้ เพียงเพราะพลังที่เขาปล่อยออกมา แม้แต่นิ้วเดียวฉันก็ยังไม่สามารถขยับได้ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน!?” เด็กสาวกรีดร้องอยู่ภายในใจ
“เธอทำบ้าอะไรอยู่น่ะ? ทำไมน่าหลานยิงถึงไม่จัดการล้มไอ้บ้านี้ในหมัดเดียว?” แขกวีไอพีที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกสับสน พวกเขากำลังวิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน
“เด็กคนนี้เป็นคนอับโชคของโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง ฉันคิดว่า น่าหลานยิงคงจะไม่อยากลดตัวลงไปจัดการกับเขาหรอก” มีบางคนที่อยู่ภายในนั้นถามเกี่ยวกับตัวตนของหลี่เย้า และได้รู้ตัวตนที่แน่ชัดของเขาแล้ว
หลี่เย้าก้าวเท้าไปทีละก้าว จนกระทั่งเดินไปอยู่ตรงหน้าของน่าหลานยิง
เขาเอียงคอ แล้วกลืนซาลาเปาลูกสุดท้ายลงไปอย่างยากเย็นและเรอออกมา มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา แสดงถึงความพึงพอใจออกมา ในสายตาของน่าหลานยิง หลี่เย้าเป็นเหมือนกับทีเร็กซ์ที่กำลังกลืนเนื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงท้องไป และคล้ายกับว่า มีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ตามซอกฟันของเขา
“นาย อย่าเข้ามานะ...” น่าหลานยิงพูดออกมาด้วยจิตใจที่ขลาดกลัว เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“สวัสดี เธอคงจะเป็นเพื่อนนักเรียนน่าหลานยิงสินะ ฉันอยากจะถามเธอหน่อยน่ะว่า เธอเห็นเพื่อนนักเรียนเฮ่อเหลียนเลี่ยบ้างไหม แล้วเขาอยู่ที่ไหน?” หลี่เย้าหัวเราะเบาๆ แล้วถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพ
น่าหลานยิงยืนอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้น เธอก็โบกมือ แล้วชี้ไปที่สนามกีฬาของโรงเรียน “ฉัน-ฉันไม่รู้ เขาอาจจะอยู่ที่สนามกีฬาก็ได้”
“โอเค ขอบคุณนะ เพื่อนนักเรียนน่าหลานยิง” หลี่เย้าพยักหน้าขอบคุณเธอ และไม่ได้สนใจบัตรเชิญที่อยู่ในมือเธอเลย เขาเดินผ่านไปด้านข้างน่าหลานยิงและตรงไปยังทิศทางของสนามกีฬา
ขาทั้งสองข้างของน่าหลานยิงอ่อนแรงและเธอแทบจะล้มทั้งยืน เธอมองตามหลังของหลี่เย้าที่ค่อยๆห่างออกไป อย่างตกตะลึง ร่างกายที่อ้อนแอ้นของเธอสั่นสะท้าน และเธอก็รู้สึกปวดร้าวไปที่หน้าท้องของเธอ ในใจของเธอ เต็มไปด้วยความคิดที่ว่า ตัวเธอนั้นโชคดีขนาดไหนและเหมือนกับได้ชีวิตใหม่!