บทที่ 197 - วิญญาณสัมบูรณ์ (9) [04-07-2020]
บทที่ 197 - วิญญาณสัมบูรณ์ (9)
”
[คุณได้เอาชนะศัตรูของโลกในทวีปพาแนน! เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง คุณได้รับแต้มโบนัสสเตตัส 50 แต้มและแต้มทักษะ 10 แต้ม แต้มทักษะในปัจจุบัน: 18]
[คุณได้รับฉายา 'ผู้กอบกู้' พระเจ้าได้เริ่มให้ความสำคัญกับการสนับสนุนคุณ ในตอนนี้คุณสามารถจะลดแรงกดดันของผู้ที่ไม่สนใจในระบบของดันเจี้ยนได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณต่อสู้กับศัตรูของโลกพลังของคุณจะเพิ่ม 10%]
[เทพเจ้าทั้งมวลได้รู้สึกสนใจต่อท่านอย่างมาก เทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ กลยุทธและความกล้าหารได้โปรดปรานคุณเป็นอย่างมาก]
[คุณได้รับตั๋วเข้าสู่เหตุการดันเจี้ยนระดับ SSS 'ดินแดนพิศวง' คุณสามารถจะพาสมาชิกกิลด์ไปกับคุณได้]
[เลเวลของทักษะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1]
[ด้วยพลังทำลายที่มหาศาลของศัตรูทำให้ทักษะวิญญาณสัมบูรณ์เพิ่มระดับเป็นเลเวล 3! ระดับของวิญญาณของคุณได้สูงยิ่งขึ้น เพิ่มความต้านทารการโจมตีทางกายภาพ เวทมนตร์ และจิตใจทั้งหมด! จำนวนมานาที่คุณดูดซับด้วยการโจมตีทางกายภาพและการป้องกันได้เพิ่มขึ้น]
[คุณได้ทำภารกิจสำเร็จอย่างสมบูรณ์ คุณได้รับแต้มสเตตัส 10 แต้มเป็นรางวัล คุณควรจะกลับไปในทันที สถานที่แห่งนี้เป็นอันตรายอย่างยิง]
หลังจากที่ฉันได้มีความสุขกับข้อความที่หลั่งไหลมา ฉันก็ได้ถอนหายใจยาว ฉันสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ที่ดีที่สุดมันกลายเป็นจริงมาได้ แม้ว่าฉันจะเตรียมคะดูเซียสเอาไว้แล้ว แต่ฉันก็ยังกังวลว่าเอลพาทิสจะหลบมันได้ แต่แล้วความกังวลของฉันมันก็ไม่เป็นจริง ทุกๆอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าสิ่งต่างๆมันก็ไม่ได้ได้ผลตามที่ฉันตั้งใจเอาไว้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าเอลพาทิสมันไม่มีทางกินสมองของฉันได้เพราะทักษะวิญญาณสัมบูรณ์
ในตอนที่ฉันได้มาถึงทวีปพาแนน ฉันก็ได้คิดถึงการป้องกันตัวเองจากเอลพาทิสแล้ว
ฉันต้องการทักษะที่จะช่วยป้องกันสมองของฉันจากการถูกลอบโจมตีโดยที่ไม่คาดคิด นับตั้งแต่ที่แม้แต่ฮีโร่ของทวีปพาแนนก็ยังถูกเอลพากิสกินสมองไป ฉันรู้ได้เลยว่าตัวตนของฮีโร่มันไม่สามารถป้องกันฉันได้ การช่วยเพื่อนของฉันมันสำคัญ แต่ว่าชีวิตของฉันนั้นสำคัญยิ่งกว่า ทักษะวิญญาณสัมบูรณ์มันคือทักษะที่ฉันได้พยายามจะสร้างมันขึ้นนับตั้งแต่มาที่นี่แล้ว
แต่ว่าในตอนแรกที่ฉันใช้ทักษะสังเคราะทักษะฉันรู้สึกว่ามันยังขาดบางอย่างไป ดังนั้นฉันเลยยังไม่ทำการสังเคราะห์ทักษะออกมา ยังไงก็ตามฉันก็ได้รับทักษะนี้มาหลังจากได้ทักษะดูดกลืนมานา
ผลของทักษะดูดกลืนมานามันก็ง่ายมาก เมื่อใดก็ตามที่ฉันโจมตีด้วยอาวุธระยะประชิดหรือไม่ก็เมื่อไหร่ก็ตามที่ศัตรูโจมตีฉันด้วยการโจมระยะประชิดหรือเวทมนตร์ ฉันก็จะดูดมานาของศัตรูมา นี้ก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันสัมผัสกับมานาฉันก็จะดูดมันมาส่วนหนึ่ง หากทักษะเลเวลเพิ่มขึ้นจำนวนที่จะดูดมาก็จะเพิ่มขึ้น ทักษะนี้เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
ฉันสนใจที่ความจริงที่มันขโมยมานาของศัตรูมาได้ มนุษย์ปกตินั้นไม่ได้มีมานามาแต่กพเนิดและแม้ว่าถ้าพวกเขามีมันก็เป็นจำนวนที่น้อยมากๆ ยังไงก็ตามในเผ่าอื่นๆมันต่างออกไป ยิ่งพวกเขาต่างกับมนุษย์มากแค่ไหนมานาก็จะมากขึ้นเท่านั้นและมันจะจำเป็นต้องใช้มานาเหล่านั้นในการดำรงอยู่ มันไม่ผิดเลยที่จะเรียกว่าเอลพาทิสเป็นกลุ่มก้อนของมานา พวกมันกลัวผู้กินมานาก็ด้วยเหตุผลนี้ การมีตัวตนของผู้กินมานานั้นก็เหมือนกับผู้ล่าเอลพาทิส
ด้วยเหตุผลนี้ฉันเลยได้เพิ่มทักษะนี้ลงไปในทักษะที่ฉันจะสร้างซึ่งมันได้ให้ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ ทั้งยกระดับวิญญาณ ทำให้ความต้านทานทั้งหมดของฉันสูงขึ้น มันเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบในการป้องกันทั้งร่างกายและวิญญาณ
[วิญญาณของคุณได้สมบูรณ์และบริสุท ดังนั้นวิญญาณที่สูงส่งจะส่งผลกระทบให้คุณจากภายในและภายนอก มันจะมีผลบวกมากขึ้นในทุกๆการกระทำของคุณ การโจมตีของคุณจะทรงพลังยิ่งขึ้นและคุณจะต้านทานการโจมตีทางกายภาพ เวทมนตร์ และจิตใจมากขึ้นอย่างมหาศาล]
[ไม่มีใครสามารถจะบุกรุกร่างกายและจิตใจของคุณได้ คุณได้ต่อต้านผลสเตตัสทางจิตใจโดยสมบูรณ์และคุณจะไม่ได้รับผลกระทบได้ๆจากปรสิต การกัดกร่อน ยึดร่าง ควบคุมและกลายพันธ์ทั้งสิ้น คำสาปแช่งจะไร้ผลกับคุณ คุณจะไม่มีทางเกิดใหม่ในฐานะอันเดตเมื่อคุณตายลงไป]
[จิตวิญญาณของคุณจะดูดมานาที่อยู่ใกล้ๆและป้องกันไม่ให้มันทำงานผิดพลาด มันจะเป็นเหมือนกันแม้แต่ในตอนคุณอยู่ใกล้ๆกับศัตรู การโจมตีทางกายภาพ การป้องกันทางกายภาพหรือการป้องกันทางเวทมนตร์ก็จะทำให้คุณดูดมานามาจำนวนหนึ่ง]
[เมื่อใดก็ตามที่เลเวลของทักษะเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์ก็จะมากยิ่งขึ้น]
ในตอนแรกที่ฉันได้อ่านคำอธิบายนี้ฉันก็แทบจะเป็นลมกับความยอดเยี่ยมของมัน ไม่นานนักฉันก็เริ่มเห็นศักยภาพของทักษะ ศักยภาพที่จะทำลายศัตรูของโลกแห่งทวีปพาแนน
ฉันได้เริ่มต้นแผนในทันที อย่างแรกฉันจะต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง จากนั้นเร็น เลอบิค และเด็กๆก็จะต้องปลอดภัย ฉันได้หาทางที่จำทำให้เอลพาทิสพร้อมกับพลังของฮีโร่เข้ามาในสมองของฉัน
ในตอนแรกฉันต้องการจะใช้ปะรโยชน์จากแมลงที่ปลอมตัวเป็นยูรุโต๊ะ ฉันตั้งใจที่จะปล่อยเขช้าไว้บนหลังล็อทเต้และทำตัวเหมือนกับหมดแรง จากนั้นในช่วงเวลาสำคัญฉันก็ได้ใช้การละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าและหนีออกมา ฉันประหลาดใจมากที่มีแมลงสองตัวที่สามารถจะรับพลังของฮีโร่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามในตอนนั้นฉันได้ทำลายหนึ่งในพวกมัน เมื่อเหลือมันเพียงตัวเดียวที่ทำแบบนั้นได้แมลงที่อยู่ในฮีโร่ของทวีปพาแนนจึงมาเผชิญหน้ากับฉัน
โอกาสสำเร็จของแผนของฉันจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลังจาากนั้นฉันก็ได้ใช้ทักษะการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าอย่างอิสระและกำจัดมอนสเตอร์ มันเป็นแผนทางจิตวิทยาง่ายๆ จากตอนเริ่มต้นฉันได้ใช้ทักษะที่ทรงพลังของตัวเองในการป้องกันตัวจากแมลง ด้วยการแสดงแบบนั้นฉันไม่สามารถจะใช้ทักษะแบบนั้นได้อีก ฉันได้ทำให้เอลพาทิสลดการ์ดของตัวเองลง ในทางกลับกันฉันก็ได้ซ่อนการมีอยู่ของทักษะวิญญาณสัมบูรณ์
แม้ถ้าฉันไม่ได้ใช้ทักษะการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าและใช้บางอย่างที่เหมือนกับพลังทางกายภาพของฉันต่อต้านแมลงในตอนแรก เอลพาทิสอาจจะระแวงมากยิ่งขึ้น ยังไงก็ตามฉันได้แสดงพลังของการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าออกไปและแสดงให้มันได้เห็นว่าทักษะนี้ไม่สามารถใช้ได้ตลอดเวลา ด้วยแบบนั้นมันจึงได้คิดว่าฉันจะไม่มีทางรอดอื่นอีก ดังนั้นนั่นก็คือเหตุผลที่มันถึงได้ทำแบบนั้นโดยไม่ลังเล
แม้ว่ามันจะค่อนข้างง่ายดาย แต่ในระหว่างการต่อสู้มันเป็นการยากที่จะพิจารณาอะไรแบบนี้ คนที่ขี้โกงจะหลอกผู้คนได้อย่างง่ายดายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นการหลอกถึงสองชั้น อย่างที่ฉันได้ทำท่าภูมิใจในตอนใช้ทักษะการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้าและทำท่าเหมือนกับปัญหาทุกอย่างมันจบไปแล้วในตอนที่ศัตรูลดลงไปมากขึ้น
แม้ว่าเอลพาทิสจะไม่ได้พยายามกินสมองของฉันในตอนนั้นมันก็ยังอยู่ในความคาดหมายของฉัน มันไม่สำคัญว่ามันจะกินหรือไม่กินสมองของฉัน ตราบใดที่มันเข้ามาอยู่ในระยะของคะดูเซียสก็พอแล้ว
หลังจากที่ฉันได้รับทักษะวิญญาณสัมบูรณ์ ฉันก็ได้คิดการใช้ผลสะท้องจากคะดูเซียสมันเป็นประโยชน์ต่อฉัน
คะดูเซียสมันเป็นคทาที่เป็นตัวแทนของเฮอมีสซึ่งมีงูสองตัวขดอยู่รอบๆ ตัวหนึ่งคือตัวแทนของความตายหรือภัยพิบัติ และอีกตัวคือต่อแทนของการรักษาและฟื้นฟู แม้ว่ามันจะมีในทฤษฏีอื่นๆอยู่อีกแต่ว่างูในนคะดูเซียสที่ฉันได้รับมามันมีความหมายแบบนั้น
คะดูเซียวนั้นมีพลังอยู่สองอย่าง อย่างแรกมาจากงูตัวสีดำอย่างที่เราได้เห็นไปแล้วในตอนที่ฉันได้ใช้ในทวีปลูก้ามันใช้ในการโจมตี เมื่อคนที่มีเลเวลต่ำกว่าหรือสร้างความเสียหายกับฉัน ฉันจะสามารถสะท้อนความเสียหายนั่นกลับไปได้โดยสมบูรณ์ ถ้าเวลาของพวกเราเท่ากันความเสียหยที่เกิดขึ้นนี่จะหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยังไงก็ตามมันก็มีข้อบกพร่องที่มากพอๆกัน หากศัตรูมีความแข็งแกร่งกว่าฉัน ดาเมตที่ฉันทำกับศัตรูจะถูกส่งมาให้ฉันแทน
ในฐานะที่โดยทั่วไปแล้วศัตรูมี่ความแข็งแกร่งกว่าฉันการใช้งูสีดำจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก กลับกันมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะใช้กับศัตรูที่อ่อนแอกว่าฉัน มันยังมีอีกตั้งหลายวิธีที่จะจัดการกับศัตรูที่อ่อนแอกว่า ดังนั้นมันจึงมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันได้ใช้ทักาะนี้
ในกรณีนี้ฉันได้ใช้พลังของคะดูเซียสเพื่อบังคับเอาความเสียหายที่ทำกับฮีโร่จากทวีปพาแนนมาให้ฉัน ตามที่ฉันได้กลายเป็นต่อต้านการถูกกัดกร่อนโดยสมบูรณ์ ฉันจึงสามารถจะทำลายเอลพาทิสที่เข้ามาในสมองของฉันไปได้ ฉันยังกังวลว่ามันอาจจะหนีไปดังนั้นฉันเลยเตรียมที่จะใช้ความพิโรธเทพแห่งท้องฟ้าไปอีกด้วย ยังไงก็ตามมันไม่ได้เกิดขึ้น
"ฟู่ อึก"
อย่างแรกฉันได้ดึงเอาเคลย์มอร์ออกมาจาก้องของฉัน จากนั้นก็ตามด้วยเก็บศพของฮีโร่เข้าไปในช่องเก็บของ เลือดได้ไหลออกมาออกมาจากท้องของฉันและฉันสามารถจะรู้สึกได้เลยว่าฉันกำลังจะหมดแรง ฉันเลยได้หยิบเอาอิลิกเซอร์ที่รูเดียเอามาให้ฉันอย่างไม่มีทางเลือกและดื่มมันลงไป ฉันได้ถูกรักษาอย่างสมบูรณ์ในทันทีและแผลบนท้องของฉันก็ถูกปิดลงราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้อิลิกเซอร์มันยังมีรสชาติที่ดีมาก มันหมายและให้ความสดชื่น แต่ว่ามันยากที่จะลงลึกไปกล่าวนี้ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่าขวดอิลิกเซอร์มันออกแบบได้สวนมากๆ เมื่อฉันกำลังมองมันอย่างสนใจใครคนหนึ่งก็พูดออกมา
"กะ...เกิดอะไรขึ้น!?"
"เขาตายแล้ว"
"พลังของฮีโร่....พลังของฮีโร่ถูกเอาไปแล้ว! ฉันบอกได้เลย พรของเราได้กลับไปแล้ว"
"มีใครที่สามารถถือพลังของฮีโร่ได้ไหม?"
"ไม่เลยพวกมันหายไปหมดแล้ว เราต้องรอการเกิดใหม่!"
"ก่อนอื่นฆ่ามัน! คว้าสิ่งที่เป็นของเรามา"
ดูเหมือนว่าเหมือนว่าในท้ายที่สุดพวกมันก็ได้ข้อสรุปแล้ว ทั้งมนุษย์สัตว์และมอนสเตอร์ มนุษย์ ที่ถูกควบคุมโดยเอลพาทิสได้มองมาที่ฉัน ยังไงก็ตามฉันได้เก็บพลังของฮีโร่ลงไปในขวดแก้วอย่างสบายๆและปิดผนึกมันไว้ จากนั้นฉันก็หันกลับไปและตะโกนออกมา"
"เร็น เลอบิค ธุระของเราที่นี่จบแล้วกลับกันเถอะ"
"ท่านเร็นเป็นลม"
"ตบเขาให้ตื่น! กลับไปที่ดันเจี้ยนก่อนพวกนั้นจะมา"
"แล้วนายล่ะ"
"ฉันหรอ"
สำหรับการทำลายศัตรูของโลกทักษะทั้งหมดของฉันได้เพิ่มขึ้นมา 1 ย้อนกลับในตอนนี้เป็นเลเวล 9 แล้ว ถ้าหากฉันใช้แต้มทักษะ 16 แต้มกับมันฉันก็ได้พบกับคำตอบแล้ว
"ฉันจะกลับไปที่โลกพร้อมเด็กๆ"
[ท่านได้เชี่ยวชาญทักษะย้อนกลับ! คุณสามารถจะเทเลพอตไปในที่ๆตั้งเอาไว้ได้พร้อมกับคนอื่นๆอีก 9 คนเป็นจำนวนสิบครั้งต่อวัน คุณสามารถตั้้งสถานที่เทเลพอตได้ 10 สถานที่ แต่ว่ามันไม่สามารถตั้งได้ในมิติอื่น]
สมบูรณ์แบบ ทักษะนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ฉันได้ยิ้มออกมาและพุ่งไปบนท้องฟ้า หลังจากเห็นเลอบิคปลุกเร็นจนตื่นและกลับไปดันเจี้ยน ฉันก็ได้บินไปที่มหาสมุทรในขณะที่ฟันเหล่ามอนสเตอร์ที่ขวางทาง
"หยุดเขาซะ! เอาพลังของฮีโร่คืนมา"
"เรียกความรุ่งเรืองของเอลพาทิสคืนมา"
"แด่เอลพาทิส"
น่ารำคาญ ในขณะที่มอนสเตอร์จำนวนมากได้หล่นลงไปบนพื้นในตอนเป็นหิน จำนวนของพวกมันก็ยังอ่อนแอไปเล็กน้อยในขณะที่พุ่งเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ พวกมันหมดหวังแล้วจริงๆ
"แกขโมยความหวังพวกเราไป!"
"แกมันไอฮีโร่ชั่ว"
"ฉันประหลาดใจมากเลยนะที่นายพูดแบบนั้นทั้งๆที่ทำแบบเดียวกันกับโลกใบนี้"
"นายจะพูดแบบนั้นหลังจากโลกของนายเสียพลังไป!?"
"แน่นอน ฉันดูเหมือนคนโง่งั้นหรอ? กินนี่ซะเจ้าพวกแมลง เสียงคำรามสีชาด"
ในตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือศูนย์กลางของโลก! ทั้งโลกได้ถูกย้อมเป็นสีแดงเพลิง ในนั้นฉันสามารถหายใจได้อย่างอิสระ
[ก๊าซซซซซซซซ]
[จับมัน]
[จับมันไว้ก่อนที่จะเข้าดันเจี้ยน]
[มหาสมุทร มันไปที่มหาสมุทร]
เสียงคำรามสีชาดได้ซื้อเวลาได้มากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ในตอนนี้เอลพาทิสได้มองผ่านเปลวเพลิงมาหาฉัน ฉันได้มาถึงผิวมหาสมุทรแล้ว ในตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องลังเลใจเลย
[ไม่!]
[ม่ายยยยยยยย!]
"ใช่สิ"
ฉันได้ดำลงไป ด้วยธาเลเรียทำให้ฉันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ฉันได้ดำลึกลงไปเรื่อยๆ เมื่อฉันได้มองกลับไป มอนสเตอร์ มนุษย์ และมนุษย์สัตว์กำลังทิ้งตัวลงมาเพื่อหยุดฉันได้พ่นเลือดออกมาและแหลกสลายไป แม้ว่าฉันจะสงสัยมากก็ตาม แต่ฉันก็ไม่มีทางหาคำตอบได้ว่าทำไมมันถึงแพ้น้ำทะเล
ฉันได้ปล่อยเสียงกรีดร้องของความสิ้นหวังไว้ด้านหลังและดำลึกลงไปหาถ้ำคริสตัลในน้ำ มันไม่ยากนักที่จะหาไอก้นธ์ที่ดำน้ำอยู่ใต้มหาสมุร ถ้ำคริสตัลก็อยู่บนหลังของไอกันธ์
เดซี่ได้มองมาที่ฉันและตระหนักได้ถึงสิ่งที่อยู่ในขวดคริสตัลบนมือฉัน เธอได้สงข้อความมาหาฉันด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
[นายทำมันได้...จริงๆ]
[เสียใจด้วยนะ แต่ว่าอย่าตกหลุมรักฉันล่ะ]
[งี่เง่า]
ฉันได้ลงไปบนหลังของไอกันธ์และเข้าไปในถ้ำคริสตัล เด็กๆทั้งหมดได้กระโดดเข้ามาโอบกอด ฉัน เด็กสาวหูกระต่ายเอลฟ่าได้ร้องออกมาในขณะที่เช็ดน้ำตาบนหน้า
"ฮิค หนูคิดว่าพี่จะตายแล้วซะอีก"
"พี่ แล้วพี่เร็นล่ะ?"
"พี่อัศวินอยู่ไหนหรอ"
"พวกพี่เขาตายแล้วหรอ พี่เร็นตายแล้วหรอ ว๊ากกกก"
"ใจเย็นก่อนเจ้าหนู"
ฉันได้กอดพวกเขาไว้และทำให้พวกเขาใจเย็นลง
"พวกนั้นทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัย แม้ว่า...เร็นจะหดหู่เล็กน้อยก็ตาม
ก่อนที่เร็นจะเข้าไปในดันเจี้ยน ฉันเห็นหูที่ตกลงของเขา การประจักษ์แห่งไดฟิคและพลังโอเกอร์คือไพ่ตายที่เขาซ่อนไว้ แต่ว่ามันได้ถูกเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะทรงพลังแต่ว่าศัตรูของเขาไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถจะเอาชนะได้ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว
อย่างที่ฉันพูดไปฉันก็ยังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งและรู้สึกได้ถึงศักยภาพที่มากมายในตัวเขา
แม้ว่าแม้ว่าบุคลิกที่บ้าคลั่งของเขาจะต้องแก้ไขสักหน่อย เร็นก็ยังมีพรสวรรค์และแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ เขายังมีเป้าหมายที่ชัดเจนอีกด้วย เพื่อช่วยเด็กๆและเอาชนะเอลพาทิสที่ควบคุมโลกของเขา
เขาน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมและฉันก็มีพลังของฮีโร่ที่ไม่มีเจ้าของอยู่ในมือซึ่งฉันไม่คิดที่จะมอบมันให้คนอื่นที่ฉันไม่รู้จักแน่ๆ พลังนี้เป็นอำนาจของทั้งทวีปพาแนน สิ่งที่ฉันคิดมันไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือสิ่งที่ถูก
"และฉันก็จะทำให้เขากลายเป็นสมาชิกกิลด์คนใหม่ด้วยเหมือนกัน"
"การแสดงออกที่ชั่วร้าย"
ฉันได้ตอบเสียงบ่นของเดซี่ไปด้วยรอยยิ้ม เด็กๆที่ร้องไห้อยู่ได้มองมาที่เดซี่และฉันอย่างสงสัย ฉันได้โบกมือให้พวกเขาว่าไม่มีอะไร
"เอาล่ะ ไปที่บ้านของพี่กันเถอะ พวกเราจะได้ไปพบกับเร็นและเลอบิคที่นั่น"
"บ้านของพี่หรอ พวกเราไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้น้ำหรอกหรอ?"
"แน่นอนสิ พวกเราสามารถจะออกไปจากที่นี่ได้พักหนึ่ง"
"ในวันที่พวกเธอกลับมาที่ทวีปแห่งนี้ ฉันหวังอย่างมากเลยนะว่าพวกเธอจะกลายเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยม"
ฉันได้กระซิบออกมาเบาๆและใช้ทักษะย้อนกลับ จุดหมายปลายทางคือบ้านของฉันบนโลก ภารกิจทหารรับจ้างต่างมิติในทวีปพาแนนได้จบลงไปแล้ว