บทที่ 196 - วิญญาณสัมบูรณ์ (8) [02-07-2020]
บทที่ 196 - วิญญาณสัมบูรณ์ (8)
”
"นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันคิดเอาไว้แล้วนะ"
"แม้ว่าฉันไม่สามารถจะเอาชนะได้ แต่ว่าก่อนหน้านั้นนายจะต้อง... ตัดสินใจซะ"
ไอกันธ์ได้หยุดอยู่กลางอากาศอย่างเร่งรีบ เดซีได้มองมาที่ฉันและกดดันให้ฉันตัดสินใจ สิ่งที่เธอรออยู่มันไม่ต้องสงสัยเลยก็คือการทอดทิ้งเด็กหนึ่งคนและพาที่เหลือหนีไป
ยังไงก็ตามฉันไม่ต้องการแบบนั้น คุณค่าของชีวิตมันไม่ใช่สิ่งที่วัดกันได้ นอกจากนี้...
ฉันได้ละสายตาไปจากเดซี่และมองที่เร็น สายตาของเขาได้จ้องไปที่ฮีโร่ของทวีปพาแนน มือที่ถือเครมอของเขาได้กำแน่นและสั่น ในขณะเดียวกันเลอบิคเธอก็แสดงท่าทางที่ขัดแย้งกับตัวเอง แต่ว่าหลังจากที่ได้เห็นเร็นเธอก็ได้ตั้งท่าเตรียมสู้ด้วยท่าทางที่แน่วแน่น เธอได้พูดออกมาด้วยเสียงแข็งๆ
"ก่อนที่หัวของฉันจะหลุดจากบ่า... ท่านเร็นจะต้องไม่ตาย"
"อย่าได้พูดไร้สาระเลอบิค ทุกคนจะต้องรอด"
"มาแล้ว"
เดซี่ได้แสดงความเห็นสั้นๆออกมาในทันทีตามหลังคำพูดของเร็น ในทันทีหลังจากนั้นแสงได้กระพริบบนพื้นและส่วนหนึ่งของไอกันธ์ก็ได้พังลงไป มันเป็นมานาจำนวนมหาศาล
"ออร่าบริสุทธิ์...!? ความแข็งแกร่งที่โหดร้ายแบบนี้มันคืออะไรกัน!?"
"อึก ควมแข็งแกร่งของพ่ออยู่เหนือยิ่งกว่าจินตนาการของเรา แต่ถึงแบบนั้นพ่ออยู่ในแผนที่จะใช้ต่อต้านเจ้าชายในวันนี้ ไอเวรเอ้ย...!"
"เดซี่ไอกันธ์เป็นเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป ย้ายเด็กๆไปบนหลังของล็อทเต้"
"ออร่านั่นมันเร็ว! สิ่งที่มีชีวิตจะยิ่งเป็นอันตราย"
[ฉันคือราชินีของไวเวิร์นปีกทมิฬล็อทเต้! อย่าได้ดูถูกฉันนะเอลฟ์]
ล็อทเต้ได้เปลื่ยนร่างไปเป็นไวเวิร์นอย่างรวดเร็วและงับเด็กอย่างรวดเร็วพร้อมโยนไปบนหลังของเธธอ ฉันก็ยังช่วยเธอย้ายเด็กๆไป
"เดซี่เปิดทางด้วยอันเดตของเธอ เราจำเป็นจะต้องมุ่งตรงไปสู่มหาสมุร เร็น เลอบิคไปบนหลังล็อทเต้และคุ้มกันเด็กๆ"
"แล้วเจ้าชายล่ะ!"
ฉันได้ยกหอกโกลาหลของฉันชึ้นและทำให้วังวนของเพลิงโกลาหลและออร่าฮีโร่ปรากฏขึ้นรอบๆ
"ฉันจะหยุดฮีโร่"
"ด้วยการประจักษ์แห่งไดฟิคหรอ?"
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงก็ตามมันยังไม่ถึงเวลา แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะไปในทางที่เรวร้ายทางหนึ่ง แต่ว่ามันยังไม่ได้จบสิ้นลง นอกจากนี้ฉันยังต้องการเก็บเพรูต้าและการประจักษ์แห่งไดฟิค ฉัน....
ฉันได้ยิ้มออกมา
"พวกนั้นก็พยายามจะฆ่าฉันเหมือนกัน นั่นมันเห็นได้ชัดเลยว่านายคิดว่าจะเด็ดหัวของพวกนั้นออกมาก่อน"
"เจาชาย คุณกำลังบอกว่าจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อหรอ!?"
"โอ้ นายนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะเร็น"
ใช่แล้วพวกมันเล็งเป้ามาที่ฉัน ไม่เช่นนั้นพวกมันก็คงไม่ส่งคนที่รอดคนสุดท้ายออกมา พลังของฮีโร่จะต้องมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่จะควบคุมได้เท่านั้น นั่นมันก็แน่นอนเลยว่าเอลพาทิสกำลังควบคุมฮีโร่จากภายใน
"มันอันตรายเกินไป"
"ถ้านายมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการช่วยเด็กๆให้ปลอดภัยก็บอกมสิ"
แน่นอนว่ามันไม่มีววิธีแบบนั้น ฉันได้ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับเดซี่ที่กำลังจ้องมาที่ฉัน
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะไม่ตายจนกว่าจะช่วยโลกของเธอ"
นักรบที่ดีจะต้องมีจิตใจที่เยือกเย็นและหัวใจที่เร่าร้อน นายใจร้อนมากเกินไปสำหรับทั้งสองอย่าง ในฐานะนักรบนายนั้นเป็นรอง"
"ฉันรู้ในความผิดพลาดของตัวเอง นี่เรามันไปซะ มันคือถ้ำคริสตตัล ด้วยสิ่งนี้เด็กๆก็น่าจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้อย่างปลอดภัย"
"ฉันจะไม่ยอมรับมัน"
ในเวลานั้นเองแสงก็ได้พุ่งออกมาจากพื้นอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ไอกันธ์ได้้กางกำแพงแสงเอาไว้ในบริเวณที่ถูกโจมตี แต่ว่ามันนั้นไม่ได้ผลเลยสักนิด
"เดซี่เร็นเข้า"
"....อูวว ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ฉันจะอัดนาย"
เมื่อไม่สามารถเอาชนะความดื้นรั้นของฉันได้ เดซี่ก็ได้บ่นออกมาและหยิบเอาถ้ำคริสตัลไป จากนั้นเธอก็อัญเชิญกองทัพอันเดตออกมาจากช่องเก็บของของเธอ
"เปิดทางมุ่งตรงสู่มหาสมุทร"
[ก๊าซซซซซซซซ]
[ก๊าซซซซซซซซ]
ในเวลาเดียวกันนักรบบนพื้นก็ตะโกนออกมาเป็นสัญญาณของการเริ่มส่งคราม
"ยินดีต้อนรับฮีโร่จากโลกอื่น"
"ย๊ากกกกกกกก"
"ก๊าซซซซซซซ"
ฉันได้กระโดดออกไปจากหลังไอกันธ์อย่างไม่ลังเล ฉีนได้อัญเชิญธาเลเรียออกมาและเร่งความเร็วขึ้นในขณะที่แทงหอกใส่มอนสเตอร์ในระหว่างทางไปเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันฉันก็ใช้อีกหนึ่งพลังของเฮฮมีส คะดูเซียส!
[คุณได้อัญเชิญคะดูเซียส พลังทางกายภาพทั้งหมดจะถูกกระตุ้น งูทั้งสองได้เปิดตาออกมา คุณสามารถจะใช้พลังของงูได้เพียงแค่หนึ่งเดียว]
ในครั้งล่าสุดฉันได้ใช้พลังการทำลายของงูดำ ยังไงก็ตามงูตัวตัวนี้จะนำผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามออกมาถ้าหากฉันใช้มันในตอนที่ศัตรูมีเลเวลที่มากกว่าฉัน แม้อย่างนั้นฉันก็ยังคงเลือกที่จะใช้งูดำ
ในขณะนั้นงูดำก็ได้เลื่อยออกมาพันแขนของฉันอย่างช้าๆพร้อมกับมีเสียงดังออกมาจากด้านหลัง
"ย๊ากกกก"
"อึก ท่านเร็น!"
ฉันได้หันไปมองด้วยความสงสัยในสายตา เร็นได้ตกลงมาพร้อมๆกับฉัน แน่นอนเลอบิคก็ตามมาด้วย
"พวกเธอทั้งสองคนกำลังจะทำอะไร"
"แค่คุณแอคทราเดี่ยนก็มากพอที่จะคุ้มกันเด็กๆแล้ว! เจ้าชายคิดว่าฉันไม่ได้สังเกตุเห็นหรอว่านายพยายามจะกันเราออกจากอันตราย! นี่คือโลกของฉัน ถ้าเจ้าชายรับภาระทั้งหมดไปเองและจบลงด้วยความตาย ฉันก็คงไม่มีหน้ามามีชีวิตอยู่ในฐานะนักรบอีกต่อไป"
"ท่านเร็น"
นี่มันงี่เง่ามาก! คำพูดที่เหลวไหลของเขาเกือบจะทำให้ฉันตะโกนออกเพื่อใส่เค้าเพื่อหยุดการทำเหมือนกับเด็กๆ ยังไงก็ตามออร่าสีทองได้ลอยมาทางฉันและทำให้ฉันต้องหยุดความคิดนี้ออกไปจากหัว
"ครั้งต่อไปมันจะเล็งไปที่เพื่อนของนาย"
ไอเวรนี่มันรู้ว่าฉันกำลังพยายามจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ฉันได้กัดฟันแน่นและจ้องไปที่เอลพาทิสที่กำลังโบกเคลย์มอร์อย่างสบายๆ ไม่เพียงแค่มันจะฆ่าคือโร่และขโมยพลังของฮรีโร่เท่านั้น มันยังรู้สึกสนุกกับการใช้พลังของฮีโร่ราวกับเป็นพลังของมันเอง ศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าของฉันมันไม่ใช่นักรบ มันเป็นเพียงแค่แมลง แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแมลงที่ทรงพลัง
"แมลงอย่างแกกล้าที่จะทำให้ชื่อเสียงของนักรบที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ต้องเสื่อมเสีย! ย๊ากกกก!"
ก่อนที่ฉันจะลงถึงพื้น เร็นได้คำรามออกมาและเหวี่ยงเคลย์มอร์ใส่พื้น พื้นดินได้ร้าวและหินก็พุ่งออกไปใส่มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆพวกเรา นั่นมันเอ้าเบิร์ส แม้ว่าเร็นจะใส่เกราะของดูลาฮานอยู่แต่ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไป
จากนั้นเร็นก็ได้ถอยชุดเกราะออกและโยนมันออกไป ภายใต้นั้นคือชุดเซ็ตของโอเกอร์สองหัว ใช่แล้วไม่ว่าจะใส่สักกี่ฉัน แต่จะมีเกราะเพียงตัวเดียวที่ถูกยอมรับว่าเป็นเพราะจริงๆ ดังนั้นเร็นจึงใส่ชุดเกราะโอเกอร์สองหัวซึ่งทำมาจากหลังอยู่ภายใต้เกราะเหล็กของดูลาฮาน ด้วยแบบนั้นเซ็ตดูลาสฮานจึงแสดงผลออกมา แต่ว่าเมื่อเขาถอดมันออก เซ็ตโอเเกอร์สองหัวก็จะทำงานต่อมาในทันที
การถอดเกราะออกมามันดูน่ารำคาญเล็กน้อย แต่ว่าแน่นอนเลยมันคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักสำรวจที่ไม่มีนาฬิกาพกพา ยังไงก็ตามมันก็ไม่มีทางมากพอจะเอาชนะเอลพาทิส ฉันยังคงรีบลดระดับลงไปตามหลังมาด้วยเลอบิค
"อย่าขวางทาง...ฉัน"
บนท้องฟ้าเสียงตำโกนของเดซี่ได้ดังออกมา กองทัพอันเดตได้ส่งเสียงขึ้นมาและใช้ทักษะของพวกมันกวาดพวกมอนสเตอร์ที่บินอบู่ออกไป แม้ว่ากองทัพบนพื้นดินของเอลพาทิสจะดูไม่สะดวกสบายนัก แต่ว่าพวกมันก็ต่างโฟกัสมาที่บวกเรา อึก ให้ตายสี ไอออร่าสีทองนั่นลอยเข้ามาใส่เราอีกแล้ว
[คุณได้รับบาดเจ็บจากออร่าที่ทรงพลังยิ่งกว่า มันจะเป็นการยากที่จะรักษาบาดแผลตามธรรมชาติหรือโพชั่นตามปกติ]
แม้ว่าฉันจะหลบมัน แต่ฉันก็ยังคงได้รับความเสียหาย ฉันได้กัดฟันและและโคจรวงจรเพรูต้าในขณะที่ลงไปถึงพื้น ศัตรูกำลังหัวเราะอยู่ในจุดที่ไม่ไกลไปจากฉัน
"การประจักษ์แห่งไดฟิค" [คำว่า การประจักษ์แห่งไดฟิคออกเสียงเหมือนกับคังชิน]
"ทำไมนายถึงมาเรียกชื่อฉันในตอนนี้ เร็น...?"
ในขณะที่ฉันมัวแต่สนใจกับศัตรูอย่างสมบูรณ์ฉันก็ไม่ได้หันกลับไปมองเร็นที่เรียกฉัน ยังไงก็ตามเขาไม่ได้ตอบกลับมา จากนั้นมานาในอากาศก็เริ่มถูกเผา เดี๋ยวนะ นี่มัน...!?
"ย๊ากกกกกกกกกก"
เร็นได้คำรามออกมาอย่างรุนแรง เสียงคำรามของเขาเต็มไปด้วยมานาทำให้แม้แต่หูของฉันก็วิ้งออกมาและทำให้ศัตรูสับสน ฉันได้ใช้โอกาสนี้มองไปไกลๆ ซึ่งในตอนที่พวกมันได้สบตาของฉันจำนวนของศัตรูนับไม่ถ้วนก็ได้กลายเป็นหิน
"ฮ่าห์ มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ขี้ขลาดมากเลยนะสำหรับคนที่เรียกตัวเองว่าฮีโร่"
"ตัดหัวมันซะ โจมตี!"
"ก๊าซซซซ"
"อึก ท่านเร็น"
เร็นได้พุ่งไปถึงพื้นก่อนหน้าของฉัน ออร่าสีทองได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาราวกับว่าแผงคอสิงโตพองขึ้น มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้เปิดใช้งานทักษะการประจักษ์แห่งไดฟิค ถ้าเขาเคลียร์ชั้นที่ 5 ด้วยตัวคนเดียว เขาก็จะต้องมีทักษะนี้อย่างแน่นอน
"ฉันก็จะจัดการแกเหมือนกันเจ้าลูกหมา! ทวีปพาแนนจะต้องเป็นของเราเอลพาทิส"
"ก๊าซซซซซ"
เร็นดูแปลกไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมีนิสัยเป็นสัตว์ป่า แต่ว่าเร็นไม่เคยคำรามออกมาแบบนี้ เร็นนายอัญเชิญอะไรออกมากัน!? นอกไปจากนี้จำนวนออร่าที่ปกคลุมเคลย์มอร์ของเขาก็มากพอจะเทียบได้กับฮีโร่
"ฮึ่ม เจ้าสัตว์ป่า"
เคลย์มอร์ที่อยู่ในมือเอลพาทิสได้ปะทะกับเคลย์มอร์ของเร็น มันดูเหมือนว่ามันจะแพ้ความแข็งแกร่งของเร็นทำให้มันถอยหลังไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันฉันก็ได้พุ่งไปด้านหน้า เลอบิคก็พุ่งตามมาด้วยท่าทางที่เข้มงวดที่ฉันไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"ฉันจะไม่ยอมให้ท่านเร็นตาย!"
"ฮ่าาาาาาาาห์"
[คุณได้ใช้เสียงคำรามเยือกแข็ง! ศัตรูทั้งหมดในสนามรบจะถูกแช่แข็ง พรรคพวกทั้งหมดจะอยู่ในสถานะสุดยอดเกราะชั่วคราวและมีพลังเพิ่มขึ้น 50% โอกาสโจมตีติดคริติคอลเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อโจมตีศัตรูที่ได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามเยือกแข็ง]
ในตอนที่ฉันได้ใช้เสียงคำรามเยือกแข็งเพื่อช่วยให้เร็นได้โจมตี ศัตรูทั้งหมดในสนามรบก็ได้ถูกแช่แข็ง ด้วยความต้านทางที่ต่ำในขณะที่พวกมันถูกแช่แข็งหลายตัวก็ได้ถูกพลังของดวงตามารเปลื่ยนให้เป็นหิน ยังไงก็ตามเอลพาทิสอยู่ภายในร่างกายของฮีโร่ศัตรูของโลกมันไม่ได้ผลกระใดๆ มันได้หลุดออกมาจากผลของเสียงคำรามเยือกแข็งได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเร็นก็ได้คำรามเหมือนกับสัตว์ป่าราวกับว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยเสียงคำรามของฉัน
"กรรรรรรรรรรร!"
[เสียงคำรามแห่งสิงโตทองคำทำงาน! ศัครูทั้งหมดที่มีความต้านทานต่ำกว่าระดับ SS จะสลบลงไปชั่วคราว ทุกคนที่มีออร่าแห่งสิงโตทองคำพวกเขาจะโจมตีเพิ่มขึ้นสามเท่าในหนึ่งครั้ง! บรรดาผู้ที่ติดตามสิงโตทองคำจะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นสองเท่าหนึ่งครั้ง]
ทันใดนั้นเคลย์มอร์ของเร็นก็ได้ส่องแสงออกมาราวกับจะผ่าสวรรค์ เขาได้เหวี่ยงดาบลงไป ยังไงก็ตามศัตรูของโลกได้ส่งเสียงออกมาและรับการโจมตีนี้ด้วยเคลย์มอร์ของมัน โลกได้สั่นสะเทือนราวกับจะพังลงและร่างกายของเร็นก็ได้ถูกผลักกลับไป ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในสถานะสุดยอดเกราะงั้นหรอ!?
"เลอบิค"
"ไม่ต้องห่วง"
เลอบิคได้เร่งความเร็วขึ้นและเข้าไปรับเร็น ให้ตายสิ มันรับการโจมตีที่เสริมพลังด้วยเสียงคำรามเยือกแข็งและทักษะเฉพาะตัวได้แบบตรงๆ มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน!? ไม่สิกลับกันถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันเป็นไปได้ที่เร็นและเลอบิคจะต้องตาย
"พายุธาตุ"
ยังไงก็ตามในขณะที่ศัตรูกำลังยุ่งกับการรับดาบของเร็น ฉันก็ได้จัดการโจมตีพวกของมันด้วยทักษะวงกว้าง ด้วงทั้งทักษะเสียงคำรามเยือกแข็ง ดวงตามาร และพายุธาตุ กองทัพของมันได้ลดน้อยลงไปมากที่เดียว ศัตรูเพิ่งจะรู้ตัวในตอนที่ผลักเร็นกลับไป
"นายกล้าที่จะโจมตีลูกน้องของฉันเหมือนกับพวกหนูนั้นหรอ!"
"ถ้าฉันเป็นหนู แกก็คงจะเป็นหมัดแหละ สำหรับคนที่ขโมยร่างของคนอื่น ฉันแน่ใจได้เลยว่าแกกำลังหวาดกลัวถึงได้พากองทัพของแกมาด้วย"
"ฮ่าห์"
มันได้ยิงออร่าสีทองที่หน้าหวาดกลัวออกมา การโจมตีนี้มันไม่สามารถจะหลบได้ด้วยการเคลื่อนไหวธรรมดา ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลบไปไกลๆ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เอลพาทิส ฉันจะไม่ปล่อยให้มันสู้กับเร็น ดังนั้นนี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันทำได้....
ในเวลานั้นเองเดซี่ก็ได้สงข้อความมาหาฉัน มันเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ
[เรียบร้อยแล้ว! เด็กๆอยู่ใต้น้ำ]
[เสียงที่เธอทำมันเหมือนกับเธอกำลังจมน้ำนะ]
ไกลออกไปฉันสามารถจะเห็นร่างกายที่ใหญ่โตของไอกันธ์กำลังลงไปในน้ำ มอนสเตอร์บินได้โจมตีไปที่ไอกันธ์อย่างรุนแรงในก่อนหน้านี้ได้เสียเป้าหมายของมันและเริ่มโจมตีอันเดตตัวอื่นๆที่อยู่บนท้องฟ้า
เพราะแบบนี้ฉันจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เยี่ยม! ภารกิจของฉันสำเร็จแล้ว! สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้...!
เมื่อฉันได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดแบบนี้ เคลย์มอร์ขนาดใหญ่ก็ได้เจาะท้องของฉัน เบื้องหน้าของฉันมีมนุษย์ที่เป็นสิงโตทองคำอยู่ด้านหน้า ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ทรงพลังได้จากมันและมองเข้าไปในดวงตาของมันโดยไม่ตั้งใจ
"คุหุหุ ฉันเล็งรอจังหวะที่นายลดการ์ดลง นายจะไม่ผ่อนคลายเกินไปหน่อยหรอฮีโร่? นายคือเป้าหมายของเรานะ"
"อึก....ให้ตายสิเอาอีกแล้ว น่าอึดอัดอะไรแบบนี้....!"
เมื่อเห็นการปะทะของเร็น ความประทับใจที่ฉันได้รับคือพลังที่มหาศาลของเขา ซึ่งนั่นคือข้อผิดพลาดสำคัญของฉัน แม้ว่าฉันจะอยู่ภายใต้ผลของความเร็วศักดิ์สิทธิ์ มันกยังเข้ามาถึงตัวฉัน ฉันได้เห็นพลังชีวิตของฉันกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ในท้ายที่สุดทักษะไม่ยอมตายก็ถูกใช้งานอีกครั้ง นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ทักษะไม่ยอมตายได้ถูกใช้งานบ่อยแบบนี้ มันเป็นครั้งที่สองแล้วนับตั้งแต่ที่ฉันมาโลกนี้ อาชีพทหารรับจ้างต่างมิตินี่มันเสี่ยงภัยจริงๆ
"หุหุ ในคราวนี้นายไม่สามารถจะบินหนีไปแบบที่นายทำงั้นหรอฮีโร่?"
"แกรู้"
"นั่นเป็นความพิเศษของเอลพาทิส นายรู้ไหมฉันสามารถสื่อสารกันเองได้ รู้จักศัตรูและรู้จักตัวเอง และนายไม่จำเป็นต้องกลัวผลลัพธ์ของการนับร้อยๆครั้ง มันไม่ใช่ว่าเป็นกฏพื้นฐานที่สุดหรอ?"
"แล้วไงล่ะ?"
"หลับไปซะ เมื่อนายตื่นขึ้นมา ในหัวของนายจะไม่มีอะไรอีกนอกเหนือไปจากความสุข"
เอลพาทิสได้บิดดาบของมัน ในเวลาเดียวกันแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้คลานออกมาจากเคลย์มอร์และพยายามเข้าไปในท้องของฉัน ให้ตายสิแม้ว่าฉันจะคิดเอาไว้แล้วก็ตามเถอะ ก่อนที่แมลงเหล่านั้นจะเข้าไปในร่างกายของฉัน ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ
"คะดูเซียสทำงาน!"
[เลเวลของเป้าหมายนั่นสูงยิ่งกว่าคุณอย่างมหาศาล! การโจมตีทางกายภาพของเป้าหมายจะถูกเขียนทับ เป้าหมายในปัจจุบันจจะถูกกัดกร่อนด้วยการดำรงอยู่ที่ไม่รู้จัก! เตรียมพร้อมสำหรับการกัดกร่อน]
เมื่อได้ยินข้อความที่ไร้ความหวังฉันได้ยิ้มออกมา ข้อความของพี่สาวเป็นห่วงเกี่ยวกับฉัน
"ด้วยแบบนี้พวกเราเอลพาทิสจะมีพลังของฮีโร่ถึงสอง----"
การประกาศออกมาอย่างมีความสุขจู่ๆก็หยุดลง ในเวลาเดียวกันร่างกายของฮีโร่ก็ล้มลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรว มีบางสิ่งบางอย่างกำลังดัดในหัวของฉัน.... และตัวตนของศัตรูในโลกนี้ได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง
[คุณได้เอาชนะศัตรูของโลกในทวีปพาแนน! ยังไงก็ตามถ้าหากคุณไม่กำจัดเมล็ดพันธ์ทั้งหมด ศัตรูตัวอื่นอาจจะปรากฏตัวขึ้นอีก]
ข้อความที่ปรากฏขึ้นมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าศัตรูของโลกได้หายไปแล้ว นอกจากนี้บอลแสงก็ได้ลอยอยู่เบื้องหน้าของฉันซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือพลังของฮีโร่
ทันใดนั้นทั้งสนามรบก็กลายเป็นเงียบสงัดและสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนก็มองมาที่ฉัน ฉันได้รับสายตาเหล่านั้นและพูดออกมา
"เป็นไปตามแผน"