ตอนที่ 93 ภาพลวงตาหยินหยาง
บูมมม!
รอยประทับฝ่ามือของเฟิงหลินกลายเป็นแส้ เขาฟาดแส้อย่างดุดันราวกับว่าเขาเป็นผู้ควบคุมจักรวาลนี้ นั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง
ไท!
หลังจากเคลื่อนไหวหนึ่งครั้ง ท่าทางของเฟิงหลินก็เปลี่ยนไป ฝ่ามือของเขาแปรเป็นรอยประทับค้อนพลิกฟ้า และทุบอย่างไร้ความปราณี มันคล้ายกับเสาสวรรค์ในตำนาน
บรื้ออ!
รอยฝ่ามือของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง นิ้วเขาเหยียด หนึ่งคือหยางและอีกหนึ่งคือหยิน หนึ่งคือดวงอาทิตย์และอีกหนึ่งคือดวงจันทร์ มือของเขาเปลี่ยนไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
อัง!
มือของเขาเหมือนภูเขา เขายกพวกมันขึ้นสูง การเคลื่อนไหวของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาเหมือนกับภูเขาที่สูงส่งและสง่าผ่าเผย ...
พวกมันคือรูปแบบต่างๆของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน
อย่างไรก็ตามเฟิงหลินไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้เขา ตอนนี้เขาพยายามที่จะสัมผัสถึงพลังรอยประทับฝ่ามือ
หลังจากดูโมดูลการศึกษาขั้นพื้นฐานเรื่องการสะกดจิตพันธุกรรม เฟิงหลินก็ได้เรียนรู้ทฤษฎีและเทคนิคการสะกดจิตขั้นพื้นฐานบางอย่าง เขาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก
หนึ่งในเทคนิคคือการใช้ท่าทางมือเพื่อกระตุ้นการสะกดจิตโดยใช้คลื่นไร้รูปร่างเพื่อเขย่าหัวใจของเป้าหมาย ผ่านแนวป้องกันทางจิตวิทยาของเป้าหมาย
และอย่างที่รู้ พูดถึงท่าทางมือ เขาบังเอิญมีรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนพอดี ทำไมเขาจะไม่ใช้มันล่ะ?
เมื่อเขาใช้รอยประทับฝ่ามือ กลิ่นอายพวกมันไม่ธรรมดา และมีอิทธิพลต่อหัวใจของผู้อื่น ก่อนที่พลังจากรอยประทับจะส่งออกมา ลักษณะที่น่าประทับใจก็ทำให้หัวใจของผู้อื่นสั่นคลอนแล้ว และได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องต่อสู้
แต่นี่เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้โบราณ เขาไม่มีปัญหาในการเขย่าหัวใจเป้าหมาย แต่ถ้าเขาต้องการที่จะบรรลุผลการสะกดจิตจริงๆ เขาก็ยังจำเป็นต้องรวมการใช้เทคนิคพลังงานจิตและวิธีอื่น ๆ
เฟิงหลินออนไลน์อีกครั้งเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเฉพาะในการใช้รอยประทับเพื่อสะกดจิต ท่าสะกดอสูรจากพุทธศาสนา, ท่าราชสีห์, สายฟ้าห้าสวรรค์จากลัทธิเต๋า, การระบำขอฝน และแม้แต่ท่าอธิษฐานจากศาสนาคริสต์ - เขาต้องการที่จะรวมพิธีกรรมของศาสนาต่างๆเข้าด้วยกัน
แม้ว่าการใช้งานทั้งหมดจะเหนื่อยมาก แต่เขาจะไม่ผิดหวังตราบใดที่เขาสามารถหาวิธีควบคุมจิตใจได้
เฟิงหลินยิ่งเข้าใจรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนลึกซึ้งมากขึ้น และเขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะคิดออกอย่างแจ่มชัดภายในระยะเวลาอันสั้น ความสามารถของมันในการรวมแก่นแท้ของวิชาน่ากลัวเกินไป
นี่คือศิลปะการต่อสู้ที่จะพัฒนาขึ้นเมื่อผู้ฝึกฝนแกร่งขึ้น ในปัจจุบันความสามารถที่เขาปลดปล่อยได้จากการใช้นั้นอาจไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพมากนัก แต่ก็มีศักยภาพไม่สิ้นสุด
เฟิงหลินลอบดีใจ เขาโชคดีพอที่จะได้รับศิลปะการต่อสู้นี้ ทำให้เขาสามารถเพิ่มเทคนิคของเขาได้อย่างมาก
เขาใช้รอยประทับฝ่ามือเป็นภาษากาย - กระตุ้นให้เกิดการสะกดจิต - เขาทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เฟิงหลินไม่มีใครให้ทดลอง เขาทำได้เพียงยืนอยู่หน้ากระจกและพยายามสะกดจิตตัวเอง
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากมากที่จะสะกดจิตตัวเอง เพราะตัวเองรู้อยู่แล้วว่าจะถูกสะกดจิต ธรรมชาติในใจของเขาจะป้องกันการสะกดจิตโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงยากที่การสะกดจิตจะประสบความสำเร็จ
มันเหมือนกับการใช้มือของตัวเองยกตัวเองขึ้น มันขัดแย้งกับตรรกะและยากที่จะทำได้
มีเพียงนักสะกดจิตระดับสูงเท่านั้นที่จะทำได้
เฟิงหลินไม่ได้หลอกตัวเองว่าเขาจะทำได้ในครั้งเดียว เพราะเขาไม่มีเป้าหมายให้ฝึก เขาจึงต้องฝึกด้วยตัวเองเท่านั้น
หากเทคนิคการสะกดจิตนี้สำเร็จเพียงเล็กน้อย มันก็ชี้ให้เห็นว่าการใช้กับคนอื่นย่อมรุนแรงกว่า
เมื่อหันหน้าไปทางกระจก เขาก็สูดหายใจลึก เลิกคิดฟุ้งซ่าน ตัดเสียงรอบข้าง เหลือแต่ความเงียบ
เฟิงหลินเน้นพลังงานจิต และรับรู้การเปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะพลังชีวิต การหายใจ การเต้นของหัวใจ ชีพจรและความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและอารมณ์ของเขา
ทันใดนั้นเขาก็จัดการมันราวกับว่ารับรู้โครงสร้างพื้นฐานของการสะกดจิต
มือของเขาสั่นจากจังหวะพลังชีวิต เมื่อจังหวะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น มือของเขาก็เกิดทั้งหยินและหยาง และรอยประทับฝ่ามือก็ก่อตัวกันเหมือนไทชิ –เต๋าก่อให้เกิดสิ่งหนึ่ง สิ่งหนึ่งก่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่ง สองสิ่งเป็นสาม สามเป็นทุกสิ่ง
รอยประทับของเขามีความสมมาตรเหมือนภาพสะท้อนจากกระจก โดยแยกหยินและหยาง
รอยประทับกระจกหยินหยาง
เฟิงหลินทดสอบมาเป็นเวลานานและค้นพบว่ารอยประทับฝ่ามือนี้มีความแตกต่างและมีรูปแบบมากมาย หากเขาเร่งการเคลื่อนไหวของเขา คนอื่นๆจะตื่นตา เวียนหัวและหน้ามืด มันควรใช้เพื่อการสะกดจิต
ตามที่คาดไว้ เมื่อเขาใช้ท่าทางมือ เฟิงหลินจะจับจ้องที่ฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าตาของเขาพร่ามัวในขณะที่สติของเขาค่อยๆถูกลากเข้าสู่จังหวะของรอยฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว
เขารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบข้างค่อยๆช้าลง ราวกับว่าฝนกำลังตก ดอกไม้และวิสัยทัศน์ของเขาอยู่ในความผิดปกติ ร่างกายของเขาทั้งหมดกลับจากด้านหนึ่งไปอีกด้านราวกับเมา
เพราะเหตุนี้ ท่าทางมือในรอยประทับฝ่ามือจึงช้าลง จากนั้นเฟิงหลินถึงได้สติ
เขาไม่สะดุ้ง แต่รู้สึกมีความสุข
เขาทำสำเร็จภายในครั้งเดียวและมันก็มีประสิทธิภาพมากแม้ว่าเขาจะใช้กับตัวเขาเองก็ตาม ไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่ามันจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนถ้าเขาใช้มันกับคนอื่น
"ฉันทำได้จริงๆ ! รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนช่างลึกซึ้งจริงๆ" เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ทำได้ในครั้งเดียง
อย่างไรก็ตาม ผลดังกล่าวยังคงอ่อนเกินไปและเขาต้องฝึกฝนต่อ
เฟิงหลินจำความรู้สึกแปลกๆก่อนหน้านี้ได้ รู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกแยกออกจากเวลาและสถานที่
จากตำนานของฮั่วเซียกระจกหยินหยางเป็นสมบัติที่ไม่เหมือนใครของ บุตรเพลิงชาติแห่งสิบสองเทพทองคำของคุนหลุน มันบอกว่าสามารถเชื่อมโยงทั้งหยินและหยางได้ มีความสามารถที่จะบอกว่าอาจมีคนตายได้ถ้าคนๆนั้นมองดูเงาสะท้อนจากมัน
รอยประทับฝ่ามือหยินหยางนี้อาจมีร่องรอยของความศักดิ์สิทธิ์จากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ช่วยให้มีภาพลวงตาที่หยินหยางกลับตัว
เฟิงหลินไตร่ตรองเรื่องนี้และหลังจากที่เขาเข้าใจ เขาก็ลองอีกครั้ง
มือหนึ่งของเขาหันหน้าไปทางกระจกซึ่งก็คือหยินและอีกข้างคือหยาง มือของเขามีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกมันก็มีความสมมาตรซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นท่าทางก็เปลี่ยนไปหลายครั้ง ทั้งความจริงและภาพลวงตา ความจริงและภาพลวงตาไม่มีใครสามารถแยกแยะได้
ไม่นานเฟิงหลินก็รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาเริ่มยุ่งเหยิง เขาเข้าไปในพื้นที่แปลกๆ หยินและหยางกลับกันไปหมด เวลาและสถานที่ก็วุ่นวายเช่นกัน
แต่เมื่อจิตสำนึกของเขาตกลงไปในภาพลวงตา ท่าทางมือของเขาก็ชะลอตัวลงอีกครั้ง
"การทดลองครั้งที่สองได้ผลไหมนะ?"
เฟิงหลินจ้องมือของเขาอย่างตะลึง ในที่สุดเขาก็มั่นใจได้ว่าเขาได้กลายเป็นนักสะกดจิตระดับเริ่มต้นแล้ว เงินเดือนๆละหนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านเหรียญร้องเรียกเขาอยู่
เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดตอนเขาจมลงสู่ภาพลวงตา เขาก็ยิ่งเชื่อว่าการสะกดจิตตัวเองนั้นยากกว่าการสะกดจิตคนอื่นมาก
เนื่องจากผลที่ออกมาดีกับตัวเองมาก ถ้าเขาใช้มันกับคนอื่น พวกเขาย่อมไม่อาจหลุดจากภาพลวงตาได้
"วิธีการสะกดจิตก่อนหน้านี้ได้ผลมาก ฉันตั้งชื่อมันว่าภาพฝันหยินหยาง!" เฟิงหลินพึมพำเงียบๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตอนนี้ภาพฝันหยินหยางไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพลวงตาเสมือนจริง แต่เมื่อเขาพัฒนาขึ้น ภาพลวงตาเสมือนจริงนี้อาจกลายเป็นภาพลวงตาจริงหรือไม่แตกต่างจากความจริงเลยก็เป็นได้?
แต่ถ้าเขาต้องการที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล การยืนบนพื้นมั่นคงอย่างค่อยเป็นค่อยไปย่อมดีกว่า
หลังจากมองผ่านโมดูลการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ศึกษาโดยบริษัทยาไจแอนท์ เฟิงหลินก็เริ่มการค้นหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับวิธีการสะกดจิตที่หลากหลาย
[การสะกดจิต], [โครงสร้างของจิตสำนึกมนุษย์], [การวิเคราะห์รายละเอียดของพลังงานทางจิต] ... เนื่องจากการพัฒนาระหว่างดวงดาวยุคนี้ทำให้ความเข้าใจร่างกายและจิตวิทยาเกินกว่ายุคโบราณ จำนวนหนังสือเกี่ยวกับมันมีนับไม่ถ้วน
ตอนนี้พลังของเฟิงหลินแข็งแกร่งมาก ความคิดก็คิดได้เร็วราวกับฟ้าผ่า หน่วยความจำของเขาทะลุขีดความสามารถ พูดได้ว่าความทรงจำทุกอย่างของเขาเหมือนภาพถ่าย
เขาอ่านสิบย่อหน้าด้วยการมองเพียงครั้งเดียวและจดจำเนื้อหาได้ทันที สามารถสรุปประเด็นสำคัญและเรียนรู้ความรู้ที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการอ่านของเขาเร็วมากจนจินตนาการไม่ได้
หนึ่งวันผ่านไป
เขาเก็บความรู้จากหนังสือจิตวิทยาทั้งหมดที่เขาอ่าน
แต่ด้วยจำนวนประชากรของมนุษยชาติและความกว้างใหญ่ของกาแล็กซี เขาเข้าใจว่าความรู้นั้นไร้ขอบเขต
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเรียนรู้พวกมันทั้งหมด แม้จะใช้เวลาตลอดชีวิตก็ตาม
ความรู้ทั้งหมดที่เขาสะสมมาจนถึงตอนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ
อย่างรวดเร็ว ในช่วงวันหยุดของเขาทุกสัปดาห์ เขาจะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนและสะสมความรู้
ในที่สุดรุ่งอรุณก็เข้ามาใกล้ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง หลังจากการอาบน้ำล้างหน้าในตอนเช้า เฟิงหลินก็มุ่งหน้าไปยังแผนกวิจัยของบริษัทยาไจแอนท์