บทที่ 195 - วิญญาณสัมบูรณ์ (7) [30-06-2020]
บทที่ 195 - วิญญาณสัมบูรณ์ (7)
”
"แปลก...."
จำนวนมอนสเตอร์บนท้องฟ้าได้เพิ่มขึ้น พวกมันได้พยายามที่จะหยุดยั้งพวกเรา แม้ว่าเราจะได้ไอกันธ์มาเป็นอันเตะที่ทำหน้าที่ในการป้องกัน แต่ว่าเราก็ยังไม่สามารถจะไปข้างหน้าต่อได้อย่างอิสระมากนักเพราะมอนสเตอร์จำนวนมากที่ขวางทางไว้"
"พี่คะ ยูรุโต๊ะไปแล้วหรอ?"
"ยูรุโต๊ะตายแล้ว"
"ยูรุโต๊ะ..."
นอกจากนี้หลังจากที่พบว่าเพื่อนตายไปขวัญกำลังใจของเด็กๆก็ได้เปลื่ยนไปเลวร้ายลง พวกเด็กๆได้มาซบอกพวกเราร้องไห้ออกมา แม้ว่าพวกเด็กๆจะอยู่ห่างจากสถานการณ์ที่ไร้ความหวัง แต่ว่าหลังจากได้รู้ว่าพวกที่คุยและหัวเราะมาด้วยกันนั้นคือแมลงตลอดเวลาทำให้เด็กๆต้องตกตะลึงและหมดแรงลงไป
ในตอนที่ฉันได้บอกความจริงกับเร็นและเลอบิคก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้ตกใจนัก แต่ว่าพวกเขาดูเหมือนจะเป็นห่วงเกี่ยวกับอารมณ์ของเด็กๆมากกว่า
'ฉันควรจะทำให้มันเป็นอีกแบบหรอ?'
ฉันสามารถจะฆ่ายูรุโต๊ะได้อย่างง่ายดายในตอนที่เด็กๆไม่เห็น ยังไงก็ตามฉันไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะว่าข้อมูลที่ได้รับมันจะมีค่ามาก
"มันน่าตกใจมากที่จู่ๆก็มีคนหายไป นั่นคือวิธีที่บุ๊ค วอร์คเกอร์ได้ใช้ เมื่อพวกเราได้ตื่นขึ้นมาเพื่อนของเราก็จะหายไปทีละคนๆ มันน่ากลัวมาก"
"อืมมม... มันแตกต่างเล็กน้อยในกรณีของพวกเรา"
เดซี่ได้พบในสิ่งที่ฉันคิดในทันทีและปลอบโยนฉัน บางทีความคิดของฉันคงจะไหลส่งไปให้เธอในขณะที่ฉันไม่ได้สนใจนัก ฉันได้ถือหอกเอาไว้ด้วยรอยยิ้มขมและเหวี่ยงหอกใส่เหล่ามอนสเตอร์
"พวกเรามาไกลมากแล้ว พวกเราใกล้จะพาเด็กไปถึงสถานที่ๆปลอดภัยแล้ว"
"เรื่องนั้นมันมีอะไรบางอย่าง..."
เดซี่ได้เดินมาอยู่ข้างๆฉันและกระซิบบางอย่างให้ฉันฟัง มันค่อนข้างที่จะง่าย
"แต้มทักษะที่ฉันเหลืออยู่ ถ้าฉันใช้มันฉันสามารถจะพาคนไปได้สองคน ที่โลกรวมก็ 6 คน"
ฉันได้ส่ายหัวออกมา
"ไม่ นั่นมันไม่พอ"
"พวกเราต้องยอมแพ้เพียงคนเดียว"
"ฉันจะโกรธแล้วนะเธอรู้ไหม?"
"นั่นมันเป็นการเสียสละสวนน้อย เราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น... คังชินอาจจะรอด แต่ว่าเด็กๆทั้งหมดอาจจะตาย"
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเดซี่ฉันก็ได้ดีดหน้าผากของเธอ เธอได้ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยใบหน้าที่แปลกใจ
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตายแน่"
"แต่ว่านายมีพรสวรรค์แค่สำหรับการต่อสู้"
"ฉันมีภูติธาตุ! เร็นและเลอบิคก็กำลังพยายามอย่างหนักเหมือนกัน ดังนั้นขอร้องล่ะนะเดซี่"
"ถ้างั้นก็โอเค นายเป็นหัวหน้ากิลด์ ฉันเคารพในการตัดสินใจของนาย"
"ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมาช่วยฉัน ขอบคุณนะ"
"เพื่อช่วยโลกของเรา มันอยู่ตามสัญญา"
"ใช่แล้วสัญญา"
ฉันได้ยิ้มกับคำพูดของเธอ บางทีอาจะเป็นเพราะว่าฉันได้ปฏิเสธข้อเสนอของเธอทำให้แก้มของเธอพองขึ้น เธอดูน่ารักอย่างมาก
แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่สามารถจะยืนมองไปที่เดซี่แบบสบายๆได้ ท้องฟ้าได้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่โจมตีเราจากทุกทิศทาง
"ทักษะลับไอกันธ์ บีม!"
"นั่นมันเหมือนกับสิ่งที่มันจะทำในก่อนหน้านี้งั้นหรอ!?"
ในขณะที่ฉันถามออกไปอยากตกใจ ไอกันธ์ก็ได้เปิดปากออกและรวบรวมมานาเข้าด้วยกัน พลังดึงดูดที่ยิ่งใหญ่ได้ดึงมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้ามาภายในและทำลายด้วยมันด้วยมานาที่หนาแน่น
[ก๊าซซซซซซซซซซ]
ครู่หนึ่งคลื่นมานาที่หนาพอจะหุ้มทั้งอาคารทั้งหลังก็ได้ออกมาจากปากของมันปะทะเข้ากับมอนสเตอร์อีกครั้งในเวลาเพียง 20 วินาที พวกมันยังคงเข้ามาเหมือนกับการกลับมาจากบ้าน เดซี่ก็เหมือนจะคิดแบบเดียวกัน
"...เข้ามาอีก ฉันเหนื่อย"
"เธอไม่สามารถใช้หนวดแบบนั้นได้แล้วหรอ?"
"หนาม ใช้ได้วันละครั้ง"
เธอก็ยังคงจะยืนกรานว่ามันเป็นหนาม ในขณะที่เดซี่พูดออกมาอย่างไม่สนใจอะไร ฉันก็คิดว่ามีสิ่งที่ฉันยังทำได้ ฉันหันกลับไปมองเร็นและเลอบิค เร็นได้กำลังตั้งใจอยู่กับการดูแลเด็กๆในขณะที่เลอบิคกำลังยุ่งกับการยิงมอนสเตอร์ให้ล่วงลงไปด้วยหน้าไม้ของเธอ ด้วยแบบนั้นทันใดนั้นเองก็ได้มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวของฉัน
"ฮ่าห์ จริงๆฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่ว่ามันเหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือก..."
"อะไร? มันจะน่าขยะแขยงนิดหน่อยนะดังนั้นปิดตาไว้ ช่วงเวลาแห่งยักษ์"
โชคดีที่ทักษะการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้ายังมีผลอยู่อีกประมาณ 10 นาที ยังไงก็ตามก่อนหน้านั้นฉันต้องใช้ช่วงเวลาแห่งยักษ์ หากไม่มีทักษะนี้สิ่งที่ฉันจะทำมันก็จะไร้ความหมาย
หลังจากที่ฉันได้ใช้ช่วงเวลาแห่งยักษ์ ฉันได้ปิดตาของฉันลงและจินตนาการในร่างที่ฉันจะใช้ อย่างที่ฉันเคยฝึกมาถึงหลายครั้ง ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงการเปลื่ยนแปลงแล้ว
"กรี๊ดดด"
เดซี่จะต้องตกใจอย่างมากเธอจึงกรี๊ดออกมาโดยไมมีสัญญาณอะไร แต่ว่าการกรี๊ดของเธอนั่นมันก็หมายความว่าการเปลื่ยนร่างมันสำเร็จแล้ว ฉันได้ลืมตาขึ้น
จากนั้นฉันก็รู้สึกมึนกับมุมมองแบบ 360 องศาที่ทำให้ฉันณรู้สึกอยากจะอ้วก
"นายทำอะไรลงไป!?"
เลอบิคที่หันมามองฉันหลังจากเดซี่กรี๊ดออกมา เธอยังได้ถามออกมาอย่างประหลาดใจ ฉันได้ตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา
"เธอยังไม่เห็นอีกหรอ?"
"ฉันไม่รู้ ฉันถึงได้ถามไง! สิ่งที่น่าขยะแขยงนี่..."
ดวงตาเดิมของฉันได้โผล่ออกมามากกว่าปกติด้วยการละเล่นของเทพแห่งท้องฟ้า ฉันได้เปลื่ยนร่างกายของตัวเองให้สูง 10 เมตร แม้แต่ไอกันธ์ก็ยังพบว่ามันยากที่จะแบกฉันไปด้วยขนาดแบบนี้ ยังไงก็ตามแม้ว่าฉันจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระด้วยสเตตัสที่สูง แต่การต่อสู้จะยุ่งยากกว่าปกติ แน่นอนว่าฉันไม่ได้กลายเป็นยักษ์เพียงเพื่อจะต่อสู้กับพวกมัน
หลังจากที่นั้นฉันก็ขยายตาของฉัน ฉันรู้สึกดีใจที่ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ฉันคิด
"พวกแกทุกตัวมานี่มา! ถ้าแกต้องการก็เข้ามา!"
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อคุณและเข้ามาโจมตีคุณ]
แม้ว่าเอลพาทิสจะควบคุมร่างกายของพวกมันอยู่ แต่ในท้ายที่สุดมันก็ยังเป็นมอนสเตอร์ซึ่งสามารถจะถูกยั่วยุได้ง่าย พวกมันไม่ได้หลบซ่อนอยู่ข้างหลังตัวอื่นๆอีกต่อไป พวกมันได้พุ่งเข้ามาเพื่อฆ่าฉันอย่างตรงๆ แน่นอนว่าด้วยจำนวนของพวกมันทำให้ฉันอดที่จะเหงื่อตกไม่ได้
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีจำนวนของหินนับไม่ถ้วนก็ตกลงไปบนพื้น
"มาๆ"
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อคุณและเข้ามาโจมตีคุณ]
ฝนหินได้ตกลงไป มีแม้แต่มอนสเตอร์ที่ตายไปหลังจากโดนกระแทกด้วยหิน
"เข้ามา"
"การทำให้ดูน่าขยะแขยงมันมีจุดมุ่งหมาย...!"
ฉันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเลอบิค ดวงตานับร้อยที่ปกคลุมร่างกายของฉันได้กระพริบไปมาซ้ำๆในขณะที่พวกมันได้เล็งเป้ามาที่ฉันมากยิ่งขึ้น
"นี่คือการรวมพลังของตำนานกรีกอากอสและเมดูซ่า"
อากอสคือยักษืพันตาที่ถูกสั่งให้จับตาดูเฮร่าและถูกโค่นโดยเฮอมีส ด้วยการที่มีดวงตาปกคลุมร่างกายทำให้มันไร้ซึ่งจุดที่มองไม่เห็นซึ่งมันสมบูรณ์แบบกับดวงตามารของฉัน
"เข้ามา! มาโจมตีฉันนี่"
ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างหึกเหิมและกระพริบตาอีกครั้ง มอนสเตอณ์ที่ล้อมกรอบพวกเขาทั้งหมดได้กลายเป็นหินและมีแค่พวกทีมี่การต้านทานที่สูงผิดปกติเท่านั้นที่รอด จากนั้นเลอบิคก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกายของฉัน
"ดวงตาทั่วทั้งร่าง...ให้ตายสิ"
"ฉันคงสภาพมันไว้ไม่ได้นานนัก"
มันเป็นซุสผู้ที่สั่งให้เฮอมีสไปฆ่าอากอส ในฐานะที่ฉันมีชื่อที่แท้จริงของซุส มันเป็นเรื่องน่าขำเล็กน้อยที่ฉันอยู่ในรูปแบบของอากอส
มอนสเตอร์ที่ปกคลุมท้องฟ้าได้บางตาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อช่วงเวลาแห่งยักษ์สิ้นสุดลงและมันก็การเป็นเรื่องยากที่ดวงตาทั้งหมดจะอยู่ได้ มีเพียงแค่มอนสเตอร์ทรงพลังไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เหลืออยู่
[ก๊าซซซซซซซซซซ]
[ก๊าาาาาาา]
ฉันได้กลับมาอยู่ในร่างเดิมด้วยความรู้สึกพอใจที่ได้ยินเสียงคำรามหลังจากที่มันสูญเสียเพื่อนและพรรคพวก แม้ว่าทักษะการละเล่นของเทพเจ้าจะมีเวลาเหลืออีกประมาณสองสามนาที แต่ว่ามันก็หมดลงในก่อนหน้านั้น มันอาจจะเป็นเพราะการอยู่ในร่างอากอสมันใช้พลังงานที่มากหรือไม่ก็เพราะฉันได้เสริมพลังให้กับดวงตามมาร
"ไอกันธ์ไปข้างหน้าบดขยี้ทุกๆอย่าง"
[ก๊าซซซซซซซซซซซซ]
จริงๆแล้วมันเหลือเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เมื่อตระหนักได้ถึงมันเดซี่ได้สั่งไอกันธ์ด้วยท่าทางที่เท่ แม้ว่ามันจะเป็นอันเดตแต่ไอกันธ์ก็มีสติปัญญาที่ชาญฉลาด มันได้คำรามออกมาและพุ่งไปด้วยหน้า มอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ไม่สามารถปะทะกับไอกันธ์ได้เลย
"เหลืออีกแค่ 5 กม. เท่านั้นเจ้าชาย"
"ท่านเร็นใจเย็ฯก่อนมองไปข้างหน้าสิ"
"อึก ฉันใจเย็ฯแล้วเลอบิค...?"
อ๊า แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก แต่ว่าในตอนที่เราถึงชายฝั่งทุกสิ่งมันก็จบแล้ว...เอ๊ะ?
"ตามที่คาดเลย.... มีกองทัพอยู่"
แน่นอนว่าเรื่องนี้ฉันก็คิดเอาไว้แล้วเหมือนกัน ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะพยายามหยุดเราด้วยเพียงแค่มอนสเตอร์ ยังไงก็ตามกองทัพที่อยู่อยู่ตรงชายฝั่งเหมือนกับการ์ดของหาดทราย ซึ่งดูเหมือนเร็นและเลอบิคจะตกใจยิ่งกว่าฉันและเดซี่
"พวกมันกล้า...!?"
"พระเจ้า...."
เร็นและเลอบิคได้อุทานอกมา พวกเรารู้จักใครงั้นหรอ? ฉัยได้สำรวจที่พื้น แม้ว่าจำนวนมันจะไม่มากเท่าที่เราเจอบนท้องฟ้า แต่จิตวิญญาณและเจตนาฆ่าของเหล่าทหารได้ส่งออกมาอย่างชัดเจน แน่นอนว่าคนพวกนี้ส่วยใหญ่เป็นผู้ชาย แต่ว่ามันจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องสงสัย ยังไงก็ตามฉันไม่สามารถจะคาดคะเนความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ก่อนที่จะสู้
นอกเหนือจากกองทัพฉันยังให้ความสำคัญกับ...ผู้บัญชาการ ใช่แล้วความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกองทัพอยู่ในมือของผู้บัญชาการ ฉันได้มองไปที่ชายที่่ยืนอยู่ข้างหน้า ผมสีทองของเขาเหมือนกับสิงโต ริ้วรอยที่ลึกๆมีทั่วหน้าผากและออร่าสีทองได้เปล่งออกมา หุ่นที่ดูดี กล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแกร่ง และชุดเกราะสีดำ ในท้ายที่สุดในมือของเขาได้ถือเครมออยู่
เขาดูคล้ายกับคนที่ฉันรู้จัก ในความจริงแล้วพวกเขาดูราวกับจะมีใบหน้าเดียวกัน ไม่ว่าฉันจะคิดมากแค่ไหนฉันก็นึกไม่ออกว่าเขาคือใคร
"องค์... เหนือหัว....!"
"อึก พ่อ...!"
"...."
สิ่งที่รอพวกเราอยู่ที่ชายฝั่งไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากฮีโร่ของทวีปพาแนนและศัตรูของโลก