บทที่ 129 ท่าไม้ตายขั้นสูงสุด
"ฆ่า!"
จำนวนผู้ติดตามทั้งหมดที่เจียงนี่หลิวและจ่างซุนอู๋จี้นำมารวมกันมีประมาณแปดร้อยถึงเก้าร้อยคน แต่หลังจากที่เจียงอี้เด็ดหัวพวกมันไป ตอนนี้มีคนเหลือประมาณห้าร้อยถึงหกร้อยคน จอมยุทธที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงมีประมาณหนึ่งพันคน แต่หลังจากการต่อสู้ที่วุ่นวาย เหลือเพียงประมาณแปดร้อยคน ตอนนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้กำลังวิ่งตรงเข้าไปหาเจียงอี้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและความตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าเจียงอี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เหมือนเป็นห้าล้านตำลึงทองรูปร่างมนุษย์ที่ประดับด้วยชิ้นส่วนของอาวุธระดับสวรรค์!
"ฟึ่บ!"
จ้านอู๋ซวงนำผู้ใต้บังคับบัญชามาประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบคนเท่านั้น แต่ทุกคนมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็อยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตจื่อฝู่ เห็นได้ชัดว่าตระกูลจ้านนั้นนับถือประมุขน้อยผู้นี้เป็นอย่างมากและกลัวว่าเขาจะได้รับอันตรายใดๆ
"พี่ใหญ่เจียงอี้ หนีไป!"
จ้านหลินเอ๋อร์ได้รับการคุ้มครองโดยผู้ที่อยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ นางเห็นเจียงอี้คุกเข่าบนพื้นและมองลงไปที่ซูรั่วเสวี่ย นางไม่สนใจเรื่องฝูงชนที่กำลังกรูกันเข้ามาและตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและความเป็นห่วงของนางออกมา
ในที่สุดเจียงอี้ก็เงยหน้าขึ้นและอุ้มซูรั่วเสวี่ยขึ้นมา ดวงตาสีแดงโลหิตของเขากวาดไปรอบๆและจิตสังหารก็พุ่งออกมาจากร่างของเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พุ่งไปหาจ้านอู๋ซวง
ด้วยการเปิดใช้งานเจตจำนงแห่งการสังหาร จอมยุทธโดยรอบก็ชะลอตัวลงทันที เจียงอี้โคจรแก่นแท้พลังสีดำของเขารอบขาของเขาและเขาก็กระโดดขึ้นอย่างดุเดือด
จากนั้นเขาก็มองจ้านอู๋ซวงและคนของเขาจากระยะไกลในขณะที่ตะโกนว่า "จ้านอู๋ซวง! ข้าฝากดูแลแม่นางซูรั่วเสวี่ยด้วย ส่วนเรื่องอื่น…พวกเจ้าไม่ควรเข้ามายุ่ง!"
"ย๊าา!"
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็โยนร่างอันบอบบางของซูรั่วเสวี่ยไปยังจ้านหลินเอ๋อร์ด้วยแขนทั้งสองข้างของเขา เจียงอี้หันร่างของเขาไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่พุ่งเข้าหาเขาจากทั้งสามด้าน
"เจียงอี้! กลับมา!"
จ้านอู๋ซวงบอกเป็นนัยถึงจ้านหลินเอ๋อร์ให้รับซูรั่วเสวี่ย ในขณะที่เขาคำรามออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ "หยุดเข่นฆ่าได้แล้ว! วิ่งเร็ว! เจียงนี่หลิวกำลังจะปล่อยท่าไม้ตายขั้นสูงสุดออกมา"
"ท่านประมุขน้อย ถอยก่อน!"
ก่อนที่จ้านอู๋ซวงจะพูดจบประโยค เขาก็ถูกดึงกลับมาอย่างแรงโดยผู้เชี่ยวชาญสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วเพราะเขารู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง
"ล่าถอย!"
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ทั้งหมดของตระกูลจ้านทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและนำจ้านหลินเอ๋อร์ไปทันทีจากนั้นพาคนอื่นๆถอยไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดมองไปที่จ่างซุนอู๋จี้และเจียงนี่หลิวผู้อยู่บนอากาศด้วยท่าทางที่หวาดกลัว
"บุฟ"
ทันใดนั้นการปรากฏตัวน่าเกรงขามก็ดังมาจากกลางอากาศ การปรากฏตัวนี้เป็นความกดดันที่ทำให้ท้องฟ้าแทบพังทลายลงมา ทำให้จอมยุทธทุกคนอยู่ข้างใต้แทบหายใจไม่ออก
"หืม?"
เจียงอี้จู่ๆก็ตระหนักได้ถึงการปรากฏตัวที่น่ากลัวและยกศีรษะของเขาขึ้นเพื่อมอง ดวงตาสีแดงโลหิตของเขาเบาบางลงอย่างกระทันหันและเขาร้องอุทาน "สัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุด?"
"โฮกก โฮก!"
เสียงคำรามของมังกรดังก้องไปทั่วท้องฟ้า มังกรยักษ์สีน้ำเงินที่ยาวเกินสามสิบเมตรปรากฏขึ้นมาทันที ทันทีที่มังกรสีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้น รอบตัวทุกคนรู้สึกได้ถึงเย็นยะเยือกทันที มังกรสีน้ำเงินหมุนรอบท้องฟ้าสักครู่ก่อนที่จะพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วและหายใจออกมาด้วยลมหายใจอันเย็นเยียบ
"อ๊าาา!"
ลมหายใจเยือกแข็งนั้นปกคลุมคนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่างและสร้างน้ำแข็งบนร่างกายของพวกเขาทันที พวกเขาสั่นเทาจากความหนาวเย็นและต้องการหลบหนี แต่เพียงก้าวเดียวก็ทำให้พวกเขาต้องล้มลงไปกับพื้นและขดตัว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของพวกเขาแข็งตัวจากอุณหภูมิเยือกเย็นนี้
"เจียงนี่หลิว, จ่างซุนอู๋จี้ พวกเจ้าช่างโหดเหี้ยม เจียงอี้จบแล้ว!"
เมื่อจ้านอู๋ซวงเห็นเจียงอี้และกลุ่มคนที่ถูกทำให้เคลื่อนที่ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจกลยุทธ์ของพวกนั้น ก่อนอื่นพวกเขาใช้กลุ่มคนเพื่อยื้อเวลาเจียงอี้ก่อนที่จะใช้มังกรน้ำเงินของจ่างซุนอู๋จี้เพื่อกำจัดทุกคน ตอนนี้เจียงอี้ไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป พวกเขาจะใช้ตราประทับผู้ปกครองเพื่อทำลายเขา
"ฟรึ่บ!"
จริงๆด้วย
แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณเปล่งประกายอยู่ในมือของเจียงนี่หลิวและตราประทับสีทองขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้น ตราประทับขนาดเล็กนั้นประกายด้วยแสงสีทองซึ่งมีรูปปั้นมังกรทองคำ แม้แต่คนตาบอดก็รู้ว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบเมื่อมันปรากฏตัวออกมาอย่างน่าเกรงขามก่อนที่จะรวมแก่นแท้พลังใดๆ
"ไอ้เด็กเหลือขอ ตายซะ!"
ดวงตาของเจียงนี่หลิวเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย เขาถ่ายเทแก่นแท้พลังเข้าไปในตราประทับผู้ปกครองอย่างบ้าคลั่งทำให้แสงสีทองบนตราประทับนั้นสว่างขึ้น มังกรทองเริ่มว่ายเวียนอยู่บนตราประทับ แสดงให้เห็นถึงความลึกลับเป็นอย่างมาก
"โฮกก โฮกก!"
มังกรน้ำเงินของจ่างซุนอู๋จี้บินวนอยู่กลางอากาศและตรึงเจียงอี้ต่อไปเรื่อยๆ เส้นผมทั้งหมดของเจียงอี้ถูกแช่แข็งและร่างกายของเขาแข็งทื่อ เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านลมหายใจเยือกแข็งนั่น ไม่เช่นนั้นเขาคงจะถูกแช่แข็งทันทีและคงไม่มีทางหนีรอด!
โชคดีที่มังกรน้ำเงินนี้เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับสอง หากมันเป็นสัตว์อสูรระดับสาม ลมหายใจเพียงครั้งเดียวก็สามารถเปลี่ยนเจียงอี้ให้กลายเป็นเศษขยะได้
"ฟึ่บ!"
จอมยุทธน้อยคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากรัศมีของลมหายใจเยือกแข็งต่างพากันวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล ในขณะที่เจียงนี่หลิวยังคงถ่ายเทแก่นแท้ลพังลงไปในตราประทับผู้ปกครอง ความกดดันที่น่ากลัวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น พวกเขารู้ว่าหากพวกเขาไม่หลบหนี พวกเขาจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเจียงอี้แน่ๆ
"มันจบแล้วสินะ ... "
ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงต้นไม้ที่ห่างไกล จีทิงยวี่ นางเหลือบมองไปที่เจียงอี้หลังจากนั้นก็หันไปมองเจียงนี่หลิวผู้อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเบาๆ "เจียงนี่หลิว ไม่เลว! เขาไม่ได้เหยาะแหยะเมื่อทำเรื่องสำคัญ ชายทุกคนต้องโหดเหี้ยมเพื่อบรรลุความเป็นใหญ่ ลูกชายของเจียงเปี๋ยหลีก็คงต้องเป็นเหมือนเสือเช่นกันอยู่แล้ว "
"เห้อ..."
ซูรั่วเสวี่ยที่ถูกอุ้มไปโดยจ้านหลินเอ๋อร์มองดูเจียงอี้ที่ดื้อรั้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นแท่งน้ำแข็ง นางมองไปที่ดวงตาสีแดงโลหิตคู่นั้นและถอนหายใจถี่ นางหลับตาด้วยความสิ้นหวังและน้ำตาสองหยดได้ไหลลงมาที่ขอบตาของนาง
นางรู้ดีเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตราประทับผู้ปกครองนี้ เจียงนี่หลิวอาจไม่สามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่ แต่ตราบใดที่เขาสามารถดึงความแข็งแกร่งของมันออกมาได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็สามารถทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างล่างเขากลายเป็นฝุ่นได้อย่างง่ายดาย!
"อึก..."
เจียงนี่หลิวถ่ายเทแก่นแท้พลังอย่างต่อเนื่องเข้าไปในตราประทับและการแสดงออกของเขาตอนนี้ หน้าตาเขาซีดเซียวเป็นอย่างมาก ร่างกายของเขาสั่นเทาไม่หยุด
และทันใดนั้นเขาก็อ้าปากออกมาแล้วอาเจียนเลือดออกมาเต็มปาก แต่ดวงตาของเขาแวววาวขณะที่เขาคำราม "ตายซะ! เจียงอี้ เจ้าจงตายไปซะ! พลังของตราประทับผู้ปกครองนั้นปราบวีรบุรุษทั้งหมดได้ ตราประทับผู้ปกครอง จงออกมา!"
"ฟึ่บ!"
ตราประทับพุ่งออกมากลางอากาศทันที เจียงนี่หลิวอ่อนแอและทรุดตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดราวกับหิมะ เขาไม่ลังเลใดๆและนำรถม้าสงครามศักดิ์สิทธิ์โบราณไปด้านข้าง จ่างซุนอู๋จี้ก็ดึงมังกรน้ำเงินของเขากลับเข้าสู่เครื่องรางของสัตว์อสูรทันที
"พรึบ"
ตราประทับผู้ปกครองพุ่งขึ้นกลางอากาศและแสงสีทองก็ขยายออกทันที รูปปั้นมังกรทองคำนั้นเริ่มว่ายเร็วขึ้นและเร็วขึ้น แสงสีทองนั่นทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหลับตา
มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น ตราประทับผู้ปกครองนั้นเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วและทุกครั้งที่หมุนไปมันจะขยายใหญ่ขึ้น ในที่สุดมันก็กลายเป็นตราประทับยักษ์ที่มีความกว้างสามสิบกว่าเมตรเหมือนภูเขาทองคำ มันมีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจต้านทานได้และมันถูกกดทับลงไปในทันที
"อ๊ากกกก!"
ผู้คนนับพันที่อยู่เบื้องล่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเริ่มกรีดร้องด้วยความกลัวขณะที่ภูเขากำลังกดลงมา
คนส่วนใหญ่พยายามที่จะแก้ลมหายใจเยือกแข็งด้วยแก่นแท้พลังของพวกเขาเพื่อหลบหนี ตราประทับทองคำขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็ปล่อยความกดดันที่มีความรู้สึกว่ามันสามารถทำลายสวรรค์และโลกได้
มันบีบอัดร่างกายของพวกเขาซึ่งขัดขวางไม่ให้พวกเขาลุกขึ้นยืน พวกเขามองอย่างไร้ประโยชน์เมื่อตราประทับสีทองกดทับลงมาดังก้องขึ้นเพื่อเปลี่ยนให้เป็นกองเนื้อบด
"อึ๊ก อ๊ากก!"
ทุกคนเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นด้วยแรงกดดัน แต่เจียงอี้ก็ยังยืนหยัดอย่างดื้อรั้น กระดูกในร่างกายทั้งหมดของเขาแตกออกมาด้วยความแข็งแกร่งของตราประทับผู้ปกครอง แต่เขาก็ยอมกัดฟันของเขาและอดทนกับสิ่งนี้
ดวงตาสีแดงโลหิตของเขาเงยหน้าขึ้นมอง ผมของเขาขยับโดยไม่มีลมและร่างของเขาพุ่งพล่านไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ดูเหมือนว่าจะพยายามต่อต้านตราประทับผู้ปกครอง
ตอนนี้การแสดงออกของเจียงอี้ไม่มีนัยแห่งความกลัวและแสดงการเย้ยหยันแทน เขาลดเสียงและพูดพึมพำว่า "ตราประทับผู้ปกครองนี่ต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบของเจียงเปี๋ยหลีใช่ไหม? ข้าสงสัยจังว่า เจียงเปี๋ยหลีจะทรมานและปวดใจหรือไม่หากสิ่งประดิษฐ์นี้....ถูกทำลาย"